ความคิดเห็นที่ 1 วิธีสู้คดีกันในศาล จะมีกรรมวิธีบังคับเหมือนกับวิธีจะผ่าตัด และกรรมวิธีนี้จะเขียนไว้เป็นกฎหมายบังคับให้ทำตาม เรียกว่ากฎหมายวิธีพิจาณาความอาญา กฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง// วิธีพิจารณาคดีปกครอง //วิธีพิจารณาคดีล้มละลาย ฯลฯ การผ่าตัดทุกชนิดก็ต้องเริ่มตั้งแต่ตรวจคนไข้ เตรียมคนไข้ งดน้ำงดอาหาร ทำความสะอาดผิวหนัง เอามีดผ่าบริเวณที่ถูกตำแหน่ง เย็บแผล ตัดไหม ไม่ว่าผ่าตัดอะไรก็จะใช้กรรมวิธีแบบนี้ ในการต่อสู้คดีในศาลก็จะมีวิธี คือ ยื่นฟ้อง อีกฝ่ายก็ยื่นหนังสือเถียงว่าที่ฟ้องมาไม่จริง(ถ้าสารภาพก็ยื่นว่าจริงครับ และขอลดโทษครึ่งหนึ่ง) ถ้ายื่นฟ้องและอีกฝ่ายเถียงแล้วก็ต้องไปศาล ฝ่ายไหนอ้างว่าอีกฝ่ายผิดตรงไหนก็ต้องเอาเอกสาร(เช่นสัญญากู้ หรือเวชระเบียน)หรือของ(เช่นปืน, มีดที่แทงคน,หรือตะไกรที่ลืมไว้ในท้อง)หรือคนไปยืนยันว่าที่ฟ้องนั้นจริง อีกฝ่ายที่เถียงก็ต้องเอาเอกสาร ของ หรือคนไปยืนยันว่า ไม่จริง ศาลเชื่อฝ่ายไหนก็ให้ฝ่ายนั้นชนะไป ทุกคดีจะเป็นลักษณะนี้ ไม่ว่าคดีขโมย คดีข่มขืน คดีฆ่าคน หรือคดีแพทย์ ทีนี้คนที่จะไปยืนยันนั้น ถ้าเรื่องนั้นๆเป็นเรื่องที่ชาวบ้านรู้เรื่องก็ใช้ชาวบ้านไปยืนยันได้ เช่นนายดำ ยืนยันต่อศาลเห็นว่านาย ก.ขับรถฝ่าไฟแดง ชาวบ้านทุกคนรู้ (แต่ถ้านายดำตาบอดก็คงใช้ไม่ได้) ส่วนคนที่จะไปยืนยันว่า แพทย์ทำผิดพลาดก็ต้องเป็นแพทย์ แพทย์สาขาไหนก็ได้ ไม่ต้องเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้วุฒิบัตร แต่ศาลจะเชื่อมากเชื่อน้อยก็แล้วแต่ศาล เพราะกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 98 บัญญัติเพียงว่า คู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง จะอ้างบุคคลใดเป็นพยานของตนก็ได้ เมื่อบุคคลนั้น เป็นผุ้มีความรู้เชี่ยวชาญในศิลปวิทยาศาสตร์ การฝีมือ การค้า หรือการงานที่ทำหรือในกฎหมายต่างประเทศ และซึ่งความเห็นของพยานอาจเป็นประโยชน์ในการวินิจฉัยชี้ขาดข้อความในประเด็น ทั้งนี้ ไม่ว่าพยานจะเป็นผู้มีอาชีพในการนั้นหรือไม่ ส่วนคดีอาญานั้น กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 243 บัญญ้ติไว้ว่า ผู้ใดโดยอาชีพหรือมิใช่ก็ตาม มีความชำนาญพิเศษในการใดๆเช่นในทางวิทยาศาสตร์ ศิลป ฝีมือ พาณิชยการ การแพทย์ หรือกฎหมายต่างประเทศ และซึ่งความเห็นของเขานั้นอาจมีประโยชน์ในการวินิจฉัยคดี ในการสอบสวน ไต่สวนมูลฟ้อง หรือพิจารณา อาจเป็นพยานในเรื่องต่างๆเป็นต้นว่าตรวจร่างกายหรือจิตของผู้เสียหาย ผู้ต้องหาหรือจำเลย ตรวจลายมือ ทำการทดลองหรือกิจการอื่นๆ ศาลจะให้ผู้ชำนาญการพิเศษทำความเห็นเป็นหนังสือก็ได้ แต่ต้องให้มาเบิกความประกอบหนังสือนั้น ให้ส่งสำเนาหนังสือดังกล่าวแล้วแก่คู่ความทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่าสามวันก่อนวันเบิกความ ในสหรัฐอเมริการ เขาว่าเพื่อป้องกันแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแผนกต่างๆสุมหัวกันช่วยแพทย์ หรือสุมหัวกันไม่เบิกความเป็นพยาน ก็ให้เอาแพทย์ธรรมดาก็ได้ ถ้าแพทย์ธรรมดาไม่มีก็เอาตำราก็ได้ แต่ทั้งหมด ดุลย์พินิจศาลสำคัญที่สุด เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ศาลจะรับฟังอะไรก็ได้ตามสมควร ในบางกรณี ถ้ามันชัดเจนมาก คนฟ้องไม่ต้องอ้างก็ได้ แต่คนถูกฟ้องต้องดิ้นรนให้ตัวเองหลุด เช่น การลืมผ้าก็อส ลืมตะไกรไว้ในท้อง การตัดขาผิดข้าง การผ่าตัดผิดคน หลักการนี้เขามีภาษละตินใช้พูดกัน RES IPSA LOQUITUR ผมเคยเจอคดีที่ต่อสู้กับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรงเรียนแพทย์ระดับศาสตราจารย์ที่มาเบิกความว่าแผลผ่าตัดเต้านมนั้นดีแล้วสวยแล้วผ่าตัดได้มาตรฐานแล้ว แต่ศาลท่านเขียนคำพิพากษาว่า ความเสียหายเป็นชัดเป็นที่ประจักษ์ แสดงให้เห็นว่าความเสียหายนั้นไม่ต้องใช้แพทย์อธิบาย ศาลท่านเองในฐานะประชาชนธรรมดาท่านก็เห็นชัดเป็นที่ประจักษ์ ส่วนความเห็นของผู้เชี่ยวชาญอีกสองท่าน นั้น ศาลท่านไม่รับฟัง การอ้างผู้เชี่ยวชาญนั้น ใครอยากได้ก็อ้างเอา หาเอามาศาล แต่ถ้าหาไม่ได้จะขอศาลให้หาให้จากรายชื่อที่ขึ้นทะเบียนไว้ที่ศาลก็ได้ | โดย: jjxyz พอรู้บ้าง [4 ก.พ. 49 20:14] ( IP A:61.90.99.168 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 2 ผมเคยเจอคดีที่ต่อสู้กับแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญโรงเรียนแพทย์ระดับศาสตราจารย์ ที่มาเบิกความว่าแผลผ่าตัดเต้านมนั้นดีแล้วสวยแล้วผ่าตัดได้มาตรฐานแล้ว แต่ศาลท่านเขียนคำพิพากษาว่า ความเสียหายเป็นชัดเป็นที่ประจักษ์
.มันทำแบบนี้จริงหรือครับ อุบาทว์จริง เป็นกันทั้งเกือบหมดเลย มิน่าล่ะพยานผู้เชี่ยวชาญจากราชวิทยาลัยมี่มันมาให้การในศาลกรณีของผมก็มีพฤติกรรมเหมือนกันเดี๊ยะ
ผมดีใจที่เห็นข้อความนี้ ทำให้ผมไม่รู้สึกผิดที่เข้ามาร่วมกับพวกท่านกำจัดหมอชั่วๆให้ถึงที่สุด . .เจอกันคราวหน้าผมจะขอถามชื่อมันเก็บไว้ใน hard disk นะครับ | โดย: เจ้าบ้าน [4 ก.พ. 49 23:04] ( IP A:61.91.162.199 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 3 คุณเจ้าบ้าน
ยิ่งอยู่นานก็จะยิ่งรู้อะไรอีกเยอะ | โดย: รอดู [6 ก.พ. 49 12:36] ( IP A:61.91.160.63 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 4 บ้าพลังดีนะ................. | โดย: stellmed@gmail.com [6 ก.พ. 49 20:53] ( IP A:203.151.76.2 X: ) |  |
|