consumer.pantown.com
Thai Iatrogenic Network รวมกระทู้เครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ <<
กลับไปหน้าแรก
ความเห็นแพทย์คนหนึ่งในเวปโทรโข่ง เรื่องดคดีฟ้องร้องเร็วๆนี้
ขออนุญาต ท่าน จขกท. แสดงความคิดเห็น
1. Cotrimoxazole เป็นยาปฏิชีวนะตัวหนึ่ง ที่ใช้กันแพร่หลาย และฆ่าเชื้อได้หลายตัว หนึ่งในนั้นคือ ภาวะปอดติดเชื้อจาก Pneumocystic carinii (PCP) ซึ่งเป็นโรคหนึ่งที่ทำให้คนไข้ต้องได้รับยานี้ในปริมาณที่สูง
ยานี้มีผลข้างเคียง ที่สำคัญและเกิดขึ้นได้คือ ภาวะเกร็ดเลือดต่ำ ( Thrombocytopenia)
ผลข้างเคียงอื่นๆก้อยังมีอีกมากมาย ก้อเหมือนๆยาทุกตัว ล้วนแต่มีผลข้างเคียงทั้งสิ้น ไม่มียาใดในโลกที่ไม่มีผลข้างเคียงเลย หรือที่ปลอดภัย 100% เลย ...ไม่มี
คนไข้ที่เป็น PCP ทำให้ต้องได้รับยานี้ในปริมาณที่สูง แต่ไม่ให้ก้อไม่ได้ เพราะหากชั่งใจแล้วไม่ให้แล้วตาย ก้อคงต้องให้ เพราะผลข้างเคียงต่างๆ อาจจะไม่เกิดขึ้นในผู้ป่วยรายนี้ก้อได้ ดังนั้นถ้ามีข้อบ่งชี้ที่ต้องให้ก้อจำเป็นต้องให้ และเฝ้าระวังผลข้างเคียงของยาเอา
ในผู้ป่วยรายนี้ ผมเองไม่ทราบหรอกนะครับ ว่าทำไมคนไข้ถึงได้ยานี้ แต่ถ้าท่านเป็น PCP หรือโรคที่ต้องได้ยานี้ในปริมาณสูง ภาวะเกร็ดเลือดต่ำก้อสามารถเกิดขึ้นได้ ประกอบกับหากเป็น PCP จริง มักจะพบในคนไข้ภูมิต่ำ หรือโรคติดเชื้อไวรัสบางโรค ซึ่งโรคนั้นเองก้อทำให้คนไข้มีเกล็ดเลือดต่ำกว่าปกติได้อยู่แล้วด้วย
เมื่อเสริมกับยาด้วยยิ่งมีโอกาสทำให้ต่ำลงได้อีก
ดังนั้นการที่แพทย์จำเป็นต้องจ่ายยานี้แก่คนไข้ แล้วคนไข้มีภาวะเกร็ดเลือดต่ำขึ้นมา จากผลข้างเคียงของยา จึงไม่ใช่ลักษณะการรักษาที่ผิดพลาดของแพทย์ เพราะในเมื่อจำเป็นต้องให้ ก้อต้องให้ ไม่มีใครรู้ว่าอนาคตคนไข้จะเกร็ดเลือดต่ำขนาดนี้ แต่ถามว่า แล้วรู้หรือไม่ ตอบว่า รู้ รู้ว่าอาจจะเกิดภาวะนี้ได้ แต่ไม่จำเป็นว่าจะต้องเกิดกับทุกคนที่ได้ยานี้
ดังนั้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับคนไข้รายนี้ จึงเป็นเรื่องที่ไม่ใช่ควมผิดพลาดในการจ่ายยา
แต่ถามว่า แล้วคนไข้ เสียหายจริงหรือไม่ ตอบว่าใช่ คนไข้เสียหายจริง แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นไม่ใช่เพราะแพทย์สั่งจ่ายยานี้ เพราะด้วยตัวโรค เป็นแพทย์ท่านไหนๆ ก้อต้องจ่ายยานี้ก่อนทั้งสิ้น (เว้นแต่เห็นผลเลือดเดิมอยู่ก่อนแล้ว ว่าเกร็ดเลือดต่ำมากอยู่เดิม อย่างนี้อาจจะต้องพิจารณาการให้ยานี้ใหม่ แต่ถ้าคนไข้ผลเลือดก่อนให้ยาปกติดี ก้อสามารถให้ได้ ) แต่ความเสียหายเกิดเพราะยานี้ทำให้มีอาการเกร็ดเลือดต่ำ จนคนไข้แย่ลง
ดังนั้นหากจะร้องเรียนแพทย์ว่า ผิดที่แพทย์สั่งจ่ายยานี้ ทั้งๆที่รู้ว่าเป็นยาอันตราย และทำให้เกร็ดเลือดต่ำได้ ทำไมจึงยังจ่าย อย่างนี้ไม่ถูกต้อง
2. เมื่อเกร็ดเลือดต่ำ จึงทำให้คนไข้เขียวช้ำง่าย เลือดออกง่ายหยุดยาก เลือดออกในทางเดินอาหาร มีอาเจียนเป็นเลือด มีถ่ายดำ มีเลือดออกตามไรฟัน มีกำเดาไหล เป็นต้น
เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ แพทย์จะหยุดยาที่เป็นสาเหตุ แล้วเปลี่ยนเป็นยาตัวใหม่ ตัวที่รักษา PCP ได้อีกตัว แต่ไม่ทำให้เกร็ดเลือดต่ำ นั่นก้อคือ Dapsone (ยังสามารถใช้รักษาโรคอื่นๆได้ด้วย เช่น โรคเรื้อน โรคผิวหนังบางชนิด )
โดยเมื่อหยุดยา เกร็ดเลือดจะค่อยๆเพิ่มขึ้นๆ ทีละน้อย ระหว่างนั้นก้อเฝ้าระวังภาวะซีด จากการเสียเลือด โดยให้เลือดให้น้ำเกลือแก่คนไข้ หากเกร็ดเลือดขึ้นช้า และยังคงมีการเสียเลือดจากการที่เกร็ดเลือดต่ำอยู่เป็นระยะเวลานาน ชนิดที่เป็น Spontaneous Bleeding จึงสมควรที่จะให้เกร็ดเลือดแก่คนไข้ด้วย
3. การให้ยาสมานแผลในกระเพาะนั้น (ไม่ใช่ยาที่ช่วยสมานแผลตามชื่อที่อ้างมา แต่น่าจะเป็นยาลดกรดในกระเพาะหรือรักษาแผลในกระเพาะมากกว่า ) ไม่ใช่การรักษาหลักที่จะทำให้เลือดหยุดไหล การรักษาหลักคือการรอให้เกร็ดเลือดขึ้นจนถึงระดับที่ปลอดภัย หรือการให้เกร็ดเลือดตามสมควร ตลอดจนการให้เลือด และสารอาหารทางเส้นเลือด
แต่การให้ยาลดกรดในกระเพาะ ช่วยป้องกันภาวะเลือดออกมากขึ้น จากภาวะ streess หรือกรณีมีแผลอยู่เดิมมากกว่า
ดังนั้น หากท่าน เข้าใจว่า เพราะรพ.อีกแห่ง ให้ยาฉีดนี้ จึงทำให้เลือดหยุดไหล จึงอาจจะเป็นการเข้าใจที่ผิดๆได้ ที่เลือดหยุดไหล เพราะแพทย์หยุดยา Cotrimoxazole แล้วรอเกร็ดเลือดค่อยๆขึ้นเอง หรือให้เกร็ดเลือดมากกว่า เผอิญว่า เกร็ดเลือดค่อยๆขึ้นจนเลือดหยุดไหล ในขณะที่ท่านเปลี่ยนรพ.ไปอีกแห่งแล้ว ทำให้คิดว่าเป็นเพราะยาฉีดสมานแผลของรพ.แห่งใหม่ ทำให้เลือดหยุดไหล
4. การเปลี่ยนยาเป็น Dapsone ไม่ใช่ี้เพราะยานี้ี้รักษาอาการเลือดไหล แต่เพราะยาตัวเก่าคือ Cotrimoxazole ไม่สามารถให้ต่อได้ เพราะคนไข้เกร็ดเลือดต่ำ
ดังนั้น หากมีความเข้าใจว่า รพ.แห่งใหม่ จ่ายยา Dapsone จึงทำให้เลือดหยุดไหล แล้วอาการดีขึ้น จึงไม่ถูกต้อง แต่ที่จ่ายยานี้เพราะเพื่อทดแทนยาเดิมที่จ่ายไม่ได้ และเพื่อรักษา PCP หรือโรคอื่นๆที่ต้องใช้ Dapsone มากกว่าครับ
5. การล้างท้อง ไม่ได้ช่วยให้เลือดหยุดไหล แต่ช่วยประเมินว่าเลือดออกมากน้อยเพียงไร หรือยังไหลอยู่หรือไม่ คือช่วยในการวินิจฉัยและดูความรุนแรงของโรคนั่นเอง
6. กรณีของคนไข้รายนี้ หากจะฟ้อง ไม่ควรฟ้องในประเด็นที่ว่าแพทย์จ่ายยานี้ เป็นเหตุให้ตนเองได้รับอันตราย
แต่หากจะฟ้อง ควรจะฟ้องเรื่องที่ว่า แพทย์ตรวจพบช้าไปหรือไม่ ว่าเกร็ดเลือดต่ำจากผลข้างเคียงของยา หรือมีเลือดออกในทางเดินอาหาร คือเป็นเหตุให้หยุดยานี้ช้า และนำมาซึ่งความเสียหายแก่คนไข้มากกว่าที่ควรจะเป็น
ถ้าตรวจพบเร็วกว่านี้ คนไข้จะไม่ได้รับอันตรายรุนแรงถึงขั้นนี้ ใช่หรือไม่?
ฟ้องร้องประเด็นนี้ มีมูลมากกว่าครับ
7. ส่วนค่าเสียหายเบื้องต้นนั้น ทางรัฐสมควรจ่ายให้ก่อนอยู่แล้ว โดยไม่รอผลการสอบสวนว่าแพทย์หรือสถานพยาบาลมีความผิดจริงหรือไม่ เพราะต่อให้สอบสวนว่าไม่ผิด แต่คนไข้เองก้อได้รับความเสียหายจริง สมควรได้รับค่าชดเชยอยู่แล้วครับ
ดังนั้นหากเบื้องต้น ทางรพ.ไม่รับผิดชอบใดๆเลย คงไม่ถูกต้องเท่าใดนักครับ
8. สำหรับเรื่องเวชระเบียน เป็นปัญหาเรื้อรังมานานแล้ว การจะให้คนไข้เดี๋ยวนั้นเลยนั้น ทำได้ยาก เพราะบางทีพยาบาลยังทำเวชระเบียนไม่เสร็จ แพทย์ยังไม่ได้ลงผลนู่นผลนี่ ยังไม่ได้ลงรายละเอียดโรค คนไข้ได้ไป ก้อไม่มีประโยชน์เท่าที่ควร ดังนั้น เพื่อให้การพิจารณาคดีมีหลักฐานยืนยันแน่ชัด เวชระเบียนควรได้รับการทำให้เสร็จก่อนครับ ท่านได้ไปวันนั้น ท่านก้อได้สิ่งที่ไม่สมบูรณ์ไปครับ ใจเย็นๆแล้วรอหน่อยครับ ยังไงเสียเขาก้อต้องให้ท่านแน่นอน เพราะมันเป็นสิทธิผู้ป่วย
สุดท้ายนี้ ท่านหรือใคร จะฟ้องแพทย์อย่างไร ท่านสามารถทำได้ แต่ผมใคร่ขอวอน ให้ท่านมองให้ครบด้าน มองให้ลึก และรู้จริงในข้อเท็จจริง ก่อนนำมาเผยแพร่แก่สายตาผู้อื่น เพราะบางครั้ง มันทำให้หลายๆคน มองแพทย์ว่าไม่ดี ผิดไม่รับผิด สะเพร่า ชุ่ย เข้าข้างกัน และอคติต่อแพทย์ไปเสียหมดแล้วครับ
ย้ำอีกครั้งครับ ว่าที่โพสมานี้ แค่ผมเดาเอาจากข้อมูลที่ท่านให้มานะครับ ข้อเท็จจริงเป็นเช่นใดไม่ทราบได้ครับ
ถ้าวิเคราะห์ผิดพลาดไปต้องขอโทษด้วย ผมก้อแค่ผู้ผ่านมาอ่านกระทู้ และอยากแสดงความเห็นคนหนึ่งเท่านั้นครับ
../ แพทย์ก้อมีหัวใจ
๑๐ พ.ค. ๒๕๕๑, ๑๗.๓๑ น.
https://www.torakhong.org/kratoo.php?t=15445
#MSG93078
ขอบคุณที่คุณหมอให้ความคิดเห็นเป็นกลางดีค่ะ ชื่นชม ก็เพราะเหตุมันมีมูลถึงกล้ามาโพสต์อย่างนี้ค่ะคุณหมอ
แต่คุณหมอรู้ไหมคะว่า คนไข้ hiv คนนี้ก็มีหัวใจค่ะ
โดย: คนไข้คนจนเลือดบวกก็มีหัวใจ [18 พ.ค. 51 8:49] ( IP A:61.19.65.87 X: )
ความคิดเห็นที่ 1
6. กรณีของคนไข้รายนี้ หากจะฟ้อง ไม่ควรฟ้องในประเด็นที่ว่าแพทย์จ่ายยานี้ เป็นเหตุให้ตนเองได้รับอันตราย
แต่หากจะฟ้อง ควรจะฟ้องเรื่องที่ว่า แพทย์ตรวจพบช้าไปหรือไม่ ว่าเกร็ดเลือดต่ำจากผลข้างเคียงของยา หรือมีเลือดออกในทางเดินอาหาร คือเป็นเหตุให้หยุดยานี้ช้า และนำมาซึ่งความเสียหายแก่คนไข้มากกว่าที่ควรจะเป็น
ถ้าตรวจพบเร็วกว่านี้ คนไข้จะไม่ได้รับอันตรายรุนแรงถึงขั้นนี้ ใช่หรือไม่?
ฟ้องร้องประเด็นนี้ มีมูลมากกว่าครับ
ชอบความเห็นข้อ 6 มากค่ะคุณหมอ
โดย: เหตุมันมีมูล เหอๆ [18 พ.ค. 51 9:11] ( IP A:61.19.65.87 X: )
ความคิดเห็นที่ 2
8. สำหรับเรื่องเวชระเบียน เป็นปัญหาเรื้อรังมานานแล้ว การจะให้คนไข้เดี๋ยวนั้นเลยนั้น ทำได้ยาก เพราะบางทีพยาบาลยังทำเวชระเบียนไม่เสร็จ แพทย์ยังไม่ได้ลงผลนู่นผลนี่ ยังไม่ได้ลงรายละเอียดโรค คนไข้ได้ไป ก้อไม่มีประโยชน์เท่าที่ควร ดังนั้น เพื่อให้การพิจารณาคดีมีหลักฐานยืนยันแน่ชัด เวชระเบียนควรได้รับการทำให้เสร็จก่อนครับ ท่านได้ไปวันนั้น ท่านก้อได้สิ่งที่ไม่สมบูรณ์ไปครับ ใจเย็นๆแล้วรอหน่อยครับ ยังไงเสียเขาก้อต้องให้ท่านแน่นอน เพราะมันเป็นสิทธิผู้ป่วย
เรื่องนี้ไม่มีน้ำหนักพอจะเชื่อถือคำพูด เพราะดึงเวลาไว้แกไขแทบจะทั้งสิ้น หรือเอาไว้ตรวจดูว่าตนเองผิดพลาดตรงไหน แล้วดึงออก ชักออก ให้ไปแต่ส่วนที่เอาผิดไม่ได้ หรือเตรียมการณ์อื่นใดเพื่อให้ผู้เสียหายตามเอาผิดไม่ได้
เจอมามากแล้ว อมพระประธานมาพูดก็คงมีคนเชื่อน้อย โดยเฉพาะผู้เสียหายที่มีประสบการณ์มาแล้ว
ผู้เสียหายเขาต้องการเวชระเบียนที่บริสุทธิ์ ไม่ต้องมาเติมโน่นเติมนี่ให้เสียเวลา คนไข้ไม่เคยได้ประโยชน์อะไรจากการเติมเวชระเบียน นอกเสียจากความช้ำใจที่แพทย์มักใส่ข้อมูลที่แก้ไข หรือเป็นเท็จ
ไอ้ที่บริสุทธิ์ใจน่ะ....ยากส์
โดย: เครือข่ายฯ [18 พ.ค. 51 10:28] ( IP A:58.9.202.220 X: )
ความคิดเห็นที่ 3
ตามที่เป็นสมาชิกผู้เสียหาย ฯ มา นั้น
ประสบการณ์ 3 โรงพยาบาลในการยื่นขอเวชระเบียน
1. โรงพพยาบาลที่ 1 ทำให้เสร็จภายใน 1 วัน ทั้งที่นอนรักษาตัวอยู่ 20 กว่าวัน
2. โรงพยาบาลที่ 2 ทั้งที่ไปนอนแค่2 คืน 3 วันไม่ยอมให้เวชระเบียนต้องทำหนังสือร้องขอไป 2 ฉบับที่ ผอ .รพ นั้น และทำหนังสือร้องเรียนไปที่ทำเนียบรัฐบาล(คณะข้อมูลข่าวสารของทางราชการ) กว่าจะได้มา ปาไป 24 วันเต็ม ๆ ของโรงพยาบาลนี้แถมได้เวชระเบียนมาแบบใส่ใข่ ใส่นมเพี๊ยบ มานั่งอ่านดูก็นึกขำ ทำไปได้ เขียนซะสวยหรูเลย แต่ตอนปฎิบัติมันเหมือนกำลังตกนรกชัดๆ
3. โรงพยาบาลที่ 3 นอน 2 คืน ยื่นเรื่อง 1 วัน วันที่ 2 โทรมาให้ไปรับเวชระเบียนได้เลยเขียนถูกต้องเป๊ะ ๆ ไม่มีเพี้ยนปฎิบิติกับคนไข้ดีมากแต่ไม่เขียนสรรพคุณเหมือนโรงพยาบาลที่ 2 แต่เราก็รับรู้ได้ว่าเขาทำเหมือนเราเป็นคนไข้เทวดาไปรักษาจริง ๆ สำหรับโรงพยาบาลสุดท้าย
อ่านมา 3 ข้อท่านพอสรุปได้หรือยัง ว่าเราควรฟ้องโรงพยาบาลที่ 1หรือ 2 หรือ 3 ก็เพราะมันอย่างนี้แหล่ะ มันจึงโดนบ่อย....
แล้วถ้าคุณหมอคิดว่าทนายเขาควรจะตั้งข้อหาอะไรดีคะได้เวชระเบียนมาแบบโรงพยาบาลที่ 2 ????
โดย: ส่ายไข่ ส่ายนมเพี๊ยบ เอาเข้าไปซิ [18 พ.ค. 51 13:09] ( IP A:61.19.65.87 X: )
ความคิดเห็นที่ 4
ตัดมาให้อ่าน จากสมาชิกในเวป pha .
ความเห็นที่ #44 ( 191966 )
อ่านแล้วรู้สึกว่า มีกำลังใจขึ้นเยอะครับ ผมขอชมคุณว่า คุณคือนักสู้ที่ทรหด อดทน คนหนึ่งนะครับ ดีใจด้วยครับที่คุณได้ผ่านพ้นจากจุดนั้นมาได้ ผมเองก็อยู่เชียงใหม่ โรงพยาบาลที่คุณพูดถึงถ้าเดาไม่ผิดก็น่าจะอยู่ ลำพูน หรือไม่ก็เชียงใหม่ ผมอยากจะให้หน่วยงานที่รับผิดชอบ ดูแลในจุดนี้ และ ท่านที่ ประชาชนเรียกเขาว่า คุณหมอ คุณพยาบาล ได้เข้ามาอ่านเรื่องราวของคุณ และได้นำไปปรับเปลียนในการดูแลรักษา ระบบเดิมเดิมๆที่ ได้ความหมายออกมาแล้วคือ ห่วย หรือโรงฆ่าสัตว์ หรือ เขาพระสุเมร อะไรประมาณนี้ให้มันด๊ขึ้นกว่าเก่า อย่าคิดว่าเดี๋ยวมันก็ตายแล้ว หรือว่า คนตายแล้ว ฟ้องไม่ได้ คิดแบบนี้ คุณหมอ ก็เป็นได้แค่ คนที่ไม่มีความหมายในสังคมคนหนึ่ง มีหนำซ้ำน่าจะเป็นบุคคลที่ลวงโลกเสียด้วยซ้ำ นางพยาบาลก็เป็นได้เพียงแค่ นางยมบาล ก็แค่นั้น ความจริง หมอที่เรียนจบก็น่าจะเก่ง และมีความรู้ได้เช่นเดียวกัน แต่ทำไม ความรู้ที่ได้เรียนมานั้น ถูกอำนาจของเงิน ครอบงำจนเกินไป ถึงได้มีคำที่คนป่วยเรียกว่า โรงพยาบาลนี้ ดีกว่า โรงพยาบาลนั้น ทั้งๆที่ โรงพยาบาลใหนๆ ก็มีคุณหมอประจำอยู่เช่นเดียวกัน งงมากกับสังคมที่ เลวร้าย และโหดร้ายแบบนี้
By : นาน้ำฟ้า Date : 18 May 2008 10:00
จากลิงค์นี้
https://pha.narak.com/topic.php?No=21509
อยากให้ปรับปรุงเรื่องคุณภาพมาตฐานมากกว่าค่ะ
เรื่องอื่นพอคุยกันได้ ....เรื่องนี้มันเป็นปัญหาต่อเนื่องไปทั้งชาติ
โดย: โรงพยาบลไม่ห่วย แต่หมอห่วยเยอะแยะ [19 พ.ค. 51 10:33] ( IP A:61.19.65.142 X: )
ความคิดเห็นที่ 5
สำหรับท่านที่ใช้ชื่อว่า "แพทย์ก็มีหัวใจ"
ขอแสดงความชื่นชมในวิธีคิดและแนวทางในการชี้แจงเหตุที่คิด และผลที่คาดจากการคิดเช่นนั้น ตามหลักการทางการแพทย์ที่ผมประเมินจากเท่าที่พอรู้ว่า "ยอมรับได้" แต่ไม่ขอสรุปว่าถูกต้องสมควรหรือไม่โดยข้อปฏิบัติทางการแพทย์ในสภาะเช่นที่อ้างถึง
ขอชมท่านว่า หากที่ผ่านมา พฤติการณ์ของแพทยสภาและแพทยสมาคมได้แสดงออกในแนวทางตามแบบที่ท่านได้แสดงมานี้ ซึ่งผมยอมรับว่า เปิดเผย ตรง และตรวจสอบได้ เครือข่ายฯและผู้คนที่มาชุมนุมกันแถวนี้ก็จะไม่มี หรือไม่ก็บางตามากๆ
ส่วนเรื่องเวชระเบียน เห็นด้วยกับที่ท่านว่ามา ทั้งนี้ ต้องถือว่าให้เกียรติต่อ "คน" ที่อยู่ในวิชาชีพนี้เป็นเบื้องต้นก่อน หากไม่มีเรื่องมีราวเป็นกรณีเสียหายขึ้นมา ผมก็ถือว่า ควรให้เกียรติแก่บุคคลในวิชาชีพที่ควรทำให้ข้อมูลครบถ้วนตามมาตรฐานทางวิชาชีพเสียก่อนปล่อยออกมา
ขณะเดียวกันก็ต้องยอมรับว่า การทำเช่นนี้ ย่อมเปิดโอกาสให้มีการแต่งเติม/แก้ไขเวชระเบียนจนต่างจากความจริงที่เกิดขึ้นได้ หากจะทำ
ในแง่นี้ ผมขอเสนอว่า ทางออกหนึ่งก็คือ หากมีกรณีเสียหายขึ้นกับตัวคนไข้ ถ้าท่านต้องการแสดงเจตนา "ให้เวชระเบียนที่ครบถ้วนแก่คนไข้" ท่านต้องแจ้งให้คนไข้ทราบและนัดเวลารับที่ไม่นานจนเกินไป โดยควรให้สิทธิแก่คนไข้เลือกที่จะ "รับเลยทันทีที่เรียก" หรือ "รับภายหลังตามที่ท่านนัด" เพราะเขาเป็นผู้เสียหาย
ขอบอกว่า ท่านต้องไม่ลืมว่า ในยุคที่วงการแพทย์ภายใต้การกำกับ/ชี้นำ/และกรรมฉ้อฉลของแพทยสภายุคกรรมการ 5-6 สมัยที่ผ่านๆมานี้ ได้ทำให้วงวิชาชีพแพทยโดยรวมไม่ได้รับความไว้วางใจแบบที่เคยได้รับมาแต่ก่อนแล้วอีกต่อไป
ฉะนั้น การที่คนไข้เมื่อได้รับความเสียหายแล้วระแวงเมื่อท่านมีข้ออ้างที่จะไม่ให้เวชระเบียนในทันที ก็เป็นเรื่องสมเหตสมผลอยู่ หากท่านจะคิดแบบใจกลางๆ เป็นธรรม แบบใจเขาใจเรา
ซึ่งที่จริงผมก็ไม่จำเป็นต้องเสียเวลา ทุ่มเทอธิบายมากขนาดนี้เลย เมื่อเข้ามาในที่ชุมนุมนี้ แต่เพราะเห็นว่า การปรากฏความเห็นในทำนองนี้ของท่าน เป็นโอกาสที่หาได้ยากที่จะพบในที่นี้ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องการกล่าวร้าย โกหก พกลม ในเรื่องวิชาการหมอๆเสียมากกว่า จึงอยากชี้ให้ท่านเห็นอีกแง่มุมหนึ่งที่ท่านอาจมองข้าม ทั้งนี้เพื่อดึงให้ท่านมีส่วนร่วมรับรู้ในมุมมองทางด้านคนไข้ผู้เสียหายด้วย
โดย: คนรู้ทัน ไม่รู้จริง [20 พ.ค. 51 8:13] ( IP A:58.8.103.170 X: )
คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน