สาวโวย-ไตหาย
    สาวโวย-ไตหาย เคยผ่าตัดเนื้องอกมดลูก ร้องแพทยสภาตรวจสอบ
ไทยรัฐ [15 ก.ค. 51 - 04:22>


เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 14 ก.ค. นางเกษร พุ่มแจ้ง อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 290/478 ซอยคู่สร้างคู่สม 21 ถนนสุขสวัสดิ์ ต.ในคลองบางปลากด อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ อาชีพเย็บตัดเสื้อผ้า เข้าร้องเรียนผู้สื่อข่าวไทยรัฐ กรณีไตขวาหายไปจากร่างกาย

ทราบภายหลังไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลบางปะกอก 3 เมื่อวันที่ 10 ก.ค. เนื่องจากมีอาการปวดเอว ขา และหน้ามืดบ่อยครั้งจนต้องหยุดงานเป็นประจำ ผลตรวจแพทย์ระบุว่า ไตเสื่อมทำงานได้ 40 เปอร์เซ็นต์ เป็นผลให้มีอาการดังกล่าว และอาจจะไตวายได้ เนื่องจากมีไตซ้ายข้างเดียว ส่วนไตขวาหายไป และไม่ได้เกิดจากอาการไตฝ่อ

จากนั้นตนได้ไปแจ้งความต่อ ร.ต.ท.เชิดชัย ขังทอง พนักงานสอบสวน (สบ1) สน.ราษฎร์บูรณะ ให้สอบสวนว่าไตตนหายไปได้อย่างไร เพราะก่อนหน้านี้เคยอัลตราซาวด์และผ่าตัดมาก่อน

นางเกษรกล่าวถึงปมสงสัยเริ่มแรกก่อนอวัยวะสำคัญภายในหายไป โดยเมื่อวันที่ 24 ธ.ค. 48 เกิดอุบัติเหตุขณะนั่งรถสองแถวแล้วไปชนรถสิบล้อ ตนบาดเจ็บที่ท้อง เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลกรุงเทพ-พระประแดง แพทย์อัลตราซาวด์ตรวจดูอาการ ช่วงนั้นไตยังอยู่ครบทั้ง 2 ข้าง ก่อนออกจากโรงพยาบาลกลับมาทำงานได้ตามปกติ

ต่อมาวันที่ 9 ส.ค. 49 เจ็บที่ท้องน้อยอย่างแรง ต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาลกรุงธน 2 แพทย์ระบุเป็นซีสต์ที่มดลูก ต้องรักษาด้วยการผ่าตัด นอนอยู่ที่โรงพยาบาล 5 วัน จนร่างกายแข็งแรงกลับไปทำงานตามปกติ

กระทั่งเกิด อาการปวดตามเนื้อตัว ไปหาแพทย์ที่โรงพยาบาลบางปะกอก 3 เอกซเรย์จนพบว่า ไตขวาตนหายไป โดยแพทย์ เอกซเรย์ถึง 2 ครั้ง เพื่อป้องกันความคลาดเคลื่อน

ตนได้กลับไปที่โรงพยาบาลกรุงเทพ-พระประแดงอีกครั้ง เพื่อขอประวัติเก่าที่เคยรักษา รวมทั้งภาพอัลตราซาวด์ เมื่อปี 48 มาดู พร้อมให้แพทย์อธิบายแผ่นฟิล์มเอกซเรย์ พบว่ายังมีไตอยู่ทั้ง 2 ข้าง

จึงเดินทางไปที่โรงพยาบาลกรุงธน 2 ขอดูฟิล์มเอกซเรย์ในช่วงเป็นซีสต์ที่มดลูก แต่ฟิล์มเอกซเรย์ขณะนั้น เป็นฟิล์มเอกซเรย์ในช่องท้อง มองไม่เห็นไตได้ทั้ง 2 ข้าง

นางเกษรกล่าวต่อว่า ถึงตอนนี้อยากพิสูจน์ว่าไตขวาหายไปได้อย่างไร มีขั้นตอนไหนที่เกี่ยวกับการรักษาผิดพลาดบ้าง ครั้นจะพิสูจน์ทราบความจริงหรือฟ้องร้องด้วยตัวเอง ต้องใช้เงินจำนวนมาก อีกทั้งตอนนี้งานทำไม่ได้ สามีคือนายธวัชชัย พุ่มแจ้ง อายุ 42 ปี ทำโรงงานบริษัทอาซาฮี ย่านพระประแดง ต้องหาเลี้ยงครอบครัวอยู่คนเดียว พ่อก็ป่วยเป็นมะเร็งแถมยังมีค่าใช้จ่ายภายในบ้านอีก ก่อนหน้าตนและสามีเป็นกำลังหลักของครอบครัว แต่ตอนนี้งานทำไม่ค่อยได้ เพราะหน้ามืด ร่างกายอ่อนแอ มีไตข้างซ้ายข้างเดียวแถมยังเสื่อมอีก จึงเกิดอาการเครียด

อยากให้แพทยสภาเข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้ ที่ผ่านมาเคยทำหนังสือขอความช่วยเหลือกับทางเครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์แล้ว แต่เรื่องล่าช้าจึงร้องเรียนผ่านไทยรัฐช่วยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงมาตรวจสอบเรื่องของตนด้วย

เย็นวันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่โรงพยาบาลกรุงธน 2 ย่านราษฎร์บูรณะ เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น แต่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของโรงพยาบาลแจ้งให้ ทราบว่า ในเช้าวันที่ 15 ก.ค. ทางผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะเป็นผู้ให้รายละเอียดเอง ขณะนี้ติดภารกิจอยู่

โดย: เครือข่ายฯ [15 ก.ค. 51 19:28] ( IP A:58.9.189.36 X: )
Add to Facebook  Add to Twitter  Add to Multiply  Add to Google  Add to Blogger  Add to Live
ความคิดเห็นที่ 1
    ที่ผ่านมาเคยทำหนังสือขอความช่วยเหลือกับทางเครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์แล้ว แต่เรื่องล่าช้าจึงร้องเรียนผ่านไทยรัฐช่วยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงมาตรวจสอบเรื่องของตนด้วย

ผู้เสียหายเพิ่งร้องเรียนมาที่เครือข่ายฯ เมื่อ 4 กรกฎาคม 2551 ถึงวันนี้เพิ่งวันที่ 15 กรกฎาคม 2551 คงไม่ล่าช้านะ ลองไปแพทยสภาดูสิรับรอง 3 ปี 8 ปี รู้แล้วจะหนาวววววววววววววววววววววววววว
โดย: เครือข่ายฯ [15 ก.ค. 51 19:34] ( IP A:58.9.189.36 X: )
ความคิดเห็นที่ 2
    แก้ไขเหตุการณ์

นางเกษรไปรพ.บางปะกอก 3 เมื่อเดือนเมษายน 2551
โดย: เครือข่ายฯ [15 ก.ค. 51 19:42] ( IP A:58.9.189.36 X: )
ความคิดเห็นที่ 3
   มันไม่ใช่ว่าโอกาสเกิดน้อยมาก แต่น้อยมากกกกกกๆ จนผมเชื่อได้ว่าโอกาสเป็นศูนย์

ลองคิดฟุ้งซ่านเล่นๆว่าถ้า รพ.จะขโมยไตต้องทำงัย?
1.ต้องตั้งองค์กรนอกรีด เพราะทำคนเดียวไม่มีทางสำเร็จและไม่มีทางปิดได้
กลุ่มติดต่อลูกค้าและประสานงาน: ต้องมีคนใน/เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานที่มีรายชื่อผู้ขอรับการปลูกถ่ายไตมีส่วนรู้เห็นอย่างน้อย 1 คนในแต่ละแห่ง เช่น จากสภากาชาดไทย จากโรงพยาบาลใหญ่ๆ เช่น จุฬา ศิริราช รามา เพื่อให้ได้รายชื่อมาและหาเหยื่อที่รวยๆ
กลุ่มทำหน้าที่ขโมย: ต้องมีเครือข่ายผู้สมรู้ร่วมคิดตาม รพ.เป้าหมายที่มีผู้ป่วยเข้ารับการรักษาเรื่องอุบัติเหตุมากๆ แค่รพ.เดียวองค์กรไม่มีทางอยู่รอดได้ดังนั้นต้องมี รพ.ที่รู้เห็นเป็นจำนวนมาก ทีมผ่าตัดต้องเป็นคนในเพื่อไม่ให้ข้อมูลรั่วไหลประกอบด้วย แพทย์อย่างน้อย 2 คนที่มีความชำนาญพิเศษเรื่องการผ่าเข้าไปตัดไตให้ไตไม่ได้รับการบาดเจ็บ+มีเส้นเลือดดำและแดงยาวพอที่จะไปต่อกับร่างกายผู้รับ,พยาบาลอย่างน้อย 2-3 คน, ผู้ช่วยพยาบาล 1-2 คนและต้องมีคนสำรองไว้เรียกใช้ได้ตลอดเวลา
กลุ่มทำหน้าที่ส่งต่ออวัยวะไปที่เป้าหมาย: อวัยวะที่ตัดออกมามีช่วงเวลาจำกัดก่อนที่จะขาดเลือดแม้จะได้รับการแช่น้ำยา+ความเย็นแล้วก็ตาม ร่วมกับต้องเผื่อเวลาให้ทีม รพ.ปลายทางผ่าตัดปลูกไตเข้าไปใหม่ ดังนั้นถ้าเป็น รพ.รอบๆ กทม.อย่างน้อยก็ต้องมี รถพยาบาลฉุกเฉินที่พร้อมออกตัว 24 ชม., ในกรณีที่ รพ.เครือข่ายค้าอวัยวะเทียมอยู่ห่างไกลต้องใช้เฮลิคอบเตอร์ในการเคลื่อนย้าย ดังนั้น 1 รพ.เครือข่ายก็ต้องมีคนขับรถที่ร่วมขบวนการด้วยอย่างน้อย 1 คนหรือมากกว่า+คนที่รับผิดชอบถือถังแช่อวัยวะอีก1 คน
กลุ่มที่ทำหน้าที่ปลูกถ่ายอวัยวะที่ขโมยมา: เช่นเดียวกับทีมผ่าเอาไตออกมาต้องประกอบด้วยแพทย์อย่างน้อย 2 คน,พยาบาล 2-3 คน,ผู้ช่วย 1-2 คน ไม่สามารถใช้ทีมเดียวกันได้เพราะแพทย์คนละ รพ.มาผ่ารพ.ที่ปลูกถ่ายไม่ได้จะผิดสังเกตุ+อ่อนล้ากับการผ่าเอาไตออกมาแล้วจึงต้องใช้อีกทีม
2.ต้องมีวิธีปกปิดที่สุดยอดทำให้ไม่มีข่าวรั่วมาก่อนเลย
กลุ่มผู้รอการปลูกถ่ายควรมีคนที่ได้รับการติดต่อและไม่เป็นด้วยกับพฤติกรรมนี้แล้วออกมาแฉ
ผู้ร่วมขบวนการจำนวนมาก การปกปิดทำได้ยาก การขัดผลประโยชน์ การตีตัวออกห่าง จิปาถะที่ทำให้ความลับรั่วไหล
3.ต้องมีรายได้สูงมาก+สม่ำเสมอให้กับผู้ร่วมขบวนการ
ผู้เคราะห์ร้ายคงต้องมีจำนวนมาก อย่างนี้ต้องไป MRI กันให้หมดเพื่อดูว่าไตตัวเองหายไปรึยัง
โดย: ถ้าจะดูหนังมากไป/อินกับเครือข่ายฯมากไป [15 ก.ค. 51 22:08] ( IP A:202.28.181.200 X: )
ความคิดเห็นที่ 4
   ความเห็นที่สามก็มีเหตุผล
โดย: เจ้าบ้าน [16 ก.ค. 51] ( IP A:124.121.136.25 X: )
ความคิดเห็นที่ 5
   เรียน ความเห็นที่ 3

อย่าเพิ่งกินปูนร้อนท้อง ยังไม่มีใครพูดว่าทางรพ.โขมยไต
ผู้เสียหาย + เครือข่ายฯ + สังคม มีสิทธิ์สงสัยว่าไตเขาหายไป
ได้อย่างไร ในเมื่อ 6 เดือนก่อนหน้านั้นเอกซ์เรย์ครั้งแรกไตมี
ครบ 2 ข้าง พูดตามพยานเอกสาร

เจ้าของไตเขาควรจะหุบปากเงียบเช่นนั้นหรือในเมื่อมันมีผลต่อ
ชีวิตเขาทั้งชีวิต

ถ้าไม่ฝ่อไปเองภายใน 6 เดือนซึ่งก็รวดเร็วมาก

ก็ต้องเกิดความผิดพลาดอะไรจากการผ่าตัดซีสในมดลูกหรือไม่..?

คนผ่าตัดที่รพ.กรุงธน 2 ออกมาพูดว่าขณะผ่าตัดเกิดอะไรขึ้นหรือไม่

เรื่องไตหาย....ขายไต...หรือผิดพลาดจากการผ่าตัด หรือไตฝ่อไปเอง หรือเกิดจากการอัลตร้าซาวน์ผิดพลาด มันก็จะกระจ่างต่อสังคม

แล้วคุณรู้หรือไม่ว่าคนที่รักษาคุณเกษร ที่รพ.กรุงเทพพระประแดงนั้นคือ อ.วิสูตร ฟองศิริไพบูลย์ กก.แพทยสภา เป็นนักกฎหมายด้วย ไปถามท่านดูนะ

เมื่อวานเขาไปเอกซ์เรย์กันใหม่ที่ รพ.ราชวิถี โดยกองการประกอบโรคศิลป พาเขาไป เอกซ์เรย์เสร็จไม่ยอมให้ฟิล์มเขาดู และไม่บอกผลเอกซ์เรย์ให้เขาทราบ ให้เขาโทรไปถามกับกองประกอบฯ เอาเอง
มันยิ่งทำให้เขาสงสัยในพฤติกรรมที่ผลุบ ๆ โผล่ ๆ ของผู้ที่เกี่ยวข้องเหลือเกิน.........................

ไม่มีอะไรในกอไผ่ ต้องระมัดระวังพฤติกรรมด้วยว่าสังคมเขาคิดอะไร
โดย: เขาไม่ได้อินกับเครือข่ายฯ [16 ก.ค. 51 5:55] ( IP A:58.9.186.128 X: )
ความคิดเห็นที่ 6
    เพิ่มคำตกหล่น

คนผ่าตัดที่รพ.กรุงธน 2 ต้อง ออกมาพูดว่าขณะผ่าตัดเกิดอะไรขึ้นหรือไม่
โดย: เครือข่ายฯ [16 ก.ค. 51 5:56] ( IP A:58.9.186.128 X: )
ความคิดเห็นที่ 7
    “จงรัก” สั่งเร่งสืบหาตัว “คุณหมอ” มือฉก “ไต” สาวฉันทนา!

โดย ทีมข่าวอาชญากรรม ผู้จัดการออนไลน์ 15 กรกฎาคม 2551 17:04 น.


https://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9510000083372

รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งให้ตำรวจเร่งคลี่คลายคดีสาวฉันทนาไตหายไป 1 ข้าง หลังจากเข้าไปรับการผ่าตัดในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ระบุคงเอาผิดได้เพียงเฉพาะแพทย์เท่านั้น ส่วนไตที่ไปอยู่ในร่างกายใครคงเอาผิดคนนั้น หรือเอาไตคืนมาไม่ได้

วันนี้ (15 ก.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เมื่อเวลา 14.00 น. พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนทน์ รอง ผบ.ตร. (ปป.3) ได้เรียก พล.ต.ต.วรัญวัส การุณยธัช ผบก.น.8 มาสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับกรณีที่ นางเกษา พุ่มแจ้ง อายุ 43 ปี สาวโรงงาน ได้เข้าแจ้งความที่ สน.ราษฎร์บูรณะ ว่าไตข้างขวาหายไป พร้อมกำชับให้แร่งสอบสวนหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี

พล.ต.อ.จงรัก กล่าวว่า กรณีนี้หากปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีผู้ผ่าเอาไตของนางเกษรไปจริง ผู้นั้นย่อมมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 2 ความผิดด้วยกันคือความผิดฐานทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส เพราะถือว่าเป็นการกระทำให้ผู้เสียหายสูญเสียอวัยวะในร่างกายไป มีโทษจำคุก 6 เดือน-10 ปี และอีกความผิดฐานลักทรัพย์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6 พันบาท เพราะไตถือว่าเป็นทรัพย์อย่างหนึ่ง

พล.ต.อ.จงรัก กล่าวต่อไปว่า ภายหลังที่นางเกษรเข้าแจ้งความ พนักงานสอบสวนก็ต้องทำการสอบสวนหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี เพราะกรณีถือเป็นความผิดอาญาแผ่นดิน ซึ่งตนได้สั่งการให้ พล.ต.ต.วรัญวัส ดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงว่าเรื่องนี้มีความเป็นมาเป็นไปอย่างไร เนื่องจากเป็นเรื่องที่แปลกประหลาด ประชาชนให้ความสนใจ ประกอบกับหากมีการกระทำผิดเรื่องนี้จริง ผู้กระทำผิดย่อมต้องมีความรู้ความชำนาญในเรื่องการผ่าตัดเป็นอย่างดี

รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า กรณีนี้หากมีการผ่าตัดเอาไตออกไปจริง ก็เชื่อว่าได้เอาไตไปใส่ให้แก่บุคคลอื่นที่มีปัญหาทางไตที่ต้องตัดไตทิ้งแล้วหาไตใหม่มาใส่แทน ซึ่งเมื่อใส่ไตไปแล้วผู้นั้นก็คงไม่รู้ว่าแพทย์เอาไตมาจากไหน ตำรวจจะตามเอามาคืนก็คงทำได้ยาก หรือหากรู้จะตามคนที่รับไตมาผ่าตัดเอาไตคืนก็คงทำไม่ได้ เพราะเขาก็คงไม่รู้ว่าแพทย์ไปเอาไตมาจากไหน ทำได้ก็เพียงหากพบว่าใครเป็นคนผ่าตัดเอาไตไปก็ดำเนินคดีอาญาทั้งฐานทำร้ายร่างกายและลักทรัพย์ไป อย่างไรก็ตามต้องตรวจขสอบให้แน่ชัดว่าไตของนางเกษรหายไปจริงหรือไม่เชื่อว่าถ้าผู้เสียหายให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจก็คงใช้เวลาทำคดี ประมาณ 1 เดือน

ด้าน พล.ต.ต.วรัญวัส กล่าวว่า คดีนี้เบื้องต้นผู้เสียหายมาลงบันทึกประจำวันไว้เพื่อนำหลักฐานไปร้องที่สภาทนายความ ยังไม่ได้แจ้งความเป็นคดี แต่ก็ได้มีการสอบปากคำเบื้องต้นเอาไว้ ซึ่งต้องเรียกผู้เสียหายมาสอบรายละเอียดอีกครั้งเพื่อดำเนินคดี ซึ่งการจะหาว่าไตหายไปไหนคงทำได้ไม่ยากหากผู้เสียหายให้ความร่วมมือให้รายละเอียดเกี่ยวกับคดีพนักงานสอบสวนก็ดำเนินการไปตามขั้นตอน

พล.ต.ต.วรัญวัส กล่าวด้วยว่า จากการสอบปากคำเบื้องต้นนั้นผู้เสียหายสงสัยว่าไตจะหายไปตอนที่เข้าผ่าตัดซีสที่มดลูกที่โรงพยาบาลกรุงธน 2 เมื่อปี 2549 เนื่องจากก่อนหน้านี้ไปรับการรักษาเพราะประสบอุบัติเหตุที่โรงพยาบาลกรุงเทพ-พระประแดง เมื่อปี 2548 ยังมีไตครบทั้งสองข้าง มารู้ว่าไตหายไปเพราะมีอาการเหนื่อยง่ายและเข้าไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลบางปะกอก 3 ปรากฏว่าเมื่อหมอเอ็กซเรย์ไตข้างขวาได้หายไป เบื้องต้นยังไม่ได้ติดต่อสอบปากคำแพทย์ที่โรงพยาบาลกรุงธน 2 รอให้ผู้เสียหายมาให้ปากคำอย่างละเอียดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อน

โดย: เครือข่ายฯ [16 ก.ค. 51 6:14] ( IP A:58.9.186.128 X: )
ความคิดเห็นที่ 8
    ถ้าผู้เสียหายให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจก็คงใช้เวลาทำคดี ประมาณ 1 เดือน

1 เดือน...เร็วมาก เห็นทีคดีคุณรวีวรรณน่าจะมีข่าวดี
เพราะผ่านไปเกือบ 1 ปีแล้วยังเงียบอยู่เลย
โดย: เงียบมาก [16 ก.ค. 51 6:16] ( IP A:58.9.186.128 X: )
ความคิดเห็นที่ 9
    สธ.พร้อมรับตัวสาวฉันทนาไตหาย เอกซเรย์คอมพิวเตอร์พิสูจน์หาไตฟรีที่ รพ.ราชวิถี

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 15 กรกฎาคม 2551 17:58 น.


https://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9510000083312

“วิชาญ” สั่งกองการประกอบโรคศิลปะส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีหญิงวัย 43 ปี ไตหาย 1 ข้าง หลังเข้ารักษาที่โรงพยาบาลเอกชน 2 แห่ง โดยจะรับตัวเข้ามาทำเอ็กซ์เรย์คอมพิวเตอร์ที่โรงพยาบาลราชวิถี เพื่อหาไตว่าอยู่ครบหรือไม่ และหากไม่พบจะทำการพิเคราะห์หาสาเหตุขั้นต่อไป

จากที่นางเกษร พุ่มแจ้ง อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 290/478 ซ.คู่สร้างคู่สม 21 ถนนสุขสวัสดิ์ ตำบลในคลองบางปลากด อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ เข้าร้องเรียนเรื่องไตข้างขวาหาย ทราบภายหลังจากไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลบางปะกอก 3 เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2551 เนื่องจากมีอาการปวดเอว ขา และหน้ามืดบ่อยครั้ง ทำให้ต้องหยุดงานเป็นประจำ ซึ่งแพทย์ได้ระบุผลการตรวจ ว่า ไตเสื่อมทำงานได้ 40 เปอร์เซ็นต์ เป็นผลให้เกิดอาการดังกล่าวและอาจไตวายได้ เมื่อตรวจอัลตราซาวนด์ไม่พบไตข้างขวา และผู้ร้องเรียนต้องการพิสูจน์สาเหตุของไตหาย ซึ่งก่อนหน้านี้ เมื่อปี 2548 เคยประสบอุบัติเหตุรถชนและเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลกรุงเทพ-พระประแดง แพทย์อัลตราซาวนด์ช่วงนั้นไตอยู่ครบทั้ง 2 ข้าง ต่อมาในปี 2549 ผู้ป่วยปวดท้องน้อยอย่างรุนแรง เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลกรุงธน 2 แพทย์ระบุมีซีสต์ที่รังไข่ เข้ารับการผ่าตัด นอนรักษา 5 วัน จึงกลับบ้านและสงสัยว่าการรักษามีการผิดพลาดหรือไม่

วันนี้ (15 ก.ค.) นายวิชาญ มีนชัยนันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข สั่งการให้กองการประกอบโรคศิลปะ ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบหาข้อเท็จจริง โดยขอสำเนาเวชระเบียนการรักษาของนางเกษร จากโรงพยาบาลบางปะกอก 3 โรงพยาบาลกรุงเทพ-พระประแดง และโรงพยาบาลกรุงธน 2 เพื่อนำมาตรวจสอบหาข้อเท็จจริงต่อไป และให้นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ติดตามความคืบหน้ากรณีดังกล่าวอย่างใกล้ชิด คาดว่า จะทราบผลเร็วๆ นี้

นายวิชาญ กล่าวต่อว่า กรณีที่เกิดขึ้นนี้ถือเป็นอุทาหรณ์เตือนใจในการให้บริการผู้ป่วย ได้กำชับไปยังโรงพยาบาลทุกแห่งทั้งภาครัฐและเอกชน ก่อนที่จะทำการรักษาหรือผ่าตัดทุกครั้ง ให้แพทย์ พยาบาลให้ข้อมูลการรักษาให้ผู้ป่วยหรือญาติทราบอย่างละเอียด เพื่อให้เข้าใจขั้นตอนการรักษาและผลข้างเคียงที่อาจเกิดตามมา

ด้านนพ.ธารา ชินะกาญจน์ ผู้อำนวยการกองการประกอบโรคศิลปะ กล่าวว่า กรณีการพบไตเหลืออยู่ข้างเดียว อาจเกิดจากได้หลายสาเหตุ ได้แก่ ไตฝ่อ หรือมีไตข้างเดียวตั้งแต่กำเนิด หรือไตอยู่ผิดที่ และเกิดจากการผ่าตัดทิ้งไป เนื่องจากอุบัติเหตุหรือไตใช้การไม่ได้ ซึ่งการเหลือไตข้างเดียวก็สามารถมีชีวิตอยู่ได้ ส่วนการขโมยไตนั้น เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากมาก และในประเทศไทยยังไม่มีเรื่องนี้เกิดขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อพิสูจน์ว่าไตของ นางเกษร อยู่ครบหรือไม่ กองการประกอบโรคศิลปะ ได้ส่งเจ้าหน้าที่เดินทางไปรับตัวนางเกสรที่บ้าน เพื่อส่งเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ที่เรียกว่า ซีที สแกน (CT Scan) ตรวจหาไตที่โรงพยาบาลราชวิถีฟรี ภายใน 1-2 วันนี้ หากไม่พบจริงก็จะให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญพิสูจน์พิเคราะห์หาสาเหตุที่แท้จริง ซึ่งจะต้องดูจากรอยแผลผ่าตัดประกอบกับแฟ้มประวัติการรักษาต่อไป

โดย: เครือข่ายฯ รายงานข่าว [16 ก.ค. 51 6:21] ( IP A:58.9.186.128 X: )
ความคิดเห็นที่ 10
   เห็นด้วยครึ่งความรู้สึก กับความเห็นที่ 4 ของท่านจ้าวบ้าน

แต่ที่ปรากฏตามข่าวในสาระสำคัญคือ "ไตหาย" แน่เกือบ 100% แค่รอตรวจสอบยืนยันอีกที ว่า หายแน่ หายเย็น แล้วก็ไม่ได้หายไม่ได้อยู่ดีๆก็ระเหยหายไปได้ หรือ ฝ่อไปได้เอง

ซึ่งถ้าหายแน่แล้ว ความเห็นที่ดูมีเหตุผลน่าเชื่อถือมากๆของ จขคห ที่ 3

ก็ตกไปอย่าง "ฟันธง"

แล้วนี่ความเห็นแย้งที่มาจากสามัญสำนึกของคนธรรมดาอย่างผมเองที่ไม่ใช่หมอ

งานแบบนี้ คนไข้ไปทำหายเองได้ไหม? แน่นอนย่อมไม่ได้ !! แล้วถ้าไปแอบขายไตที่อื่นใดในประเทศไทยนี้โดยไม่ผ่านมือหมอที่ชำนาญงานเฉพาะ ซึ่งเมื่อขายเมื่อตัดไปแล้วรอดชีวิตปลอดภัยในสภาพที่เห็นนั่นโดยไม่มีใครอื่นรู้ได้ไหม??? นี่ยิ่งยากมากกว่า อีกทางที่น่าจะรอดหูรอดตาไปได้คือ ไปขายที่ต่างประเทศ ในบ้านเมืองที่กฎหมายควบคุมเรื่องหมอๆเช่นนี้หย่อนยานมากกว่าเรามากๆ นี่ก็น่าจะยากมาก แล้วก็เสี่ยงชีวิตคนขาย ทั้งยังอาจโดนหักหลังได้อีกต่างหาก เพราะประเทศในข่ายที่ว่าเนี่ย ก็น่าจะเป็นแถวๆเอเชียใต้ใกล้ๆเรานี่ ซึ่งหากเป็นเช่นนี้คนของเขาเองก็พร้อมขายมากกว่าเรา และง่ายที่จะซื้อขายกันเองมากกว่านำเข้าคนขายจากนอกประเทศอย่างเรา

สรุปอย่างที่ผมคิดมานี่ หากฟันธงว่า ไตหาย งานนี้หมอทำแน่นอน แล้วก็โดยเจตนาด้วย หากจะอ้างว่าโดยเหตุสุดวิสัยหรือใช้สำนวน "บกพร่องโดยสุดจริต" อย่างที่ก๊วนคนในรัฐบาลขายชาติชุดนี้ชอบใช้ ตรงนี้ก็ขอให้ท่าน จงรัก ไปดูทีเทอะ

แต่คิดกันให้ดีก่อนนะครับว่า จะออกรูนี้เอาตัวรอดน่ะ เพราะถ้าออกรูนี้ล่ะก็ เมื่อข่าวแพร่ออกไปต่างประเทศ ผมทำนายต่อได้เลยว่า "เมดิคอลฮับ" จะพลิกตะแคงกลายเป็น Medical Nightmare หรือ แดนมิกสัญญีทางการแพทย์แห่งเอเชียอย่างทันตาเห็นแน่ๆเลย หรือว่า ท่านนายกสะมาโคมโลงพะยาบานเอกกะชน จะว่าไงดี????!!!!
โดย: คนรู้ทัน ไม่รู้จริง [16 ก.ค. 51 8:06] ( IP A:58.8.100.121 X: )
ความคิดเห็นที่ 11
   นับว่ายังโชคดีที่ยังมี ชีวิตรอดมาได้ ต่างจากคดีวชิรปราการ
โดย: เจ้าบ้าน [16 ก.ค. 51 8:47] ( IP A:210.86.181.20 X: )
ความคิดเห็นที่ 12
   เรียนความเห็นที่ 5

กระผมตอบความเห็นที่ 3 ไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับคดี+อ่านข่าวด้วยสมองก็พอมองออกว่าคิดอย่างไร " แค่อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่แล้ว" ถ้าจะพูดให้เจ็บๆก็คือ อยากได้เงิน.... เพราะตั้งสมมุติฐานว่า....หมอทำแน่ๆ...ไม่ว่าจะรักษาผิด ไม่ว่าจะตัดไตไปขาย.... คราวนี้หล่ะชั้นต้องได้เงิน.... อ๊ะๆ ผมรู้คุณไม่ได้พูด ผมปรักปรำคุณไปเองทั้งนั้น มันไม่ใช่ความคิดคุณเลย





เอาเถอะผมก็ชอบนะ อะไรที่มันดังๆ และก็เห็นอยู่ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะมีการซื้อขาย จะคอยดูคนในเครือข่ายที....... สะใจ
โดย: นี่คือสิ่งที่พวกคุณต้องการ...เอ้าสุดๆไปเลย [16 ก.ค. 51 12:18] ( IP A:202.28.181.200 X: )
ความคิดเห็นที่ 13
   เอาหล่ะๆ รู้สึก คห ที่ 12 เนี่ย จะมั่นใจมากว่างานนี้หมออาจจะไม่ผิดได้นะ ที่เปอร์เซ็นต์สูงมากๆด้วยข้ออ้างที่ว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะมีการฉ้อฉลเรื่องการลักลอบ/ยักยอกขายอวัยวะมนุษย์ในประเทศนี้

พอดี๊ พอดี ที่ท่านจ้าวบ้านเอ่ยถึงกรณีที่ ร.พ. วชิรปราการ ซึ่งเป็นกรณีที่โด่งดังมากโดยตัวเอง และโดยที่เครือข่ายฯนี้ไม่ได้เข้าไปยุ่งด้วยเล้ย

ท่าน จขคห ที่ 12 ลองยืนยันดูทีหรือว่า กรณีนั้นน่ะ ไม่ใช่เรื่องการลักลอบ/ยักยอกอวัยวะคนเพื่อการซื้อ-ขายกัน หือ???????????????

แล้วก็ขออนุญาตท่านสุภาพชน+จ้าวบ้าน (เพื่อซ้ำแผลเก่า ที่ผมจำได้ว่ายังกลัดหนองอยู่สำหรับเหยื่อกรณีนั้น)อีกที ฝากคำถามเดียวกันนี้ไปฟื้นความจำหมอ ธารา ชินะกาญจน์ ผู้อำนวยการกองการประกอบโรคศิลปะ หน่อยครับว่า ยังจำได้ไหม? ตอนนั้นท่านทำงานอะไรอยู่น๊อ ??? นึกเท่าไรก็นึกไม่ออก !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
โดย: คนรู้ทัน ไม่รู้จริง [16 ก.ค. 51 12:39] ( IP A:58.8.100.121 X: )
ความคิดเห็นที่ 14
   999999999999999999999999999999999999999999999999999

และเพื่อขยายข้อมูลจากแฟ้มคดีในอดีต ผมขอลอกข้อความบางส่วนที่ค้นได้มาให้ดูเกี่ยวกับเรื่องนี้

"โวย รพ.ฆ่าคนไข้ ขายไต เปลี่ยนเศรษฐี ถูกรถชนผ่าตัดถึงตาย"
"แพทยสภา-กองปราบสอบลับพฤติกรรมโหด"
ย้อนหลังไปเมื่อกลางปี 2542 ข่าวพาดหัวตัวไม้บนหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ไทยรัฐกรอบบ่าย ประจำวันที่ 18 กรกฎาคม
บอกเล่าเรื่องราวที่ช็อกความรู้สึกของผู้อ่านเป็นอย่างมาก


ส่วนเต็มฉบับของข้อมูลข้างบนนี้ ขอเชิญไปที่จุดเชื่อมโยงเว็ฐด้านล่างนี้เลยครับ

https://www.tja.or.th/index.php?option=com_content&task=view&id=398&Itemid=76

และนี่ก็เข้าใกล้เทศกาล อาสาฬหบูชา +เข้าพรรษาแล้ว ผมก็ขอตบท้ายกันตรงนี้อีกทีว่า ในทางธรรม ปัญหาทุกๆอย่างสามารถแก้ไขได้หมด หากเราจะยอมรับความจริงกันก่อนอื่น มิฉะนั้น ประวัติศาสตร์ ก็จะซ้ำรอยตัวมันเองเสมอๆ เพราะธรรม คือธรรมชาติ คือ ความจริง ครับ
โดย: คนรู้ทัน ไม่รู้จริง [16 ก.ค. 51 12:59] ( IP A:58.8.100.121 X: )
ความคิดเห็นที่ 15
    ทำไมเราไม่ได้ออกข่าวไทยรัฐบ้างหว่า

แหม๋ อยากดังเปรี้ยง ๆ ๆ ๆ

ไม่ใช่ โป้ง ๆ ๆ ๆ
โดย: GN [16 ก.ค. 51 13:41] ( IP A:117.47.229.251 X: )
ความคิดเห็นที่ 16
   อืม...หลักฐานที่คุณเอามาให้ปมดู ผมก็เลยะข้าไปอ่านนะ

แล้วความน่าเชื่อถือของข่าวในหนังสือพิมพ์นี่มันกี่เปอร์เซ็นต์น้า??

อ่านไปอ่านมาศาลก็ว่า
"เนื่องจากในการพิจารณาคดีของศาลอาญาได้มีคำพิพากษาในคดีขโมยไต เมื่อวันที่ 22 ก.พ. 2548 ออกมาว่า ให้จำเลยที่เป็นแพทย์โรงพยาบาลวชิรปราการไม่มีความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และข้อหาปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอม โดยที่อัยการและญาติผู้ตายที่เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง"


แล้ว..??? !!!! มันไม่เห็นจะเป็นข้อมูลสนับสนุนว่ามีการขายไตอยู่จริงเลยนี่นา
ยิ่งน่าจะสนับสนุนความคิดผม.... เพราะศาลก็ตัดสินแล้ว....


อ่านไปหลังๆ ก็มีแต่เจ้าคนที่ทำข่าวออกมาคุยๆๆ โม้ๆๆ ทำอ่างนั้น ทำอย่างนี้ รู้อย่างนั้น รู้อย่างนี้ แล้วถ้าเป็นอย่างนั้นจริง.... ทำไมศาลถึงบอกว่าแพทย์ไม่ผิดหล่ะฮื้อ???+++
โดย: เนี่ยนะหลักฐาน...อ่านตั้งนาน มีแต่น้ำลายนักข่าว....ที่จะขายข่าวให้เป็นเงิน [16 ก.ค. 51 18:43] ( IP A:202.28.182.130 X: )
ความคิดเห็นที่ 17
   เรียน ความเห็น 15

ใช่ว่าสมาชิกทุกคนในเครือข่ายฯ จะได้ขึ้นหน้าหนึ่ง

เรื่องของประธานเครือข่ายฯ เองยังไม่เคยได้พาดหน้าหนึ่ง
หัวสีเช่นไทยรัฐ เดลินิวส์ เลย ขึ้นอยู่กับบรรณาธิการข่าว
ด้วยว่าเขาต้องการหยิบยกประเด็นอะไรพาดหัวหน้าหนึ่ง

มันมีปัจจัยอะไรหลาย ๆ อย่างประกอบกัน
เช่น เหตุการณ์บ้านเมือง บางเคสชัดยิ่งกว่าชัด
แต่สื่อไม่ลงก็มี

บางคนอยากเป็นข่าวมาก แต่ทำอย่างไรก็ไม่เป็นข่าว
เอาแน่ เอานอนไม่ได้



ขึ้นอยู่กับปัจจัยดังต่อไปนี้
โดย: เครือข่ายฯ [16 ก.ค. 51 18:49] ( IP A:58.9.189.121 X: )
ความคิดเห็นที่ 18
   ถ้าคดีนี้สรุปหมอไม่ผิดเหมือนของ รพ.วชิรปราการ สมมุตินะคร้าบบบ

อีก 10 ปีผ่านไป แล้วมีข่าวขายไตอีก จะขุดหน้าเวปไซด์เอามาอ้างเป็นหลักฐาน"ด้านเดียว" อีกมั้ยเนี่ย......" สาวโวยไตหาย เคยผ่าตัดเนื้องอกมดลูก ร้องแพทยสภาสอบ "
โดย: ไม่บอกก็รู้ว่าทำ [16 ก.ค. 51 18:50] ( IP A:202.28.182.130 X: )
ความคิดเห็นที่ 20
   อ่านข่าวล่าสุดแล้วเวทนา สิ้นหวังกับ สังคมแพทย์เป็นอย่างยิ่ง
โรงพยาบาลใหญ่คับกรุง ตรวจอัลตร้าซาวน์ เอ็กซเรย์ แล้วกองประกอบโรคชั่ว เอ๊ยโรคศิลป์ ไม่ยอมให้ผู้เสียหายเอาภาพถ่ายผลการตรวจไปแจ้งความ บอกว่าดูไม่ชัดเจน
ว่าไตยังอยู่หรือไม่ โหโรงบาลมาตรฐานแบบนี้ผ่านการรับรอง มาได้อย่างไร เอาเครื่องตรวจมาจากเซียงกงเหรอ หรือเอาเด็กฝึกงานมาถ่ายเอ็กซเรย์ คดีสำคัญขนาดนี้ เชื่อว่าจริงๆแล้ว หมอรุมดูกันตรึม หวังว่าคงไม่ต้องไปให้คุณหญิงหมอตรวจน้า เดี๋ยวจะสนุกกันใหญ่
โดย: เจ้าบ้าน [17 ก.ค. 51] ( IP A:124.121.143.233 X: )
ความคิดเห็นที่ 21
   จะรอเอาไปใช้โฟโต้ชอพ แอดจัสต์ รูปก่อนรึไง 55555
โดย: เจ้าบ้าน [17 ก.ค. 51] ( IP A:124.121.143.233 X: )
ความคิดเห็นที่ 22
   รอให้เขาเล่นกันไปก่อน
จะได้ดูอะไรดี ๆ
โดย: รอดู [17 ก.ค. 51 1:40] ( IP A:58.9.183.123 X: )
ความคิดเห็นที่ 23
   กร๊ากกกก ๆๆๆ สะใจผลพิสูจน์



ปล. พอผลไม่ตรงกับที่คิด แสดงว่า.... มีการโกงเกิดขึ้น เพราะว่าในนิมิตร+สิ่งเหนือธรรมชาติ+ความฉลาด+ความชอบธรรม...ฯลฯ บอกกับพวกเราว่าไตต้องผิดปกติแน่ๆ หมอมันเลว หมอมันต้องทำผิด.... ข้อมูลที่ออกมาจึงเชื่อไม่ได้ ทุกอย่างมันน่าสงสัยไปหมด มันต้องหมกเม็ด มันต้องเปลี่ยนข้อมูล มันต้องใช้โฟโตช็อป มันฮั้วกัน.... เป็นไปไม่ได้ ไม่ยอมรับ ..... ความคิดกรูต้องถูก โอวววว...คร่อกกกๆๆ


ปล. ชาวนากับงูเห่า
โดย: เอางัยต่อหล่ะ?? จะยอมแพ้หรอ!!! [17 ก.ค. 51 19:40] ( IP A:202.28.181.200 X: )
ความคิดเห็นที่ 24
   เอาเถอะหัวเราะให้มีความสุข
รวมหัวกันยำชาวบ้าน ระวังกรรมเวรตามทัน
โดย: เวรกรรม [18 ก.ค. 51 1:26] ( IP A:58.9.196.22 X: )
ความคิดเห็นที่ 25
   แหม่อย่าใส่ร้ายกันหน้าด้านๆ ผมไม่เคยรุมยำชาวบ้าน หน้าที่ผมคือช่วยเหลือคนไข้ และชี้สิ่งที่ถูกให้ แต่คนบางจำพวกก็อคติบังตา พูดไม่รู้เรื่อง บางพวกคิดหาผลประโยชน์จากแพทย์

พวกสุดท้ายเรียกว่างูเห่า ตีมันหลังเดาะมันเลยยิ่งดุ ยุคนี้ถ้าจะตีต้องเอาให้อยู่หมัด ให้เก็นกันชัดๆ เพราะเดี๋ยวเวลาผ่านไปก็จะเอามามั่วนิ่มอ้างอีก

กรรมจะตามทันเอง พวกที่ทำให้เกิดความปั่นป่วน เกิดปัญหาในการรักษา

ทำร้ายหมอดีๆไปกี่คนแล้วหล่ะ?

โยนความผิดให้หมอมากี่คนแล้วหล่ะ?
โดย: ไม่ได้หัวเราะอย่างมีความสุข..... มันเป็นแค่เสียงกระแอม+ส่ายหน้า+ยิ้มแบบเบื่อหน่าย+สายตาที่สมเพช [18 ก.ค. 51 8:54] ( IP A:202.28.181.200 X: )
ความคิดเห็นที่ 26
   แพทยสภา รวมหัว แตะมือกันโกหกผู้เสียหาย
ยังมีหน้ามาโทษเครือข่ายฯ

พวกคุณแก่หัวหงอกแล้ว สันดานไม่เคยเปลี่ยน
สิบกว่าปีเป็นอย่างไร ปัจจุบันก็เป็นอย่างนั้น
เก่งแต่โยนความผิดให้เครือข่ายฯ

แพทยสภาเป็นพวกfix ไอเดียชอบคิดว่า
1.ผู้เสียหายเขาโกรธเองไม่เป็น ต้องให้เครือข่ายฯ บอกให้โกรธ
2.ผู้เสียหายไม่มีสมองคิดเองไม่เป็น ต้องให้เครือข่ายฯ บอกให้คิด
3.ผู้เสียหายร้องเรียนสื่อไม่เป็น ต้องให้เครือข่ายฯ บอกให้ร้องเรียน

ยุคนี้ชาวบ้านเขาไม่ได้โง่ มีแต่พวกคุณนั่นแหละที่งมโข่งคิดได้แค่นี้
มันถึงแก้ปัญหาอะไรไม่ได้ มองปัญหาไม่ทะลุจะแก้ปัญหาได้อย่าง
ไร เก่งแต่ป้ายขี้ให้ผู้เสียหาย ชาวบ้านเขาหวังพึ่งพวกคุณ พวกคุณ
แก้ปัญหาไม่ได้ทำไมไม่ลาออกกันให้หมด อยู่ไปทำไมถ้าไม่มีผล
ประโยชน์ทับซ้อน

งานนี้เครือข่ายฯ บอกผู้เสียหายตลอดเวลาว่า เขาไม่ได้โขมยไต
แน่นอน แต่อย่างอื่นคุณต้องให้แพทยสภาตรวจสอบ พอพวกคุณ
ตรวจสอบ ไม่ได้ซักรายละเอียดจากคนไข้แบบใส่ใจเลย แย่งกัน
อธิบายถึงความเป็นไปได้น่าจะเป็นที่ช่วยพวกเดียวกันเอง เหมือน
พวกคุณราดน้ำมันเข้ากองไฟ พวกคุณนี่มันสันดานที่ไม่เคยเปลี่ยน
คือไม่เคยรู้ตัวว่าทำร้ายจิตใจคนไข้คนแล้วคนเล่า รู้กันบ้างหรือเปล่า
ว่าคนไข้รู้สึกอย่างไรเวลาไปชี้แจงที่แพทยสภา เขาแทบไม่ได้ชี้แจง
และแทบไม่มีคนฟังเขา ดีแต่แย่งกันอวดภูมิ อวดว่าข้าเก่งบรรยาย
แก้ตัวแทนหมอทุกครั้งไป

มิหนำซ้ำ รับตัวเขาไปตรวจ ฟิล์ม+เอกซ์เรย์ไม่ให้เขา
พาไปทำ MRI ผลอ่าน ก็ไม่ให้เขาเห็น แล้วรีบแถลงข่าว
ไตอยู่ครบ ๆ ๆ ๆ แต่มันฝ่อ อาจฝ่อแต่กำเนิด ให้ข่าวไปแล้ว
คนไข้เขาจะรู้สึกอย่างไร ยังไม่ได้สอบสวนครบถ้วนกระบวนความ
เลยก็สรุปแล้ว พวกคุณคิดหรือว่าแค่นี้ก็เคลียร์ทุกเรื่องให้จบ
แล้วโยนขี้ให้เครือข่ายฯ

แน่จริงก็ฟ้องสิ ฟ้องว่าเครือข่ายฯ ยุยงให้เกิดความแตกแยก
บอกไปเลยว่าความวุ่นวายทุกวันนี้มันเกิดจากเครือข่ายฯ
ไม่ได้เกิดจากความขี้โกง ความชั่ว สันดานเลวของใคร

เขาร้องเรียน
สื่อก็เป็นสิทธิ์ของเขาที่จะไม่ไว้ใจแพทยสภา เพราะพฤติกรรมที่
ผ่านมาเขาก็ดูโทรทัศน์ว่าพวกคุณมีนิสัยกันเป็นอย่างไร
โดย: สันดานไม่เคยเปลี่ยน [18 ก.ค. 51 11:49] ( IP A:58.9.220.145 X: )
ความคิดเห็นที่ 27
    อยากให้แพทยสภาเข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้ ที่ผ่านมาเคยทำหนังสือขอความช่วยเหลือกับทางเครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์แล้ว แต่เรื่องล่าช้าจึงร้องเรียนผ่านไทยรัฐช่วยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงมาตรวจสอบเรื่องของตนด้วย
โดย: แหกตาดูเสียบ้าง ป้ายขี้กันเก่งนัก [18 ก.ค. 51 12:09] ( IP A:58.9.220.145 X: )
ความคิดเห็นที่ 28
   เรียนความคิดเห็นที่ 17

สมมุตินะสมมุติ ว่าลงข่าวหน้า 1 เขาต้องพาดหัวข่าวว่า

คนไข้ติดเชื้อ hiv เลือดบวกมีสายพันธุ์หมาบ้าผสม ฟ้องโรงพยาบาลลำพูนฐานละทิ้งคนไข้ระยะวิกฤติ โดยต้องย้ายตัวเองเพื่อมีชีวิตรอดไปที่โรงพยาบาลเอกชนในจังหวัดเดียวกัน อย่างเร่งด่วนเพื่อล้างท้องและเปลี่ยนตัวยา และรอดตายอย่างหวุดหวิดมาฟ้องโรงพยาบาลชะเอิงเอย
ใช่ไหมคะ.

โดย: GN [18 ก.ค. 51 13:14] ( IP A:222.123.85.70 X: )
ความคิดเห็นที่ 29
   ท่าน จขคห ที่ เนี่ย

อาจหาญชาญชัยจะตีงูเห่าเชียวหรือ????

หาว่าโดนใส่ร้าย ใช่ป่าว????

ออกมาตีกับผมก่อนดีไหม? ซ้อมกันดูก่อนจะไปตีงูเห่าจริงๆดีกว่าไหม?

ถ้าท่านเชื่อแน่ว่าเครือข่ายนี้จ้องทำร้ายหมอ กรรโชกหมอที่ทำงานสุดจริตล่ะก็ แสดงตัวออกมาป้องกันหน่อยน่า นะ มามะมา ผมก็จะขอแสดงตัวเป็นงูเห่า จ้องฟาดฟัน หมอชาติชั่ว บางคนในแพทยสภาก็แล้วกัน

ท่านก็กล้าๆแสดงตัวเป็นอัศวินม้าขาว หรือ ม้ามืด ออกมาชี้แจงยกตัวอย่างซักเรื่องน่า ที่แพทยสภาโจรประกาศเป็น "คดีไม่มีมูล" แล้วหมอไม่ผิดจริงๆ จะได้พิสูจน์ว่า ไอ้เจ้าเครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์เนี่ยเป็นพวกอคติหลอกด่าใส่ร้ายหมอดีๆ หรือว่า หมอมันชั่ว ชั่ว ชั่ว แล้วก็ ชั่วจริงๆน่ะ กล้าๆหน่อยนะ น่า นะ
โดย: คนรู้ทัน ไม่รู้จริง [18 ก.ค. 51 15:46] ( IP A:58.8.99.88 X: )
ความคิดเห็นที่ 30
   อ้อ พิมพ์ตก ผมหมายถึง ท่าน จขคห ที่ 25 นะ นะ
โดย: คนรู้ทัน ไม่รู้จริง [18 ก.ค. 51 15:47] ( IP A:58.8.99.88 X: )
ความคิดเห็นที่ 31
   ประท้วง คห ที่ 21 ของท่านจ้าวบ้าน

ท่านเอ่ยแสดง " ความรู้ทัน เรื่องที่เค้าสามารถ ตกแต่งภาพอัลตร้าซาวน์กันได้โดยอาศัยโปรแกรมทางคอมพิวเตอร์ " เป็นการข้ามหน้าข้ามตาชื่อฉายาของกระผมครับ

ถือเป็นการแย่ง scene กันครับ ประท้วง + ประท้วงครับ
โดย: คนรู้ทัน ไม่รู้จริง [18 ก.ค. 51 15:57] ( IP A:58.8.99.88 X: )
ความคิดเห็นที่ 32
    ข้าพเจ้านางเกษร พุ่มแจ่ม อายุ 43 ปี ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงอายุ 41 ปี ข้าพเจ้ามีสุขภาพที่แข็งแรงดี ทำงานประกอบอาชีพเย็บผ้าได้เป็นอย่างดีไม่เคยเจ็บป่วยอย่างรุนแรงมาก่อน

24 ธันวาคม 2548
ข้าพเจ้าประสบอุบัติเหตุจากการนั่งรถ 2 แถวเฉี่ยวชนกับรถบรรทุก 10 ล้อ แต่ไม่รุนแรง ข้าพเจ้าโดนข้อศอกของผู้โดยสารอื่นกระแทกท้อง มีอาการจุก เข้ารักษาตัวที่รพ.กรุงเทพ-พระประแดง ผลจากอัลตร้าซาวด์อวัยวะภายในปกติ ไตทั้ง 2 ข้างอยู่ครบปกติดังภาพที่เห็น ไม่มีเลือดออกตกค้างในช่อท้อง และไม่ได้ทำผ่าตัดใด ๆ ทั้งสิ้น

(ระยะเวลาที่พบว่ามีไตครบ 2 ข้างกับวันที่ผ่าตัด ห่างกัน 7 เดือน)

กรกฎาคม 2549 ข้าพเจ้ามีอาการปวดรุนแรงบริเวณท้องน้อยบ่อย ๆ จึงไปตรวจที่ รพ.กรุงธน 2 ผลการตรวจพบช็อคโกแล็ตซีสต์บริเวณ ใต้รังไข่ด้านขวา

9 สิงหาคม 2549
แพทย์ รพ.กรุงธน 2 ทำการผ่าตัดเอาซีสต์และเลาะพังผืดในช่องท้องออก มีแผลผ่าตัดบริเวณท้องน้อยยาวประมาน 10 ซม. ใช้เวลาผ่าตัดประมาน 1 ชม. โดยการฉีดยาชาบริเวณไขสันหลัง ข้าพเจ้าพักฟื้นอยู่ในรพ. 5 วัน และกลับไปรักษาตัวต่อที่บ้านอีก 1 เดือน

หลังการผ่าตัดข้าพ ระหว่างพักฟื้น 1 เดือนกับ 5 วันนั้นข้าพเจ้ามีอาการปวดแผลผ่าตัด ปวดหลังปวดเอวเอวร้าวมาถึงขาตลอดเวลา หน้ามืดวูบเป็นระยะ ทุกข์ทรมานมาก ปวดทั้งแผลผ่าตัดกับปวดหลังปวดเอว แพทย์ได้ให้ยาแก้อักเสบ ยาลดไข้ ยาแก้ปวด ไปกินต่อที่บ้าน

หลังจากพักฟื้นครบ 1 เดือน อาการก็ยังไม่ดีขึ้น ร่างกายอ่อนแอและผ่ายผอมลงอย่างผิดปกติ แต่ก็ต้องจำใจกลับเข้าทำงานเพราะกลัวถูกให้ออกจากงาน ครอบครัวจะลำบาก ระหว่างทำงานเดือนแรกมีประจำเดือนไหลออกทั้งเดือน อาการเจ็บปวดเอวด้านหลัง ปวดร้าวมาจนถึงหน้าขา และหน้ามืดวูบเป็นระยะ ๆ แพทย์ให้ยาแก้ปวด แก้อักเสบ และยาลดไข้ กลับไปกินที่บ้าน

เมื่อข้าพเจ้ากลับไปพบแพทย์ที่รพ.กรุงธน 2 แพทย์ตรวจแล้วบอกว่าอาจเป็นผลข้างเคียงของการผ่าตัด ให้ยาแก้ปวด แก้อักเสบ และยากลดไข้ ยาบำรุงเลือดกลับไปกินต่อที่บ้านเหมือนเดิม บางครั้งที่ยาลดไข้ยังเหลือแพทย์ก็ไม่จ่ายให้ ให้ใช้ยาเดิม

ต่อมาไม่นาน รพ.กรุงธน 2 ยกเลิกการรักษาผู้ป่วยประกันสังคม ข้าพเจ้าไปใช้สิทธิ์ที่รพ.บางปะกอก 3 แทน


( หมายเหตุ หลังการผ่าตัดข้าพเจ้าได้ตรวจร่างกายประจำปีกับทางโรงงาน 2 ครั้ง โดยรพ.บางกอก 9 ผลการตรวจพบโปรตีนกับเม็ดเลือดแดงรั่วทางปัสสาวะสูงทั้ง 2 ครั้ง ซึ่งการตรวจร่างกายประจำปีก่อนจะทำการผ่าตัดนั้นผลไม่เคยพบว่ามีโปรตีนและเม็ดเลือดแดงรั่วทางปัสสาวะแต่อย่างใด)

ต่อมาข้าพเจ้าไปรักษาตัวที่รพ.บางปะกอก 3 หลายครั้ง โดยแจ้งให้แพทย์ทราบถึงผลการตรวจร่างกายประจำปีกับทางโรงงานด้วย แพทย์สงสัยว่าไตจะมีปัญหา นัดเจาะเลือด นัดตรวจปัสสาวะ ได้ให้ยาขับปัสสาวะ แก้อักเสบ ลดความดันไปทานที่บ้าน แต่อาการของข้าพเจ้าไม่ดีขึ้นแย่ลงเรื่อย ๆ ร่างกายผ่ายผอม

กลางเดือนพฤษภาคม 2551 มีอาการหน้ามืดและปวดร้าวไปทั้งตัว แพทย์รพ.บางปะกอก 3 นัดให้ไปทำอัลตร้าซาวด์

(ระยะเวลาจากวันผ่าตัดถึงวันที่พบว่าไตขวาหายไป จาก 9 ส.ค.49 – 10 มิ.ย. 51 รวม 1 ปี 6 เดือน)

10 มิถุนายน 2551 รพ.บางปะกอก 3 ได้ทำอัลตร้าซาวด์ ผลพบว่าไตข้างขวาไม่มี เหลือไตซ้ายข้างเดียวและเสื่อมมากทำงานได้ไม่เต็มที่ จึงส่งผลต่อร่างกายดังกล่าว

ข้าพเจ้าสงสัยว่าไตข้างขวาหายไปได้อย่างไร จึงไปขอดูประวัติที่รพ.กรุงเทพพระประแดง ได้ขอผลอ่านพร้อมฟิล์มอัลตร้าซาวด์ ซึ่งก็พบว่าไตทั้ง 2 ข้างอยู่ครบ

ข้าพเจ้าจึงสงสัยว่าไตหายไปได้อย่างไร เกี่ยวข้องการรักษาผ่าตัดที่รพ.กรุงธน 2 หรือไม่
โดย: นางเกษร พุ่มแจ่ม [20 ก.ค. 51 7:08] ( IP A:58.9.188.230 X: )

คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน