consumer.pantown.com
Thai Iatrogenic Network รวมกระทู้เครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ <<
กลับไปหน้าแรก
ศาลอุทธรณ์ยกฟ้องกรณีรพ.กระบี่รักษาเด็กสาววัย 12 ปีเสียชีวิต
ศาลอุทธรณ์ยกฟ้องกรณีรพ.กระบี่รักษาเด็กสาววัย 12 ปีเสียชีวิต
เนชั่นทันข่าว
14:47 น.
เวลา 10.00 น.วันที่ 22 กรกฎาคม 51 ที่ห้องพิจารณาที่ 7 ศาลจังหวัดนนทบุรี องค์คณะผู้พิพากษาประกอบด้วย มล.เฉลิมชัย เกษมสันต์ นายกิติยาภรณ์ อาตมียะนันทน์ และ นายสายันต์ สุรสมภพ ได้ออกนั่งบัลลังค์พิจาราณาคดีที่ นางกัลยา ปัทมปาณีวงศ์ อายุ 48 ปี ยื่นอุทธรณ์ฟ้องกระทรวงสาธารณสุขและโรงพยาบาลกระบี่ ที่รักษาลูกสาว ด.ญ.ศรัณญา ปัทมปาณีวงศ์ อายุ 12 ปี เสียชีวิต โดยเรียกค่าเสียหายเป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 2,000,000 บาท
เนื่องจากเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 47 ด.ญ.ศรัณญา มีอาการไม่สบายตัวร้อน นางกัลยา จึงได้พาไปรักษาที่คลินิก โดยแพทย์ได้ให้ยาแก้อักเสบมารับประทาน ต่อมาวันที่ 10 พฤษภาคม 47 ด.ญ.ศรัณญา มีอาการตัวเย็นรับประทานอาหารไม่ได้ นางกัลยา จึงได้พาไปพบแพทย์ที่คลินิกเดิม โดยทางแพทย์ที่รักษาบอกว่าจับชีพจรของด.ญ.ศรัณญา ไม่ได้ให้ส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลเขาพนม
เมื่อไปถึงโรงพยาบาลเขาพนม แพทย์ได้ให้น้ำเกลือแล้วแจ้งว่าให้พาด.ญ.ศรัณญา ไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลกระบี่ เนื่องจากเครื่องมือที่โรงพยาบาลเขาพนม มีไม่พอ และไม่แจ้งว่าด.ญ.ศรัณา ป่วยเป็นโรคอะไร เมื่อมาถึงโรงพยาบาลกระบี่ ด.ญ.ศรัณญา ยังรู้สึกตัวดี ทางคณะแพทย์ได้นำตัวเข้าห้องตรวจและแจ้งว่าด.ญ.ศรัณญา เป็นปอดอักเสบและมีน้ำท่วมปอด จะต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ
โดยจะใช้ท่อสอดเข้าไปในลำคอ เพื่อให้การหายใจดีขึ้น แต่ด.ญ.ศรัณญา ขัดขืนทางแพทย์จึงต้องฉีดยาสลบ ก่อนพนักงานของโรงพยาบาล จะช่วยกันสอดท่อช่วยหายใจโยพยายามถึง 3 ครั้ง แต่เครื่องช่วยหายใจยังมาไม่ถึง จึงต้องใช้เครื่องช่วยหายใจแบบบีบด้วยมือแทนไปก่อน หลังจากนั้นประมาณ 30 นาที ก็ได้เครื่องช่วยหายใจแบบเครื่อง
และเมื่อนำมาต่อกับเข้ากับท่อช่วยหายใจ ปรากฎว่า ค่าออกซิเจนจากเครื่องที่วัดปลายนิ้ว ลดต่ำลงจนทำให้ ด.ญ.ศรัณญา ตัวเขียว ทางแพทย์ที่รักษาต้องดึงเครื่องช่วยหายใจออก แล้วใช้เครื่องบีบด้วยมือแทน และทำแบบนี้สลับกันไปมาหลายครั้งจน ด.ญ.ศรัณญา มีอาการทรุดหนัก และได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา
ซึ่งนางกัลยา เห็นว่า การรักษาลูกสาว คือ ด.ญ.กัลยา ของคณะแพทย์ไม่มีความรู้ความสามารถเพียงพอ การรักษาไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการ และอุปกรณ์เครื่องช่วยหายใจไม่อยู่สภาพพร้อมใช้งาน จึงทำให้ลูกสาวต้องเสียชีวิต จึงได้ฟ้องกระทรวงสาธารณสุข และโรงพยาบาลกระบี่ ซึ่งเป็นตนสังกัดของคณะแพทย์ที่รักษาเรียกร้องค่าเสียหายโดยแยกเป็นค่าขาดไร้ผู้อุปการะเป็นเงิน 1,810,000 บาท และค่าจัดการศพจำนวน 190,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 2,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับจากวันที่ฟ้อง
โดยทางองค์คณะผู้พิพากษาอุทธรณ์ ได้พิจารณาตามคำให้การของคณะแพทย์ที่รักษา พบว่า ด.ญ.ศรัณญา มีอาการหนักมาก่อนหน้าที่จะเข้ารักษาที่โรงพยาบาลกระบี่ และทางคณะแพทย์ได้ตรวจพบว่าด.ญ.ศรัณญา ป่วยเป็นโรคภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง จนเป็นสาเหตุให้เกิดโรคปอดบวมรุนแรง และทางคณะแพทย์ได้รักษาโดยใช้ยาปฏิชีวนะอย่างดีที่สุด และพบว่าการหายใจของด.ญ.ศรัณญา ไม่สัมพันธ์กับเครื่องช่วยหายใจ จึงทำให้หัวใจของ ด.ญ.ศรัณญา หยุดเต้น และทางคณะแพทย์ได้พยายามช่วยปั๊มหัวใจและช่วยหายใจด้วยมือ พร้อมกับใช้ยากระตุ้นการเต้นของหัวใจ และรักษาด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ แต่ไม่สามารถรักษาชีวิต ด.ญ.ศรัณญา ไว้ได้ ทางองค์คณะผู้พิพากษา เห็นว่าทางคณะแพทย์ได้พยายามรักษาเต็มที่แล้วและอุทธรณ์ของโจทย์ฟังไม่ขึ้น จึงพิจารณาพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ที่พิจารณายกฟ้อง
ด้าน นางกัลยา กล่าวว่า ตนยินดีน้อมรับคำตัดสินของศาลในวันนี้ แต่ตนจะขอยื่นฎีกาต่อไป เผื่อบางทีทางศาลท่าน อาจจะเห็นใจและสงสารตนบ้างที่ต้องสูญเสียลูกสาว
โดย: ไม่เป็นไรคุณกัลยา เก็บน้ำตาไว้ [24 ก.ค. 51 17:32] ( IP A:58.9.192.123 X: )
ความคิดเห็นที่ 1
ก่อนอื่นขอเรียนให้คุณหมอดี ๆ ทราบว่า "เด็กไม่เคยมีเชื้อ HIV"
เดี๋ยวแม่เขาคงจะออกมาชี้แจง
ไปดูความเห็นหมอบางคนใน TCC แล้วอุบาทว์มาก
เอาไว้รอให้วันหนึ่งเขาเป็นผู้เสียหายก่อน แล้วเขาคงจะรู้ว่า
"การฟ้องศาล" นั้นเพื่ออะไร
ถึงวันนั้นเขาคงจะรู้ว่าชีวิตของคนที่รักนั้นมันไม่สามารถเอาอะไร
มาทดแทนได้เลย
หรือเขาอาจจะไม่รู้สึกอะไร เพราะชีวิตนี้เอาแต่ได้กับได้ ไม่มีเสีย
และไม่ยอมเสีย
เคยเห็นกรรมการแพทยสภาบางคน รับเงินจากรายการทีวี ผ่านหน้า
ผู้เสียหายที่แทบไม่มีจะกิน มานเอาเข้ากระเป๋าเฉยเลย แล้วออกมาขับรถเบ๊นซ์ป้ายแดงกลับบ้าน พฤติกรรมของคนให้ดูที่การกระทำ การกระทำบ่งบอกถึงจิตใจคน
โดย: อุบาทว์มาก [24 ก.ค. 51 17:52] ( IP A:58.9.192.123 X: )
ความคิดเห็นที่ 2
อ้อ...ขอบอก และเชิญชวน และยุยงส่งเสริม
ให้รีบฟ้องกลับคนไข้รายนี้เป็นการด่วน
น่าจะมีอะไรสนุกกว่านี้
คุณกัลยาเอ๋ย....เก็บน้ำตาเอาไว้...
หัวเราะทีหลังดังกว่าเสมอ
โดย: อย่าไปสนใจพวกเลว ๆ [24 ก.ค. 51 17:54] ( IP A:58.9.192.123 X: )
ความคิดเห็นที่ 3
ประเด็นอยู่ที่ความจริง ไม่ใช่สงสารหรือเห็นใจ แล้วเปลี่ยนคําตัดสินได้
ทางคณะแพทย์ได้ตรวจพบว่าด.ญ.ศรัณญา ป่วยเป็นโรคภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง=น่าจะเจาะเลือดตรวจ
เคยเจอหลายราย มารดาไม่รู้ว่าลูกติดเชื้อ หรือตั้งครรภ์
โดย: True [26 ก.ค. 51 3:35] ( IP A:119.42.69.129 X: )
ความคิดเห็นที่ 4
บางทีทางศาลท่าน อาจจะเห็นใจและสงสารตนบ้างที่ต้องสูญเสียลูกสาว
ตกลงศาลมีไว้ให้เห็นใจสงสารหรือ สงสัยคิดว่าศาลเป็นกรมประชาสงเคราะห์ จะให้เงินมั้ง
โดย: หมอ..กระจาย เพลงดัง [29 ก.ค. 51 12:52] ( IP A:202.91.18.206 X: )
ความคิดเห็นที่ 5
ประเด็นความจริงที่ผมเห็น แบบคนธรรมดา นะ
1. ผู้ที่ตาย เป็นเด็กหญิงอายุ 12 ขวบ ไม่เล็กเกินไปที่จะทนอะไรแปลกจากที่เคยไม่ได้ และน่าจะโตมากพอที่จะทนยอมรับท่อช่วยหายใจหรือสิ่งแปลกปลอมอื่นใดในรูปเครื่องมือแพทย์ที่ไม่คุ้นได้ระดับหนึ่ง หากของชิ้นนั้นไม่มีขนาดหรือสภาพอื่นใดที่เกินจากที่คนปรกติจะยอมรับได้ ตัวเด็กมีอาการเริ่มต้นเพียงไข้ตัวร้อน แต่ถูกระบุว่าอยู่ในภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง(HIV) ในช่วงระหว่างเกิดเหตุ ซึ่งนี่ "อาจ" เป็นชนวน "บางส่วน" ที่เป็นสาเหตุของอุปสรรคในการรักษา/ช่วยชีวิตของบริการทางการแพทย์มในช่วงที่เกิดเหตุ ประเด็นนี้ หากคุณม่ต้องการคุ้ยต่อ ก็น่าจะตรวจสอบว่า "จริงไหม"
2. การพิจารณาคดีนี้ของศาล ว่าไปตามการแถลงของฝ่ายโรงพยาบาลทั้งสิ้น
3. การแถลงของฝ่ายโรงพยาบาลตามที่ศาลใช้เป็นแนวทางในการพิจารณาตัดสินนั้น มีระบุชัดว่า โรงพยาบาลที่เขาพนม และที่ กระบี่ ล้วนมีเครื่องมือที่ไม่พร้อม ซึ่งไม่สมควรเป็นข้ออ้างที่จะไม่ต้องรับผิด และไม่ใช่เหตุสุดวิสัยของการบริหารจัดการโรงพยาบาล ซึ่งสมควรที่จะต้องดำเนินการให้อยู่ในสภาพที่พร้อมทำงานกับผู้ป่วยฉุกเฉินภายใต้ภาวะหายใจบกพร่องเช่นนี้
ทั้งสองโรงพยาบาลเป็นของรัฐ มีทั้งงบประมาณและกฎหมายที่เป็นเครื่องมือในการเยียวยาเมื่อเกิดความเสียหายขึ้น โดยไม่เกี่ยวกับเงินในกระเป๋าของหมอหรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องใดๆเลย ประเด็นที่หมอหรือคนทำงานที่จะต้องเกรงว่ามารับผิดชอบ สงสาร เห็นใจ และศาลก็คงไม่สามารถมานั่งเห็นใจใครได้ ต้องว่าไปตามตัวบทกฎหมาย
กรณีนี้ ศาลตัดสินเช่นนี้ เท่ากับบอกว่า คนตายโชคร้ายเองที่โรงพยาบาลซึ่งเป็นของรัฐมีเครื่องมือซึ่งสมควร "ต้องมีและพร้อม" ในฐานที่เป็นโรงพยาบาลไม่พร้อมถึง สอง โรงพยาบาล ติดต่อกัน เด็กจึงสมควรตายไปอย่างโชคร้าย "เอง" ร่วมกับการที่รับรู้ภายหลังว่า เด็กผู้ตายมีภาวะ HIV ที่ถูกอ้างเป็นเหตุหลักซึ่งขัดขวาง
พ่อ แม่ พี่น้อง เอ้ย ผมขออัญเชิญพระบรมราโชวาทขององค์ในหลวงมาเปรียบเทียบการพิจารณาคดีนี้ เพื่อให้เรา/ท่านได้ตรองได้คิดดูทีว่า สอดคล้องกับที่องค์พ่อหลวงท่านทรงว่าหรือไม่
"
กฎหมายไม่ใช่ตัวความยุติธรรม หากเป็นแต่เพียงบทบัญญัติหรือปัจจัยที่ตราไว้เพื่อรักษาความยุติธรรม
ผู้ใดก็ตามแม้ไม่รู้กฎหมายแต่ถ้าประพฤติด้วยความสุจริตแล้ว ควรจะได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายอย่างเต็มที่ ตรงกันข้าม คนที่รู้กฎหมายแต่ใช้กฎหมายไปในทางทุจริตแล้ว ควรต้องถือว่าทุจริต และกฎหมายไม่ควรคุ้มครองจนเกินเลยไป เพราะฉะนั้นจึงไม่สมควรที่จะถือว่า การรักษาความยุติธรรมในแผ่นดินมีวงกว้างอยู่เพียงแค่ขอบเขตของกฎหมาย จำเป็นต้องขยายออกไปให้ถึงศีลธรรมจรรยา
ตลอดจนเหตุผลและตามเป็นจริงด้วย
"
โดย: คนรู้ทัน ไม่รู้จริง [30 ก.ค. 51 13:44] ( IP A:58.8.101.209 X: )
ความคิดเห็นที่ 6
คนฟ้องแย่มาก คุณเคยได้ยินเพลงชาวนากับงูเห่าใหม ผมขอร้องให้คุณฟัง ขอให้แพทย์ที่ดูแลฟ้องคืนหลังฎีกาตัดสินยกฟ้องอีกครั้ง คนแบบนี้ไม่ควรเห็นใจ เพราะเขาจะเอาแต่ได้ ไม่เคยเห็นใจคนอื่น ต้องฟ้องคืนนะเพื่อไม่ให้คนอื่นเอาเยี่ยงอย่าง
โดย: 9 [14 ก.ย. 51 22:30] ( IP A:125.26.68.157 X: )
คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน