เรียบร้อยไปอีกราย
   เวลา 10.00 น.วันที่ 22 กรกฎาคม 51 ที่ห้องพิจารณาที่ 7 ศาลจังหวัดนนทบุรี องค์คณะผู้พิพากษาประกอบด้วย มล.เฉลิมชัย เกษมสันต์ นายกิติยาภรณ์ อาตมียะนันทน์ และ นายสายันต์ สุรสมภพ ได้ออกนั่งบัลลังค์พิจาราณาคดีที่ นางกัลยา ปัทมปาณีวงศ์ อายุ 48 ปี ยื่นอุทธรณ์ฟ้องกระทรวงสาธารณสุขและโรงพยาบาลกระบี่ ที่รักษาลูกสาว ด.ญ.ศรัณญา ปัทมปาณีวงศ์ อายุ 12 ปี เสียชีวิต โดยเรียกค่าเสียหายเป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 2,000,000 บาท
เนื่องจากเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 47 ด.ญ.ศรัณญา มีอาการไม่สบายตัวร้อน นางกัลยา จึงได้พาไปรักษาที่คลินิก โดยแพทย์ได้ให้ยาแก้อักเสบมารับประทาน ต่อมาวันที่ 10 พฤษภาคม 47 ด.ญ.ศรัณญา มีอาการตัวเย็นรับประทานอาหารไม่ได้ นางกัลยา จึงได้พาไปพบแพทย์ที่คลินิกเดิม โดยทางแพทย์ที่รักษาบอกว่าจับชีพจรของด.ญ.ศรัณญา ไม่ได้ให้ส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลเขาพนม
เมื่อไปถึงโรงพยาบาลเขาพนม แพทย์ได้ให้น้ำเกลือแล้วแจ้งว่าให้พาด.ญ.ศรัณญา ไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลกระบี่ เนื่องจากเครื่องมือที่โรงพยาบาลเขาพนม มีไม่พอ และไม่แจ้งว่าด.ญ.ศรัณา ป่วยเป็นโรคอะไร เมื่อมาถึงโรงพยาบาลกระบี่ ด.ญ.ศรัณญา ยังรู้สึกตัวดี ทางคณะแพทย์ได้นำตัวเข้าห้องตรวจและแจ้งว่าด.ญ.ศรัณญา เป็นปอดอักเสบและมีน้ำท่วมปอด จะต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ
โดยจะใช้ท่อสอดเข้าไปในลำคอ เพื่อให้การหายใจดีขึ้น แต่ด.ญ.ศรัณญา ขัดขืนทางแพทย์จึงต้องฉีดยาสลบ ก่อนพนักงานของโรงพยาบาล จะช่วยกันสอดท่อช่วยหายใจโยพยายามถึง 3 ครั้ง แต่เครื่องช่วยหายใจยังมาไม่ถึง จึงต้องใช้เครื่องช่วยหายใจแบบบีบด้วยมือแทนไปก่อน หลังจากนั้นประมาณ 30 นาที ก็ได้เครื่องช่วยหายใจแบบเครื่อง
และเมื่อนำมาต่อกับเข้ากับท่อช่วยหายใจ ปรากฎว่า ค่าออกซิเจนจากเครื่องที่วัดปลายนิ้ว ลดต่ำลงจนทำให้ ด.ญ.ศรัณญา ตัวเขียว ทางแพทย์ที่รักษาต้องดึงเครื่องช่วยหายใจออก แล้วใช้เครื่องบีบด้วยมือแทน และทำแบบนี้สลับกันไปมาหลายครั้งจน ด.ญ.ศรัณญา มีอาการทรุดหนัก และได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา
ซึ่งนางกัลยา เห็นว่า การรักษาลูกสาว คือ ด.ญ.กัลยา ของคณะแพทย์ไม่มีความรู้ความสามารถเพียงพอ การรักษาไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการ และอุปกรณ์เครื่องช่วยหายใจไม่อยู่สภาพพร้อมใช้งาน จึงทำให้ลูกสาวต้องเสียชีวิต จึงได้ฟ้องกระทรวงสาธารณสุข และโรงพยาบาลกระบี่ ซึ่งเป็นตนสังกัดของคณะแพทย์ที่รักษาเรียกร้องค่าเสียหายโดยแยกเป็นค่าขาดไร ้ผู้อุปการะเป็นเงิน 1,810,000 บาท และค่าจัดการศพจำนวน 190,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 2,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับจากวันที่ฟ้อง
โดยทางองค์คณะผู้พิพากษาอุทธรณ์ ได้พิจารณาตามคำให้การของคณะแพทย์ที่รักษา พบว่า ด.ญ.ศรัณญา มีอาการหนักมาก่อนหน้าที่จะเข้ารักษาที่โรงพยาบาลกระบี่ และทางคณะแพทย์ได้ตรวจพบว่าด.ญ.ศรัณญา ป่วยเป็นโรคภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง จนเป็นสาเหตุให้เกิดโรคปอดบวมรุนแรง และทางคณะแพทย์ได้รักษาโดยใช้ยาปฏิชีวนะอย่างดีที่สุด และพบว่าการหายใจของด.ญ.ศรัณญา ไม่สัมพันธ์กับเครื่องช่วยหายใจ จึงทำให้หัวใจของ ด.ญ.ศรัณญา หยุดเต้น และทางคณะแพทย์ได้พยายามช่วยปั๊มหัวใจและช่วยหายใจด้วยมือ พร้อมกับใช้ยากระตุ้นการเต้นของหัวใจ และรักษาด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ แต่ไม่สามารถรักษาชีวิต ด.ญ.ศรัณญา ไว้ได้ ทางองค์คณะผู้พิพากษา เห็นว่าทางคณะแพทย์ได้พยายามรักษาเต็มที่แล้วและอุทธรณ์ของโจทย์ฟังไม่ขึ้น จึงพิจารณาพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ที่พิจารณายกฟ้อง
ด้าน นางกัลยา กล่าวว่า ตนยินดีน้อมรับคำตัดสินของศาลในวันนี้ แต่ตนจะขอยื่นฎีกาต่อไป เผื่อบางทีทางศาลท่าน อาจจะเห็นใจและสงสารตนบ้างที่ต้องสูญเสียลูกสาว
โดย: มีลมหายใจก็สู้ต่อ ขอให้กำลังใจ [22 ก.ค. 51 19:01] ( IP A:58.8.10.51 X: )
Add to Facebook  Add to Twitter  Add to Multiply  Add to Google  Add to Blogger  Add to Live
ความคิดเห็นที่ 1
   บางครั้งก็ต้องแยกระหว่างความเห็นใจกับความถูกต้อง
โดย: นะครับ [22 ก.ค. 51 19:44] ( IP A:118.173.100.3 X: )
ความคิดเห็นที่ 2
   ถ้าหมอผิดจริงและคนไข้เขาตายอย่างไม่สมควร
กรรมก็คงจะตกแก่บรรดาพยานที่โกหก จนศาลเชื่อ
แต่ถ้าหมอไม่ผิด คนไข้ฟ้อง และพยานโกหก
พวกนี้ก็คงต้องตกนรกเช่นกัน
มันต้องมีคนตกนรกข้างหนึ่งแน่ๆ
เด็กบนสวรรค์คงจะรู้
โดย: รอฏีกาอีกยก [22 ก.ค. 51 20:02] ( IP A:58.8.10.51 X: )
ความคิดเห็นที่ 3
   ๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

งานนี้ศาลท่านพิจารณาได้หมดจรดดีจริงๆ เรียกว่าพิจารณาตามที่โรงพยาบาลรายงานมาเป๊ะๆ ไม่มีออกนอกแนวเลย รายละเอียดสาธยายได้ตามที่ฝ่ายหมอว่ามาเลย ทางหนึ่งก็สบายๆ นิ่มๆ ดูเป็นเหตุสุดวิสัยตามข้อความที่บรรยาย แต่เรามาดูทีหรือว่า ข้อเท็จจริงที่เห็นได้กับตา และพ่วงกับข้อพิจารณาที่ศาลท่านพิจารณายกฟ้องก็คือ

เด็ก "ตาย" จากอาการป่วยแบบง่ายๆดายๆ แล้วหมอ+โรงพยาบาลทำงานแบบเรื่อยๆเฉื่อยๆ ในสภาพที่เครื่องมือไม่พร้อม นี่เท่าที่ดูตามข้อพิจารณาของศาลเลยนะ

แล้วไอ้ที่เปลี่ยนมือหลายโรงพยาบาล หลายที่รักษา จากอาการเด็กที่เริ่มต้นไม่อันตราย กลายเป็นเข้าขีดอันตราย จนกระทั่งตายในที่สุด ทั้งหมดนี่ในมือ "หมอ+โรงพยาบาลของกระทรวง ส.ธ. ใช่ไหมเอ่ย???"

เหตุนี้ การดำเนินของเรื่องราว ก็คือ ความไร้สำนึกในการทำงาน ไร้ความรับผิดชอบของหน่วยงานที่ขาดเครื่องมือเครื่องไม้ "ที่จำเป็น" เมื่อคนไข้เข้าสู่สภาพวิกฤต ที่ต้องพบอยู่เสมอและเป็นมาตรฐานการปฏิบัติงานของสถานพยาบาลอยู่แล้ว

ตกลงงานนี้ เท่าที่ตัดสินออกมา ผมขอตีความว่า เป็นเหตุซวยของคนไข้เอง ที่หลงคิดว่า เข้าไปหาหมอ เข้าโรงพยาบาล "ด้วยเรื่องเจ็บป่วยง่ายๆเนี่ย มีโอกาสหายเจ็บป่วยได้ "ไม่มีทางตาย" ประเด็นนี้ไม่จริงแล้ว

อ้อ แล้วท่านบรรดากรรมการแพทยสภา (โจร) แล้วก็ท่านอธิบดีกองประกอบโรค (ชั่ว) ไม่ต้องมาหาว่า "คนไข้คาดหวังสูง" นะครับ งานนี้ ต่อไปไม่คาดหวังสูงอยู่แล้ว แต่คาดหวังความชุ่ย และตีความแบบศรีธนญชัยของการยุติธรรมได้ แบบแน่ยิ่งกว่าแช่แป้งเลยล่ะ เฮ้อ
โดย: คนรู้ทัน ไม่รู้จริง [23 ก.ค. 51 11:53] ( IP A:58.8.105.235 X: )
ความคิดเห็นที่ 4
   ขอฝากข้อความด้านล่างนี้นี้ไปถึงศาลอุทธรณ์และศาลชั้นต้นด้วยนะครับ

๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙

"กฎหมายไม่ใช่ตัวความยุติธรรม หากเป็นแต่เพียงบทบัญญัติ หรือปัจจัยที่ตราไว้ เพื่อรักษาความยุติธรรม ผู้ใดก็ตาม แม้ไม่รู้กฎหมาย แต่ถ้าประพฤติด้วยความสุจริตแล้ว ควรจะได้รับความคุ้มครอง จากกฎหมายเต็มที่ ตรงกันข้าม คนที่รู้กฎหมาย แต่ใช้กฎหมาย ไปในทางทุจริตแล้ว ควรต้องถือว่าทุจริต และกฎหมายไม่ควรคุ้มครอง จนเกินเลยไป เพราะฉะนั้น จึงไม่สมควรที่จะถือว่า การรักษาความยุติธรรมในแผ่นดิน มีวงกว้าง อยู่เพียงแค่ ขอบเขตของกฎหมาย จำเป็นต้องขยายออกไป ให้ถึงศีลธรรมจรรยา ตลอดจนเหตุผล และ ตามเป็นจริงด้วย"

พระบรมราโชวาทพระราชทานแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากสำนักอบรมกฎหมายแห่งเนติบัณฑิตสภา เมื่อ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2519

๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙

อ้อ สำหรับท่านหมอที่จบกฎหมายมาในระดับเนติบัณฑิต ก็ขอแนะนำว่าไม่ต้องอ่านหรอกครับ เพราะคิดว่าท่าไม่มีวันเข้าใจได้ในชาตินี้ แล้วสถาบันเนติบัณฑิตเนี่ย ผมก็เชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง ยังไงก็ต้องดูคน ดูงานที่เขาทำมา ใช่ว่าอยู่สถาบันแบบนี้แล้วจะเชื่อได้หมด ทำไมหรือครับ???

ก็ให้ลองไปหาอ่านหนังสือ "ทำไมผมต้องฟ้องเนติบัณฑิตสภา" ของท่านอาจารย์สถิตย์ เล็งไธสง ดูครับ
โดย: คนรู้ทัน ไม่รู้จริง [24 ก.ค. 51 8:10] ( IP A:58.8.102.208 X: )
ความคิดเห็นที่ 5
   ก็แปลว่าถ้าคนไข้ชนะคือ บริสุทธ์ ถูกต้อง ยุติธรรม
ถ้าหมอชนะ แปลว่า ฉ้อฉล ใช้กฏหมายรังแกประชาชน
โดย: ใช่ไหมครับ [24 ก.ค. 51 9:45] ( IP A:118.173.100.159 X: )
ความคิดเห็นที่ 6
   ผมว่าไม่ใช่เสมอไปครับที่

ถ้าหมอชนะ แปลว่า ฉ้อฉล ใช้กฏหมายรังแกประชาชน เสมอไป

ท่านลองยกมาซักเรื่องซิครับ ที่หมอโดนคนไข้ฟ้องแล้วชนะอย่างใสสะอาด อย่างถูกทำนองคลองธรรมน่ะ มันต้องมีซักเรื่องซีน่า ที่หมอชนะคดีอย่างผู้บริสุทธิ์น่ะ

เอ้า ผมต่อให้นะ ไม่ต้องเอาคดีของท่านประธานเครือข่ายฯ คดีร่อนพิบูลย์ คดีน้องต้นกล้าก็ได้ หรือจะเอาคดีพวกนี้ก็ได้ หรือจะเอาคดีไหนๆ?ก็ได้ เราจะได้มาชำแหละกันว่า กระบวนการตรวจสอบ กระบวนการยุติธรรมของไทยเนี่ย มันขาวสะอาดบริสุทธิ์ "ทั้งหมด" ตลอดมาหรือเปล่า

อย่างนี้ดีไหมครับ????
โดย: 6993 [24 ก.ค. 51 10:18] ( IP A:58.8.102.208 X: )
ความคิดเห็นที่ 7
   สรุป...

ปัญหาบ้านเมืองก็วุ่นวายมากพออยู่แล้ว เพราะได้นักการเมืองเลว

ปัญหาคนไข้กับหมอ ที่วุ่นวายทุกวันนี้ ก็เพราะแพทยสภายุคนี้มีหมอเลว ๆ ไปเป็นกรรมการมากเกินไป หมอดี ๆ ก็ห่วงผลประโยชน์ตัวเองไม่กล้าออกมาห้ามปรามพวกเดียวกัน เห็นเพื่อนทำชั่วไม่ห้าม แม้จะไม่ลงมือทำชั่วเอง ชาวบ้านเขาก็จะด่าว่าชั่วเช่นกัน

แพทยสภาไม่พอ มีกองประกอบโรคศิลปะอีก สนง.ปลัดอีก ที่ชอบแต่เลียไข่รพ.เอกชน และเลียไข่รมต.


ไอ้คนพวกนี้ หมดความน่าเชื่อถือ มันไม่มีเกียรติอะไรเลย
โดย: กรรมของชาวบ้าน [24 ก.ค. 51 17:24] ( IP A:58.9.192.123 X: )
ความคิดเห็นที่ 8
   มาขอความช่วยเหลือไม่ใช่เหรอ

ไม่ขอบคุณแต่แว้งกัดว่างั้น

ไม่คิดอีกแง่ละว่า ถ้าไม่รักษาก็ตาย

เห็นใจ แต่ ความสงสารคือความถูกต้องเหรอครับ
โดย: Dr.BakI [31 ก.ค. 51 23:52] ( IP A:117.47.95.71 X: )
ความคิดเห็นที่ 9
   โธ่ น่าสมเพชจริง

คุณ Dr. Bakl ครับ ท่านคิดว่าท่านเป็นพระเจ้า เป็นพญายมหรือไงกัน?
ถึงได้พูดประหนึ่งว่า ผู้เสียหายเป็นฝ่ายผิด ที่มาเรียกร้องความยุติธรรมหรือแม้แต่ "แค่" ตั้งข้อสงสัยกับ "การตาย" ของลูกในไส้

คุณมีลูกไหมเนี่ย??? แล้วคุณเคยมี "ลูกที่ตายไปอย่างไม่น่าตายเลย" ไหม?

งานนี้ แม่เด็กเขาฟ้องเรียกค่าเสียหายจากกระทรวงฯ ต้นสังกัด ตามสิทธิที่เขาพึงเรียกร้องได้ แล้วก็มีทั้งกฎหมายและงบประมาณรองรับไว้แล้ว ไม่ได้ฟ้องเพื่อเอาหมอต้นเรื่องติดคุก ไม่ได้ฟ้องเพื่อเอาเงินจากกระเป๋าหมอ แล้วแม่เด็กที่ตาย "เขาผิดตรงไหนกัน?"

หรือเขาผิดตรงที่ไปเหยียบเอา "ตัวอัตตา" ในวิชาชีพหมอเข้า

วิชาชีพหมอนี่ มีหน้าที่ช่วยชีวิตมนุษย์ เป็นสาระแห่งวิชาชีพนี้ไม่ใช่หรือ?

แต่การที่คนในอาชีพนี้ ช่วยคนหายเจ็บ/รอดตายได้จากความเจ็บป่วย ก็ไม่ได้หมายความว่า จะโกหก ตลบแตลง ปัดความรับผิดชอบ เมื่อเป็น "คนทำคนเจ็บหรือตายซะเอง" นะครับ

คนในอาชีพ "หมอ" ไม่ใช่พระเจ้า แต่เป็น "พ่อพระ" ที่สังคมไทยนี้ "เคย" ยกย่องบูชา เอาขึ้นไว้บนหิ้ง เช่น สมเด็จพระบรมราชชนก และหมออื่นๆอีกหลายๆคน

แม่เมื่อไหร่ที่หมอที่คิดหรือพูดอย่างที่ท่านเพิ่ง "สำรอก" ออกมานี้ ท่านก็หมดค่าทันที

ไม่เชื่อ ท่านก็ลองกล้าๆแสดงตัวหน่อยซิ แล้วลองดูทีหรือว่า จะมีคนไข้หน้าไหน? กล้าให้ท่านรักษาในเรื่องใหญ่ๆ ที่มากไปกว่า ตรวจชีพจร/วัดความดัน แล้วก็ป้ายยาทาแผล เฮ้อ อนาจหมอที่จบกฎหมายบางคนจริงๆ ไม่รู้ปล่อยให้จบมาได้ไงเนี่ย????
โดย: คนรู้ทัน ไม่รู้จริง [1 ส.ค. 51 7:19] ( IP A:58.8.103.96 X: )

คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน