consumer.pantown.com
Thai Iatrogenic Network รวมกระทู้เครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ <<
กลับไปหน้าแรก
แพทยสภา รับหมอเสียภาษีไม่ถูกต้องเพียบ
แพทยสภา รับหมอเสียภาษีไม่ถูกต้องเพียบ หวั่นสรรพากรเช็กบิลย้อนหลัง
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 5 กันยายน 2551 08:16 น.
https://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9510000105003
แพทย สภาห่วงหมอถูกสรรพากรเช็กบิลย้อนหลัง เหตุไม่รู้กฎหมาย จัดอบรมให้ความรู้แถมแนะหมอเปิดกิจการใหม่ให้จดทะเบียนกิจการเป็นนิติบุคล ห้างหุ้นส่วน
วานนี้ (4 ก.ย.) ที่โรงพยาบาลราชวิถี นพ.ไพโรจน์ บุญศิริคำชัย ผู้ช่วยเลขาธิการแพทยสภาด้านกฎหมายกล่าวในงานกระประชุมวิชาการแพทยสภา ประจำปี 2551 เรื่อง "ภาษีแพทย์ : อนาคตแพทย์ไทยกับการเสียภาษี ว่า ขณะนี้แพทย์จำนวนมากยังเสียภาษีไม่ถูกต้อง โดยส่วนใหญ่จึงไม่ได้ตั้งใจจะหลบเลี่ยงภาษี หรือปกปิดรายได้ที่แท้จริง แต่เนื่องจากไม่รู้และไม่เข้าใจการจัดเก็บภาษีลักษณะการประกอบอาชีพของตนว่า เข้าข่ายเสียภาษีตามมาตราใดกันแน่เพราะมีความเกี่ยวข้องในหลายมาตราของบท บัญญัติแห่งประมวลรัษฎากร พ.ศ.2541
ดังนั้น เรื่องนี้ถือเป็นปัญหาที่ต้องเร่งทำความเข้าใจ เพราะหากเสียภาษีไม่ถูกช่องทางก็มีความเสี่ยงสูงที่กรมสรรภากรจะเรียกเก็บ ภาษีย้อนหลังได้ รวมถึงจะต้องเสียค่าปรับ และดอกเบี้ย ซึ่งเป็นวงเงินที่สูงเกินกว่าที่แพทย์ควรจ่าย
นพ.ไพโรจน์ กล่าวต่อว่า อาชีพแพทย์ถือเป็นการประกอบวิชาชีพเวชกรรม มีข้อกำหนดในการเสียภาษีแตกต่างจากภาษีเงินได้ธรรมดา จึงทำให้มีความซับซ้อนในการคำนวณภาษี ประกอบกับแพทย์ส่วนใหญ่อาจทำงานหลายที่และมีรายได้หลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นวิทยากร อาจารย์สอนหนังสือ เช่น แพทย์ 1 คน มีงานประจำในเวลาราชการปกติ และทำงานนอกเวลาราชการหรือคลินิกพิเศษของสถานพยาบาลเดียวกัน จะเสียภาษีตามมาตรา 40(1) บทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากร พ.ศ.2541 แต่หากทำงานคลินิกพิเศษกับสถานพยาบาลคนละแห่งกับงานประจำ เช่น คลินิกนอกเวลาของโรงพยาบาลเอกชน จะเสียภาษีตามมาตรา 40(2)
หาก แพทย์มีธุรกิจมีฐานะเป็นผู้จ้าง ผู้ประกอบการ โดยไปเปิดคลินิกเอกชนเป็นของตัวเอง หรือโรงพยาบาล ซึ่งถือเป็นวิชาชีพอิสระ ต้องเสียภาษีตามมาตรา 40(6) ซึ่งวิชาชีพอื่น เช่น สถาปัตยกรรม วิศวกรรม บัญชี ต้องประเมินภาษีตามมาตรานี้ด้วย หากแพทย์ที่เสียภาษีตามมาตรานี้ก็ไม่จำเป็นต้องไปเสียภาษีในมาตราอื่นอีก เพราะจะถือว่าเสียภาษีซ้ำซ้อนโดยที่ไม่จำเป็น นพ.ไพโรจน์ กล่าว
นพ.ไพโรจน์ กล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตาม แพทย์ที่เสียภาษีตามมาตรา 40(6) มีสิทธิ์ได้หักค่าใช้จ่ายในการประกอบธุรกิจ เช่น ค่าเช่าสถานที่ ค่าจ้างพนักงาน ค่าดำเนินการธุรกิจ เป็นต้น ได้ 2 แบบ คือ หักค่าใช้จ่ายตามจริง และหักในอัตราเหมาจ่ายได้สูงสุด 60% ของรายได้ ซึ่งอาชีพแพทย์เป็นอาชีพที่หักค่าใช้จ่ายได้สูงสุด ขณะที่วิชาชีพอื่นหักค่าใช้จ่ายได้เพียง 30% เท่านั้น จึงได้แนะนำให้แพทย์ใช้วิธีอัตราเหมาจ่ายดีที่สุดเพราะคุ้มค่ามากกว่าหักตาม ค่าใช้จ่ายจริงโดยเฉพาะสถานพยาบาลที่มีค่าใช้จ่ายสูงจะได้มีส่วนต่างของราย ได้กลับคืนมา
นอก จากนี้ การเปิดคลินิกใหม่ยังช่วยลดการจ่ายภาษีได้ด้วย โดยจะต้องจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล ห้างหุ้นส่วน ที่มีผู้ร่วมทุนมากกว่า 1 คน ทำให้ไม่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคลธรรมดา แต่เสียภาษีในส่วนของห้างหุ้นส่วนที่เพิ่งเปิดกิจการใหม่แทน โดยที่ไม่ต้องไม่ประเมินภาษีจากรายได้ที่มีมาก่อนหน้าจะเปิดกิจการ และหากมีการเปิดสาขาหรือกิจการใหม่ โดยที่มีหุ้นส่วนใหม่เพิ่มเข้ามา แค่ 1 คนเท่านั้น ระบบการประเมินภาษีก็จะเริ่มนับหนึ่งใหม่ทันที คือ หากมีรายได้ไม่เกิน 1.5 แสนบาท ไม่เสียภาษี หากมีรายได้เกิน 1.5 แสนบาท เสียภาษี 10% และหากมีรายได้เกิน 5 แสนบาทขึ้นไป เสียภาษี 20% และยังได้สิทธิ์หักค่าใช้จ่ายได้อีกด้วย ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีที่ทำกันแพร่หลาย และถูกต้องตามกฎหมายด้วย นพ.ไพโรจน์ กล่าว
โดย: เลี่ยงภาษีกันก็มีมาก [7 ก.ย. 51] ( IP A:58.9.184.146 X: )
ความคิดเห็นที่ 1
แหม คุณหมอไพโรจน์ บุญศิริคำชัย ผมอนุโมทนากับงานนี้ของท่านจริงๆ แต่ผมเสนอให้ท่านทำบุญที่ "ยิ่งใหญ่" กว่านี้ดีกว่าครับ
คือ ท่านควรและสมควรเป็นอย่างยิ่งที่จะจัดอบรม "จริยาธรรมพื้นฐานในวิชาชีพหมอ" ให้กับบรรดาหมอรุ่นใหม่ๆ ที่อายุไม่เกินรุ่นของท่าน
จะเป็นเรื่องดีเลิศ เป็นบุญเป็นกุศลใหญ่หลวง และ "ได้บุญหลายๆต่อ" ไปอีกยาวไกลมากๆ
เพราะ หมอรุ่นใหม่ๆ ยังมีโอกาส
รับรู้และเข้าใจโดยสำนึก
ได้ง่ายต่อเรื่องจริยธรรมพื้นฐานที่จำเป็นนี้ได้ง่ายกว่า
ส่วนวิทยากรที่จะนำอภิปราย ผมเสนอ "คุณ GN" เป็นวิทยากรนำ+กับอีกหลายๆแถวๆนี้ มีเยอะมากให้เลือกเอาตามใจเลยครับ แล้วผมก็เชื่อว่า "ฟรี" ด้วยไม่คิดค่าตัว
อ้อ ผมไม่แนะนำให้หมอเป็นวิทยากรนะครับ โดยเฉพาะหมอรุ่นเดียวกันและโดยเฉพาะรุ่นที่แก่กว่า กรรมการแพทยสภาทั้งหมดทั้งในอดีตสิบปีหลังมานี้กับที่เป็นอยู่ปัจจุบัน "ทั้งหมดนั้นต้องห้ามเด็ดขาด" ยกเว้นท่านต้องการอบรม "วิชาฉ้อฉลทางวิชาชีพหมอ" ก็เป็นตรงข้ามครับ
เพราะกรรมการแพทยสภาทั้งหมดรวมทั้งตัวท่านเอง มีคุณสมบัติพร้อมที่จะอบรมวิชาฉ้อฉลทางวิชาชีพแพทย์ได้เต็มที่เลยครับ
โดย: คนรู้ทัน ไม่รู้จริง [8 ก.ย. 51 8:35] ( IP A:58.8.104.70 X: )
ความคิดเห็นที่ 2
ความคิดเห็นที่ 1
ขอบคุณค่ะ ไปเป็นวิทยากรจะเป็นให้ฟรี แถมแจกชีช
แต่สำคัญที่สุดตอนนั้น เขาจะฟังคนไข้เลือดบวกพูดหรืออบรมเหรอคะ
เขาเป็นถึงหมอเชียวนะท่าน เขาไม่ฟังเราง่ายๆหรอกค่ะ ขนาดอาเจียนเป็นเลือดให้เขาเห็น จะ จะ เขายังไม่เชื่อเล้ย .....
ต้องจัดไปนั่งสมาธิก่อนนักศึกษาแพทย์ใหม่ ๆ เพราะว่า สมาธิสั้นกันเกินไป แล้วค่อยสอนการเดินก้าวย่าง พองหนอ ยุบหนอ ต้องสอนให้รู้ว่าอย่าโลภมากเดี๋ยวก็ตาย และตายไปก็ไม่ได้เอาอะไรไปด้วยแม้แต่ ปรอทวัดความดัน ประมาณนั้นเลย
สอนให้เขาแข่งกันทำความดี จิตสำนึกพูดจาให้มันเหมือนคนเจรจากันหน่อยเวลาคนไข้จนจน หรือว่าโคตรจนไปรักษา เพราะมันไม่เจ็บไม่ป่วยกันจริงๆ มันไม่มีใครไปอยากนอนสำออยหมออยู่ที่เตียงแน่นอน
ให้เขาเอาใจเขามาใส่ใจเราบ้าง ให้ทำอะไรให้ยึดเอาตัวเองเป็นหลักสิ่งไหนที่ตัวเองไม่ชอบ นั่นแหล่ะคนอื่นก็ไม่ชอบเช่นกัน เช่น การพูดไม่เพราะ การพูดกระแทกแดกดัน ไม่รู้ว่าเขาสอนกันมาเป็นหลักสูตรหรือเปล่า เพราะดูๆแล้วพูดจากระแทกแดกดันคนไข้นี่เก่งกันจริงๆ
ไม่เชื่อออกมาดู รพ.รัฐ บ้านนอก เอาจังหวัดลำพูนก่อน เดี๋ยวจะหาว่าข่าวไม่จริง
เมื่อวานไปนั่งดูไผ่ยิปซีมา หมอดูไผ่บอกว่าเคยเอาลูกอายุ 6 ขวบไปรักษา พอพ่อบอกอาการของลูกที่ป่วยให้หมอฟัง โดนหมอด่าว่าคุณเป็นหมอหรือทำไมไม่รักษาเองรู้มากซะขนาดนี้ อ้าว!!! เขาก็บอกว่าเด็ก 6 ขวบ มันจะพูดอะไรได้เกี่ยวกับตัวเด็กเอง พ่อเป็นคนเลี้ยงดูแลอยู่ทุกวันทำไมจะไม่รู้ว่าลูกเป็นอะไรบ้างแต่ละวัน กลับโดนหมอด่ามาแบบนี้ เขาบอกว่า หมอที่นี่ปาก มอม กันทุกคนหรือเปล่า ทำไมพูดจาแบบนี้ไปหมดเกือบทุกคน แม้แต่พยาบาลทำไมมันเป็นอย่างนั้น และคำว่า มารยาททางสังคมเขาไม่มีเลยเหรอในอาชีพนี้ ผมเชื่อแล้วหล่ะว่าทำไมเดี๋ยวนี้หมอถึงถูกฟ้องบ่อย เพราะตอนนั้นลูกผมก็เกือบตายเหมือนกัน ต้องควักเงินทั้งหมดที่มีอยู่หอบลูกไปรักษาที่ รพ.แมคคอมิกค์ เพื่อให้ลูกตัวเองรอด เขาจึงเข้าใจว่าทำไม GN+ จึงฟ้องหมอ รพ นี้ อันนี้ไม่บ่นให้ฟังค่ะ ได้ยินมาเมื่อวาน
ธรรมจึงเป็นกฎหมายที่ยั่งยืนเพราะเป็นเรื่องของจิตใจของมนุษย์ที่รู้สึกผิดชอบชั่วดี ผู้ใดมีธรรมครองใจ ก็ต้องถือว่าผู้นั้นมีกฎหมายอยู่ในตัวเอง สามารถชี้ความถูกต้องของปัญหาต่างๆได้ ย่อมเป็นหลักฎหมายที่มาแต่ดั้งเดิมที่สำคัญยิ่ง ในการเป็นอยู่ของมนุษย์
โดย: GN+ [8 ก.ย. 51 10:15] ( IP A:117.47.41.104 X: )
ความคิดเห็นที่ 3
เลือด + หรือ - ไม่ได้ตัดสินความเป็นคนดี หรือ เลว ในตัวคนครับ
การกระทำและคำพูดที่ปรากฏออกมาเท่านั้น ที่เราควรใช้ตัดสิน
แล้วก็อีกนั่นแหละ ที่ระดับการศึกษาและสถาบันการศึกษาที่สำเร็จออกมา ก็ไม่ได้ตัดสินความดี/เลวในตัวคนอีกเช่นกัน
แพทยสภา กับ ค.ร.ม. ชุดปัจจุบันนี้ เป็นตัวอย่างชี้บอกที่ชัดเจนว่า
เรียนสูงมาแค่ไหน ตำแหน่งหน้าที่การงานที่มีเกียรติมีอำนาจ (สมมติ) มากเพียงใด ก็ชั่วชาติ สารเลวได้ไม่ยิ่งหย่อนกว่าคนธรรมดาเดินดินกินข้าวแกงซักเท่าไหร่เลย เพียงแต่กลุ่ม ค.ร.ม. และแพทยสภานี้ ทำความชิบหายในวงกว้างกว่า เท่านั้น
โดย: คนรู้ทัน ไม่รู้จริง [9 ก.ย. 51 8:28] ( IP A:58.8.98.205 X: )
ความคิดเห็นที่ 4
ความคิดเห็นที่ 3
ไม่ได้แยกเฉพาะเลือดนะคะ คนไข้บัตทองในปัจจุบัน
เขาดูที่ระดับการศึกษา และนามสกุลคนไข้ด้วย
ว่ามาจากไหน ? ถ้าลูกตาสี ตาสา ก็ไปฟ้องเอาเองซิ
ถ้านามสกุลดังหน่อยในจังหวัด เขาคงเอาเงินใส่พานมาประเคนขอโทษไปนานแล้วหล่ะคะ หรือไม่ก็รักษาให้ระดับ vip เพราะเท่าที่เห็นคนจนทั้งนั้นที่ไปนอนเรียงกันที่เตียงคนไข้รวม คนจนเขาส่งเข้าห้องพิเศษหมด เพราะคนจนแบบเราไม่มีสิทธิ์เข้าไปเพราะรักษาฟรีแค่มีเตียงให้นอน ไม่เอากองไว้กับพื้นก็ถือว่า หรูที่สุดแล้วค่ะสำหรับ รพ.รัฐแห่งนี้ ย้ำแห่งนี้นะคะ ที่อื่นอาจจะดีมากก็ได้ ไม่ได้ว่า รพ. รัฐ ทุกแห่ง
เรื่องการศึกษาเป็นเรื่องจริงที่ไม่ได้ทำให้จิตใจมนุษย์สูงขึ้น
ยิ่งสูง ยิ่งเหยียบย่ำคนอื่น แบบนี้ก็มีให้เห็นอยู่เสมอในสังคมไทย
และที่สำคัญ คนที่มีอำนาจตอนนี้ส่วนมากมีการศึกษาดีแต่การศึกษาดีเหล่านั้นเอาไปใช้ในทางที่ผิดมากกว่า ที่จะเอามาปรับปรุงสังคมไทยและจรรโลงความเป็นไทย
เขาไม่ได้มองว่า คนไข้มันเป็นเลือดบวกหรือลบอย่างเดียวหรอกค่ะ
เขามองว่า คนไข้บัตรทองที่เป็นโรคเปลืองงบประมาณชาติมากกว่า
สังคมไทย ไม่ชอบคนพูดอะไรตรงๆ
สังคมไทย ชอบสอนให้คนประจบสอพลอ
สังคมไทยสอนให้คนเห็นแก่ตัวมากกว่า
คนทำงานดี ท้อแท้หมดเพราะโดนคนทำงานเลวเป็นหัวหน้า
มันอย่างนั้นจริงๆค่ะ เมืองไทย หนูว่านะ !!!
โดย: GN+ [9 ก.ย. 51 9:38] ( IP A:222.123.22.183 X: )
ความคิดเห็นที่ 5
ความคิดเห็นที่ 3
ไม่ได้แยกเฉพาะเลือดนะคะ คนไข้บัตรทองในปัจจุบัน
เขาดูที่ระดับการศึกษา และนามสกุลคนไข้ด้วย
ว่ามาจากไหน ? ถ้าลูกตาสี ตาสา ก็ไปฟ้องเอาเองซิ
ถ้านามสกุลดังหน่อยในจังหวัด เขาคงเอาเงินใส่พานมาประเคนขอโทษไปนานแล้วหล่ะคะ หรือไม่ก็รักษาให้ระดับ vip เพราะเท่าที่เห็นคนจนทั้งนั้นที่ไปนอนเรียงกันที่เตียงคนไข้รวม คนจนเขาส่งเข้าห้องพิเศษหมด เพราะคนจนแบบเราไม่มีสิทธิ์เข้าไปเพราะรักษาฟรีแค่มีเตียงให้นอน ไม่เอากองไว้กับพื้นก็ถือว่า หรูที่สุดแล้วค่ะสำหรับ รพ.รัฐแห่งนี้ ย้ำแห่งนี้นะคะ ที่อื่นอาจจะดีมากก็ได้ ไม่ได้ว่า รพ. รัฐ ทุกแห่ง
เรื่องการศึกษาเป็นเรื่องจริงที่ไม่ได้ทำให้จิตใจมนุษย์สูงขึ้น
ยิ่งสูง ยิ่งเหยียบย่ำคนอื่น แบบนี้ก็มีให้เห็นอยู่เสมอในสังคมไทย
และที่สำคัญ คนที่มีอำนาจตอนนี้ส่วนมากมีการศึกษาดีแต่การศึกษาดีเหล่านั้นเอาไปใช้ในทางที่ผิดมากกว่า ที่จะเอามาปรับปรุงสังคมไทยและจรรโลงความเป็นไทย
เขาไม่ได้มองว่า คนไข้มันเป็นเลือดบวกหรือลบอย่างเดียวหรอกค่ะ
เขามองว่า คนไข้บัตรทองที่เป็นโรคเปลืองงบประมาณชาติมากกว่า
สังคมไทย ไม่ชอบคนพูดอะไรตรงๆ
สังคมไทย ชอบสอนให้คนประจบสอพลอ
สังคมไทยสอนให้คนเห็นแก่ตัวมากกว่า
คนทำงานดี ท้อแท้หมดเพราะโดนคนทำงานเลวเป็นหัวหน้า
มันอย่างนั้นจริงๆค่ะ เมืองไทย หนูว่านะ !!!
โดย: GN+ [9 ก.ย. 51 9:40] ( IP A:222.123.22.183 X: )
ความคิดเห็นที่ 6
คนจนเขาส่งเข้าห้องพิเศษหมด
แก้ไขคำผิด
คน
รวย
เขาส่งเข้าห้องพิเศษเท่านั้นค่ะ
และมีพยาบาลเดินดูตลอด ไม่ว่าจะกี่โมงกี่ยาม
มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ
โดย: GN+ [9 ก.ย. 51 9:48] ( IP A:222.123.22.183 X: )
ความคิดเห็นที่ 7
ยังมีความคิดที่ว่าห้องพิเศษมีพยาบาลเดินดูตลอดอยู่อีกแฮะ
โดย: 000 [9 ก.ย. 51 19:11] ( IP A:202.28.183.9 X: )
ความคิดเห็นที่ 8
ความคิดเห็นที่ 7
เคยไปนอนไหม รพ.รัฐ ก็คนไข้ vip ไง๊ ที่เดินดูตลอด
ก็เห็นอยู่ นอน รพ ไม่ได้ตาบอดนี่นา สมองก็แยกแยะได้ว่า ที่ใส่ชุดขาวเดิน-เข้าๆออกๆ มันเป็นพยาบาล ไม่ใช่นางปีศาจ
ทีเตียงคนไข้รวมมันจะเดินมาเป็นเวลา เช้า กะ เย็น เท่านั้น จบ
มันลือกปฎิบัติอยู่แล้วเรื่องนี้ ไม่ต้องทำเซ่อร์กันหรอกเรื่องจริง
โดย: GN+ [10 ก.ย. 51 9:47] ( IP A:117.47.45.194 X: )
ความคิดเห็นที่ 9
พฤษกผกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง
โทฑณเสน่ห์คง สำคัญหมายในกายมี
นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์
สถิต์ทั่วแต่
ชั่ว
ดี
ประดับไว้ในโลกา
พระราชนิพนธ์ในล้นเกล้า รัชกาลที่ ๖
โดย: คนรู้ทัน ไม่รู้จริง [10 ก.ย. 51 10:09] ( IP A:58.8.104.60 X: )
ความคิดเห็นที่ 10
งั้นก็แปลกอย่างนะ เพราะ ห้องพิเศษใน รพ เอกชน คือห้องพิเศษจริงๆ
แต่ห้องพิเศษที่ รพ รัฐ คือ ห้องที่อยู่ใกลหมอเป็นพิเศษ
โดย: หมอ รพ รัฐ [10 ก.ย. 51 13:37] ( IP A:125.26.111.172 X: )
ความคิดเห็นที่ 11
จะทำสงครามน้ำลายกันอีกนานมั้ยยะ ตบๆกันซะที คนดูเซงละนะคะ
นี่แหละน๊า พยายามทำตัวผู้ดี ใจจริงคงอยากตบกันมากกว่า จิงมะยะหล่อน
โดย: ไม่บอกย่ะ [13 มี.ค. 52 11:09] ( IP A:222.123.237.228 X: )
คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน