อ้าว ยกฟ้องหมอไพศาลแล้วนิ ...
|
ความคิดเห็นที่ 1 เหตุหลักฐานอ่อน!ยกฟ้อง"หมอไพศาล"ฉ้อโกงเหยื่อศัลยกรรม โดย ทีมข่าวอาชญากรรม ผู้จัดการออนไลน์ 17 พฤศจิกายน 2551 11:39 น.
https://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9510000135884 ยกฟ้อง "หมอไพศาล" ในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน และกระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส เหตุหลักฐานรับฟังไม่ได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการหลอกหลองประชาชน อีกทั้งขั้นตอนการผ่าตัดได้รับการรับรองจากสมาคมศัลยแพทย์ฯ ด้าน "หมอไพศาล" บอกดีใจที่ชนะคดี และรู้สึกได้รับความเป็นธรรม ขอบคุณศาลที่ให้ประกันตัว ทำให้มีโอกาสต่อสู้คดี ส่วนคดีข้อหาจ้างวานฆ่าจะต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป วันนี้ (17 พ.ย.) เวลา 10.00 น. ที่ห้องพิจารณา 703 ศาลอาญาถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษาคดีดำที่ อ.4754/2549 ที่อัยการสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนพ.ไพศาล หรือกวีวัธน์ เฮงสวัสดิ์ อายุ 40 ปี เจ้าของสถาบันเสริมความงามไบโอคลินิก เป็นจำเลย ในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน และกระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส ตามฟ้องโจทก์เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.2549 ระบุว่าเมื่อเดือนเม.ย 2546-ก.พ. 2548 จำเลยทุจริตหลอกลวงประชาชนอื่นที่มีความประสงค์จะทำศัลยกรรมเสริมความงามด้วยโฆษณาด้วยวิธีการเทคนิคพิเศษใช้สารไบโอศัลยกรรมตกแต่งใบหน้า ซึ่งเป็นยาที่ไม่ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กระทั่งทำให้เกิดผลกระทบข้างเคียง การกระทำของจำเลยจึงเป็นการฉ้อโกงประชาชนและผู้เสียหาย เหตุเกิดที่แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร ขอให้ลงโทษตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300,341,343 ต่อมาเมื่อวันที่ 21 ก.ย.ที่ผ่านมา นายเจษฎา วิวัฒนานุกูล บุตรชายของนางระวีวรรณ เสตะรัต หรือนางอภัสนันท์ ฐิติโชติชัยปรีชา ผู้เสียหายจากการศัลยกรรมใบหน้ายื่นคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมแทนมารดาถูกยิงเสียชีวิตเมื่อคืนวันที่ 13 ก.ย. ศาลพิจารณาคำร้องที่ยื่นประกอบเอกสารทั้งหมดแล้ว จึงอนุญาตให้เข้าเป็นโจทก์ร่วมได้ ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าหลักฐานรับฟังไม่ได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการหลอกหลวงประชาชนจึงไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน นอกจากนี้โจทก์ร่วมที่ 1เคยเข้ารับการผ่าตัดที่อื่นหลายครั้ง ฟังไม่ได้ว่าแผลจากการผ่าตัดเกิดจากการทำศัลกรรมของจำเลย อีกทั้งการทำศัลยกรรมดังกล่าวทางสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งแห่งประเทศไทยให้การรับรองว่าขั้นตอนการผ่าตัดทำศัลยกรรมได้มาตรฐานตามหลักวิชาการ ขณะที่พยานโจทก์ไม่มีน้ำหนักจึงรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตายสาหัส พิพากษายกฟ้อง ภายหลังฟังคำพิพากษา นพ.ไพศาลให้สัมภาษณ์ ว่าดีใจที่ชนะคดี และรู้สึกว่าได้รับความเป็นธรรมจากศาล และขอบคุณศาลที่ให้ประกันตัว ทำให้ตนมีโอกาสต่อสู้คดี ส่วนคดีข้อหาจ้างวานฆ่านั้นจะต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป ซึ่งคดีดังกล่าวพนักงานสอบสวนได้ขออนุมัติหมายจับตน โดยอ้างว่ามีพยานได้ยินตนตะโกนสั่งน้องชายที่หน้าไบโอคลินิก ให้ไปฆ่าผู้เสียชีวิตนั้น ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้ ส่วนข้อหาพกพาอาวุธปืนไม่ใช่ข้อหาของตน แต่เป็นข้อหาของผู้ต้องหารายอื่น นพ.ไพศาล หรือกวีวัธน์ เฮงสวัสดิ์ ขณะเดินทางมาฟังคำพิพากษา 
| โดย: เพียงยกแรกเท่านั้นอย่าเพิ่งดีใจ [17 พ.ย. 51 12:25] ( IP A:58.9.189.253 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 2 นพ.ไพศาล หรือกวีวัธน์ เฮงสวัสดิ์ และทนายความขณะเดินออกจากห้องพิจารณาคดี 
| โดย: คุณจะชนะตลอดกาลหรือ..? [17 พ.ย. 51 12:26] ( IP A:58.9.189.253 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 3 นพ.ไพศาลให้สัมภาษณ์ ว่าดีใจที่ชนะคดี และรู้สึกว่าได้รับความเป็นธรรมจากศาล และขอบคุณศาลที่ให้ประกันตัว ทำให้ตนมีโอกาสต่อสู้คดี 
| โดย: แล้วใครจะเป็นคนตอบโจทย์ของสังคมล่ะ...? [17 พ.ย. 51 12:27] ( IP A:58.9.189.253 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 4 https://news.mjob.in.th/crime/cat4/news6588/ "หมอไบโอ"โต้คดีฆ่า สาวนักแฉ ตร.พบพยานเพิ่งตาย
ตร.ระดมล่า 2 มือปืนสังหารโหดสาวจอมแฉ คู่ปรับหมอ"ไบโอคลินิก" ได้พยานเห็นนั่งกินเบียร์รอเหยื่อก่อนลงมือ พบประเด็นแรงเรื่องที่มีปัญหาฟ้องร้องนัวเนียคาศาลกับ"หมอไพศาล" นับจากตัวเองหน้าเละจากการทำศัลยกรรม แถมตามขุดคุ้ยเรื่องนำสารต้องห้ามสำหรับลดความอ้วนจากจีนเข้าประเทศด้วย แฉพยานปากสำคัญฝ่ายผู้ตาย อดีตเป็นลูกน้องของหมอไบโอฯ เพิ่งถูกยิงตายไม่นาน เจ้าตัวเองก่อนนี้ก็เคยโดนมือปืนประกบยิงรถมาแล้วแต่กระสุนพลาด บอกกับเอ็นจีโอด้านคุ้มครองผู้บริโภคว่าตัวเองต้องตายแน่ๆ ทางด้าน"หมอไพศาล"คู่ความ ไม่ยอมพบนักข่าว ให้ลูกน้องมาชี้แจงแทน พร้อมไปพบตร.เสมอถ้าเรียกมา -ตร.ประชุมคดีฆ่าสาวคู่ปรับหมอ
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 14 ก.ย. ที่กก.สส.บก.น.4 พล.ต.ต.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น รองผบช.น. ได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนเพื่อติดตามความคืบหน้า กรณีมือปืนบุกสังหารยิงนางอภัสนันท์ ธิติโชติชัยปรีชา หรือนางรวีวรรณ เสตะรัต อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 159 หมู่ 2 ต.เตาปูน อ.โพธาราม จ.ราชบุรี เสียชีวิตที่บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 295 ซอย 11 ภายในหมู่บ้านฉัตรแก้ว ย่านแฮปปี้แลนด์ แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กทม. เมื่อคืนวันที่ 13 ก.ย.ที่ผ่านมา ประกอบด้วยพล.ต.ต.วิทยา โกสิยะสถิต ผบก.น.4 พ.ต.อ.สรรค์หกิจ บำรุงสุขสวัสติ ผกก.สส.น.4 พ.ต.อ.สมศักดิ์ บุญแสง ผกก.สน.ลาดพร้าว พ.ต.ท.ทวีป โพธิ์แก้ว พ.ต.ท.เอนก ไพรศรี รองผกก.สส.น.4 พ.ต.ท.เศรษฐศักดิ์ ยิ้มเจริญ รองผกก.สส.น.2 พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนกก.สส.น.4 และตำรวจฝ่ายสืบสวนสน.ลาดพร้าว โดยใช้เวลาประชุมคลี่คลายคดีนานกว่า 3 ชั่วโมง ก่อนแยกย้ายกันจัดชุดทำงานออกปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว
พล.ต.ต.วิทยา กล่าวว่าในวันนี้ได้เรียกกำลังทั้งฝ่ายสืบสวนกก.สส.บก.น.4 กก.สส.บก.น.2 และสน.ลาดพร้าว มาประชุมความคืบหน้าเพื่อวางแนวทางการทำงาน โดยในเบื้องต้นได้ตั้งประเด็นการสังหารไว้ 2 ประเด็นคือ เรื่องที่ผู้ตายมีเรื่องการฟ้องร้องกับคลินิกทำศัลยกรรมและเสริมความงามชื่อดัง ย่านดอนเมือง ซึ่งมีคดีความอยู่ในชั้นศาล และอีกประเด็นหนึ่งคือเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจการรับเหมาก่อสร้าง ที่ผู้ตายทำอยู่ที่อ.โพธาราม จ.ราชบุรี ทั้งนี้ พล.ต.ต.กฤษฎาได้จัดชุดสืบสวน โดยแบ่งงานให้ทางฝ่ายสืบสวนกก.สส.บก.น.4 และฝ่ายสืบสวนสน.ลาดพร้าว เดินทางไปทำการสอบปากคำพยานแวดล้อมที่เกิดเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง และให้ทางตำรวจกก.สสบก.น.2 หาข้อมูลเกี่ยวกับการที่ผู้ตายมีเรื่องฟ้องร้องกับคลินิกเสริมความงาม เพื่อนำมาเป็นข้อมูล พร้อมทั้งจัดกำลังฝ่ายสืบสวนกก.สส.บก.น.4 ลงพื้นที่ไปจ.ราชบุรี เพื่อหาข้อมูลที่ผู้ตายประกอบธุรกิจรับเหมาก่อสร้างว่า มีปัญหาหรือมีความขัดแย้งกับใครบ้าง พร้อมเรียกสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องและผู้ที่มีความสนิทสนมกับผู้ตายรวมทั้งคู่คดีความด้วย สำหรับญาติพี่น้องของผู้ตายก็จะเชิญมาสอบปากคำอีกครั้งภายหลังจากเสร็จพิธีศพที่จ.ราชบุรี ส่วนประเด็นอื่นก็อยู่ในระหว่างรวบรวมข้อมูล
-มีพยานเห็น 2 มือปืนกินเบียร์รอ
พล.ต.ต.วิทยา กล่าวอีกว่า สำหรับกรณีที่ผู้ตายให้สัมภาษณ์แฉกับสื่อมวลชนว่า มีปัญหากับคลินิกดังกล่าว และระบุพาดพิงว่า มีอดีตรัฐมนตรีสมัยรัฐบาลที่แล้วมาใช้บริการเสริมอวัยวะเพศ ยังไม่ทราบว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ ต้องรอข้อมูลจากฝ่ายสืบสวนอีกครั้ง หรือไม่ก็ติดตามจับกุมมือปืนให้ได้ก่อนและทำการสอบสวนขยายผลถึงผู้จ้างวาน กรณีที่มีพยานในที่เกิดเหตุพบเห็นผู้ต้องสงสัยเป็นชาย 2 คนขับขี่รถจักรยานยนต์มานั่งสั่งเบียร์ดื่มภายในร้านอีสานจำนวน 3 ขวด และเห็นผู้ตายขับรถผ่านไป ก่อนที่ผู้ต้องสงสัยทั้งสองคนผลุนผลันรีบออกจากร้านไปก็จะเรียกพยานมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับรถจักรยานยนต์พาหนะด้วย พร้อมทั้งนำตัวไปสเกตช์ภาพคนร้าย ทั้งนี้ได้ให้ฝ่ายสืบสวนหาข้อมูลว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ตายได้มีการติดต่อกับใครบ้าง ซึ่งจากการสอบปากคำบุตรชายทราบว่า ปกติแล้วผู้ตายจะไม่ค่อยเดินทางมาพักที่บ้านหลังดังกล่าว ถ้าจะมาพักก็จะมาไม่เป็นเวลา เพราะส่วนใหญ่จะพักที่จ.ราชบุรี ส่วนคนร้ายน่าจะมีการติดตามความเคลื่อนไหวของผู้ตายเป็นอย่างดี จึงมาดักรอสังหารที่บ้านหลังดังกล่าว ซึ่งทั้งนี้ต้องขอเวลาสัก 2-3 วัน เพื่อนำข้อมูลมาสรุปประเด็นและสาเหตุ
-แฉโดนยิงปลายปี"49 แต่รอดมาได้
ผบก.น.4 กล่าวว่า ส่วนคนร้ายที่ลงมือมีด้วยกัน 2 คน โดยใช้อาวุธปืนไม่ทราบขนาด จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจพบปลอกกระสุน ขนาด 6.35 ม.ม. ตกอยู่จำนวน 2 ปลอก เบื้องต้นยังไม่ทราบว่าคนร้ายเป็นมือปืนอาชีพหรือไม่ ก่อนหน้านี้ เมื่อช่วงต้นเดือนพ.ย. ปี"49 ที่ผ่านมา ผู้ตายเคยเข้าแจ้งความสน.ลาดพร้าว ว่าถูกคนร้ายขับรถตามประกบแล้วยิงขณะขับรถยนต์ยี่ห้อ นิสสัน นีโอ สีดำ หมายเลขทะเบียน วท-5431 กทม. จอดติดไฟแดงบริเวณปากซอยลาดพร้าว 109 คนร้ายใช้อาวุธไม่ทราบขนาด ยิงมาทางด้านประตูขวาคนขับ กระสุนถูกขอบประตูรถ โดยเหตุการณ์ครั้งนั้นผู้ตายไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด หลังสอบปากคำผู้ตายก็ไม่ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับตำหนิรูปพรรณของคนร้ายมากนัก
จากการสอบสวนปากคำนายเจษฎา วิวัฒนานุกูล อายุ 21 ปี บุตรชาย กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุมารดาเดินทางมาจากราชบุรีและมาพักที่บ้านหลังเกิดเหตุ ขณะเปิดประตูบ้านด้านในก็ได้มีคนร้ายเป็นชายสูงประมาณ 170 ซ.ม.ไว้ผมสั้น ไม่สวมอะไรปิดบังใบหน้า เดินปรี่ตามหลังมารดาเข้ามาภายในบ้าน ก่อนที่จะชักอาวุธปืนจ่อยิงมารดา 4 นัดซ้อนล้มลง ก่อนที่คนร้ายจะวิ่งหลบหนีไปขึ้นซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ ไม่ทราบสีและเลขทะเบียน ที่มีคนร้ายอีกคนสตาร์ตเครื่องจอดรออยู่บริเวณปากซอย 10 ของหมู่บ้านฉัตรแก้ว ขับรถหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ส่วนสาเหตุการสังหารมารดาครั้งนี้ตนไม่ทราบว่าเกิดจากสาเหตุใด
-เผยนาทีสังหารบุกรัวถึงบ้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเหตุการณ์นี้ เกิดเมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 13 ก.ย. พ.ต.ท.อานพ วินัยโรจน์ พนักงานสอบสวน (สบ.2) สน.ลาดพร้าว รับแจ้งมีเหตุยิงกัน มีผู้ได้รับบาดเจ็บบริเวณหน้าบ้านเลขที่ 295 หมู่บ้านฉัตรแก้ว ซ.11 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กทม. ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุเป็นบ้านทาวเฮาส์ 2 ชั้น เนื้อที่ 17 ตารางวา ที่หน้าบ้านพบเพียงกองเลือด 3-4 กอง ทราบว่าผู้บาดเจ็บพลเมืองดีนำส่งร.พ.เวชธานี และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ทราบชื่อภายหลังคือ นางรวีวรรณ เสตะรัต อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 159 ม. 2 ต.เตาปูน อ.โพธาราม จ.ราชบุรี เจ้าหน้าที่จึงรุดไปตรวจสอบที่ร.พ. พบตามร่างกายของผู้ตายมีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาดเข้าที่ศีรษะ ราวนมซ้าย ราวนมขวา หัวไหล่ขวาทะลุหลังรวม 4 นัด ส่วนมือปืนทราบว่าหลบหนีไปหลังก่อเหตุ
จากการสอบปากคำเบื้องต้น ทราบว่าผู้ตายเดินทางกลับจากจ.ราชบุรี เพื่อเข้าบ้านพัก โดยขับรถเก๋งนิสสัน นีโอ สีดำ ทะเบียน วท 5431 กรุงเทพฯ เมื่อขับรถเข้าไปในซอย ผู้ตายได้จอดรถห่างจากบ้าน 3 เมตร แล้วเดินไปไขประตูบ้าน ช่วงนั้นมีคนร้ายเดินเข้าประกบและจ่อยิงก่อนหลบหนีไป เบื้องต้นทราบว่าผู้ตายประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการรับเหมาก่อสร้าง ที่จ.ราชบุรี ก่อนหน้านี้เมื่อต้นเดือนพ.ย.ปี"49 ผู้ตายเคยถูกคนร้ายยิงมาแล้วครั้งหนึ่งแต่รอดชีวิตมาได้หวุดหวิด และให้หลังไปเมื่อปี 2546 ผู้ตายเคยมีปัญหาฟ้องร้องกับคลินิกเสริมความงามย่านดอนเมือง ขณะนี้คดียังอยู่ในชั้นศาล สาเหตุการสังหารเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตั้งไว้ 2 ประเด็น คือเกี่ยวกับธุรกิจรับเหมาก่อสร้างและคดีความที่มีปัญหาฟ้องร้องกันอยู่
-พยานคดีฟ้องร้องก็ถูกฆ่าด้วย
ที่กองปราบปราม พ.ต.อ.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ รักษาการ ผบก.ป.ได้สั่งการไปยัง พ.ต.อ.วรายุทธ สุขวัฒน์ ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ท.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ สว.กก.1บก.ป. เพื่อให้จัดกำลังเข้าไปสืบสวนร่วมกันกับตำรวจนครบาล ในการคลี่คลายคดีดังกล่าว เนื่องจากเชื่อว่าอาจจะเกี่ยวโยงกับคดีสังหารนายวรรธนะ หรือบุญลือ รุ่งเรือง อายุ 42 ปี โชเฟอร์ขับรถแท็กซี่ ที่ถูกมือปืนบุกยิงดับอนาถข้างแฟลต 15 บ้านพักรถไฟ ก.ม.11 แขวง-เขตจตุจักร กทม. ซึ่งเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 00.10 น. ของวันที่ 19 มี.ค.ที่ผ่านมา แต่คดียังไม่คืบหน้า ต่อมาเมื่อวันที่ 12 ก.ย.ที่ผ่านมานี้เอง ญาติของนายบุญลือผู้ตายได้เข้าพบพนักงานสอบสวนของกองปราบปราม เพื่อขอให้ช่วยเร่งรัดติดตามคนร้าย
พ.ต.อ.วรายุทธ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 12 ก.ย.ที่ผ่านมา กองปราบปรามได้รับการร้องเรียนจากญาติของนายวรรธนะหรือบุญลือ พยานสำคัญในคดีที่นางรวีวรรณ ฟ้องร้องน.พ.ไพศาล เฮงสวัสดิ์ เจ้าของไบโอคลินิก ซึ่งเป็นคลินิกศัลยกรรมตกแต่งชื่อดังย่านดอนเมือง กรณีทำศัลยกรรมใบหน้านางรวีวรรณจนเสียโฉม หลังจากนั้นนางรวีวรรณได้ประสานงานมายังตำรวจกก.1 ป. เพื่อเตรียมเข้าร้องเรียนและขอความคุ้มครอง พร้อมให้ทางกองปราบปรามเข้าร่วมสืบสวนคลี่คลายคดี เนื่องจากเห็นว่าเวลาผ่านมาเป็นเวลานานแล้ว แต่คดียังไม่คืบหน้า
-ถูกจีนจับข้อหาหิ้วสารต้องห้าม
พ.ต.อ.วรายุทธ กล่าวต่อว่า ระหว่างที่กำลังตรวจสอบข้อมูล พร้อมกับจัดทีมสืบสวนคลี่คลายคดีและคุ้มครองพยาน แต่นางรวีวรรณมาถูกยิงเสียชีวิตเสียก่อน พ.ต.อ.พงศ์พัฒน์ ได้สั่งการให้กก.1 ป.เร่งรัดติดตามจับกุมคนร้าย โดยในวันที่ 15 ก.ย. เวลา 10.00 น. ตนได้เรียกประชุมชุดสืบสวนกก.1 ป.ทั้งหมด เพื่อจัดทีมเข้าร่วมกับทีมสืบสวนของกองบัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อติดตามคนร้ายมาลงโทษโดยเร็วที่สุด
"เบื้องต้นทางกองปราบปรามสนใจลักษณะการก่อคดีของมือปืน ที่ยิงนายวรรธนะและนางรวีวรรณทั้ง 2 คดี เนื่องจากมีพฤติกรรมคล้ายคลึงกันมาก ขณะนี้พอมีกลุ่มเป้าหมายที่น่าสนใจอยู่แล้ว" ผกก.1 ป. กล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า จากการสอบสวนญาติของนายบุญลือได้ทราบความเกี่ยวโยงระหว่างนายบุญลือ กับนางรวีวรรณ ช่วงตั้งแต่ปี พ.ศ. 2528-2542 โดยนายบุญลือเคยเป็นเจ้าหน้าที่เวชระเบียนอยู่ที่ร.พ.พญาไท 1 จากนั้นได้ลาออกไปเป็นคนขับรถให้น.พ.ไพศาล หรือกวีวัธน์ เฮงสวัสดิ์ และต่อมานายบุญลือ และนายวิชัย ยอดสุวรรณ ซึ่งเป็นญาติของน.พ.กวีวัธน์ ถูกจับในข้อหามีสารเสพติด (สารต้องห้ามทางการแพทย์) ไว้ในครอบครอง ที่ประเทศจีน และถูกจำคุกเป็นเวลา 1 ปี 6 เดือน
-ฟ้องร้องนัวเนีย"ไบโอคลินิก"
เมื่อพ้นโทษกลับมาเมืองไทย ปรากฏว่าน.พ.ไพศาลได้ให้นายบุญลือออกจากงาน โดยรับปากว่าจะจ่ายเงินเดือนให้ติดต่อกันไปอีก 2 ปี โดยไม่ต้องมาทำงาน แต่ผู้ตายไม่ยอมเพราะจะขอรับเป็นเงินก้อน กระทั่งมีการฟ้องร้องต่อศาลแรงงาน สุดท้ายเจรจาจนตกลงกันได้ในที่สุด หลังจากนั้นนายบุญลือ ได้หันไปยึดอาชีพขับรถแท็กซี่ ก่อนที่เป็นพยานให้ฝ่ายนางรวีวรรณ โดยเมื่อปี พ.ศ.2548 โดยน.พ.ไพศาลได้มีการฟ้องกลับนางรวีวรรณ ในข้อหาหมิ่นประมาท ภายหลังจากที่นางรวีวรรณ ได้ร้องเรียนน.พ.ไพศาล กรณีเรื่องศัลยกรรมความงาม และยังมีเรื่องพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด การทำศัลยกรรมอวัยวะเพศจนมีคนไข้บางรายอวัยวะเพศเน่า รวมทั้งหมด 5 คดี
ต่อมานายบุญลือได้เข้าไปเป็นพยานให้กับนางรวีวรรณ และเตรียมขึ้นให้การในชั้นศาลในเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ปรากฏว่าไม่ทันจะขึ้นศาลมาเกิดเหตุถูกฆ่าเสียก่อน ซึ่งนางรวีวรรณเคยให้การไว้ว่าสาเหตุอาจเกิดจากคู่กรณีเกรงกลัวว่านายบุญลือ อาจใช้สำเนาเอกสารคำพิพากษาของศาลจีน มาใช้เป็นหลักฐาน ซึ่งคำกล่าวหาได้มีคำให้การของผู้ต้องหาชาวจีน ได้ให้การซัดทอดว่ามีการสั่งซื้อสารเสพติดดังกล่าวจากน.พ.คนหนึ่งผ่านทางอินเตอร์เน็ต เมื่อเรื่องนี้ไปอยู่ที่นางรวีวรรณแล้ว อาจเป็นหลักฐานสำคัญที่ผลต่อรูปคดีได้
-พฤติกรรมมือปืน 2 คดีเหมือนกัน
ข่าวแจ้งว่า ส่วนกลุ่มผู้ต้องสงสัยว่าจะเป็นคนร้ายนั้น จากการสอบสวนทราบว่าก่อนเกิดเหตุได้มีผู้ต้องสงสัยรายหนึ่ง ได้นำรูปถ่ายของนายบุญลือออกตามหาที่อยู่ของนายบุญลือ โดยบอกว่าจะมาตามทวงเงินจำนวน 5 หมื่นบาท ก่อนที่จะมีชายคนหนึ่งที่มาด้วยกันพูดว่า "เจอแล้วแต่มันไม่อยู่ อยู่แต่ลูก" หลังจากนั้นไม่นานนายบุญลือก็ถูกยิงตาย
ส่วนในรายของนางรวีวรรณ มีรายงานว่าได้มีบุคคลลึกลับไปตามหานางรวีวรรณ เพื่อตามทวงหนี้ก่อนเกิดเหตุเช่นกัน ซึ่งจากการสืบสวนของกองปราบปราม จึงเชื่อว่าน่าจะเป็นคนร้ายกลุ่มเดียวกัน เป็นมือปืนในภาคกลาง เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างตรวจสอบว่าอยู่ซุ้มไหนต่อไป
เมื่อเวลา 12.40 น. ที่สถาบันนิติเวชวิทยา ร.พ.ตำรวจ น.ส.ธีรวรรณ ริมธีระกุล อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 295 หมู่บ้านฉัตรแก้ว ถนนแฮปปี้แลนด์ ซอย 11 แขวงคลองจั่น เขตบางกระปิ พร้อมญาติๆ ได้เดินทางมารับศพนางอภัสนันท์ หรือนางรวีวรรณ มารดา โดยบุตรสาวและญาติๆ นำเสื้อแขนยาวลายสก๊อตสีแดง กางเกงขายาวสีดำ มาเปลี่ยนให้ศพมารดา ก่อนนำขึ้นรถตู้ไปบำเพ็ญกุศลที่วัดโพธาราม อ.โพธาราม จ.ราชบุรี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ธีรวรรณได้เดินเข้าไปดูศพมารดาก่อนที่เจ้าหน้าที่จะนำศพบรรจุลงโลงศพ โดยญาติคนอื่นๆ ได้ยืนรออยู่บริเวณด้านนอก เนื่องจากไม่ต้องการเป็นข่าว ซึ่งน.ส.ธีรวรรณ กล่าวเพียงสั้นๆ ว่าจะนำศพมารดากลับไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด และรดน้ำศพในช่วงเย็นเวลา 16.00 น. ขณะนี้ยังไม่พร้อมที่จะให้สัมภาษณ์ใดๆ ส่วนเรื่องคดียังไม่ทราบว่าจะดำเนินการอย่างไร ต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
-หมอไพศาลเครียด-หลบนักข่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า นางลีน่า จังจรรจา ประธานมูลนิธิลีน่าจัง ได้เดินทางมาร่วมรับศพด้วย แล้วพูดกับน.ส.ธีรวรรณ และญาติๆ ว่าก่อนผู้ตายจะเสียชีวิตเคยไปออกรายการทางโทรทัศน์ของตน และเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แล้วยังเคยโทรศัพท์มาปรึกษาหลังจากถูกลอบยิงครั้งแรก ตนคาดว่าสาเหตุที่ถูกยิงน่าจะมาจากเรื่องคดีฟ้องร้องแน่นอน เพราะเรื่องธุรกิจส่วนตัวของผู้ตายก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรเพราะเป็นธุรกิจเล็กๆ ตนก็พร้อมที่จะช่วยเป็นพยานในคดีด้วย
เมื่อเวลา 12.00 น. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ "ไบโอคลินิก" ถ.วิภาวดีรังสิตขาเข้า แขวงและเขตดอนเมือง ซึ่งเป็นอาคารพาณิชย์ 6 คูหา สูง 4 ชั้น ด้านล่างมีป้ายชื่อไพศาลคลีนิก และป้ายบนดาดฟ้าระบุชื่อไพศาลศัลยกรรม และป้ายติดอยู่ริมถนนติดประกาศโฆษณาว่าให้บริการรักษาลดน้ำหนัก รักษาสิว ฝ้า เสริมหน้าอก ดึงหน้า เสริมคาง และรอยย่นใต้ตา โดยมีเจ้าของคลินิกชื่อน.พ.ไพศาล เฮงสวัสดิ์ แต่เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น กวีวัธน์ เฮงสวัสดิ์
-พร้อมไปให้การตร.ถ้าเรียกตัว
ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อเพื่อขอสัมภาษณ์ แต่น.พ.ไพศาลได้ให้พนักงานในคลินิกคนหนึ่งเป็นตัวแทนกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า น.พ.ไพศาลปฏิเสธที่จะออกมาพบ โดยบอกให้ตนออกมาพูดแทน ขณะนี้หมอติดผ่าตัดทำศัลยกรรม จึงไม่สามารถออกมาให้สัมภาษณ์ได้ เพราะเกรงว่าจะเสียสมาธิ ส่วนที่ตำรวจกล่าวพาดพิงว่า ทางคลินิกมาเกี่ยวข้องกับการตายของนางรวีวรรรณนั้น น.พ.ไพศาลมีอาการเครียดกับข่าวนี้มาก ส่วนของครอบครัวก็เครียดตามไปด้วย ในส่วนของการฟ้องร้องคดีกับผู้ตายมีการฟ้องร้องรวมทั้งหมดจำนวน 6 คดี ทั้งคดีแพ่งและคดีอาญา โดย 1 ใน 5 คดีทางหมอฟ้องกลับหมิ่นประมาท และอีก 1 คดีที่ผู้ตายฟ้องหมอ ข้อหาฉ้อโกงและเรียกเงินจำนวน 12.6 ล้านบาท โดยคดีดังกล่าวภายในสิ้นเดือนนี้มีหนึ่งคดีที่ศาลนัดอ่านคำตัดสิน ที่ผู้ตายออกมาระบุว่า มีรัฐมนตรีสมัยรัฐบาลชุดที่แล้วเคยมาฉีดยาเพิ่มขนาดเจ้าโลก น.พ.ไพศาลบอกด้วยว่าเข้าใจกับการทำงานของตำรวจที่ว่าพาดพิงถึง เพราะทางหมอมีเรื่องฟ้องร้องจึงมุ่งสาเหตุการตายเป็นประเด็นว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งหากทางตำรวจจะเชิญไปให้ปากคำทางหมอก็ยินดี
ทางด้าน น.พ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภา กล่าวว่า น่าเห็นใจนางรวีวรรณ เพราะที่ผ่านมานางรวีวรรณรุกหนัก ชนิดที่ว่าเอากันให้ตายไปข้างหนึ่ง แต่ในส่วนของการพิจารณาด้านจริยธรรมของแพทย์คู่กรณีจะยังดำเนินการต่อไม่มีปัญหา แม้ว่าผู้เสียหายจะเสียชีวิตไปแล้วก็ตาม เพราะแม้แต่ในรายที่ได้รับการไกล่เกลี่ย หรือมีการชดเชยค่าเสียหายก็ยังไม่สามารถถอนฟ้องหรือยุติการพิจารณาด้านจริยธรรมได้ การที่จะหยุดการพิจารณานั้นมีการยกเว้นในกรณีเดียวเท่านั้น คือ การที่แพทย์ที่ถูกฟ้องร้องเสียชีวิต เพราะไม่รู้จะดำเนินการเอาผิดกับใคร อย่างไรก็ตามโทษที่ได้รับสูงสุด คือ การยึดใบประกอบวิชาชีพเท่านั้น
-นายกแพทยสภาแฉปมขัดแย้ง
"ที่ผ่านมาแพทยสภาได้ตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมา 2 ชุด คือ คณะอนุกรรมการจริยธรรม และคณะอนุกรรมการศึกษาไบโอเทคนิค ซึ่งข้อมูลมีความเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา อย่างไรก็ตามขณะนี้คณะอนุกรรมการทั้ง 2 ชุด พิจารณาใกล้แล้วเสร็จโดยจะมีการสรุปผลอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งนอกจากนางรวีวรรณผู้เสียชีวิตยื่นร้องเรียนกับแพทยสภาแล้ว ยังมีผู้ป่วยอีกหลายรายฟ้องร้องด้านจริยธรรมกับแพทย์ที่เป็นคู่กรณีนี้เช่นกัน ทั้งนี้การยึดใบอนุญาตประกอบวิชาชีพจะดำเนินการโดยพยานหลักฐานต่างๆ ไม่แน่นหนาไม่ได้ เพราะจะโดนฟ้องกลับและเรียกร้องค่าเสียหาย" น.พ.สมศักดิ์ กล่าว
ส่วนน.พ.นิพนธ์ โพธิ์พัฒนชัย รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) พร้อมด้วยภญ.ยุวดี พัฒนวงศ์ ผอ.กองเครื่องมือแพทย์ และนายจิตติ ญาณปัญญา นิติกร 6 กลุ่มกฎหมายอาหารและยา ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการดำเนินการตามกฎหมายกับคลินิกศัลยกรรมเสริมความงามไบโอคลินิก ย่านดอนเมือง ซึ่งเคยมีการร้องเรียนก่อนหน้านี้ว่า เรื่องดังกล่าวมีการดำเนินการทางกฎหมายมาโดยตลอด ตั้งแต่มีการร้องเรียนถึงเครื่องมือที่ใช้ในคลินิกดังกล่าว ซึ่งเรียกว่าไบโอเทคนิค โดยจากการรวบรวมหลักฐานข้อมูลทั้งหมดเมื่อเดือนส.ค.ที่ผ่านมา อย.เพิ่งสรุปว่า มีการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ยา พ.ศ. 2510 มาตรา 12 ห้ามมิให้ผู้ใดผลิต ขาย หรือนำหรือส่งเข้ามาในราชอาณาจักร ซึ่งยาแผนปัจจุบัน เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจากผู้อนุญาต และ ม.72 ห้ามมิให้ผู้ใดผลิต ขาย หรือนำหรือสั่งเข้ามาในราชอาณาจักร ซึ่งยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา จึงส่งเรื่องให้กองบังคับการตำรวจเศรษฐกิจ ในเช้าของวันเดียวกันนี้ เพื่อดำเนินการ 2 ข้อหาคือ ผลิตยาโดยไม่ได้รับอนุญาต และผลิตยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับ -ใช้ช่องโหว่กม.ทำไบโอพลาสติก
"ทุกคนใน อย.ตกใจอย่างมากที่ทราบเรื่องการเสียชีวิตของนางรวีวรรณ เพราะเรื่องดังกล่าวเป็นการทำงานเชิงเทคนิคทางกฎหมายจึงต้องใช้ข้อมูลหลักฐานในการวิเคราะห์ ที่ผ่านมามีการทำงานร่วมกับสคบ. กองการประกอบโรคศิลปะ และแพทยสภา มาโดยตลอด เพราะเจ้าของสถานประกอบการดังกล่าวมีการใช้ช่องโหว่ทางกฎหมายทำให้ไม่สามารถเอาผิดได้ง่ายๆ จนเพิ่งสามารถสรุปเรื่องทั้งหมดเพื่อส่งต่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินงานเพื่อหาหลักฐานเอาผิดทางกฎหมายในขั้นตอนต่อไป มีการทำงานในเรื่องนี้ต่อเนื่องมานาน แม้แต่เจ้าหน้าที่ของ อย. ก็ถูกขู่ มีการเช็กประวัติเจ้าหน้าที่ ที่ดำเนินงานเก็บข้อมูลในกรณีดังกล่าว เมื่อไปเก็บข้อมูลก็ถูกฟ้องบุกรุก และถูกฟ้องว่าประพฤติหน้าที่โดยมิชอบ ทั้งที่ทุกคนทำไปตามหน้าที่" น.พ.นิพนธ์ กล่าว
น.พ.นิพนธ์ กล่าวต่อว่า สำหรับไบโอพลาสติกนั้น เป็นนวัตกรรมของต่างประเทศ ซึ่งจัดเป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป มีขนาดเล็กมากหน่วยเป็นไมครอน คือ เศษ 1 ส่วนพันมิลลิเมตรเท่านั้น ซึ่งอย.จัดว่าเป็นยา ทำให้หากจะมีการนำเข้าจะต้องมีการขอขึ้นทะเบียนและทำการวิจัยทางคลินิกตามกระบวนการ โดยนายไพศาล หรือกวีวัธน์ เฮงสวัสดิ์ เคยมาสอบถามในเรื่องกระบวนการนำเข้าไบโอพลาสติก เมื่อปี 2544 จากนั้นก็ไม่ได้มีการติดต่อกลับมาหรือนำมาขึ้นทะเบียนแต่อย่างใด แต่หลังจากนั้นมีการเปิดคลินิกศัลยกรรม และระบุว่าใช้วิธีไบโอเทคนิค ซึ่งเป็นชื่อที่ตั้งขึ้นเอง และมีความพยายามจะเรียกตัวเองเป็นไบโอเทคนิคเพื่อให้เทียบเคียงกับไบโอพลาสติก ซึ่งในความเป็นจริง ไม่สามารถเทียบเคียงกันได้
-สภาทนายก็รู้เรื่องข้อพิพาท
นายนคร ชมพูชาติ กรรมสิทธิมนุษยชนของสภาทนายความ กล่าวว่า น.พ.กวีวัธน์ หรือไพศาล เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนางรวีวรรณ ในความผิดฐานหมิ่นประมาทหลายคดี เนื่องจากนางรวีวรรณเสียโฉมเนื่องจากการทำศัลยกรรมใบหน้า แบ่งเป็นคดีอาญา 3 คดี คดีแพ่ง 2 คดี รวมค่าเสียหายที่เรียกมายังผู้ตายถึง 129 ล้านบาท ซึ่งในส่วนของคดีอาญานั้นเมื่อจำเลยเสียชีวิต ทำให้ศาลต้องระงับคดีดังกล่าวไปโดยปริยาย ส่วนคดีแพ่งในข้อหาหมิ่นประมาทและละเมิดให้กิจการเสียหายนั้นขึ้นอยู่กับว่าทางน.พ.ไพศาล จะดำเนินคดีต่อไปหรือไม่ โดยทายาทของจำเลยจะเป็นผู้รับมรดกหนี้ที่จะต้องชดเชยหากแพ้คดี
"คดีอาญาคดี 1 ใน 3 คดีที่นางรวีวรรณเป็นจำเลย เป็นคดีที่ผู้ตายนำข้อมูลเรื่องว่ามีพยานที่เป็นคนขับรถของน.พ.ไพศาลไปซื้อวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทชื่อเฟตามีนจากประเทศจีน ซึ่งสารดังกล่าวถือว่าเป็นสารเสพติดของประเทศจีน ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท มีการนำมาใช้กับการลดความอ้วน เพื่อให้ไม่อยากอาหาร โดยเอาข้อมูลไปเสนอให้กับรัฐสภา ตอนที่น.พ.ไพศาลจะไปอบรมที่สถาบันพระปกเกล้าพิจารณาตรวจสอบการรับน.พ.ไพศาลเข้าอบรมนั้น ภายหลังพยานคนดังกล่าวได้ถูกยิงเสียชีวิตไปเมื่อ 6 เดือนก่อน แต่ศาลได้สืบพยานทั้งหมดแล้ว เตรียมอ่านคำพิพากษาในวันที่ 27 ก.ย.นี้ แต่เมื่อจำเลยเสียชีวิต ศาลก็จะไม่อ่านคำพิพากษา และคดีก็จะระงับไป" นายนครกล่าว
-เผยศาลกำลังจะพิพากษาอยู่แล้ว
นายนคร กล่าวว่า ในส่วนของคดีที่นางรวีวรรณไปร้องเรียนกับหน่วยงานต่างๆ เรื่องดังกล่าว มี 2 คดี เป็นแพ่งและคดีอาญาอย่างละคดี โดยคดีแพ่ง เป็นคดีที่นางรวีวรรณไปร้องเรียนกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค(สคบ.) โดย สคบ.ได้ส่งเรื่องให้อัยการเป็นโจทก์ เรียกร้องค่าเสียหายให้นางรวีวรรณซึ่งเป็นโจทก์ร่วม และคดีอาญาที่ผู้ตายไปแจ้งความกับสำนักงานอัยการ ด้านคุ้มครองผู้บริโภคว่าถูกฉ้อโกง โดยอ้างว่า สารที่ฉีดให้นั้นเป็นสารที่ได้รับการรับรองจากต่างประเทศ ขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบพยานอยู่ และวันที่ 21 ก.ย. จะมีการนัดสืบพยานแพทย์ท่านหนึ่งเป็นปากแรก แต่เนื่องจากผู้ตายเป็นโจทก์ร่วมเท่านั้น พนักงานอัยการที่เป็นโจทก์สามารถดำเนินคดีต่อไปได้ แต่อาจติดปัญหาที่โจทก์ร่วมที่เป็นพยานปากสำคัญเสียชีวิต อาจทำให้เกิดปัญหารูปคดีที่หลักฐานไม่เพียงพอได้
นายนคร กล่าวว่า รายละเอียดของคดีอาญา คดีแรกที่ผู้ตายเป็นจำเลย คือ นางรวีวรรณได้ร้องเรียนผ่านสื่อมวลชนว่าได้ทำศัลยกรรมกับน.พ.ไพศาลจนเสียโฉม ทำให้น.พ.ไพศาลฟ้องข้อหาหมิ่นประมาททำให้เสียชื่อเสียง ปรากฏศาลยกฟ้อง และคดีอยู่ในชั้นศาลอุทธรณ์ ส่วนคดีสอง เป็นคดีหมิ่นประมาทเช่นกันที่น.พ.ไพศาลฟ้องผู้ตายอีก เนื่องจากจำเลยได้เปิดวีดิทัศน์ ที่มีการฉีดเพิ่มขนาดเจ้าโลก โดยมีเสียงแพทย์ท่านหนึ่งพูดอ้างว่า มีลูกค้าหลายราย โดยมีรมว.บางคนมาเป็นลูกค้าเช่นกัน ซึ่งคดีนี้จะมีการนัดสืบพยานในวันที่ 17 และ 24 ก.ย. และจะตัดสินคดีในวันที่ 1 ต.ค.นี้
-เคยตามแฉหมอ-ให้ข้อมูลสภา
"ส่วนคดีหมิ่นประมาท เนื่องจากน.พ.ไพศาลจะไปอบรมที่สถาบันพระปกเกล้า แต่นางรวีวรรณได้เปิดเผยข้อมูลให้รัฐสภา ส่งต่อให้สถาบันพระปกเกล้าตรวจสอบ โดยข้อมูลเกี่ยวข้องการนำเข้าของสารเฟตามีน ซึ่งก่อนหน้านั้นยังไม่มีประกาศว่าเป็นสารต้องห้าม และถือว่าเป็นสารผิดกฎหมายในจีน ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ได้ตรวจสอบแล้วพบว่า การนำเข้าสารดังกล่าวเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.บ.วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ซึ่งป.ป.ส.ไม่มีอำนาจดูแลกฎหมายดังกล่าวจึงส่งเรื่องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะรับเรื่องเข้าดีเอสไอหรือไม่" นายนครกล่าว
นายนคร กล่าวว่า ปัญหาคือการใช้ความอิสระทางวิชาชีพ ผู้กรณีซึ่งเป็นแพทย์ที่รักษาด้วยการใช้สารที่ทำมาจากอุปกรณ์ทางการแพทย์ ทำเป็นชิ้นเล็กๆ นำเข้าสู่ร่างกายเพื่อความสวยงาม ถือว่าทำได้ตามจรรยาบรรณวิชาชีพ ซึ่งแพทยสภาไม่มีอำนาจในการห้าม เพราะผู้กรณีอ้างว่ามีงานวิจัยในต่างประเทศแล้ว แต่ในส่วนของไทยยังไม่มีการวิจัยที่เป็นที่ยอมรับในไทย ในความเป็นจริงความชัดเจนจะเกิดขึ้นในวันที่ 27 ก.ย.ที่จะมีการอ่านคำพิพากษา และวันที่ 1 ต.ค.ที่ศาลจะตัดสินคดีเรื่องหมิ่นประมาทเรื่องการฉีดเพิ่มขนาดอวัยวะเพศ แต่ก็มีอันต้องระงับไป
-เลขาฯอย.ยังโดนหมอฟ้องกลับ
"หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ ด้านสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) สมัยที่ภก.ภักดี โพธิศิริ เป็นเลขาธิการ อย. ลงความเห็นว่าสารดังกล่าวที่นำมาฉีดนั้นถือว่าเป็นยา ภก.ภักดีก็โดนน.พ.ไพศาลฟ้องกลับว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบที่ระบุว่าสารดังกล่าวเป็นยา ทางด้าน สคบ.ก็ทำหน้าที่ได้เพียงการเตือนประชาชนให้ระวังการฉีดสารดังกล่าว ตรวจสอบความถูกต้องของสารเหล่านี้ ส่วนกฎหมายที่จะควบคุมความเหมาะสมว่าแพทย์สามารถดำเนินการได้หรือไม่ได้นั้น ในคดีได้สรุปว่า แพทย์ไม่ควรดำเนินการ ทำให้ผู้ตายเห็นว่าไม่ควรมีการรักษาแบบนี้อีก แต่หลายหน่วยงานก็ไม่สามารถดำเนินการยุติการรักษาได้ แนวความคิดจึงขัดแย้งกัน หน่วยข้าราชการก็พยายามหาช่องกันอยู่ว่าจะดำเนินการได้อย่างไรมากน้อยเพียงใด" นายนครกล่าว
นางปรียนันท์ ล้อเสริมวัฒนา ประธานเครือข่ายผู้เสียหายจากการรับบริการทางการแพทย์ กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือและคราบน้ำตาว่า เสียใจที่ผู้บริโภคที่ลุกมาเรียกร้องสิทธิของตัวเองต้องพบจุดจบเช่นนี้ เคยพูดในแพทยสภาหลายครั้งว่า ต้องให้มีการฆ่ากันตายก่อนหรืออย่างไรจึงตัดสินเรื่องร้องเรียนของนางรวีวรรณ และสุดท้ายทุกอย่างก็สายเกินไป ไม่ทราบว่าว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญผู้ร้องมีความทุกข์จากการรับบริการของสถานพยาบาลมากน้อยเพียงใด หากเป็นเช่นนี้แล้วต่อไปใครจะออกมาสู้
-เอ็นจีโอเผยรู้ล่วงหน้าจะถูกฆ่า
"เรามาร้องเรียนในสิทธิของเรา ทำไมต้องทำกันถึงตาย เราเสียหายไม่พอทำไมต้องเอาชีวิตด้วย ขอยกย่องว่าคุณรวีวรรณเป็นนักสู้ที่กล้าหาญ สู้เพื่อความถูกต้อง และเห็นประโยชน์ส่วนรวม หากมีกิจกรรมก็มาร่วมกันอยู่เสมอ ขณะนี้เครือข่ายได้ขาดกำลังสำคัญไปอีกคนแล้ว และที่ผ่านมาได้หารือกับคุณรวีวรรณตลอด และก่อนที่จะถูกยิงก็เพิ่งวางสายหลังจากคุยกันอยู่ และตลอดเวลาก็พูดเสมอว่า ต้องตายแน่ๆ เพราะเจอทั้งโทรศัพท์ลึกลับ มีคนมาเตะฟุตบอลหน้าบ้านทั้งที่หน้าบ้านไม่เอื้ออำนวย เคยถูกเผาบ้าน ตามยิงรถ และเธอก็บอกว่าถ้าเธอตาย เธอจะเฮี้ยนให้ดู และเชื่อว่าวันนี้เธอก็มาอยู่นี้ด้วยเช่นกัน ขอให้ดวงวิญญาณของคุณรวีวรรณสู่สุคติ" นางปรียนันท์ กล่าว
น.ส.สารี อ๋องสมหวัง ผู้จัดการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า กรณีของนางรวีวรรณถือว่าเป็นกรณีแรกที่ผู้บริโภคลุกขึ้นมาใช้สิทธิของตนเองแล้วโดยฆาตกรรม ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะเป็นการละเมิดสิทธิขั้นร้ายแรงมาก และจะทำให้ในอนาคตผู้บริโภคไม่กล้าที่จะออกมาเรียกร้องสิทธิของตนเอง เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี รัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หาคนฆาตกรรมมาลงโทษอย่างเร่งด่วน พวกเราจะสู้ต่อไปทำให้เกิดความเป็นธรรมให้ผู้บริโภคได้รับความเป็นธรรมจากการคุ้มครองต่อไป" น.ส.สารี กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานจากจ.ราชบุรี ว่า ศพของนางรวีวรรณ ญาติได้นำกลับมาตั้งบำเพ็ญกุศลที่ศาลาธรรมสังเวช 2 วัดโพธาราม อ.โพธาราม จ.ราชบุรี เมื่อเวลา 16.00 น. โดยที่ญาติๆ ไม่พร้อมที่จะให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงเรื่องคดี กล่าวเพียงขอให้เป็นหน้าที่ของตำรวจดำเนินการ | โดย: GN+ [17 พ.ย. 51 12:29] ( IP A:117.47.230.207 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 5 รวย และ เส้นใหญ่ ตอบสังคมได้ประมาณนี้ | โดย: กรรมเวร.. [17 พ.ย. 51 12:32] ( IP A:117.47.230.207 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 6 คห.10 เวลาศาลตัดสินถูกใจก็บอกศาลยุติธรรม แต่เวลาศาลตัดสินไม่ถูกใจ บอกเส้นใหญ่ โถ... กรรมเวรจริงๆ | โดย: เฮ้อ [17 พ.ย. 51 12:52] ( IP A:203.118.92.202 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 7 ไม่เชื่อ รอดูต่อไป เห่อๆ | โดย: เฮ้ย เฮ้ย !!! [17 พ.ย. 51 14:14] ( IP A:117.47.230.207 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 8 เป็นบทเรียนที่ดีให้เครือข่าย และเป็นบทเรียนที่ดีให้กระทรวงสาธารณสุข ทำไมไปตั้งกรรมการไกล่เกลี่ยทั้งที่รู้ว่ามันไม่ได้ผล แทนที่จะจ้างทนายฟ้องกลับรับรองลดกรณีฟ้องงี่เง่าได้แน่ | โดย: คนเก่า [17 พ.ย. 51 14:51] ( IP A:125.26.70.97 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 9 ไม่เห็นเครือข่ายมันจะทำอะไร พอเค้ามีปืนมีอำนาจ เครื่อยข่ายมันก็หงอ ที่หมอดีๆ อย่างสุทธิพร หมอที่ไม่มีทางสู้ เครื่อข่ายมันก็ส่งไปนอนในมุ้งสายบัว | โดย: อนาถจิต [17 พ.ย. 51 14:57] ( IP A:125.26.106.54 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 10 ความคิดเห็นที่ 14 หือ ? ได้ข่าวมาว่าทางแพทยสภาสอนให้หมอสุทธิพรให้การเท็จไม่ใช่เหรอ ? พอติดคุกจริง ๆ แล้วจะมาโวยวายทำพระแสงอะไรรึท่าน ? | โดย: ยิ่งกว่า อนาถจิต อีก ท่านเอ๊ย !!! [17 พ.ย. 51 15:06] ( IP A:117.47.230.207 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 11 ความเห็น 14
แล้วคุณคิดว่าเครือข่ายฯ ควรทำอะไร หากคิดว่าคุณมีทางออกที่ดีกว่าที่เราทำกันอยู่ กรุณาแสดงความเก่งของคุณออกมา อย่าดีแต่มือไม่พายแต่เอาปากราน้ำ
ความเห็นแบบนี้ถ้าเป็นเรื่องการเมือง เขาเรียกว่าพวก กลาง...ลวง กูรอเสียบอย่างเดียว อย่าเผลอตูด่าได้ ทั้ง 2 ฝ่าย ถ้ามันทำให้ตูดูดีได้ | โดย: ไปไกล ๆ [17 พ.ย. 51 16:11] ( IP A:58.9.224.144 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 12 พิพากษายกฟ้องหมอไพศาล คดี"รวีวรรณ"ฟ้องข้อหาฉ้อโกง
หนังสือพิมพ์คมชัดลึก ฉบับวันจันทร์ที่ 17 พฤศจิกายน 2551 ศาลพิพากษายกฟ้องหมอไพศาล ไบโอคลินิก ไม่ผิดฉ้อโกงประชาชน-กระทำการประมาทให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส หลังถูกรวิวรรณ ยื่นฟ้องต้องเสียโฉมจากการศัลยกรรมจมูก-ใต้ตา พยานโจทก์ไร้น้ำหนัก ศาลเชื่อหมอไพศาลรักษาตามหลักการแพทย์ เจ้าตัว ยิ้มออก บอกดีใจ ขอขอบคุณศาลที่ให้ความเป็นธรรม
ที่ห้องพิจารณาคดี 703 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันที่ 17 พ.ย.51 เวลา 10.00 น. ศาลมีคำพิพากษาคดีดำหมายเลขที่ อ.4754 / 2549 ที่อัยการฝ่ายคดีอาญา 8 โจทก์ , นางระวีวรรณ เสตะรัต ( เสียชีวิตแล้ว) ผู้เสียหายจากการศัลยกรรมใบหน้า โจทก์ร่วมที่ 1 และนายเจษฎา วิวัฒนานุกูล บุตรชายนางรวิวรรณ โจทก์ร่วมที่ 2 ยื่นฟ้อง นพ.ไพศาล หรือ กวีวัธน์ เฮงสวัสดิ์ อายุ 43 ปี เจ้าของสถาบันเสริมความงามไบโอคลินิก ย่านดอนเมือง เป็นจำเลย ในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน และกระทำการประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส
ตามฟ้องโจทก์ เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.49 บรรยายความผิดสรุปว่า ระหว่างเดือน เม.ย. 2546 - มี.ค. 2548 จำเลยทุจริตหลอกลวงประชาชนที่มีความประสงค์จะทำศัลยกรรมเสริมความงาม ด้วยโฆษณา ด้วยวิธีการเทคนิคพิเศษใช้สารไบโอศัลยกรรมตกแต่งใบหน้า ซึ่งเป็นยาที่ไม่ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการอาหารและยา ( อย.) กระทั่งทำให้เกิดผลกระทบข้างเคียง การกรทำของจำเลยจึงเป็นการฉ้อโกงประชาชนและผู้เสียหายเหตุเกิดที่แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กทม. ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 , 341 และ 343 โดยจำเลยให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์ และโจทก์ร่วม แล้วเห็นว่า เมื่อเดือน เม.ย.46 โจทก์ร่วมไปพบจำเลย เพื่อปรึกษาศัลยกรรมที่บริเวณจมูก และใต้ตา โดยเมื่อเดือน มี.ค.48 พบอาการผิดปกติที่บริเวณตามีสีคล้ำ ลึกโบ๋ และแข็งเป็นไต โดยโจทก์ร่วม เป็นพยานเบิกความว่า ขณะที่เข้ารับบริการศัลยกรรม ได้สอบถามจำเลยว่าใช้สารซิลิโคนหรือไม่หากมีการใช้สารซิลิโคนโจทก์ร่วมจะไม่เข้ารับศัลยกรรม ซึ่งจำเลยบอกว่า วิธีการไบโอเทคนิค เป็นการใช้สารนำเข้าจากต่างประเทศเรียกว่าสารไบโอพลาสติก ที่ดีกว่า ซิลิโคนแท่ง ซึ่งหากเกิดปัญหาสามารถแก้ไขได้ แต่เมื่อเดือน มี.ค.48 โจทก์ร่วมได้รับชมรายการถึงลูกถึงคนซึ่งจำเลยให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับสารไบโอ แตกต่างจากที่บอกให้โจทก์ร่วมฟังว่าเป็นซิลิโคนเหลว ซึ่งหากโจทก์รู้ก่อนหน้านี้ว่าเป็นสารที่ฉีดเป็นซิลิโคน ก็จะไม่เข้ารับบริการศัลยกรรม ขณะที่จำเลย ให้การปฏิเสธโดยตลอดว่า ไม่ได้ทำหลอกลวงโจทก์ร่วม ซึ่งการรักษาไม่มีการทำข้อตกลงกันไว้ และในการศัลยกรรมแจ้งให้โจทก์ทราบว่าการทำไบโอ คือวิธีการทางเทคนิคที่จะฉีดสารซิลิโคนเม็ดที่นำเข้าจากต่างประเทศซึ่งทำให้ละลายเป็นของเหลวแล้วฉีดเข้าได้เลย หากไม่พอใจสามารถเอาออกได้ และก่อนการเข้ารับบริการได้นำแผ่นพับมาสอบถามจำเลยเกี่ยวกับว่า วิธีการที่ใช้มีราคาแตกต่างกับการใช้ซิลิโคนที่โจทก์ร่วมเคยทำศัลยกรรมมาแล้วอย่างไร ศาลจึงเห็นว่าโจทก์ร่วมมุ่งประสงค์ที่จะสอบถามเรื่องการใช้ซิลิโคนเพราะเห็นว่ามีราคาที่แตกต่างกันกับวิธีการไบโอ มากกว่าการที่โจทก์ร่วมจะไม่เข้ารับบริการหากรู้ว่าใช้ซิลิโคน รูปคดีจึงเชื่อได้ว่าโจทก์ร่วม นำแผ่นพับโฆษณาวิธีการศัยลกรรม มาเพื่อขอปรับลดราคา พยานหลักฐานโจทก์และโจทก์ร่วมจึงยังไม่มีความเชื่อถือ
ส่วนที่พยานโจทก์และโจทก์ร่วม ระบุว่า มีการระบุภาพและข้อความในแผ่นพับว่า วิธีการใช้สารไบโอฉีดเพื่อศัลยกรรม ได้รับการยอมรับจากสถาบันในอเมริกาและยุโรป ทั้งที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงนั้น พยานจำเลยซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่สถานบริการจำเลย และผู้รับจ้างพิมพ์แผ่นพับ เบิกความสอดคล้องว่า ครั้งแรกได้มีการพิมพ์แผ่นพับตัวอย่าง 20 ฉบับ มาให้เมื่อปี 2544 แต่ภายหลังเมื่อมีการตรวจสอบแล้วพบว่า มีการใช้รูปภาพบางรูปที่ไม่เหมาะสมจึงให้มีการแก้ไขและพิมพ์แผ่นพับใหม่จำนวน 10,000 ฉบับ ซึ่งจากคำเบิกความของโจทก์ร่วม ได้ความเพียงว่า โจทก์ร่วมได้รับแผ่นพับจากที่เข้าไปพบจำเลยที่สถานบริการ แต่โจทก์ไม่มีพยานอื่นเบิกความสนับสนุนว่า จำเลยได้นำแผ่นพับที่ยังไม่ได้แก้ไขแจกจ่ายให้ประชาชนโดยทั่วไป พยานหลักฐานโจทก์และโจทก์ร่วมจึงรับฟังไม่ได้จำเลยกระทำการฉ้อโกงประชานโดยปกปิดความจริงที่ควรแจ้งและได้ไปซึ่งทรัพย์สินของโจทก์ร่วม รูปคดีจึงเชื่อได้ตามทางนำสืบของจำเลย
ส่วนความผิดฐานกระทำการประมาทให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส ศาลเห็นว่า โจทก์ร่วม เบิกความ ระหว่างที่ได้รับบริการฉีดสารไบโอแล้ว ได้เข้ารับการฉีดเลเซอร์รักษาฝ้าที่โรงพยาบาลรามาธิบดี ขณะที่พยานโจทก์และโจทก์ร่วมและพยานจำเลย ซึ่งเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญการศัลยกรรม เบิกความไปในทำนองเดียวกันว่า ในการศัลยกรรมด้วยการฉีดสารซิลิโคนเหลว หากต้องทำการแก้ไขแพทย์ต้องขูดซิลิโคนที่ติดเนื้อเยื่อออกซึ่งจะขูดออกปริมาณมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแพทย์ผู้ให้บริการ ซึ่งหลังจากมีการผ่าตัดแก้ไขการศัลยกรรม 1 สัปดาห์จะเกิดอาการบวมอักเสบได้ ซึ่งการรักษาต้องพักฟื้นนาน 6 เดือนถึง 2 ปี จึงจะเป็นปกติและหลังจากการศัลยกรรมจะผ่าตัดใหม่ได้ต้องพักฟื้นมาก่อน 6 เดือน โดยหลังจากมีการผ่าตัดแก้ไขการศัลยกรรมแล้วหากมีการยิงเลเซอร์ศัลยกรรมอีกจะเป็นการรบกวนเนื้อเยื่อบริเวณดังกล่าว แล้วจะทำให้บวมอักเสบ มีสีคล้ำและเนื้อเยื่อแข็งเป็นไตได้ลักษณะคล้ายกับอาการของโจทก์ร่วมได้
ขณะที่ได้ความจากคำเบิกความของจำเลยว่า การศัลยกรรมให้โจทก์ร่วม เมื่อพบว่าต้องการให้มีการแก้ไข จำเลยได้แก้ไขนำเอาซิลิโคนที่พบบริเวณเนื้อเยื่อใต้ตาออกให้ แต่โจทก์ร่วมไม่เคยแจ้งให้ทราบว่าระหว่างนั้นได้รับการฉีดเรเซอร์รักษาฝ้ากับแพทย์ที่อื่นมาก่อน จึงเห็นว่า พยานหลักฐานจำเลยมีเหตุผลน่าเชื่อถือกว่าพยานโจทก์ว่าการผ่าตัดของจำเลยน่าจะได้มาตรฐานทางการแพทย์ จึงพิพากษายกฟ้อง
ภายหลังฟังคำพิพากษา นพ.ไพศาล กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่ชนะคดี และขอขอบคุณกระบวนการยุติธรรมที่ให้ความเป็นธรรม ซึ่งตนมั่นใจว่าวิธีการศัลยกรรมที่ทำไปนั้นถูกต้องแล้ว ส่วนคดีที่ตกเป็นผู้ต้องหาจ้างวานฆ่า นางรวิวรรณ นั้นเป็นการถูกจับตามหมายจับซึ่งเจ้าหน้าที่กล่าวหาว่าตนกระทำผิด เนื่องจากมีพยานระบุว่าได้ยิน ตนตะโกนสั่งน้องชายหน้าคลินิคให้ไปยิงนางรวิวรรณ ซึ่งตนขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม แต่ก่อนหน้านี้ที่ตนไม่ได้ออกมาพูดเนื่องจาก ขณะเกิดเหตุเป็นช่วงฉุกละหุกจึงไม่สามารถให้ข้อมูลได้ สำหรับข้อหาพกอาวุธปืนนั้นเพราะการกล่าวหาผู้ต้องหารายอื่น ส่วนตนขอปฏิเสธว่าไม่ได้ถูกจับในข้อหามีอาวุธปืนไว้ในครอบครอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ นพ.ไพศาล เดินทางมาฟังคำพิพากษาพร้อมกับญาติฝ่ายหญิง 2 คน และผู้ติดตาม 1 คน ขณะที่เมื่อฟังคำพิพากษาแล้ว นพ.ไพศาล มีสีหน้าที่สดชื่นขึ้นมาทันที แตกต่างจากขณะรอฟังคำพิพากษาที่มีสีหน้าเรียบเฉย เงียบขรึม
| โดย: เอวังด้วยประการฉะนี้ [17 พ.ย. 51 16:25] ( IP A:58.9.224.144 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 13 พลิกคดี หมอไบโอ เกือบปีที่เงียบหาย ก่อนถึงวันถูกจับ โยงฆ่า สาวนักแฉ โดย ข่าวสด วัน อาทิตย์ ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551 13:25 น. คอลัมน์ แฟ้มคดี
เงียบหายไปนานเกือบ 1 ปีเต็ม ก่อนที่คดี หมอไบโอ จะกลับมาได้รับความสนใจอีกครั้ง หลังตำรวจเข้าจับกุม นายกวีวัธน์ หรือ นายไพศาล หรือ ไกรวิชญ์ เฮงสวัสดิ์ อายุ 42 ปี เจ้าของไบโอคลินิก คลินิกเสริมความงามโดยใช้เทคโนโลยีแบบใหม่
นายกวีวัธน์ หรือนายแพทย์กวีวัธน์ หรือชื่อที่รู้จักกันมากที่สุดคือ "หมอไพศาล" ซึ่งเป็นชื่อเดิม ถูกจับในข้อหาจ้างวานฆ่า นางอภัสนันท์ ธิติโชติชัยปรีชา หรือ นางรวีวรรณ เสตะรัต หรือ "สาวจอมแฉ" หนึ่งในลูกค้าไบโอคลินิก ที่มีปัญหาทำหน้าจนเยิน จึงร้องเรียนและฟ้องหมอกวีวัธน์ มานานนับปี
ก่อนที่เธอจะถูกมือปืนดักยิงเสียชีวิตเมื่อปลายปี 2550!!!
จากคดีนี้ตำรวจยิ่งตระหนกหนักขึ้นเมื่อพบว่ามีอีกอย่างน้อย 2 ศพที่เสียชีวิตไปก่อนหน้านี้เพราะมีเรื่องกับไบโอคลินิก
หนึ่งคือ นายบุญลือ หรือ วรรธนะ รุ่งเรือง อดีตคนขับรถหมอไพศาล ซึ่งเป็นพยานให้ฝ่ายนางรวีวรรณ
แต่ก่อนจะขึ้นเบิกความในศาล ก็ถูกมือปืนยิงตายอย่างลึกลับ!??
อีกรายคือ ชาญวิทย์ ชาญรัตนชัย หนุ่มสวยที่มาทำศัลยกรรมและเกิดปัญหาจึงมาโวยวายที่คลินิก ก่อนที่จะหายตัวไปและพบเป็นศพถูกแทงตายทิ้งในพื้นที่ จ.สระบุรี เมื่อปี 2549
ตำรวจสืบสวนกระทั่งจับกุมทีมสังหารได้ 3 ราย ซึ่งให้การซัดทอด นายศักดา เฮงสวัสดิ์ น้องชายหมอไพศาล!!!
แต่นายศักดา เผ่นหนีหายไปจนทุกวันนี้
ส่วนหมอไพศาล เบื้องแรกยังไม่มีหลักฐานโยงมาถึงคดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้น แต่ก็ถูกสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แจ้งความดำเนินคดีในความผิดเกี่ยวกับการผลิตยาโดยไม่ได้รับอนุญาตช่วงปลายปี 2550
นับจากนั้นความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับคดีฆาตกรรมที่โยงถึงไบโอคลินิก ก็ค่อยๆ เงียบหายไป
ก่อนที่จะกลับมาฮือฮาอีกครั้งเมื่อตำรวจบุกจับหมอไพศาล ตามหมายจับศาลอาญาคดีจ้างวานฆ่านางรวีวรรณ
วันที่ 12 กันยายน ที่ผ่านมา พ.ต.อ.อาณัติ เกล็ดมณี รอง ผบก.น.4 นำชุดสืบสวนกก.สส.น.4 ตำรวจสน.ลาดพร้าว ประสานกับตำรวจเมืองพัทยา เข้าจับกุมหมอไพศาล ที่หน้าสถานเสริมความงามไบโอคลินิก สาขาพัทยา ซอยสุขุมวิท 38 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
ตามหมายจับศาลอาญาเลขที่ 3101/51 ลงวันที่ 11 ก.ย. 51 ในข้อหาใช้จ้างวานก่อเหตุให้ผู้อื่นกระทำความผิดในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนพกติดตัวหรือโดยไม่มีเหตุอันสมควร
การจับกุมครั้งนี้เป็นผลจากคดีสังหารนางรวีวรรณ ซึ่งตำรวจพยายามขยายผลไปยังกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้อง กระทั่งได้พยานหลักฐานแน่นหนาเพียงพอว่าผู้สั่งการที่แท้จริงคือหมอไพศาล!!!
โดยนายศักดา น้องชายหมอไพศาล ได้รับคำสั่งมาอีกทอดหนึ่ง
หลังได้รับหมายจับตำรวจก็ออกตามหาเบาะแส พบว่าหมอไพศาล หลบมาเปิดไบโอคลินิก ที่พัทยา จึงตามมาจับกุมดังกล่าว
หมอไพศาลให้การปฏิเสธ และขอไปให้การในชั้นศาลเท่านั้น เจ้าหน้าที่จึงคุมตัวส่งศาลเพื่อขอฝากขังพร้อมคัดค้านการประกันตัว โดยให้เหตุผลว่าเป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ ได้รับความสนใจจากประชาชนทั่วไป และยังเกรงว่าผู้ต้องหาจะไปยุ่งเหยิงกับพยาน
อย่างไรก็ตามเมื่อถึงศาล ทนายผู้ต้องหายื่นหลักทรัพย์ขอประกันตัว ซึ่งผู้พิพากษาพิจารณาแล้วอนุญาตให้ประกันตัวออกไปได้ แต่มีข้อแม้ว่าหากมีหลักฐานว่าผู้ต้องหาไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน หรือมีพฤติกรรมข่มขู่พยานจะพิจารณาถอนประกันทันที
คดีหมอไบโอ ถือว่าเป็นคดีที่โด่งดังและซับซ้อนซ่อนเงื่อนมากที่สุดคดีหนึ่งในรอบปี 2550
จุดเริ่มมาจากนางรวีวรรณ พาใบหน้าผิดรูปเดินสายร้องเรียนหน่วยงานต่างๆ จำนวนมาก กล่าวหาว่าที่เป็นเช่นนี้เพราะไปทำศัลยกรรมที่คลินิกหมอไพศาล ซึ่งใช้วิธีฉีดสารเข้าใบหน้าให้เต่งตึง
ในภายหลังมีการระบุว่าสารดังกล่าวคือ "ซิลิโคน" ที่นำมาปั่นละเอียดนั่นเอง
แต่ที่ได้รับความสนใจที่สุดก็คือเธอแฉด้วยว่ามีคนในแวดวงไฮโซ รวมไปถึงรัฐมนตรีบางคนไปฉีดเจ้าโลกด้วย!!!
นอกจากร้องเรียนแล้ว ยังมีการแจ้งความดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและอาญากับหมอไพศาล ขณะเดียวกันก็ถูกฝ่ายหมอฟ้องกลับข้อหาหมิ่นประมาท
หมอไพศาล ยังมีปัญหากับหน่วยงานด้านการแพทย์และอย. ซึ่งออกมาระบุถึงความไม่เหมาะสม หรือปัญหาของการฉีดซิลิโคนปั่นเหลวเข้าไปในร่างกายคนไข้
มีการฟ้องร้องกันชุลมุนไปหมด
ห้วงเวลานี้เอง นางรวีวรรณ ก็ถูกมือปืนยิงตายหน้าบ้านพักในหมู่บ้านฉัตรแก้ว เขตบางกะปิ กทม. เมื่อกลางดึกวันที่ 13 กันยายน 2550
ตำรวจใช้เวลาไม่นานก็สรุปประเด็นการตายว่าน่าจะมาจากปัญหาฟ้องร้องกับไบโอคลินิก!??
หมอไพศาล ออกมาปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้อง
แต่ที่น่าตระหนกกว่านั้น ตำรวจสืบพบข้อมูลสำคัญว่าก่อนหน้านี้มีพยานของนางรวีวรรณ คนหนึ่งถูกยิงตายมาแล้วคือนายวรรธนะ หรือ บุญลือ รุ่งเรือง โชเฟอร์แท็กซี่ อดีตคนขับรถประจำตัวของหมอไพศาล
นายวรรธนะ ถูกยิงตายใกล้ๆ บ้านพักแฟลตการรถไฟเขตจตุจักร กทม. เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2550
เป็นการตายก่อนขึ้นเบิกความเพียงไม่กี่วันเท่านั้น!??
ตำรวจพลิกประวัตินายวรรธนะ พบว่าสมัยเป็นคนขับรถประจำตัวหมอไพศาล เคยถูกตำรวจจีนจับกุมคดีหิ้วสารต้องห้ามทางการแพทย์จากประเทศจีน เข้าเมืองไทย
แม้นายวรรธนะ จะสารภาพและไม่ซัดทอดใคร แต่รู้กันว่าสารดังกล่าวนายวรรธนะคงไม่นำเข้ามาใช้เองแน่!??
หลังติดคุกอยู่ปีเศษๆ ก็กลับเมืองไทยและเกิดพิพาทกับหมอไพศาล เรื่องค่าชดเชยรายได้จนมีการฟ้องศาลแรงงานก่อนที่จะตกลงกันได้
กระทั่งเกิดกรณีนางรวีวรรณ ร้องเรียนและออกมาแฉไบโอคลินิก นายวรรธนะ เป็นหนึ่งในพยานให้นางรวีวรรณ
แต่ไม่ทันได้ขึ้นเบิกความก็ถูกยิงตายเสียก่อน
ตํารวจนครบาลจัดทีมชุดใหญ่ร่วมกับกองปราบปราม เข้าคลี่คลายคดีนี้ และในเวลาไม่นานก็สืบหาเบาะแสมือสังหารได้ ก่อนเข้าล็อกตัว จตุรงค์ หรือ ตึ๋ง เบญจกูล มือปืนที่ก่อเหตุ
จากนั้นขยายผลตามจับกุมได้อีก 2 คน คือ นายประกอบ หรือ กอบ ศรีนาค และ นายพรชัย หรือ เต้ย กสิกร
ทั้งหมดให้การสารภาพว่า ร่วมกันก่อเหตุฆ่านางรวีวรรณ รวมไปถึงสังหารนายวรรธนะ พยานปากเอกด้วย
ไม่เพียงเท่านั้น ยังสารภาพว่า ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2549 เคยลงมือสังหารลูกค้าของไบโอคลินิกรายหนึ่งซึ่งมาโวยวายเรื่องการทำศัลยกรรมแล้วเกิดปัญหา
เหยื่อรายนี้คือ นายชาญวิทย์ ชาญรัตนชัย หนุ่มสวยที่ประสบปัญหาการฉีดหน้าเช่นเดียวกับนางรวีวรรณ
นายชาญวิทย์ ถูกลวงเข้าไปภายในคลินิกไบโอ ย่านดอนเมือง แล้วถูกแทงตายก่อนนำศพไปทิ้งที่ จ.สระบุรี
ส่วนผู้จ้างวานทีมสังหารซัดทอดว่าคือนายศักดา น้องชายหมอไพศาล
อย่างไรก็ตาม นายศักดา เผ่นหนีไปก่อนหน้านี้แล้วโดยมีเบาะแสในช่วงแรกว่าน่าจะไปกบดานที่เมืองจีน
ตำรวจเชื่อว่า นายศักดาน่าจะรู้เห็นกับเรื่องนี้ในฐานะ "คัตเอาต์" หรือตัวตัดตอนไม่ให้โยงไปถึงผู้บงการใหญ่ เพราะหากดูจากข้อมูลแล้ว นายศักดาไม่เคยมีปัญหาขัดแย้งอะไรกับเหยื่อทั้ง 3 รายแม้แต่น้อย
จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไปสั่งฆ่าคนที่ตัวเองไม่รู้จัก หรือไม่เคยมีเรื่องมีราวอะไรด้วยเลย
สำหรับหมอไพศาล แม้ตำรวจยังไม่มีหลักฐานว่าเกี่ยวข้องกับการตายของเหยื่อทั้ง 3 ราย แต่ก็ถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับพ.ร.บ.ยาและการประกอบวิชาชีพแพทย์
พร้อมกับการเปลี่ยนชื่อจากไพศาล เป็น "กวีวัธน์" และเปลี่ยนอีกครั้งเป็น "ไกรวิชญ์" เปิดไบโอคลินิกสาขาพัทยา และไปประจำการอยู่ที่นั่น
คดีนี้ค่อยๆ เงียบไป จนผ่านมาเกือบ 1 ปี
จนกระทั่งมีพยานหลักฐานเพิ่มเติม ตำรวจก็เข้าจับกุมหมอไพศาล ในคดีจ้างวานฆ่านางรวีวรรณ!??
| โดย: ขอบคุณข่าวสด [17 พ.ย. 51 20:39] ( IP A:58.9.218.234 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 14 เหยื่อไบโอคลินิกโผล่ภูเก็ต 1 ราย ตายปี 49 นายจ้างยันไม่เคยมีเรื่องกับใคร โดย ผู้จัดการออนไลน์ 26 กันยายน 2550 23:28 น. ศูนย์ข่าวภูเก็ต - นายจ้างของ ชาญวิทย์ หรือ โย ชาญรัตนชัย 1 ในคนไข้สถานเสริมความงาม ไบโอคลินิก เผยก่อนถูกสังหาร 2 อาทิตย์ ขออนุญาตไปเคลียร์กับหมอ หลังทำศัลยกรรมตาทั้ง 2 ข้าง แต่มีผลข้างเคียง ตาเหมือนหมีแพนด้า โดยประกาศจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด แต่มาเสียชีวิตก่อน สุดอนาถคนร้ายนำศพไปทิ้งที่หนองแค สระบุรี มั่นใจไม่มีเรื่องอื่นแอบแฝงแน่ ยันลูกน้องเป็นชายแท้-ไม่ใช่หญิงเทียม นายวรวิทย์ เจนเจริญวงศ์ อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2 ถนนถลาง ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต เจ้าของร้านตัดเสื้อ lsland suil ซึ่งเป็นร้านเทเลอร์ตัดเสื้อผ้าให้นักท่องเที่ยว ตั้งอยู่ที่หาดกะตะ ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต เปิดเผยว่า นายชาญวิทย์ หรือ โย ชาญรัตนชัย อายุ 33 ปี เป็นชาวจังหวัดอุดรธานี เดินทางมาทำงานเป็นเซลล์ขายเสื้อผ้าให้นักท่องเที่ยว ซึ่งเป็นลูกน้องของตนเอง และเป็น 1 ในคนไข้ที่ทำศัลยกรรมที่สถานเสริมความงาม ไบโอคลินิก และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2549 เป็นเด็กหนุ่มที่มีนิสัยดี ขยันทำงาน นิสัยส่วนตัวไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ที่สำคัญ ไม่ชอบมีเรื่องกับใคร ที่ผ่านมา นายชาญวิทย์ ไม่เคยมีเรื่องขัดแย้งกับใคร ซึ่งก่อนเสียชีวิตเก็บตัวเงียบนานร่วม 1 เดือน โดย นายชาญวิทย์ จะมีรายได้เดือนละหลายหมื่นบาท จากออเดอร์ในการตัดเสื้อผ้าของนักท่องเที่ยว มีรถยนต์ขับ มีของใช้ทุกอย่างครบครัน และเป็นคนแต่งตัวดี นิสัยเรียบร้อย ที่สำคัญ ไม่ได้เป็นสาวประเภทสอง หรืออีแอบแต่อย่างใด ทั้งนี้ ก่อนที่ นายชาญวิทย์ จะเสียชีวิตประมาณ 2 สัปดาห์ ได้ขายรถยนต์ส่วนตัว พร้อมกับขออนุญาตตนหยุดงาน เพื่อเดินทางไปกรุงเทพฯ โดยแจ้งว่าจะไปเคลียร์กับหมอที่ทำศัลยกรรมใต้ขอบตาให้ เนื่องจากหลังทำศัลยกรรมประมาณ 2 สัปดาห์ ตาทั้ง 2 ข้าง เกิดอาการบวมคล้ำ คล้ายตาหมีแพนด้า เป็นวงคล้ำจนดำ เพื่อนที่ทำงานทุกคนต่างทัก ว่า ทำไมดวงตาถึงเป็นแบบนั้น นายชาญวิทย์ จึงเล่าให้ฟังว่า ไปทำศัลยกรรมกับหมอไพศาล ที่ไบโอคลินิกมาหลังจากนั้น นายชาญวิทย์ ได้ขึ้นไปทำศัลยกรรมแก้ไขอีกหลายครั้ง หมอให้ยามากินทุกครั้งที่ขึ้นไปพบ แต่อาการไม่ดีขึ้น จึงตัดสินใจขึ้นไปหาหมอศัลยกรรมอีกครั้ง แต่หลังจากนั้น อีก 2 สัปดาห์ต่อมา ทราบข่าวจากตำรวจ สภ.อ.หนองแค จ.สระบุรี ว่า นายชาญวิทย์ เสียชีวิตแล้ว และตำรวจระบุเป็นสาวประเภทสองถูกคู่ขาสังหาร แล้วนำศพไปทิ้ง ซึ่งตนได้แจ้งกับร้อยเวร สภ.อ.หนองแค แล้วว่า นายชาญวิทย์ ไม่ได้เป็นสาวประเภทสองแต่อย่างใด เพราะรู้จักกันเป็นอย่างดีมานานกว่า 10 ปีแล้ว ที่สำคัญ เป็นลูกน้องที่ทำงานร่วมกันมานาน แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่เชื่อ กลับหาว่า นายชาญวิทย์ เป็นอีแอบอะไรอย่างนั้น นายวรวิทย์ กล่าวต่อว่า ตนได้แจ้งกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ.หนองแค ด้วยว่า นายชาญวิทย์ ไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับใครและเป็นคนไม่มีศัตรู จะมีปัญหาก็เฉพาะที่ไปทำศัลยกรรมยังสถานเสริมความงาม ไบโอคลินิก ของ นพ.ไพศาล เฮงสวัสดิ์ เท่านั้น ซึ่งไปทำแก้ไขแล้วหลายครั้ง แต่ไม่ดีขึ้น จึงตัดสินขึ้นไป เพื่อที่จะให้หมอรับผิดชอบ และหากหมอไม่รับผิดชอบ นายชาญวิทย์ บอกว่า จะร้องเรียนค่าเสียหายจากคลินิกให้มากที่สุด แต่สุดท้ายมาถูกฆ่าตายเสียก่อน ซึ่งตนติดตามเรื่องคดีมาตลอด แต่ไม่มีอะไรคืบหน้า ร้านที่สาขาหาดกะตะแห่งนี้ นายชาญวิทย์ จะเป็นผู้ตกแต่ง ออกแบบ และทำนามบัตรแนะนำชื่อร้านด้วยตนเอง ตนขอยืนยันว่า สาเหตุที่ นายชาญวิทย์ ถูกฆ่านั้น น่าจะเป็นเรื่องการขัดแย้งกับคลินิกเสริมความงามเหมือน นางรวีวรรณ เพราะในเรื่องอื่นๆ นายชาญวิทย์ ไม่มีเรื่องกับใคร ทั้งไม่เคยทะเลาะกับใครด้วย มีเพียงเรื่องศัลยกรรมเรื่องเดียวเท่านั้น ตนขอยืนยัน | โดย: ข้อมูลเก่า [17 พ.ย. 51 20:54] ( IP A:58.9.218.234 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 15 อยากรู้ตอนละคร จบเรื่องแล้ว | โดย: อะอะอะ [17 พ.ย. 51 22:21] ( IP A:115.67.51.45 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 16 ฟังๆ อ่านๆ ดูแล้ว ก็สงสารญาติคนตายนะ แต่ก็เชื่อว่าใครทำกรรมอะไรไว้ก็จะได้แบบนั้น เราชาวพุทธควรเดินสายกลาง ไม่ควรเห็นใครล้มแล้วกระทืบซ้ำ ความอาฆาต อิจฉา ริษยา จะทำร้ายเราให้จมลงไปอีก รอดูก็แล้วกันนะ ว่าจะจบลงอย่างไร เราเชื่อว่าศาลยังมีความยุติธรรมอยู่ | โดย: waraporn@yahoo.com [4 ม.ค. 52] ( IP A:124.121.124.85 X: ) |  |
|