10 ปีโดนฟ้อง 100 คดี
   10 ปีโดนฟ้อง 100 คดี เรียกค่าเสียหาย 456 ล.สธ.ลุยตั้งกรรมการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 14 พฤศจิกายน 2551 15:08 น.
ผู้จัดการ





สธ.ตั้งคณะกรรมการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทจากบริการทางการแพทย์ 1 ชุด เพื่อสมานฉันท์ ไกล่เกลี่ย เยียวยาความเดือดร้อนทุกฝ่าย เผยในรอบกว่า 10 ปี โดนฟ้องแล้วเกือบ 100 คดี ถูกเรียกค่าเสียหายรวม 456 ล้านบาท สาเหตุจากการรักษาผิดพลาดมากสุด เชื่อแนวโน้มในอนาคตมีเพิ่มขึ้น แนะยึด 3 มาตราฐานเรียกศรัทธา สร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชน

วันนี้ (14 พ.ย.) นายวิชาญ มีนชัยนันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังเป็นประธานประชุมคณะกรรมการศึกษาแนวทางแก้ไขปัญหาข้อพิพาทการใช้บริการทางการแพทย์ว่า ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุข เร่งแก้ไขปัญหาการฟ้องร้องแพทย์จากผู้ที่ได้รับความเสียหาย พิการ หรือเสียชีวิต จากการรักษาของแพทย์ โดยตั้งคณะกรรมการไกล่เกลี่ย ข้อพิพาทจากบริการทางการแพทย์ 1 ชุด มีทั้งหมด 21 คน โดยมีนายมานะ นพพันธ์ อดีตรองปลัด กทม.เป็นประธาน และให้ผู้อำนวยการกลุ่มกฎหมาย สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขเป็นเลขานุการ คณะกรรมการประกอบด้วย ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ประธานชมรมโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป โรงพยาบาลชุมชน นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ผู้แทนจากสำนักงานประกันสังคม และผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย

กรรมการดังกล่าวมีหน้าที่ไกล่เกลี่ยคดีพิพาท สร้างความสมานฉันท์ พิจารณาเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลของโรงพยาบาลสังกัดภาครัฐและเอกชน และให้ความช่วยเหลือเยียวยาความเดือดร้อนของทุกฝ่าย ขณะเดียวกันให้ทำหน้าที่ศึกษาแนวทางแก้ปัญหาข้อพิพาทไปด้วยเพื่อดึงความเชื่อมัน ความไว้วางใจกลับคืนมา

นายวิชาญ กล่าวอีกว่า ในรอบ 12 ปี ตั้งแต่ พ.ศ.2539-2551 กระทรวงสาธารณสุขถูกฟ้องร้องตกเป็นจำเลยทั้งหมด 98 คดี เป็นคดีแพ่ง 86 คดี คดีอาญา 12 คดี ถูกเรียกค่าเสียหายรวม 456 ล้านบาท ขณะนี้ชำระค่าเสียหายตามคำพิพากษาไปแล้ว 7 ล้าน 4 แสนบาท ซึ่งสาเหตุที่ฟ้องสูงสุด 3 สาเหตุ ได้แก่ รักษาผิดพลาดไม่ได้มาตรฐาน 38 เรื่อง ทำคลอด 18 เรื่อง และวินิจฉัยผิดพลาด 12 เรื่อง โดยโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไปถูกฟ้อง 41 แห่ง โรงพยาบาลชุมชน 30 แห่ง เชื่อในอนาคตแนวโน้มการฟ้องจะสูงขึ้น จาก ปี 2548 มีคดีแพ่ง 6 คดี ปี 2549 มี 16 คดี ปี 2550 มี 19 คดี และ 11 เดือน ในปีนี้ฟ้องแล้ว 21 คดี และการเรียกค่าเสียหายจะสูงขึ้นตามด้วย เช่นที่โรงพยาบาลขอนแก่น ผู้ฟ้องเรียกค่าเสียหายถึง 22 ล้านบาท

นอกจากนี้ ลักษณะการแจ้งความร้องทุกข์มีแนวโน้มเป็นคดีอาญาเพื่อบีบให้ยอมความทางแพ่ง หากไม่สามารถไกล่เกลี่ยให้ยุติเรื่องได้ผู้เสียหายกับแพทย์จะแจ้งความดำเนินคดีกับแพทย์ พยาบาลทันที จากนั้นจะยืนฟ้องหน่วยงานต้นสังกัดเป็นคดีแพ่งภายหลัง

“ในการป้องกันไม่ให้ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมถูกฟ้องร้องคดีอาญา ขอให้ยึดถือ 3 มาตรฐาน ได้แก่ 1.มาตรฐานความรู้ ควรเตรียมตัว ทบทวนความรู้ก่อนประกอบวิชาชีพและเพิ่มพูนความรู้ใหม่ๆเสมอ ป้องกันความผิดพลาด 2.มาตรฐานการปฏิบัติ ให้ตรวจสอบความพร้อมสถานที่ ยา เครื่องมือ บุคลากร รวมทั้งผู้ป่วยที่ให้การรักษาพยาบาล มีการบันทึกกระบวนการต่างๆอย่างครบถ้วน 3.มาตรฐานจริยธรรม ควรเอาใจใส่ดูแลผู้ป่วยอย่างสม่ำเสมอ ให้ข้อมูลต่างๆที่จำเป็นแก่ผู้ป่วยและญาติให้เข้าใจ กรณีเกิดการเสียชีวิตหรือบาดเจ็บพิการ ความให้การดูแลตามสมควร ซึ่ง 3 มาตรการนี้หากปฏิบัติได้เชื่อว่าเหตุการณ์ขัดแย้งน่าจะน้อยลง หรือไม่มีเลย ความสัมพันธ์ระหว่างหมอกับคนไข้เป็นไปด้วยความโอบอ้อมอารีมีน้ำใจ ประชาชนเชื่อมั่นศรัทธาหมอเหมือนในอดีต” นายวิชาญ กล่าว
โดย: เรียกค่าเสียหาย 456 ล.สธ.ลุยตั [14 พ.ย. 51 17:18] ( IP A:58.8.1.15 X: )
Add to Facebook  Add to Twitter  Add to Multiply  Add to Google  Add to Blogger  Add to Live
ความคิดเห็นที่ 1
    นอกจากนี้ ลักษณะการแจ้งความร้องทุกข์มีแนวโน้มเป็นคดีอาญาเพื่อบีบให้ยอมความทางแพ่ง หากไม่สามารถไกล่เกลี่ยให้ยุติเรื่องได้ผู้เสียหายกับแพทย์จะแจ้งความดำเนินคดีกับแพทย์ พยาบาลทันที จากนั้นจะยืนฟ้องหน่วยงานต้นสังกัดเป็นคดีแพ่งภายหลัง
อย่าสู้เรื่องอายุความ/ อย่าท้าทาย ก็จะไม่มีใครฟ้องคดีอาญาแพทย์ให้เหนื่อย
โดย: ทางแก้มีแต่ไม่ยอมเดิน [14 พ.ย. 51 17:22] ( IP A:58.8.1.15 X: )
ความคิดเห็นที่ 2
   แก้ไม่ได้หรอกปัญหา เอาคนทำงานพวกนี้ออกไปก่อน
เรื่องอื่นค่อยว่ากัน ตราบใดหน้าเดิมมาทำงานก็หาทางแก้เกมส์ไม่รู้จักจบสิ้น ทำไงก็แก้ไม่ได้ปัญหา ถ้ายังเป็นพวกเดิม ๆ ๆ ๆ และ เดิม

และที่สำคัญเรื่อง น้ำใจ เมื่อยังหาไม่ได้ก็ไม่มีทางแก้ไขอะไรได้
เมื่อ คุณหมอทั้งหลายทำผิดแล้วไม่เคยมีน้ำใจให้ผู้เสียหายอย่างนี้นะ
โดย: GN+ [14 พ.ย. 51 17:28] ( IP A:222.123.70.183 X: )
ความคิดเห็นที่ 3
   คดีที่กระทรวงสาธารณสุขจ่ายไปแล้ว (ไม่อุทธรณ์ต่อจบไปแล้ว)

1. คดีน้องเต๋า จ่ายเกือบ 5 ล้านบาท (รวมดอกเบี้ย)
2. คดีคุณดอกรัก จ่าย 1 ล้านกว่าบาท (รวมดอกเบี้ย)
3. คดีนครสวรรค์ คลอดลูกแล้วขาดเลือดแม่ตาย จ่ายเกือบ 4 ล้าน
4. คดีน้องที่สมุทรปราการ(สมัยรมต.พินิจ) จ่ายประมาน 1.5 ล้าน
5.คดีผ่าไส้ติ่งร่อนพิบูลย์ จ่าย 8 แสนบาท

ยังไม่นับรวมที่จำไม่ได้อีก (น่าจะมีอีก)

มันเกิน 7 ล้าน 4 แสนบาท แล้วนะท่านวิชาญ
ข้อมูลไม่ตรงกับข้อเท็จจริงหรือเปล่า
โดย: เช็คดูหน่อย [14 พ.ย. 51 20:01] ( IP A:58.9.224.251 X: )
ความคิดเห็นที่ 4
   ประมานว่ามีคนไข้ตายจากความผิดพลาดปีละ 25,000 (เอาต่ำสุด)
10 ปี ก็เท่ากับ 250,000 คน รพ.รัฐฟ้องประมาน 100 เคส

น้อยมาก... ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ

สธ.ควรจะเป็นห่วงชีวิตคนไข้มากกว่าชูประเด็นเรื่องฟ้องร้อง
ทำให้สังคมมีความรู้สึกว่า คุณห่วงความรู้สึกหมอมากกว่า
ห่วงเรื่องมีคนตายมากน้อยแค่ไหน
โดย: อนาถชีวิตคนไข้ไทย [14 พ.ย. 51 22:13] ( IP A:58.9.221.105 X: )
ความคิดเห็นที่ 5
   ความเห็นที่ 4 ทำไมมั่วขนาดนี้ หรือกลัวจนขี้ขึ้นสมองแล้ว
โดย: คนเก่า [15 พ.ย. 51 8:35] ( IP A:125.26.69.117 X: )
ความคิดเห็นที่ 6
   ความคิดเห็นที่ 5

แล้วคุณรู้ได้อย่างไร ว่า ความเห็นที่ 4 มั่ว
แล้วที่ว่าไม่มั่วมันเท่าไรเหรอ ?

ที่จริงน่าจะเยอะกว่านี้ด้วยซ้ำ เพราะชาวบ้านตาสี ตาสา ไม่ได้มาฟ้เองอีกเยอะ และที่ตายไปแล้ว เขาไม่อยากเอาความอีกก็เยอะ มาดูที่ลำพูนก็เยอะ ...

โดย: เชอะ ใครมั่วกันแน่... [15 พ.ย. 51 8:57] ( IP A:222.123.86.62 X: )
ความคิดเห็นที่ 7
   คุณคนเก่าช่วยอธิบายหน่อยว่าขี้ขึ้นสมองเป็นอย่างไร
เนื่องจากคุณน่าจะมีประสบการณ์ เราไม่รู้จริง ๆ
โดย: อธิบายด้วย [15 พ.ย. 51 9:56] ( IP A:58.9.221.121 X: )
ความคิดเห็นที่ 8
   ท่านวิชาญ เอ๋ย

มาตรฐาน 3 ข้อของท่าน อ่านดูคิดดูเผินๆก็ดีนะ อุดมด้วยหลักการ

แต่ผมว่า มันก็อีหรอบเดิม วนเวียนพายเรือแก้ปัญหาในอ่างน้ำวน

แก้ได้ด้วยคิดได้เพียงเท่านี้ ผมก็ขอยืมวาทะของ ท่านอนุพงษ์ ผบ.ทบ.
ที่ว่า "เป็นผม ผมลาออกไปแล้ว" ทั้งท่านเอง ทั้ง ปลัด ส.ธ. น่ะ

อ้าว ทำไมผมว่าอย่างนี้หรือครับ????

ก็มาตรฐาน 3 ข้อ ของท่านน่ะ ไม่ได้บอกให้ "หมอ" ต้นเรื่องของกรณีพิพาท "บอกเรื่องจริงที่เกิดขึ้น" แล้วก็ "ให้โปร่งใส เปิดเผย ตรงไปตรงมา" เลยนี่ครับ

ไอ้มาตรฐาน 3 ข้อที่ท่านว่ามาน่ะ คิดดูตื้นๆก็ดูดีอยู่หรอก แต่ถ้าไตร่ตรองให้ดี มันก็เรื่องที่ต้องทำต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว แต่ที่เกิดเรื่องขึ้นจนคนเจ็บคนตายจาก "สาเหตุความผิดพลาดที่ป้องกันได้" น่ะ ก็เพราะว่า "ทำกันทั้ง 3 ข้อไม่พอและไม่ถึง ทั้งนั้น แล้วยังอีกหลายๆกรณีที่ทำแล้ว ปิดบัง ซ่อนเร้น แทนที่จะบอกต่อสอนต่อๆกันไปเพื่อป้องกันการเกิดซ้ำซ้อน แต่กลับเอิ้อกันช่วยกันโกหก เบี่ยงโน่น เฉนี่ เฉนั่น เพื่อทำให้เรื่องมันช้า มันยืดยาวออกไปจนฝ่ายคนไข้เสียหายต่อเนื่อง หมดแรงกายแรงใจ แล้วก็หมดเงินหมดเนื้อหมดตัวจนต้องล่าถอยไปเอง ใช่ไหม? แล้วที่ทำกันอย่างนี้ได้ ก็ไม่ใช่เพราะแพทยสภาเอย สำนักปลัด ส.ธ. เอย ตลอดไปถึงทนายถึงศาลเอย ที่สมรู้กันเอื้อให้กระบวนการแบบนี้ เกิดได้ซ้ำๆ ใช่ไหมเอ่ย??? ใช่หรือไม่ ใช่หรือไม่ ใช่หรือไม่???

เอาแค่ง่ายๆว่า คนไข้ผู้เสียหายน่ะ ที่ตายจากความผิดพลาดทางการแพทย์ที่ป้องกันได้ ในเมืองไทยนี่ ปีหนึ่งปีหนึ่ง นับหลายหมื่นคน ซึ่งมากกว่าจำนวนคนไทยที่ตายจากอุบัติเหตุในท้องถนนเสียอีก

ตรงนี้จุดนี้ ประเทศชาติต้องเสียหายทั้งเงินทางตรง และชีวิตเอย ทรัพย์สินเอย เศรษฐกิจที่เสียหายต่อเนื่องจากยอดคนตายจำนวนนี้ไปอีกปีละเท่าไหร่ พวกท่านที่เป็นจ้าวกระทรวง ทั้งปลัดทั้งสำนักปลัดฯทั้งหมด กลับซื้อบื้อมองตรงนี้ไม่ออก หรือตาบอดตาใสมองไม่เห็น

แต่กลับไปจับไปมองเอาปัญหาของ "10 ปี หมอโดนฟ้องไปเป็นร้อยคดี" แทนที่จะไปรณณรงค์ว่า 10 ปี คนไข้ตายจากความผิดพลาดทางการแพทย์ไปเท่าไหร่??? อีก 10 ปี ข้างหน้าจะให้ลดลงเหลือเท่าไหร่??? เหมือนอย่างที่ทางตำรวจจราจรเขาทำกันมาต่อเนื่อง

เปล่าเลย พวกท่านสำนัก ปลัด ส.ธ. อยู่กันมาจนจะเป็นปู้ย่าตายายคนแล้ว กี่ปีกี่ปีก็คิดได้เท่านี้ วนแต่จะปลด CL ยา จะปลดท่าน ป.ธ. องค์การเภสัชกรรม ฐานที่ทำ CL ยาได้ผลจริงแล้วองค์การเภสัชฯ ดันยังกำไร อยู่ได้อีก+สร้างโรงยาใหม่ได้ถูกกว่างบประมาณที่ตั้งไว้หลายร้อยล้านบาท (ขอเบรคตรงนี้หน่อย แสดงความชื่นชมซูฮกท่านอาจารย์หมอวิชัย โชควิวัฒน์ด้วย ขอคาราวะ) แล้วก็ปลดท่านเลขาอ.ย.ที่ทำผลงานดีๆไว้

ผมว่านะ พวกท่านรีบๆลาออกไปเถอะ อยู่ไปก็รกหูรกกระทรวง ปล่อยให้หมอรุ่นใหม่ที่เขาซื่อ+เก่งเข้ามาทำงานกันมั่งเหอะ เฮ้อ
โดย: คนรู้ทัน ไม่รู้จริง [17 พ.ย. 51 9:49] ( IP A:58.8.102.219 X: )

คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน