มีของดีมาฝากคุณหนูเบนท์ให้อ่านค่ะ
|
ความคิดเห็นที่ 1 ท่าน้ำวัดคฤหบดี ตรงข้ามท่าน้ำวัดเทวราชกุญชรวรวิหาร สังเกตไม้สักใหญ่มีอายุนับร้อยกว่าปี ปักอย่างแข็งแรงจริงค่ะ
| โดย: oiltrips [12 ก.ค. 49 18:39] ( IP A:203.185.154.34 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 2 ตรงวัดคฤหบดี อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาใกล้สะพานแขวนพระราม8 นับว่าเป็นแหล่งโบราณสถานมีอายุสี่ร้อยกว่าปี ตั้งแต่กรุงธนบุรี เคยเป็นแหล่งคนลาวอพยพมาปักใกล้ๆ กัน เดี๋ยวจะพพาไปดูกันหน่อยค่ะ
| โดย: oiltrips [12 ก.ค. 49 18:44] ( IP A:203.185.154.34 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 3 ที่มาแหล่งชุมชนคนลาวจากเวียงจันทน์ที่เสือออยตามหาอยู่ ได้พบว่า อยู่แถวชุมชนบ้านปูนเหนือ หลังวัดคฤหบดีนั่นเอง มีโรงสุรา "แม่โขง" อยู่ใกล้ๆ กันค่ะ 
| โดย: oiltrips [12 ก.ค. 49 18:46] ( IP A:203.185.154.34 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 4 เจดีย์สีขาวองค์ใหญ่ อยู่ห่างวิหารจัตุรมุขออกไปทางด้านหน้าซึ่งมีเจดีย์ขนาดใหญ่ เป็นเหลี่ยมย่อมุมเจดีย์ขนาดกลางฐานกลม และเจดีย์ขนาดเล็กฐานกลม ตั้งเรียงไปหาท่าน้ำตามลำดับ เป็นที่บรรจุอัฐิตระกูลผู้สร้างวัด และตระกูลผู้ทะนุบำรุงวัดมาแต่ครั้งอดีต ผู้สูงอายุที่อยู่ใกล้วัดเล่ากันว่า เดิมเคยมีเจดีย์อยู่มากมายแต่ได้ปรักหักพังไปแล้ว จึงเหลือมีอยู่ตามที่กล่าวมาแล้วในปัจจุบันเอง

| โดย: oiltrips [12 ก.ค. 49 18:50] ( IP A:203.185.154.34 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 5 ประวัติวัดคฤหบดีที่กล่าวไว้ว่า
เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก เหนือซอยบ้านปูน ในซอยวิมลสรกิจ ถนนจรัญสนิทวงศ์ 44 แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด ....เป็นวัดที่พระยาราชมนตรีบริรักษ์ (ภู่จางวาง) ต้นสกุล ภมรมนตรี เดิมชื่อจริงว่า นายภู่จางวาง เป็นจางวางมหาดเล็ก เป็นผู้สร้างวัดคฤหบดีในรัชสมัยรัชกาลที่ 3 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว แห่งราชวงศ์รัตนโกสินทร์ ได้โปรดพระราชทานนามวัด และพระราชทานพระแซกคำไว้เป็นพระประธานในพระอุโบสถ์ด้วย ....แต่เดิมนั้น พระยาราชมนตรีบริรักษ์ (ภู่) มีบ้านอยู่ริมแม่น้ำฝั่งตะวันตก ได้ถวายตัวเข้ารับราชการตั้งแต่รัชสมัยรัชกาลที่ 2 ตอนปลาย บ้านเดิมที่เคยอยู่คือ บริเวณวัดคฤหบดีทุกวันนี้ ต่อมาได้รับพระราชทานบ้านที่พระศรีสุนทรโวหาร (สุนทรภู่) อาศัยอยู่ ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของท่าพระ (ท่าช้างวังหลัง) ให้พระยาราชมนตรีฯ ได้อาศัยอยู่ใหม่ จึงได้ยกบ้านหลังเดิมของท่านให้สร้างเป็นวัด แล้วนำความน้อมเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ได้ทรงรับไว้เป็นพระอารามหลวง พร้อมกับพระราชทาน พระแซกคำ ไว้เป็นพระประทานในพระอุโบสถ์ด้วย ....ในสมัยรัชกาลที่ 5 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้ทำการปฏิสังขรณ์วัดคฤหบดีครั้งใหญ่ ทำให้อาคารเสนาสนะต่างๆ มีสภาพถาวรมั่นคงเป็นที่พอพระราชหฤทัย และได้รับพระราชทานตราสัญลักษณ์ประจำรัชกาลของพระองค์ท่านประดิษฐานไว้ที่หน้าซุ้มประตูท่าน้ำวัดคฤหบดีจนกระทั่งบัดนี้

| โดย: oiltrips [12 ก.ค. 49 18:52] ( IP A:203.185.154.34 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 6 นี่แหละ พระอุโบสถ์หลังแรกที่ผุพังไปด้วยกาลเวลา
พระอุโบสถ์ (ด้านขวา) สร้างในสมัยพระครูธรรมาภิรม (ทัต) เป็นเจ้าอาวาสวัดอยู่ในช่วงรัชสมัยรัชกาลที่ 6-7 ศิลปะแบบจีน มีพระแซกคำ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานประดิษฐานเป็นพระประธานอยู่ในพระอุโบสถ์นี้
| โดย: oiltrips [12 ก.ค. 49 18:54] ( IP A:203.185.154.34 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 7 ดูดีๆ ให้เห็นชัดว่า หลังคาหน้าจั่วชำรุดพังไปครึ่งนึงแล้ว
| โดย: oiltrips [12 ก.ค. 49 18:55] ( IP A:203.185.154.34 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 8 ขยายใกล้ๆ เต็มตาชัดๆ มีไม้เสาค้ำหลังคาหักสะบันทิ่มลงทะลุหลังคาแล้ว ทางวัดกำลังซ่อมแซมสร้างหลังคาใหม่ด้วยกระเบื้องมุงหลังคาใหม่ ต้องช่วยทานเงินบริจาคตามศรัทธาค่ะ
| โดย: oiltrips [12 ก.ค. 49 18:57] ( IP A:203.185.154.34 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 9 สิงโตทองจากจีน เชื่อว่าสมัยก่อนสร้างวัดคฤหบดีเป็นพวกกรรมกรชาวจีนในรัชสมัยรัชกาลที่ 3 
| โดย: oiltrips [12 ก.ค. 49 18:58] ( IP A:203.185.154.34 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 10 หลวงพ่อแซกคำจำลองในวิหารจตุรมุข
วิหารจตุรมุข
...เดิมเคยเป็นศาลาเล็กๆ และผุพังไปแล้ว พระครูธรรมาภิรม (ชั้น) เจ้าอาวาสปัจจุบันได้สร้างขึ้นใหม่ เป็นอาคารคอนกรีตทรงไทยสูงเด่นอยู่กึ่งกลางกำแพงแก้ว ระหว่างกลางพระอุโบสถ และพระวิหารด้านหน้า และจพใช้เป็นที่ประดิษฐานพระแซกคำจำลอง ตลอดถึงพระพุทธรูปอื่น ๆ บางองค์ รวมทั้งรูปหล่ออดีตเจ้าอาวาสด้วย เจดีย์

| โดย: oiltrips [12 ก.ค. 49 19:00] ( IP A:203.185.154.34 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 11 หน้าจั่ว มีลายดอกไม้แบบศิลปะจีน พระอุโบสถ์วิหารหลวง ด้านขวาอีกหลังหนึ่ง
พระวิหารหลวง (ด้านซ้าย) ..เป็นอาคารคอนกรีตก่ออิฐถือปูนขนาดใหญ่ มีรอยซ่อมมาแล้วไม่น้อยกว่า 2-3 ครั้ง ภาพจิตรกรรมฝาผนังที่เคยมีอยู่ได้ลบเลือนไป ที่เหลือแต่ภาพลายจีน แต่น่าสังเกตว่า พระอุโบสถ์สมัยนั้น หรือศิลปะแบบนั้นไม่มีช่อฟ้า ใบระกา เพียงแต่ลดหลังคาลงเป็น 2 ชั้น เท่านั้นเอง กับที่หน้าบันมีภาพปั้นดอกไม้ลายแบบจีนด้วย
| โดย: oiltrips [12 ก.ค. 49 19:02] ( IP A:203.185.154.34 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 12 ประตูทางเข้าภายในพระวิหารหลวง เป็นไม้สักลายรดยาทองคำ 
| โดย: oiltrips [12 ก.ค. 49 19:03] ( IP A:203.185.154.34 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 13 ภายในพระวิหารหลวง เสือออยได้ขออนุญาตท่านพระลูกวัดเฝ้า จึงได้รับเชิญเข้ามานมัสการพระพุทธรูปแซกคำทองคำแท้ๆ มีองค์เดียว
| โดย: oiltrips [12 ก.ค. 49 19:05] ( IP A:203.185.154.34 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 14 ตามประวัติที่กล่าวไว้ว่ามีเรื่องแปลกประหลาด
ตำนานพระแซกคำ
....หลวงพ่อแซกคำ เป็นพระประธานในพระอุโบสถหลวงวัดคฤหบดี มีประวัติการได้มาประดิษฐานที่วัดนี้ว่า ในสมัยรัชกาลที่ 3 พระยาราชมนตรีฯ ซึ่งมีนิวาสถานไปพำนักที่แพข้างวังหลวง จึงอุทิศที่อยู่เดิมสร้างเป็นวัดแล้วทูลเกล้าฯ ถวายในหลวงรัชกาลที่ 3 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้รับเข้าไว้เป็นพระอารามหลวง พระราชทานนามว่า วัดคฤหบดีอาวาส ในสมัยนั้นพระยาราชสุภาวดี (เจ้าพระยาบดินทรเดชา) เป็นแม่ทัพ เสร็จจากศึกปราบกบฏเวียงจันทน์แล้วได้ยึดทรัพย์สมบัติกลับเข้ากรุงเทพรัตนโกสินทร์มากมาย รวมทั้งพระพุทธรูปสำคัญ คือ พระแซกคำ ซึ่งรอดหูรอดตาจากคราวเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกตีลาวในรัชสมัยของพระเจ้ากรุงธนบุรี

| โดย: oiltrips [12 ก.ค. 49 19:07] ( IP A:203.185.154.34 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 15 พระแซกคำ ...เป็นพระพุทธรูปหล่อด้วยทองนพคุณ (ทองคำโบราณ) ศิลปะแบบเชียงแสนยุคปลาย (พ.ศ.1600-1800) ที่เรียกว่า เชียงแสนสิงห์สาม โดยดูจากพระเศกเป็นช่อเปลวงเพลิงถอดได้ ชายสังฆาฏิยาวจรดพระนาภี มีอายุราว 900 กว่าปี ....ฉะนั้นเมือ่ไทยได้พระแซกคำกลับมาจากลาว จึงมิใช่ข้อยุติที่ว่าพระแซกคำเป็นของลาว มาจากลาวหลวงพระบาง ดังที่มีผู้เข้าใจกันตลอดมาจนเขียนเรื่องของพระแซกคำคู่กันไปกับประวัติราชวงศ์ของอาณาจักรล้านช้างร่มขาว ทั้งๆ ที่พุทธศิลป์แห่งองค์หลวงพ่อแซกคำก็บ่งบอกอยู่แล้วว่าเป็นศิลปะเชียงแสนอันเป็นหัวเมืองฝ่ายเหนือของไทยชัดๆ ....ประวัติหลวงพ่อแซกคำที่เคยได้ยินผู้ที่อาวุโสทั้งภิกษุและฆราวาสเล่าให้ฟังเล็กน้อย มาเล่าให้ท่านอ่านแล้วพิจารณากัน
....เมื่อประมาณปี 2500 พระเดชพระคุณ พระญาณรังษี อดีตเจ้าอาวาสวัดคฤหบดี ในขณะนั้นมีสมศักดิ์เป็น พระครูธรรมาภิรมย์ จมื่นเหินเวหา , พระอนุสิฐวิบูลย์, นายช่างวัน ขณะควบคุมการก่อสร้าง โรงเรียนวัดคฤหบดี (จันทรสถิตย์) ได้ปรารภถึงประวัติหลวงพ่อแซกคำกันว่า ผู้ใดเป็นผู้สร้างกันแน่ ผู้เขียนขระนั้นเป็นเด็กได้เข้าไปรับใช้วงสนทนาวงนี้ได้ยินเรื่องประวัติหลวงพ่อแซกคำ ดังนี้

| โดย: oiltrips [12 ก.ค. 49 19:08] ( IP A:203.185.154.34 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 16 ใกล้ๆ จะเห็นผิวพระพุทธรูปเป็นทองคำนพคุณแท้จริง ดูเหมือนว่า มาจากเวียงจันทน์ จริงๆ แต่มารู้ว่า มีอายุราว 900 ปี ในสมัยสุโขทัยตอนปลายถึงสมัยพระนางจามเทวีสร้างเมืองหริญภุชัย
....พระนางจามเทวี พระธิดาของกษัตริย์แห่งอาณาจักรลวปุระได้ไปเป็นนางกษัตริย์ครองเมืองหริภุญชัย จากการที่ห่างบ้านเมืองมาทำให้พระนางรำลึกถึงพระคุณแม่พระชนกชนนี ที่พระนางมิสามารถปรนนิบัติทดแทนพระคุณ ต่อบุพการีทั้งสองเยี่ยงบุตรธิดาผู้มีกตัญญูเวทีตาทั้งหลาย พระนางจึงมีพระราชประสงค์จะสร้างพระพุทธรูปขึ้น 2 องค์ เพื่อบูชาพระคุณพระชนกพระชนนี และอีกองค์หนึ่งเพื่อเป็นการฉลองพระองค์ ดังนั้น จึงให้สร้างมณฑลพิธีติดราชวัตรฉัตรธง โปรดให้ช่างหลวงปั้นหุ่นพระพุทธรูปขึ้น 3 องค์ เห็นว่าสวยงามเป็นที่พอพระทัยก็ให้หล่อด้วยทองชาตินพคุณ ทั้ง 3 องค์ ครั้นรุ่งขึ้นให้นายช่างถอดแบบตกแต่งพระ ปรากฏว่าพระทั้ง 3 องค์สวยงามอย่างไม่มีที่ติ ทรงมีพระโสมนัส พระราชทานนามว่า พระเสริม พระสุก พระใส ถวายแด่พระทั้ง 3 องค์ และให้มีการสมโภช 3 วัน 3 คืน ถวายเป็นพุทธบูชา องค์ใดที่สร้างด้วยทองคำ มีพุทธลักษณะถึงพร้อมด้วยมหาปุริสลักษณะ และสวยงามกว่าพระพุทธรูปที่ทรงสร้างขึ้นทั้ง 3 องค์ แล้วขอให้เทพยดาผู้ทรงมเหสักข์ โปรดแสดงซึ่งพระพุทธรูปนั้นแก่พระองค์ ณ มหาสโมสร เมื่อตั้งสัตยาธิษฐานแล้วจึงเสด็จกลับ ....รุ่งขึ้นเช้าวันที่ 4 เสด็จพระราชดำเนินมายังมณฑลพิธี เพื่อทรงเปิดงานสมโภช ขณะกำลังนมัสการพระพุทธรูปทั้ง 3 องค์อยู่นั้น ทั่วทั้งมณฑลพิธีนั้นก็ปรากฏหมอกควันคลุมไปทั่ว ต่อมาก็มีแสงสีทองส่องมาไล่หมอกควันให้หมดไป บริเวณนั้นก็โชติช่วงไปด้วยแสงทอง พลันก็ปรากฏพระพุทธรูปทององค์หนึ่งลอยมาจากนภากาศ ค่อยๆ ชะลอลงมายังบริเวณมณฑลพิธีเข้าประดิษฐานแทรกอยู่ ณ ท่ามกลางแห่งพระพุทธรูปทั้ง 3 พระองค์ พระพุทธรูปทององค์นี้ถูกต้องตามตำรามหาปุริสลักษณะและสวยงามมาก เมื่อมาแสดงปาฏิหาริย์ปรากฏต่อพระพักตร์พระนางจามเทวีและชนทั้งหลาย ณ มหาสโมสรนั้น สมดังสัตายาธิษฐาน พระนางก็ทรงโสมนัส ให้มีพิธีสมโภชพระพุทธรูปทั้ง 4 องค์ต่อไป รวมเป็น 9 วัน 9 คืน และด้วยเหตุที่พระพุทธรูปที่ลอยมาจากเบื้องนภากาศ และเข้าประดิษฐานแทรกอยู่กลางพระพุทธรูปอีก 3 องค์ จึงพระราชทานนามว่า พระแซก แต่เนื่องจากเป็นทองจึงมีชื่อต่อว่า คำ เป็นนามว่า พระแซกคำ ซึ่งเป็นชื่อเรียกพระพุทธรูปองค์นี้ตลอดมา เป็นที่เคารพนับถือของพุทธศาสนิกชนโดยทั่วไป เชื่อกันว่าเป็นพระที่ศักดิ์สิทธิ์
ที่มาจาก ....แนะนำวัดคฤหบดี, กรุงเทพ : เป็นธรรมบูรณาการ, 2538

| โดย: oiltrips [12 ก.ค. 49 19:11] ( IP A:203.185.154.34 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 17 ยังมีอีกจิตรกรรมฝาผนังที่เหลืออยู่ เคยมีมากเต็มห้องโอ่งอ่างนั้น ได้ละลายไปตามกาวเวลา ที่เหลือแค่ข้างบนเพนดาน เห็นสีแดงทึบๆ เป็นภาพดอกไม้แบบจีน ดอกพุดตาน ก็ใช่เลยค่ะ 
| โดย: oiltrips [12 ก.ค. 49 19:14] ( IP A:203.185.154.34 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 18 อีกใกล้ๆ ขยายและปรับแสงให้มองเห็นภาพลายวาดดอกไม้จีนชัดหน่อยค่ะ เพราะถ่ายที่สูงไม่ถึงแสงแฟลชค่ะ
| โดย: oiltrips [12 ก.ค. 49 19:15] ( IP A:203.185.154.34 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 19 เอ้อ..หมดเวลาเล่นเน็ตเล่าเรื่องบ้านเกิดของเสือออยแล้ว ขี่เจ้าม้านิล LA ออกไปทางหลังซอยแคบสลัมริมแม่น้ำเจ้าพระยา "ชุมชนบ้านปูนเหนือ" ทางลัดเลาะออกไปสู่ลานสะพานแขวนอยู่ใกล้แค่นี้ค่ะ
ขอพักเรื่องไปกินข้าวมื้อเย็นก่อน ค่อยมาเล่นต่อค่ะ
| โดย: oiltrips [12 ก.ค. 49 19:18] ( IP A:203.185.154.34 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 20 เสือออย ยอดเลยที่เข้ามาเล่าเรื่องเมืองบางกอกให้เพื่อนๆ ได้เห็นแง่มุมของเมืองหลวง...ทะยอย Post เข้ามาเลยเน้อ.. | โดย: หนูเบนท์ [12 ก.ค. 49 20:10] ( IP A:210.86.146.169 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 21 เมื่อออกจากซอยหลังวัดคฤหบดีแล้ว ไปตามลัดเลาะซอยแคยกว้างเป็น เมตร ต้องชำเลืองระมัดระวังมอเตอร์ไซค์สวนกันค่ะ 
| โดย: oiltrips [13 ก.ค. 49 11:54] ( IP A:203.185.154.34 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 22 พี่ปิ ลูกทัวร์มากับเสือออย สอนวิธีใช้หลบมอเตอร์ไซค์และผู้คนในซอยแคบ พอออกมาทะลุปากทางซอยชุมชนบ้านปูน อยู่ข้างใต้สะพานแขวนพระรามแปด
| โดย: oiltrips [13 ก.ค. 49 12:00] ( IP A:203.185.154.34 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 23 "ตื่นเต้นดี ไม่รู้ว่ามีของดีในซอยบ้านปูนนี้" พี่ปิ กล่าวด้วยความแปลกใจที่ออกมาจากซอยสลัมริมเจ้าพระยา
| โดย: oiltrips [13 ก.ค. 49 12:03] ( IP A:203.185.154.34 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 24 เสือออยพาพี่ปิขี่จักรยานข้ามฝั่งสวนพระรามแปด ถามรปภ.ว่า ขี่จักรยานเข้าสวนได้มั้ย เขาบอกว่า ได้
| โดย: oiltrips [13 ก.ค. 49 12:11] ( IP A:203.185.154.34 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 25 เอ้าๆๆ ว่าไปกันเถอะ ขี่รอบสวนพระรามแปดแล้วเข้าไปเขตอุทยานพระเจ้าอานันทมหิดล
| โดย: oiltrips [13 ก.ค. 49 12:14] ( IP A:203.185.154.34 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 26 จอดม้านิลไว้ข้างล่าง เดินขึ้นมามองดูวิวทัศน์เจ้าพระยา
| โดย: oiltrips [13 ก.ค. 49 12:16] ( IP A:203.185.154.34 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 27 หันข้างหลังเคียงข้างสะพานแขวนพระรามแปด อันเป็นที่มาของพระนามของพระองค์ค่ะ
| โดย: oiltrips [13 ก.ค. 49 12:18] ( IP A:203.185.154.34 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 28 พระราชประวัติโดยสังเขปของ
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช
....ในพุทธศักราช ๒๔๗๗ พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าอานันทมหิดล เสด็จขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ ๘ แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าภูมิพลอดุลยเดช จึงทรงได้รับการสถาปนาขึ้นเป็น สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภูมิพลอดุลยเดช เมื่อพุทธศักราช ๒๔๗๘ และได้โดยเสด็จพระราชดำเนิน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล นิวัติประเทศไทยเป็นครั้งแรก ในพุทธ>ศักราช ๒๔๘๑ โดยประทับ ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต เป็นการชั่วคราว แล้วเสด็จกลับไปประเทศสวิตเซอร์แลนด์ จนถึงพุทธศักราช ๒๔๘๘ จึงโดยเสด็จพระราชดำเนิน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล นิวัติประเทศไทยเป็นครั้งที่สอง ครั้งนี้ประทับ ณ พระที่นั่งบรมพิมาน ในพระบรมมหาราชวัง ....ในวันที่ ๙ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๔๘๙ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล เสด็จสวรรคตโดยกระทันหัน ณ พระที่นั่งบรมพิมาน ในพระบรมมหาราชวัง สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภูมิพลอดุลยเดช จึงเสด็จขึ้นครองราชสมบัติสืบราชสันตติวงศ์ในวันเดียวกันนั้น แต่เนื่องจากยังทรงมีพระราชภารกิจด้านการศึกษา จึงต้องทรงอำลาประชาชนชาวไทย เสด็จพระราชดำเนินกลับไปยังประเทศสวิตเซอร์แลนด์อีกครั้งหนึ่ง ในเดือนสิงหาคม พุทธศักราช ๒๔๘๙ เพื่อทรงศึกษาต่อ ณ มหาวิทยาลัยแห่งเดิม ในครั้งนี้ ทรงเลือกศึกษาวิชากฎหมายและวิชารัฐศาสตร์ แทนวิชาวิศวกรรมศาสตร์ที่ทรงศึกษาอยู่เดิม ......ระหว่างที่ประทับศึกษาอยู่ในต่างประเทศนั้น ทรงพบกับหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร ธิดาในพระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นจันทบุรีสุรนาถ (พระนามเดิม หม่อมเจ้านักขัตรมงคล กิติยากร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาพระอิสริยยศ ขึ้นเป็น พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้านักขัตรมงคล เมื่อพุทธศักราช ๒๔๙๓ และในพุทธศักราช ๒๔๙๕ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาขึ้นเป็นพระองค์เจ้าต่างกรม มีพระนามว่าพระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นจันทบุรีสุรนาถ) และหม่อมหลวงบัว (สนิทวงศ์) กิติยากร ต่อมาทรงหมั้นกับหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร ในวันที่ ๑๙ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๔๙๒ ณ เมืองโลซานน์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ..... ในพุทธศักราช ๒๔๙๓ เสด็จพระราชดำเนิน นิวัติพระนคร ประทับ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล ในเดือนมีนาคม พุทธศักราช ๒๔๙๓ ต่อมาในวันที่ ๒๘ เมษายน ปีเดียวกัน ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดการพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสกับหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร ณ พระตำหนักสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ในวังสระปทุม ซึ่งในการพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสนี้ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร ขึ้นเป็น สมเด็จพระราชินีสิริกิติ์

| โดย: oiltrips [13 ก.ค. 49 12:21] ( IP A:203.185.154.34 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 29 ภาพพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช

| โดย: oiltrips [13 ก.ค. 49 12:23] ( IP A:203.185.154.34 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 30 สะพานพระราม 8 สถาปัตยกรรมงาม...ข้ามเจ้าพระยา ....สะพานพระราม 8 เป็นสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาแห่งที่ 13 มีแนวสายทางเชื่อมต่อกับทางคู่ขนานลอยฟ้าบรมราชชนนี ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณโรงงานสุราบางยี่ขันบรรจบกับปลายถนนวิสุทธิษัตริย์ใกล้กับธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำริเมื่อวันที่ 15 ก.ค. 2538 ให้กรุงเทพมหานคร ก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มอีก 1 แห่ง เพื่อบรรเทาการจราจรบนสะพานพระปิ่นเกล้ารองรับการเดินทางเชื่อมต่อระหว่างฝั่งพระนครกับฝั่งธนฯและเป็นจุดเชื่อมต่อโครงการพระราชดำริตามแนวจตุรทิศ สะพานพระราม 8 มีความยาวรวม 475 เมตร สูงเท่าสะพานพระปิ่นเกล้า ลาดชันไม่เกิน 3% เป็นสะพานหลักช่วงข้ามแม่น้ำ 300 เมตร สะพานยึดช่วงบนบก 100 เมตร และสะพานช่วงโครงสร้างยึดเสา 75 เมตรมีรูปแบบโดดเด่นสวยงามเพราะได้ออกแบบเป็นสะพานขึงแบบอสมมาตรซึ่งหมายความว่ามีเสาสะพานหลักเสาเดียวบนฝั่งธนฯ และมีเสารับน้ำหนัก 1 ต้นบนฝั่งพระนคร จึงไม่มีเสารับน้ำหนักตั้งอยู่ในแม่น้ำเจ้าพระยาทำให้ไม่มีปัญหาต่อการสัญจรทางน้ำ ช่วยป้องกันน้ำท่วมและระบบนิเวศนวิทยาในน้ำ รวมทั้งไม่กระทบต่อการจัดตั้งขบวนเรือพระราชพิธีการรับน้ำหนักของสะพาน ได้ติดตั้งสายเคเบิลระนาบคู่ 28 คู่ขึงยึดพื้นช่วงข้ามแม่น้ำ และใช้สายเคเบิลระนาบเดี่ยว 28 เส้น ขึงยึดรั้งกับโครงสร้างยึดเสาสะพานบนฝั่งธนฯ เคเบิลแต่ละเส้นประกอบด้วยสลิงตั้งแต่ 11-65 เส้น เมื่อเกิดปัญหากับเคเบิล สามารถขึงหรือหย่อนได้ง่าย ไม่จำเป็นต้องปิดการจราจรเหมือนสะพานพระราม 9 เนื่องจากเคเบิลแต่ละเส้นใช้สลิง ภายในซึ่งเป็นขดลวดใหญ่ทำให้ดูแลบำรุงรักษาและซ่อมแซมยากกว่า อีกทั้งสายเคเบิลของสะพานพระราม 8 ยังมีสีเหลืองทอง สีประจำพระองค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเมื่อสะท้อนแสงจะส่องประกายสวยงาม โดยเฉพาะยามค่ำคืนด้านมาตรฐานความปลอดภัยก็ไม่เป็นรองเพราะบริษัทผู้รับเหมาการันตีว่าได้มีการทดสอบแรงดึงในลวดสลิง 1 ล้านครั้ง โดยใช้แรงดึงปกติ 10 ตัน ไม่มีปัญหาและต้องใช้แรงดึงถึง 27 ตัน ลวดสลิงถึงขาดแต่ก็แค่ 1% เท่านั้นนอกจากนี้ได้มีการทดสอบแรงลม แรงสั่นสะเทือน ทิศทางลมรวมทั้งติดตั้งเครื่องวัดไว้ตลอด 24 ชม. เพื่อดูความผิดปกติที่จะเกิดขึ้น ที่น่าภาคภูมิใจอีกอย่างคือ สะพานพระราม 8 เป็นสะพานขึงแบบอสมมาตรที่ติดอันดับ 5 ของโลก รองจากประเทศเยอรมนี ซึ่งติดอันดับถึง 3 สะพาน และเนปาล โดยนับจากความยาวช่วงของสะพานส่วนสะพานพระราม 9 ซึ่งเป็นสะพานขึงตัวแรกแต่เป็นแบบสมมาตร เพราะมี 2 เสา ถือว่าอยู่ในอันดับที่ 18 ของโลก โดยนับความยาวช่วงของสะพานได้ 450 เมตร ความโดดเด่น สวยงาม ที่เกิดขึ้น ผสมผสานไปด้วยศิลปะแบบไทย ๆ จากแนวคิดในการสร้างเพื่อเป็นพระบรมราชานุสรณ์ เฉลิมพระเกียรติในหลวงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อานันทมหิดล รัชกาลที่ 8 กทม. จึงได้อัญเชิญ "พระราชลัญจกร" ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจำพระองค์มาเป็นต้นแบบในการออกแบบทาง สถาปัตยกรรม ส่วนประกอบต่าง ๆ ของสะพานเน้นความโปร่งบาง เรียบง่าย และสวยงามวัสดุที่ใช้ในโครงสร้างของสะพานเหมาะสมกับสภาพแวดล้อม เช่น ในส่วนของสะพานเสาสูงรูปตัว Y คว่ำ เป็นเสาคอนกรีตเสริมเหล็ก ทำหน้าที่หิ้วส่วนโครงสร้างสำคัญอื่น ๆ ของสะพาน ซึ่งมองเห็นได้ในระยะไกล ๆได้ออกแบบโดย ใช้เค้าโครงมโนภาพ ของเรือนแก้ว ราวกันตก ซึ่งทำจากโลหะออกแบบเป็นลวดลายที่วิจิตรและอ่อนช้อย จำลองมาจากดอกบัวและกลีบบัวเสาโครงสร้างใต้แผ่นพื้นตกแต่งด้วยลวดลาย ที่จำลองจากดอกบัวใช้วัสดุที่มีน้ำหนักเบา มีคุณสมบัติช่วยสะท้อนแสงลงสู่ผิวจราจรใต้ทางยกระดับช่วยเพิ่มความสว่างบริเวณใต้ทางยกระดับและประหยัดไฟฟ้าในเวลากลางคืน
....สิ่งพิเศษสุดของสะพานพระราม 8 ที่สะพานอื่นในกรุงเทพฯยังไม่มีก็คือ ที่ปลายยอดเสาสูงของตัวสะพานจะมีจุดชมวิว ซึ่งมีโครงสร้างโลหะกรุกระจกลักษณะคล้ายดอกบัว สูงจากพื้นดินถึง 165 เมตร หรือสูงเท่าตึก 60 ชั้น พื้นที่ 35 ตารางเมตร จุคนได้ครั้งละเกือบ 50 คนซึ่งจะเปิดให้บริการกับประชาชนทั่วไปด้วยแต่การก่อสร้างส่วนนี้จะแล้วเสร็จภายหลังพร้อม ๆ กับลิฟต์ของคนพิการซึ่งอยู่หัวมุม 2 ฝั่งแม่น้ำ ประมาณเดือน ก.ย.เนื่องจากโครงสร้างเสาสูงเป็น แบบตัว Y คว่ำการขึ้นลงจุดชมวิวจึงต้องติดตั้งลิฟต์ทั้งในแนวเฉียงและแนวดิ่ง โดยเป็นแนวเฉียงจากพื้นดิน 80 เมตรก่อน จากนั้นจึงเป็นแนวดิ่งอีก 155 เมตร แต่บรรทุกได้เที่ยวละประมาณ 5 คน ใช้เวลาขึ้น-ลง 2-3 นาที นอกจากนี้ยังมีลิฟต์ธรรมดาอยู่คนละด้านเพื่อใช้สำหรับเจ้าหน้าที่ในการดูแลและตรวจตราสะพาน
....ความกลมกลืนของเมืองเก่ากับเทคโนโลยีสมัยใหม่ของสะพานพระราม 8 มีส่วนประกอบให้เห็นอย่างเด่นชัด ดังนี้ .... 1. เป็นสะพานขึงแบบอสมมาตร เสาเดี่ยว 3 ระนาบที่ยาวที่สุดในโลก กล่าวคือ ขึงด้วยเคเบิลระนาบคู่บริเวณตัวสะพาน (Main Bridge) จำนวน 28 คู่ และขึงด้วยเคเบิลระนาบเดี่ยวช่วงหลังสะพาน (Back Span) จำนวน 28 เคเบิล สะพานมีความยาวทั้งสิ้น 475 เมตร โดยมีช่วงตัวสะพานยาว 300 เมตร (ซึ่งนับว่ายาวที่สุดในโลกในสะพานที่มีลักษณะนี้) และช่วงหลังสะพานยาว 175 เมตร .... 2. ไม่มีเสาหรือตอม่อกลางน้ำ สะพานพระราม 8 มีเสาขนาดใหญ่เพื่อรับสายเคเบิลเพียงเสาเดียวบนฝั่งธนบุรี และไม่มีตอม่อกลางน้ำที่จะกีดขวางทางไหลของน้ำและบดบังความสง่างามของอาคาร ราชการและกลุ่มโบราณสถานอันทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ....3. ผ่านการทดสอบที่ทันสมัยที่สุดในโลก โดยเป็นสะพานที่ผ่านการทดสอบอุโมงค์ลมที่ห้องทดลองของบริษัท Rowan Williams Davies & Irwin Inc.(RWDI) ที่เมือง GUELPH ประเทศแคนาดา ซึ่งเป็นห้องทดลองที่ทันสมัยที่สุดในโลก การทดสอบแบบจำลองของสะพานพระราม 8 ในอุโมงค์ลมทำให้มั่นใจว่าโครงสร้างสะพานมีความมั่นคงแข็งแรง สามารถทนแรงลมสูงสุดได้ 60 เมตรต่อวินาที หรือประมาณ 200 ....นอกเหนือจากความโดดเด่นของสะพานพระราม 8 แล้วกรุงเทพมหานครยังได้ออกแบบภูมิสถาปัตยกรรมสิ่งแวดล้อมโดยรอบพื้นที่ตั้งเสาสะพานบริเวณฝั่งธนบุรี ซึ่งมีเนื้อที่รวมประมาณ 50 ไร่ ให้เป็นสวนเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลฯ รัชกาลที่ 8 โดยพื้นที่ดังกล่าวประกอบด้วย พระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 8 อาคารพิพิธภัณฑ์รัตนโกสินทร์ ที่รวบรวมพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจของพระมหากษัตริย์สมัยรัตนโกสินทร์ทุกพระองค์ ดังนั้นจึงสามารถคาดได้ว่า บริเวณสะพานพระราม 8 น่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวให้คนไทยและชาวต่างชาติไปพักผ่อนได้อีกแห่งหนึ่งแน่นอน
ข้อมูล : ฝ่ายช่วยอำนวยการและประชาสัมพันธ์ ภายใต้โครงการเยาวชนรักษ์น้ำ

| โดย: oiltrips [13 ก.ค. 49 12:27] ( IP A:203.185.154.34 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 31 เล่าไม่จบหรอกค่ะ วันนี้เสือออยเป็นไข้ตัวร้อนขึ้น อาการไม่มีแรงปั่นไป หนังตาจวนจะปิดหลับคาห้องคอมพ์แล้ว...ม่ายๆไหวแล้ว ขอพักเล่าเรื่องไว้ก่อน...จะใหม่ค่ะ | โดย: oiltrips [13 ก.ค. 49 13:51] ( IP A:203.185.154.34 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 32 ว่ากันต่อ...เมื่อพวกเราพาไปดูวัดสองพระยาอยู่ใกล้ๆ สวนพระรามแปด 
| โดย: oiltrips [14 ก.ค. 49 15:12] ( IP A:203.185.154.34 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 33 มาถึงในบริเวณวัดพระยาศิริไอยสวรรค์ อยุ่ห่างสวนพระรามแปดแค่ 100 เมตร พบสถานที่อันน่าศึกษาประวัติศาสตร์ที่ไม่มีคนรู้จักสักไม่อยู่ในหนังสือท่องเที่ยวค่ะ
| โดย: oiltrips [14 ก.ค. 49 15:34] ( IP A:203.185.154.34 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 34 สูปเก่าอยู่ตรงกลางทั้ง 3 องค์ ดูมีอายุสองร้อยกว่าปี แต่สร้างในรัชสมัยรัชกาลที่ 3 
| โดย: oiltrips [14 ก.ค. 49 17:18] ( IP A:203.185.154.34 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 35 ขยายใกล้ๆหน่อย เห็นมีรอยผุพัง บนยอดเจดีย์มีร่องรอยขุดกรุพระแตกไปแล้ว ถามเจ้าอาวาสว่า นี่คืออะไร? ..เจ้าอาวาสบอกว่า เป็นกรุอัฐิบรรจุแค่เนี้ยะ ไม่เคยมีกรุพระดีๆหรอก
| โดย: oiltrips [14 ก.ค. 49 17:21] ( IP A:203.185.154.34 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 36 อีกสถูปข้างขวามือสุด เป็นที่อัฐิบรรจุเจ้าพระยา และมีอัฐิกรุเล็กเรียงรายบนสถูปด้วย แปลกดี 
| โดย: oiltrips [14 ก.ค. 49 17:28] ( IP A:203.185.154.34 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 37 ร่องรอยรูปปั้นตุ๊กตาจีนมีเหลืออยู่อย่างโดดเดี่ยว เพราะลบเลือนหายไป กลายเป็นที่ช่องสำหรับเก็บอัฐิคนจีนอย่างเดียว พระสงฆ์ก็มีฝังในด้วย
| โดย: oiltrips [14 ก.ค. 49 17:30] ( IP A:203.185.154.34 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 38 วัดพระยาศิริไอยสวรรค์
....สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 ประมาณพ.ศ 2367 โดยมีพระยาศิริไอยสวรรค์ (นายฟัก) เป็นผู้สร้างและได้ขนานนามว่า วัดพระยาศิริไอยสวรรค์ แต่ประชาชนนิยมเรียกว่า วัดพระหริ วัดนี้ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาในรัชกาลที่ 3 มีความกว้างเพียง 12 ม. ยาว 24 ม. อยู่ริมคลองบางยี่ขัน
โบราณวัตถุ และโบราณสถาน
1. พระปรางค์ 1 องค์ ลอกแบบวัดอรุณฯ 2. เจดีย์ 2 องค์ 3. หลวงพ่อสำริด ที่เป็นพระศักดิ์สิทธิ์ประจำวัด ทุกๆ วันที่ 28 มกราคมของทุกปี มี 5 วัน 4. อุโบสถ์ กว้าง 8 เมตร ยาว 20 เมตร สร้างด้วยคอนกรีต 5. พระวิหาร 6. ศาลาท่าน้ำ สร้างด้วยไม้สัก ราว พ.ศ. 2498
....พระครูสิริธรรมานุรักษ์ (สุพจน์ แจ่มขุนเทียน) ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดปัจจจุบัน
ที่มาจาก ....พระครูสิริธรรมารักษ์ ผู้ให้ข้อมูล

| โดย: oiltrips [14 ก.ค. 49 17:33] ( IP A:203.185.154.34 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 39 ภายในสวนกุฏิเจ้าอาวาส พระครูสิริธรรมารักษ์ ได้เล่าให้ว่า ยังซ่อมแซมพระวิหาร มีภาพจิตรกรรมฝาผนังอยู่ข้างใน ต้องรอเปิดวันพระเท่านั้น จึงจะได้ไปดูกันค่ะ 
| โดย: oiltrips [14 ก.ค. 49 17:35] ( IP A:203.185.154.34 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 40 เสร็จภารกิจแล้วลาเจ้าอาวาสวัดพระยาศิริไอยสวรรค์ ขี่จักรยานเข้าไปข้างหลังคลองบางยี่ขันข้ามฝั่งไปโน้น เป็นที่ตั้งวัดจตุรมิตรนั้น
| โดย: oiltrips [14 ก.ค. 49 17:37] ( IP A:203.185.154.34 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 41 วัดจตุรมิตรประดิษฐาราม ....ติดคลองบางยี่ขันตรงข้ามวัดพระยาศิริไอยสวรรค์ ในซอยสมเด็จพระปิ่นเกล้า 7 ถ.จรัญสนิทวงศ์ 42 พื้นที่ที่ตั้งวัดเป็นที่ราบลุ่มแวดล้อมไปด้วยอาคารเรือนประชาชนหนาแน่ ห่างจากแม่น้ำเจ้าพระยา 500 ม. ....สร้างขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ. 2365 ในรัชกาลที่ 2 เดิมมีนามว่า วัดสี่จีน โดยที่มีชาวจีน 4 คนพี่น้องกันร่วมสร้างวัดขึ้น ต่อมาได้เปลี่ยนนามใหม่เป็น วัดจตุรมิตรประดิษฐาราม เมื่อปีพ.ศ. 2482 วัดนี้ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาแล้วเมื่อประมาณ พ.ศ. 2370 มีสถานโบราณวัตถุที่หลงเหลืออยู่ที่มีเห็นชัดเจนได้ว่าเป็น อุโบสถ์เล็ก เป็นอาคารคอนกรีตแบบจีน
นี่แหละ..อุโบสถ์หลังนี้มีสองประตูไม้สลักแบบศิลปะจีน เพราะในสมัยรัชกาลที่ 2-3 เคยมีคนจีนอาศัยอยู่มากมาย ไม่มีศาลเจ้าเลย
| โดย: oiltrips [14 ก.ค. 49 17:40] ( IP A:203.185.154.34 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 42 น่าตกใจมากพบว่า สร้างวัดอยู่ใกล้ๆกัน มีทั้งวัดลาว วัดจีน และวัดพม่าเหมือนกันดิ
ถิ่นบ้านเกิดเสือออยเคยเป็นทุ่งนามาก่อน วัดเก่าแก่จึงจะหายๆไปจากในแผนที่ปัจจุบันเป็นไปได้ค่ะ
| โดย: oiltrips [14 ก.ค. 49 17:44] ( IP A:203.185.154.34 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 43 เอาล่ะ..กลับไปปั่นจักรยานบนสะพานแขวนพระรามแปดกันเถอะ มองมุมวิวทัศน์บ้าง เมื่อกทม.ได้ปรับปรุงทำสวนพระรามแปดก่อนมีพระราชพิธีวางมาลาอนุสาวรีย์อานันทมหิดล
| โดย: oiltrips [14 ก.ค. 49 17:48] ( IP A:203.185.154.34 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 44 ใกล้ๆ มีทางจักรยานขี่ให้ผ่านได้ค่ะ
| โดย: oiltrips [14 ก.ค. 49 17:51] ( IP A:203.185.154.34 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 45 มองวิวทัศน์ฝั่งบางกอกน้อย ดูสวยได้ ลมแรงมาก มีท่าเรือข้ามฝั่งยังไม่เปิดบริการให้ค่ะ
| โดย: oiltrips [14 ก.ค. 49 17:53] ( IP A:203.185.154.34 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 46 ลงมาจากสะพานแขวนนั้น ขี่จักรยานไปส่องหาบ้านโบราณเลยหยุดตรงที่ บ้านเจ้าพระยา อยู่ข้างๆ ป้อมสวนสันติปราการ ริมถนนพระอาทิตย์
| โดย: oiltrips [14 ก.ค. 49 17:58] ( IP A:203.185.154.34 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 47 นั่นดิ ป้ายสลักอักษรแบบจีนชื่อ บ้านเจ้าพระยากรมหมื่นสถิตย์ธำรงสวัสดิ์ เคยเป็นที่ทำการกรมตำรวจในสมัยรัชกาลที่ 5 ปัจจุบันกลายเป็นที่ทำการของ "สนธิ" คู่กัดทักษิณไงคะ
| โดย: oiltrips [14 ก.ค. 49 18:01] ( IP A:203.185.154.34 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 48 เสร็จดูงานภายในบ้านเจ้าพระยาแล้ว ขี่จักรยานต่อไปยังประตูมหาลัยธรรมศาสตร์ด้านหลัง ลงอุโมค์ขึ้นบกเลี้ยวซ้ายไปข้ามถนนไปถึงลานหน้าแม่พระธรณีบีบมวยผม มีงานกิจกรรมถนนศิลปะ 
| โดย: oiltrips [14 ก.ค. 49 18:07] ( IP A:203.185.154.34 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 49 บังเอิญเจอเพื่อนเกลอเก่าสมัยเรียนเพาะช่างห้องเดียวกับเสือออยด้วย ดีใจมากว่า คิดถึงทุกคนด้วย สุรัตน์ กับ กำชัย มีอาชีพศิลปินอิสระและรับจ้างวาดภาพเหมือนคนตามถนนคนเดินทั่วไป มีร้านแกลเกอรี่เป็นของตัวเองด้วย
| โดย: oiltrips [14 ก.ค. 49 18:10] ( IP A:203.185.154.34 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 50 เอาล่ะ ขอจบรายงานเสร็จแค่นี้ หมดเรื่องแล้วค่ะ ขอลาพักผ่อนไปก่อน ยังไม่หายดีจึงลุกขึ้นมาป้อนรายงานต่อจนจบแล้วค่ะ 
| โดย: oiltrips [14 ก.ค. 49 18:12] ( IP A:203.185.154.34 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 51 ขอบคุณเสือออย...เล่าเรื่องซอกแซกแดนบางกอกมาให้ได้ทราบกัน....รู้ว่าเนื่อยนะเล่าแบบนี้เพราะต้องปั่นไปถ่ายภาพประกอบ ไหนจะเอกสารประกอบเรื่องราวอีก....
อย่างท่าน Pc เล่าว่าเมื่อครั้งปั่นจักรยานตามลำน้ำปิงถิ่นเชีบงใหม่ แล้วมาเล่าเรื่องราวประวัติศาตร์ซึ่งต้องค้นคว้านานเดือนเดือน
| โดย: หนูเบนท์ [14 ก.ค. 49 19:15] ( IP A:58.8.135.171 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 52 เสือออย...ว่างๆ ก็ Post ภาพข่าวมาเล่าให้ฟังอีกเน้อ. | โดย: หนูเบนท์ [15 ก.ค. 49 12:55] ( IP A:210.86.146.78 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 53 แอ็กๆ ไข้หวัดเริ่มเบาลงดีขึ้นแล้ว กลับมาบำบัดฟื้นฟูร่างกายให้เตรียมเปิดทริปหนักขึ้นในอาทิตย์หน้าแล้วค่ะ
เล่าเรื่องเมืองกรุงแตกต่างกับเมืองเชียงใหม่ด้วยนับอายุมีมากกว่าเมืองกรุงเทพ เพราะเมืองเชียงใหม่สร้างในสมัยสุโขทัยมาก่อน เพราะมีหลักฐานศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงไปตกอยู่ที่เมืองหริญภุชัย พระยาพญาลิไทจากกรุงรัตนโกสินทร์ไปเจอในป่านั้น นำมาที่กรุงเทพ เสือออยสงสัยที่มาว่าเมืองเชียงใหม่มีอายุกี่ปีแล้ว เห็นว่านับ 705 ปีปาไปแล้วใช่ไหมค่ะ เอาไว้แปลงกายเป็นอินเดียน่าโจนส์ไปขุดหาเรื่องเล่าใหม่ได้ค่ะ ^_^ | โดย: oiltrips [15 ก.ค. 49 18:58] ( IP A:210.86.146.156 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 54 จบเพาะช่างถ่ายภาพดีๆ มาให้ผู้ไม่ได้ไปชมกัน อ่านแล้วคงอยากไปดูโบราณสถานบ้างละ ถ่ายภาพและบรรยายเก่งแบบนี้ ทำให้ได้ความรู้ด้านประวัติศาสตร์ดี มากๆ เพิ่งทราบนะว่าของดีๆ ในกรุงเทพฯ ยังมีมากมาย เคย ไปวัดคฤบดี แต่ไม่ได้ชมอย่างที่post ภาพมาเลย แค่เข้าไปกราบท่านเจ้าอาวาส แล้วคุณออยไปนมัสการท่านเข้าอาวาสบ้างไหม ไม่เห็นถ่ายภาท่านเจ้าอาวาสมาให้ชมบ้างเลย ว่างๆ เพิ่มเติมภาพท่านเจ้าอาวาส พร้อมสัมภาษณ์ด้วยก็ดีนะคะ ณีเองค่ะ ป.ล.หากไปทางบกทางเข้าเล็กๆแบบนั้นจักรยานหรือรถเครื่องคู่ชีพจะเหมาะที่สุด หากไปงน้ำ ขึ้นที่ท่าเทเวศร์จะโล่งสบายกว่ามากๆ | โดย: nee [30 ก.ย. 50 4:28] ( IP A:210.86.146.167 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 55 รับจ้างทำงานศิลปะทุกประเภท สนใจคุยรายละเอียดได้ ติดต่อ 0863769932 | โดย: ธนญา [28 เม.ย. 51 21:25] ( IP A:58.8.16.21 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 56 คุณแน่มากที่เอาวันที่ผมเคยบวชมาลง
แต่ก็ดีวัดจะได้ดังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ | โดย: pisit11609@hotmail.com [19 มิ.ย. 51 17:19] ( IP A:125.24.95.102 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 57 ผมอ่านไม่จบแต่ขอเพิ่มเติมนิดหน่วยอย่างแรกที่คุณเสืออ้อยบอกว่าหลังคาโบสถ์วัดคฤหบดีพังลงมาขอเรียนว่าไม่ใช่โบสถ์แต่เป็นหลังคาพระวิหารหลวงครบ ส่วนที่บอกว่าพระวิหารหลวงประดิษฐานหลวงพ่อแซกคำไม่ใช่ครับหลวงพ่อแซกคำประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถครับ คุณเสืออ้อยเขียนสลับกัน ส่วนเจ้าอาวาสรูปปัจจุบันชื่อพระราชรัตนเมธี ครับส่วนหลวงปู่ชั้นเป็นอดีตเจ้าอาวาสครับ จากเด็กวัดคฤหบดี | โดย: ha_055@hotmail.com [14 ก.ค. 51 8:51] ( IP A:61.19.227.66 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 58 ขอเพิ่มเติม พระวิหารหลวงวัดคฤหบดีได้พังลงมาเมื่อประมาณเดือน ก.ย. 2549 เพราะว่ามีลมพายุพัดกรรโชกอย่างแรง ขณะนี้ทางวัดได้ทำการบูรณะปฏิสังขรณ์อยู่ท่านผู้มีจิตศัทราบริจาคได้ที่วัดทุกวัน และวัดพระยาพระยาศิริไอยสวรรค์ คนแถวนั้น เรียกวัดยาหริไม่ใช่วัดพระหริ ส่วนวัดดาวดึงษาราม ไม่ช่ใช่วัดดาวดึงส์ อย่างที่เขียน คนแถวนั้นเรียกวัดดาว ขอบคุณครับ | โดย: ha_055@hotmail.com [14 ก.ค. 51 9:01] ( IP A:61.19.227.66 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 59 ถูก จัย เรย ค่ะ ชอบ ๆ ๆมาก ๆ
เพราะ บ้าน หนู อยู่ ที่ วัดคฤหบดี | โดย: www.lovetas.007@hotmail.com [4 พ.ค. 52] ( IP A:58.9.146.221 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 60 เราศิตย์เก๋าร.ร.วัดคฤหบดี
| โดย: ploy_anuchon@hotmail.com [6 มิ.ย. 52 13:14] ( IP A:58.9.152.34 X: ) |  |
* ขณะนี้พี้นที่เต็ม ไม่สามารถโพสต์กระทู้เพิ่มได้ *
|