Art Of Muay Thai กับครูอนุบาล
   ไปซาวน่าบังเอิญได้ยินฝรั่งคุยกันเรื่องศิลปการต่อสู้ เขาใช้คำว่าคิกบ๊อกซิ่ง ผมก็ฟังในใจอดแย้งไม่ได้ ว่านี่มันคือ "มวยไทย" เขาออกไปแสดง การเตะ แบบคิกบ๊อกซิ่ง ผมเลยบอกเขาไปว่าคนไทยเกิดมาเดินได้ก็เตะเป็นแล้ว เขางง ๆ จึงขอให้ผมแสดงให้ดู

ด้วยมวยไทยอยู่ในสายเลือดอยู่แล้ว แม้จะเลิกมา 30 กว่าปี แต่ก็ไม่อยากให้คนไทยเสียหน้า เลยถือโอกาสแสดงให้เขาดู และบอกเขาว่าขณะนี้ผมอายุ 57 ปี แล้ว

ลองสะดับดูนะครับ ไวโอลินผมคงเล่นได้แค่นั้นแหละ
https://www.youtube.com/watch?v=faRmq62X42w&feature=youtu.be
โดย: ครูอนุบาล [22 มี.ค. 57 23:47] ( IP A:171.7.169.117 X: )
Add to Facebook  Add to Twitter  Add to Multiply  Add to Google  Add to Blogger  Add to Live
ความคิดเห็นที่ 1
   

โดย: ครูอนุบาล [22 มี.ค. 57 23:49] ( IP A:171.7.169.117 X: )
ความคิดเห็นที่ 2
   สวัสดีครับคุณครู

ผมเข้าไปดูตามคลิปแล้ว ดูไม่ได้ (ซึ่งไม่ได้แปลว่าคุณครูสาธิตวิธีการเตะกระสอบทรายแบบไม่น่าดูนะครับ หากแต่แปลว่าเปิดไม่ได้)ผมก็เลยคิด ๆ หาทางอยู่ว่าจะเข้าไปดูอย่างไรดี เพราะจะเดินทางจากฝั่งธนเข้ามาถึงบ้านคุณครูเพื่อให้คุณครูแสดงการชกมวยให้ดูสด ๆ โดยไม่ต้องผ่านคลิปก็กลัวอันตราย เพราะหากคุณครูกำลังอารมณ์เสียอยู่เพราะอะไรก็แล้วแต่ อาจจะเห็นผมเป็นคู่ชก หรือ กระสอบทราย ไปได้ง่าย ๆ

นึกออกแล้วครับ เดี๋ยวผมออกไปหาอะไรกินเล่นให้เย็น ๆ ใจก่อน แล้วค่อยตามเข้าไปดูคลิปจากยูทูปตามลายแทงที่ให้ไว้ ผมเป็นแฟนที่เหนียวแน่นของคุณครูนี่นา ดังนั้นไม่ว่าครูจะเล่นไวโอลินให้ดู ต่อยมวยให้ดู หรือ ทำกับข้าวให้ดู ผมก็ต้องตามเข้าไปดูด้วยความสนใจและความตั้งใจทุกเรื่อง
โดย: ลุงสุบ [23 มี.ค. 57 19:33] ( IP A:171.101.177.41 X: )
ความคิดเห็นที่ 3
   อ่า..คราวนี้ "ดูได้" แล้วครับ ได้เห็นว่าคุณครูเตะกระสอบพลิกไปพลิกมา เสียงกึกก้องสะท้านสะเทือนด้วยพลกำลังอันมหาศาลราวกับเด็กหนุ่มอายุ 17 ไม่ใช่หนุ่มใหญ่อายุ 57 อย่างที่ว่ามา แข้งทั้งสองข้างที่คุณครูดีดออกไปเสียงดังตูม ตูม ตูม นั้น หากกระสอบทรายเป็นสิ่งมีชีวิตเช่นจรเข้เป็นต้น ผมคิดว่าจรเข้ก็จรเข้เถอะ รับรองว่าต้องหมดราคาเพราะสิ่งที่แพงที่สุดของจรเข้อันได้แก่หนังที่ทนทาน เหนียวและแข็งแกร่งนั้นคงน่วมเละหรือไม่ก็คงฉีกขาดไม่เป็นชิ้นดี

นึกอีกทีก็รู้สึกเสียวสยองเหลือเกิน หากกระสอบทรายใบนั้นเป็นชายโครงและสีข้าง หรือไม่ก็พับนอกพับในของผมเอง
โดย: ลุงสุบ [23 มี.ค. 57 20:05] ( IP A:171.101.177.41 X: )
ความคิดเห็นที่ 4
   การที่คุณครูตั้งชื่อกระทู้นี้ว่า "Art Of Muay Thai" ทำให้ผมค่อนข้างจะแน่ใจว่าคุณครูต้องได้รับอิทธิพลมาจากหนังสารคดีชุด The Art of Violin ซึ่งผมรู้ดีว่าเป็นสารคดีที่คุณครูชื่นชอบและเป็นคนแนะนำให้ผมดูตั้งแต่เมื่อแรก ๆ ที่เรารู้จักกัน หลายปีมาแล้ว พอเห็นชื่อกระทู้ และ พอได้เข้าไปดูคลิปที่คุณครูสาธิตวิธีเตะกระสอบทรายใบเบ้อเริ่มให้พลิกไปพลิกมาราวกับเตะกรวยกระดาษแล้ว ทำให้ผมนึกอะไรขึ้นมาได้ตั้งหลายอย่าง ซึ่งจะถือโอกาสคุยกับคุณครูในที่นี้ เพราะคุยแล้ว พรรคพวกเพื่อนฝูงที่เป็นแฟนของคุณครูจะได้พลอยอ่านด้วย

อ่านแล้วถึงจะไม่ได้อะไรขึ้นมาเป็นแก่นสาร ก็น่าจะดีกว่าอ่านข่าวการเมืองในระยะนี้ อ้าว อ้าว ..จะออกนอกเรื่องแล้ว ขออภัยเถิดครับ ผมลืมไปว่าคุยเรื่องนี้ไม่ได้ เพราะว่าผิดกติกาที่เจ้าบ้านระบุไว้
โดย: ลุงสุบ [23 มี.ค. 57 20:14] ( IP A:171.101.177.41 X: )
ความคิดเห็นที่ 5
   เริ่มตั้งแต่ชื่อกระทู้ที่คุณครู ฯ ได้ตั้งไว้ ก็คือ ผมเพิ่งเฉลียวใจนึกขึ้นมาเป็นครั้งแรกเมื่อกี้นี้ เมื่อได้เห็นคุณครูตั้งกระทู้นี้แล้วนั่นแหละครับ สิ่งที่ทำให้ผมเฉลียวใจและฉุกคิดสงสัยขึ้นมาก็คือทำไมเวลาที่คุณครู หรือ ถ้าจะพูดให้ถูกต้องกว่านั้นก็คือ ทำไมเวลาที่เราทั้งหลายจะพูดถึงศิลปะมวยของเราเองให้ต่างชาติต่างภาษาฟัง ทำไมเราจะต้องเรียกว่า "มวยไทย"

ทำไมจึงไม่เรียกสั้น ๆ ว่า "มวย"

ถามอีกนัยหนึ่งก็คือ ถ้าเราพูดว่า "มวยไทย" แล้ว ก็แปลว่ามีมวยอย่างอื่นด้วยเช่น มวยจีน มวยพม่า มวยญี่ปุ่น มวยเวียดนาม มวยฟิลิปปินส์ มวยบรูไน มวยเกาหลี มวยอินโดนีเซีย มวยลาว มวยมาเลเซีย ฯลฯ อย่างนั้นใช่ไหม(แหม..ทีแรกผมคิดว่าจะเขียนให้ครบทั้งสิบสามประเทศตามกลุ่มประชาคม อาเซียน + 3 ก็นึกได้ไม่ครบเอาดื้อ ๆ )

ในทัศนะของผมก็คือ แท้จริงแล้วไม่มีหรอกครับ ไม่มีมวยจีน มวยเกาหลี มวยพม่า ฯลฯ หรือมวยอะไรต่อมิอะไรอย่างที่ตั้งคำถามไว้ข้างต้นนั้น มีแต่มวยไทยเพียงอย่างเดียว ชาติอื่น ๆ ที่ว่ามา (รวมทั้งที่มิได้กล่าวถึง เช่น ปะหล่อง ต่องสู่ ละว้า ฯลฯ ) นั้น เขาก็ย่อมมีศิลปะการต่อสู้ของตนเอง ไม่มีมนุษย์ชาติใดเผ่าใดหรอก ที่จะต่อสู้ไม่เป็นหรือไม่มี "ศาสตร์และศิลป์" ในด้านการต่อสู้เอาเสียเลย ผมเชื่อว่าความรู้ (ศาสตร์) และ ศิลปะด้านนี้ต้องมีด้วยกันทุกชาติพันธุ์ แต่ "มวย" นั้นเป็นของไทยเพียงชาติเดียว ชาติอื่น ๆ เขาก็ต้องเรียกอย่างอื่น ไม่ได้เรียกว่ามวย

เขียนมาเสียเยอะ ผมเพียงแต่จะพูดว่า แท้จริงแล้ว คุณครูอนุบาลหรือพวกเราทั้งหลาย หากจะพูดถึงเรื่องนี้แล้วไซร้ น่าจะเรียกว่า "ศิลปะแห่งมวย" หรือ The Art of Muay
เท่านั้นก็เป็นการเพียงพอแล้ว และ เป็นการแสดงสิทธิความเป็นเจ้าของศิลปะด้านนี้ได้ดีกว่าคำว่า มวยไทย

หากเห็นแย้งกับที่ผมพูดมาก็ไม่เป็นไรหรอกครับ เพียงแต่ว่าต่อไป เมื่อเราจะพูดถึงศาสตร์และศิลป์แห่งการต่อสู้ของชนชาติอื่น เราอาจจะต้องพูดและเขียนดังนี้

The Art of Japanese Judo
The Art of Chinese Tiji
The Art of Indonesian Pencak

ผมก็ยกตัวอย่างไปงั้นแหละ แต่เพื่อนพ้องน้องพี่ย่อมเห็นว่า ไม่มีใครเขาเรียกกันอย่างนั้นใช่ไหมครับ พอพูดถึง ยูโด คนก็รู้ว่าญี่ปุ่น พูดถึง ไท้จี๋หรือไท้เก็ก คนก็รู้ว่าจีน และ พูดถึงสีลัต คนก็รู้ว่าเป็นศิลปะการต่อสู้ของอินโดนีเซีย

"มวย" คำเดียว คนทั่วโลกต้องรู้จักซีครับว่า เป็นศิลปะการต่อสู้ของคนไทย ไม่ใช่ศิลปะการต่อสู้ของชาติอื่น เผ่าพันธุ์อื่น
โดย: ลุงสุบ [23 มี.ค. 57 20:50] ( IP A:171.101.177.41 X: )
ความคิดเห็นที่ 6
   ทีนี้กลับมาเข้าประเด็นที่คุณครูตั้งใจจะเล่า นั่นก็คือ ศิลปะแห่งมวย หรือ ถ้าจะพูดเฉพาะเท่าที่เห็นในคลิปก็คือ ศิลปะแห่งการเตะโดยใช้แข้ง เพราะคุณครูแสดงให้เห็น หรือ ที่เรียกว่า สาธิตไว้ให้เห็นเพียงแค่นั้น ไม่ได้แสดงวิธีอื่น ๆ อันได้แก่อวัยวะหลักที่ใช้ในการต่อสู้คือ หมัด เท้า เข่า ศอก

ถามคนที่ไม่มีความรู้เรื่องมวยอย่างผม (เอ่อ..จะว่าไปก็รู้เหมือนกันแหละครับ แต่เป็นความรู้แค่หางอึ่ง เท่า ๆ กับที่รู้เรื่องไวโอลิน) ถามว่า อ้าว..หน้าแข้งนั้นไม่นับว่าเป็นเท้าหรอกหรือ คำตอบในทัศนะของผมก็คือ ไม่ใช่หรอกครับ แข้งก็คือแข้ง เท้าก็คือเท้า

ในคลิปที่ได้ชมนั้น คุณครูอนุบาลได้สาธิตวิธีการใช้แข้งซึ่่งเป็นอาวุธหนักอย่างหนึ่ง หรือจะว่าไปแล้ว อาวุธมวยก็ไม่มีอะไรที่จะเรียกได้ว่าเป็นอาวุธเบาหรอกครับ มีแต่อาวุธหนักทั้งนั้น ไม่มีอะไรเบาเลย นักมวยอาชีพและนักมวยสมัครเล่นจำนวนนับไม่ถ้วนเคยถูกน็อคด้วยแข้ง ด้วยเท้า ด้วยหมัด ด้วยเข่า และ ด้วยศอก

อาจมีผู้เอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้ ถามขึ้นมาว่า "หากมีสิ่งที่เรียกว่าอาวุธหนักแล้ว ถ้างั้นสิ่งที่เรียกว่าอาวุธเบา มีบ้างไหม"

คำตอบก็คือ มีซีครับ ทำไมจะไม่มี และ อาวุธเบานี่แหละ อานุภาพร้ายแรงกว่าอาวุธหนักมากมายเหลือเกิน คนที่เป็นนักมวยอย่างคุณครูอนุบาล และ ไม่ใช่นักมวยอย่างคุณพ่อมือใหม่ คุณหมี หรือใครต่อใคร ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า หากจะถูกอาวุธของฝ่ายตรงข้ามแล้ว ขอให้เป็นอาวุธหนักจะดีกว่าอาวุธเบา อาวุธหนักนั้นเมื่อโดนเข้าแล้ว แป๊บเดียวก็ฟื้นได้ ถ้าคัดเลือดออกเสียหน่อย ใช้ผ้าเย็นประคบอีกนิด ลงจากเวทีก็เดินปร๋อยิ้มร่าได้แล้ว

แต่หากต้องอาวุธเบา เช่น ทุบด้วยกำปั้น บิดหู หยิกแก้ม ข่วนหน้าด้วยเล็บ กัดที่หัวไหล่ ฯลฯ เรื่องมักจะยาว และ แผลที่เกิดขึ้นจะอักเสบอยู่หลายวัน บางทีเป็นปี ๆ ก็ไม่หายไปได้ง่าย ๆ

ใครไม่เชื่อก็ถามคุณหมี หรือ คุณพ่อมือใหม่เอาเองก็แล้วกัน หรือ จะถามคุณครูอนุบาลผู้เป็นเจ้าของกระทู้นี้ก็ได้ แต่ถ้าจะถามคุณครู ฯ ระวังแข้งไว้หน่อยก็จะดี
โดย: ลุงสุบ [23 มี.ค. 57 21:16] ( IP A:171.101.177.41 X: )
ความคิดเห็นที่ 7
   

ศิลปะมวยไทย

การเตะคือแม้ไม้เด่นของมวยไทยครับคุณลุงสุบ

 

โดย: ครูอนุบาล [23 มี.ค. 57 21:19] ( IP A:171.6.130.141 X: )
ความคิดเห็นที่ 8
   รอยเล็บเหน็บเนื้อ เจ็บปวดเหลือใจ
แค้นใดกันเจ้า หยิกเอาหยิกเอา
เฝ้าแต่แสนงอน อ่อนใจ
ตั้งหน้าหยิกย้ำช้ำไปหมดแล้ว
เป็นแนวน้อยใหญ่
เคืองพี่เรื่องไรไฉน เมินหน้า

รอยรักฝากรส หมดจดมิจาง
น้องนางเคยให้ พี่วอนอ่อนใจ
เหตุใดน้องจึง บึ้งชา
เคลือบแคลงแสร้งเสเกเรอีกหรือ
ดึงดื้อสัญญา
ก็ไหนเคยว่าไม่ขืนขัดใจ

พี่รึถนอมจะหอมสักครั้ง
ก็ยังวอนเจ้า
จูบเพียงแผ่วเบากลัวน้องหมองไหม้
จะกอดจะกุมนุ่มเนื้อเพียงเฉียดละเมียดละไม
แง่งอนอันใดขวัญใจจึงหน้างอ

รอยเล็บเหน็บรักติดปัก ฝังแนว
เหมือนรอยแมวข่วน พี่ครางพี่ครวญ
แต่นวลน้องยัง ไม่พอ
หยิกไปให้สมอารมณ์ขุ่นหมอง ไม่ต้องรั้งรอ
ต่อน้องเพียงพอ พี่ขอจูบคืน

พี่รึถนอมจะหอมสักครั้ง ก็ยังวอนเจ้า
จูบเพียงแผ่วเบากลัวน้องหมองไหม้
จะกอดจะกุมนุ่มเนื้อเพียงเฉียดละเมียดละไม
แง่งอนอันใดขวัญใจจึงหน้างอ

รอยเล็บเหน็บรัก ติดปักฝังแนว
เหมือนรอยแมวข่วน พี่ครางพี่ครวญ
แต่นวลน้องยัง ไม่พอ
หยิกไปให้สมอารมณ์ขุ่นหมอง ไม่ต้องรั้งรอ
ต่อน้องเพียงพอ พี่ขอจูบคืน
โดย: ลุงสุบ [23 มี.ค. 57 21:25] ( IP A:171.101.177.41 X: )
ความคิดเห็นที่ 9
   อ้อ..อย่างนั้นหรือครับ คุณครูอนุบาล การเตะคือแม่ไม้เด่นของมวยไทย จริงหรือ แต่ผมไม่เชื่อคุณครูหรอก ผมว่า น่าจะเป็นการหยิกและการข่วนมากกว่า หลักฐานก็อย่างเพลงข้างบนเนี่ยะ ศิลปินแห่งชาติรุ่นใหญ่ทั้งสองท่าน คือ คุณชรินทร์ ฯ และ คุณสุเทพ ฯ ต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกัน เพียงแค่ประโยคแรก ท่านก็บอกอย่างชัดเจนแล้วว่า "รอยเล็บเหน็บเนื้อ เจ็บปวดเหลือใจ"

ผมไม่เคยได้ยินใครร้องคร่ำครวญแม้แต่คนเดียวเลยว่า "รอยเท้าทิ่มเนื้อเจ็บปวดเหลือใจ แค้นใดกันเล่า เตะเอา ถีบเอา เฝ้าแหย่ศอกซ้อน อ่อนใจ ตั้งหน้าเตะย้ำช้ำไปหมดแล้ว
เป็นแนวน้อยใหญ่ เคืองพี่เรื่องไรไฉน ยันหน้า"

ไม่เคยได้ยินใช่ไหมครับ คุณครู
แล้วเห็นไหมเล่า อะไรคืออาวุธหนัก และ อะไรคืออาวุธเบา

คุณครูเล่นเพลงข้างบนนี้ให้ฟังหน่อยซีครับ "รอยรักรอยเล็บ" ซึ่งผมเห็นว่าเป็นอาวุธหนักและเป็นแม่ไม้มวยไทย ที่นักมวยคนไหนก็แล้วแต่ เจอเข้าไปแล้ว มีแต่ช้ำลูกเดียว แก้ไขยากเสียด้วย
โดย: ลุงสุบ [23 มี.ค. 57 21:40] ( IP A:171.101.177.41 X: )
ความคิดเห็นที่ 10
   กลับมาที่ชื่อกระทู้ที่คุณครู ฯ ตั้งไว้อีกครั้งหนึ่้ง เมื่อผมเห็นชื่อที่ตั้งไว้เป็นภาษาอังกฤษ ก็เลยเข้าไปค้นดูคำอธิบายว่าด้วยเรื่องมวยไทยที่เขียนไว้ภาษาอังกฤษเช่นกัน แล้วให้ google translate แปลให้อ่าน ปรากฏว่าน่าสนใจมากครับ

คำอธิบายจากวิกิพีเดียมีว่าดังนี้

Muay Thai (Thai: มวยไทย, RTGS: Muai Thai, [mūaj.tʰāj> ( listen) is a combat sport from the muay martial arts of Thailand that uses stand-up striking along with various clinching techniques.[1>[2>[3>[4> This physical and mental discipline which includes combat on foot is known as "the art of eight limbs" because it is characterized by the combined use of fists, elbows, knees, shins and feet, being associated with a good physical preparation that makes a full-contact fighter very efficient.[5> Muay Thai became widespread internationally in the twentieth century, when practitioners defeated notable practitioners of other martial arts.[6> A professional league is governed by the World Muay Thai Council

คำแปลจาก google translate มีว่าดังนี้

เป็น "ศิลปะของแปดขา" เพราะมันเป็นลักษณะการใช้งานร่วมกันของกำปั้น, ข้อศอก, หัวเข่า, หน้าแข้งและเท้าที่ถูกที่เกี่ยวข้องกับการที่ดี การเตรียมความพร้อมทางกายภาพที่ทำให้รบเต็มรูปแบบการติดต่อที่มีประสิทธิภาพมาก. [5> มวยไทยกลายเป็นที่แพร่หลายในระดับนานาชาติในศตวรรษที่ยี่สิบเมื่อปฏิบัติแพ้ผู้ปฏิบัติงานที่โดดเด่นของศิลปะการต่อสู้อื่น ๆ . [6> ลีกอาชีพเป็นหน่วยงานที่โลกมวยไทย Council

ที่ผมพูดว่าน่าสนใจนั้น ไม่ใช่เรื่องของการให้คำอธิบายและคำแปลโดยการใช้เครื่องมือแปลที่อยู่ในระหว่างการพัฒนาหรอกครับ ความน่าสนใจที่ผมว่าก็อยู่ที่คำเดียวเท่านั้นแหละ คือคำแปลที่ว่ามวยไทยเป็น ""ศิลปะของแปดขา" นี่แหละครับ ใครที่ไม่เชื่อและนึกค่อนขอดว่าผมนั่งเทียนเขียนขึ้นเอง ก็ลองนำข้อความไปเข้าโปรแกรมที่ว่าให้แปลให้ฟังดูเอาเองนะครับ อ่านแล้วทำให้รู้สึกครึกครื้นอารมณ์ดี ฮ่า ฮ่าฮ่า ช่วยทำให้ผมหายกลัดกลุ้มในเรื่องนั้นเรื่องนี้ไปได้ตั้งเยอะ
โดย: ลุงสุบ [23 มี.ค. 57 22:08] ( IP A:171.101.177.41 X: )
ความคิดเห็นที่ 11
   "ศิลปะของแปดขา" ตามที่โปรแกรมคอมพิวเตอร์แปลจากคำว่า "the art of eight limbs" นั้นจะถูกหรือผิด คนที่จะอธิบายได้ดีกว่าผม ก็ต้องเป็นคุณครูอนุบาลนั่นแหละครับ ว่าจริง ๆ แล้ว มวยของเราใช้เพียงแปดขา คือ หมัด เท้า เข่า ศอก อย่างละ 2 รวมเป็น 8 หรือไม่ ตามความรู้ระดับหางอึ่งอ่างที่ผมมี เราน่าจะใช้มากกว่านั้นนี่นา อย่างน้อยก็คือ แขน แข้ง (อย่างที่คุณครูสาธิตให้ดู) ไหล่ ศีรษะ ลำตัว แต่คราวนี้ไม่นับ เล็บ ฟัน หรืออะไรต่อมิอะไรอย่างอื่นที่เป็นอาวุธเบานอกตำรา
โดย: ลุงสุบ [23 มี.ค. 57 22:18] ( IP A:171.101.177.41 X: )
ความคิดเห็นที่ 12
   ความจริงแล้ว เจตนาของผมที่เขียนความเห็นเรื่องนี้ก็มีอยู่เพียงว่า อยากจะเล่าว่าในบรรดาสมาชิกชมรม 30 ไวโอลินที่ผมได้มีวาสนารู้จักและสนิทสนมด้วยโดยตัวเป็น ๆ นั้น แต่ละท่านเป็นผู้มีศาสตร์และศิลปะในเรื่องต่าง ๆ ที่แตกต่างกันไป ไม่ค่อยเหมือน ไม่ค่อยคล้ายกันเท่าใดนัก ข้อนี้ผมเห็นว่าเป็นเรื่องที่แปลกมาก

พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือว่า ในกลุ่มนักไวโอลินสมัครเล่นจำนวนหลายท่านในชมรมของเรานี้ เป็นผู้ที่มี "ศิลปะ" ในเรื่องที่ต่างกัน ความน่าสนใจอยู่ตรงที่ว่าแต่ละท่านได้นำศิลปะในศาสตร์ที่ท่านประกอบอาชีพอยู่ หรือ มีความถนัดความสนใจเป็นพื้นฐานเดิมมาปรับใช้กับการเล่นไวโอลินได้อย่างน่าทึ่งเป็นที่สุด และท่านหนึ่งในบรรดาที่น่าทึ่งนั้นก็คือ คุณครูอนุบาลของผมนี่แหละครับ

กำลังจะพยายามอธิบายว่า ศิลปะแห่งการเตะกระสอบทราย กับศิลปะในการจรดคันชักลงบนไวโอลิน มีอะไรที่เหมือนกันและต่างกัน ฮื่อ..ขอรับ ผมขออนุญาตย้ำว่า "พยายามอธิบาย" ดังนั้นถ้าฟังแล้ว ดูเหมือนจะเป็นการอธิบายอย่างใช้กำปั้นทุบดิน ก็ขอความเมตตาอย่าถือสาหาความนะขอรับ บ้านเมืองของเราถือสาหาความกันในทุกเรื่องมามากแล้ว นานแล้ว จนกำลังจะ....อยู่แล้ว

เอ..เอาอีกแล้ว จะนอกเรื่องอีกแล้ว แต่เพื่อเป็นการปลอบใจตนเองและปลอบใจพรรคพวกเพื่อนฝูงไปด้วยในเวลาเดียวกัน ข้อความในช่องว่างที่ผมทำจุดไข่ปลาไว้นั้น พวกเราควรจะให้กำลังใจซึ่งกันและกัน โดยเติมคำว่า "ดึขึ้น"
โดย: ลุงสุบ [23 มี.ค. 57 22:34] ( IP A:171.101.177.41 X: )
ความคิดเห็นที่ 13
   พรุ่งนี้ ผมจะขออนุญาตออกความเห็นโดยการเขียนต่อนะครับ คุณครู ฯ นี่ยังไม่ได้เริ่มต้นนินทาเรื่องการเล่นเพลงล่าสุดของคุณพ่อ ฯ เลยเนี่ยะ ระหว่างนี้พรรคพวกเพื่อนฝูงจะเขียนอะไรต่อในที่นี้ก็ได้ครับ ผมเองนั้นยินดีอยู่แล้ว และ รับประกันว่าคุณครูอนุบาลก็ย่อมยินดีเช่นกัน แต่ก่อนจะจบในคืนนี้ ต้องบอกด้วยความจริงใจว่า ผมไม่เชื่ออะไรอีกอย่างหนึ่งที่คุณครู ฯ เขียนไว้ข้างต้น เรื่องที่ไม่เชื่อนั้นสำคัญมากเสียด้วย

ผมไม่เชื่อที่ข้อความเขียนว่า "ไวโอลินผม (ครูอนุบาล) คงเล่นได้แค่นั้นแหละ"

ไม่เชื่อ
ไม่เชื่อ
และ
ไม่เชื่อเลยครับ

พรุ่งนี้จะมาอธิบายว่าเหตุใดจึงไม่เชื่อ
โดย: ลุงสุบ [23 มี.ค. 57 22:43] ( IP A:171.101.177.41 X: )
ความคิดเห็นที่ 14
   

เห็นพี่ครูเตะแล้วหนาว ผมว่าต่อให้เด็กหนุ่มๆ 2 รุม พี่ครูน่าจะรับมือสบาย .. แซวเล่นครับ แหะ แหะ ไม่ได้คุยกันนานเลยครับ

โดย: นพ [25 มี.ค. 57 14:01] ( IP A:58.137.137.214 X: )
ความคิดเห็นที่ 15
   พาจักรยานหายไปไหนนานปานนั้นข้ามวันข้ามคืนอาจจะข้ามเดือนข้ามปีหรือเปล่าครับ
โดย: คนไกล [28 มี.ค. 57 23:02] ( IP A:219.105.45.234 X: )
* ขณะนี้พี้นที่เต็ม ไม่สามารถโพสต์กระทู้เพิ่มได้ *

คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน