ไวโอลิน เรสลี
   

ใครใช้ไวโอลินอาจารย์บ้าง  เสียง  รูป  ราคา เริ่มที่ครึ่งแสนแถมเลือกไม่ได้ว่าจะเอาไม้ชิ้นไหนทำตัวไหนก็ต้องเอาตัวนั้น 

โดย: jdart@hotmail.co.th [8 เม.ย. 57 22:18] ( IP A:110.49.235.87 X: )
Add to Facebook  Add to Twitter  Add to Multiply  Add to Google  Add to Blogger  Add to Live
ความคิดเห็นที่ 1
   

ผมเห็นคิว อจ.เต็ม ปีชนปีเลยนะครับ ตัวนี้ของผมครับ

โดย: .. [8 เม.ย. 57 23:59] ( IP A:223.207.41.53 X: )
ความคิดเห็นที่ 2
   

คุณภาพการันตีครับทั้งเสียงเเละรูป ราคา เเล้วคุณจะรู้เองครับว่าของดีมันไม่ได้อยู่ไกลตัวเลย  

โดย: จุบจิ๊บ [9 เม.ย. 57 1:12] ( IP A:1.47.68.107 X: )
ความคิดเห็นที่ 3
   ถ้าจะซื้อของแพง ต้องได้จับได้ลอง
โดย: [9 เม.ย. 57 16:19] ( IP A:223.205.249.7 X: )
ความคิดเห็นที่ 4
   

จะลองอธิบายในหลายๆมุมนะครับ

คือถ้ามองในมุมว่าใครเป็นคนสร้างไวโอลินแล้ว ผมคิดว่าราคา workshop violin ของจีนก็จะราคาประมาณใกล้ๆกันนี้ ซึ่งแปลว่าเราจะได้งานระดับ master violin ของไทย ในราคาระดับเดียวกับ workshop violin ของจีน แต่ก็มีมุมแตกออกมาได้อีกว่า อาจารย์อนุสิทธิ์นั้นทำไวโอลินโดยการฝึกฝนด้วยตนเอง ไม่ได้เรียนจากโรงเรียนแบบที่มีใบปริญญา ซึ่งมุมนี้ก็อาจทดแทนได้ด้วยความหายากของไวโอลิน คือการหาไวโอลินที่ผลิตจากช่างไทยนั้นหาได้ยากแน่นอนเพราะมีคนทำอยู่ไม่กี่คน ไวโอลินที่ทำโดยช่าง Cremona ที่จบมาจากโรงเรียนที่มีดีกรี อาจหาตามท้องตลาดได้ง่ายกว่าหลายเท่าด้วยซ้ำ และเมื่อตัวเปรียบเทียบเป็น workshop ไวโอลินของจีน ก็แปลว่าทำโดย ผู้ช่วย หรือ ลูกมือ ของ master ที่เรียนมาโดยตรงอีกที ซึ่งถ้าในจีนผมว่าผู้ช่วยหรือลูกมือน่าจะไม่ได้เรียนมาแบบมีดีกรี เดาว่าคงฝึกกันใน workshop นั้นเอง ไม่เหมือนที่ยุโรป แปลว่าก็ไม่ใช่ช่างมีดีกรีอยู่ดีแต่อยู่ภายใต้การดูแลของช่างมีดีกรีอีกที

อีกมุมคือมองจากของมุมของวัตถุดิบ ก็อาจจะมองที่ตัว tone wood ไวโอลินของจีนเองก็มีแหล่งที่มาของ tone wood หลากหลาย และต้นทุนตกที่ tone wood หลายเปอร์เซ็นต์เหมือนกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็น European tone wood ผมไม่แน่ใจว่าปัจจุบัน อาจารย์อนุสิทธิ์ ใช้ tone wood จากแหล่งไหน

ส่วนในมุมของคิวที่ต้องรอผลิตนั้น maker ของต่างประเทศที่ดังๆ ก็อาการนี้ทั้งนั้น เช่น Zygmuntowicz , Burgess หรือคนดังอื่นๆ การรอคิวก็ดูจะเป็นเรื่องปรกติ ทั้งนี้สิ่งที่ต้องเสียไปเพื่อแลกกับการได้ไวโอลินจาก maker มีชื่อเสียงและต้องรอคิว ก็คือโอกาสที่จะได้เลือกไวโอลินจาก maker ที่ไม่มีชื่อเสียง ซึ่งที่ในงบประมาณตามที่เจ้าของกระทู้บอกมาจะมีให้เลือกให้ลองอยู่หลายสิบตัว กระจายๆกันตามร้านไวโอลินต่างๆ

งงดีนะครับ … แต่ถ้าคิดบวก … ความงงเป็นเรื่องที่ดีครับเพราะแปลว่าเรื่องนี้มีจุดเปรียบเทียบและตัดสินใจหลายจุดให้แต่ละคนได้มีโอกาสเลือกตามบริบทของตัวเอง ยกตัวอย่างเช่น

ถ้าผมเป็นนักเรียนไวโอลินที่กำลังพัฒนาตัวเองเพื่อจะให้ทันสอบเข้ามหาวิทยาลัยในปีหน้าและไวโอลินที่ใช้อยู่เป็น factory violin เสียงแข็งๆกระด้างๆ ทำ Dynamic ก็ไม่ออก ทำ Harmonic ก็ไม่ดัง ฯลฯ แบบนี้ผมก็ต้องตัดสินใจในบริบทที่ว่าตัวเองมีความจำเป็น(เร่งด่วน) ที่จะต้องมี instrument ที่ดีขึ้นเพื่อให้สามารถจะตอบสนองการพัฒนาในการเล่นของตัวเองให้ทัน เพราะเวลามันเหลืออีกปีเดียว

แต่ในบริบทอื่นเช่น ถ้าผมเป็นนักไวโอลิน ที่มีไวโอลินใช้เป็นประจำอยู่แล้วทั้งเสียงและการตอบสนองก็พอใจอยู่แล้ว พอดีถูกสลากออมสินได้เงินมาหกหมื่นและคิดว่าอยากจะเอาเงินก้อนนี้ไปเปลี่ยนเป็นไวโอลินตัวที่สอง ในบริบทนี้ ผมก็จะมีมุมของการตัดสินใจที่ต่างออกไป เพราะไม่มีอะไรต้องรีบ เวลารอแค่ไหนก็ได้ รอแล้วได้มาไม่ถูกใจก็ยังไม่เป็นไรถ้ามั่นใจว่าขายต่อได้ไม่ขาดทุน (หรือแค่เปลี่ยนจากการถูกสลากออมสิน เป็นถูกสลากกินแบ่งรางวัลที่ 1 อันนี้บริบทก็เปลี่ยนไปอีกเยอะละ 555 laugh)

สรุปว่าเรื่องแบบนี้ผมไม่คิดว่ามีคำตอบแบบฟันธง แต่จะมีบริบทของแต่ละคนเป็นตัวแปรหลักที่ต้องใช้ประกอบการตัดสินใจ และคิดว่าเรื่องเดียวที่ต้องระวังคืออย่าให้อารมณ์มารบกวนตรรกะเท่านั้นเอง 

อธิบายศัพท์

ผมไม่เคยมั่นใจว่าใช้ศัพท์แสงของวงการได้ถูกต้อง จึงขออธิบายศัพท์ที่ผมเขียนข้างบนไว้ตามนี้นะครับ ถูกผิดอย่างไรรบกวนท่านผู้รู้แก้ไขให้ด้วย

Factory Violin : ไวโอลินที่ผลิตจากสายการผลิตในโรงงาน คนงานแต่ละคนทำเฉพาะส่วนที่ตัวเองรับผิดชอบ เช่น มีแผนกทำไม้แผ่นหน้าก็ตัดไม้แผ่นหน้าไป แผนกประกอบก็ทากาวประกอบไม้ไป ช่างแผนกวานิชก็ทาวานิชไป(ดีไม่ดีอาจจะใช้วิธีพ่นเหมือนพ่นสีทีละเป็นสิบๆตัวก็ได้) ฯลฯ ดังนั้นไวโอลินจะไม่ได้เสร็จเป็นตัวด้วยคนๆเดียว และคนงานก็อาจจะไม่จำเป็นต้องเป็นช่างที่มีฝีมือ

Workshop Violin : ไวโอลินที่ผลิตจาก workshop ซึ่งมักเป็น studio เล็กๆ มีคนทำอยู่ 3 - 5 คน โดยเป็นช่างระดับรองลงมาหน่อย แต่วิธีการผลิตจะไม่ได้ทำเป็นสายการผลิตแบบโรงงาน แต่จะยึดแนว Handmade คือช่างแต่ละคนจะทำไวโอลินแต่ละตัวตั้งแต่ต้นจนจบ ภายใต้การควบคุมของเจ้าของ workshop ที่เป็นช่างระดับอาจารย์(master)อีกที ไวโอลินแบบนี้เรียกได้ว่าเป็นไวโอลิน handmade เพียงแต่ทำโดยช่างระดับที่รองลงมาก 

Master Violin : ไวโอลินที่ทำโดยช่างระดับอาจารย์ ซึ่งบางคนก็มีเวิร์คช้อปบางคนก็เป็นศิลปินเดี่ยวตามอัธยาศัย 

โดย: olDlaD [9 เม.ย. 57 18:34] ( IP A:110.171.86.229 X: )
ความคิดเห็นที่ 5
   

จะลองอธิบายในหลายๆมุมนะครับ

คือถ้ามองในมุมว่าใครเป็นคนสร้างไวโอลินแล้ว ผมคิดว่าราคา workshop violin ของจีนก็จะราคาประมาณใกล้ๆกันนี้ ซึ่งแปลว่าเราจะได้งานระดับ master violin ของไทย ในราคาระดับเดียวกับ workshop violin ของจีน แต่ก็มีมุมแตกออกมาได้อีกว่า อาจารย์อนุสิทธิ์นั้นทำไวโอลินโดยการฝึกฝนด้วยตนเอง ไม่ได้เรียนจากโรงเรียนแบบที่มีใบปริญญา ซึ่งมุมนี้ก็อาจทดแทนได้ด้วยความหายากของไวโอลิน คือการหาไวโอลินที่ผลิตจากช่างไทยนั้นหาได้ยากแน่นอนเพราะมีคนทำอยู่ไม่กี่คน ไวโอลินที่ทำโดยช่าง Cremona ที่จบมาจากโรงเรียนที่มีดีกรี อาจหาตามท้องตลาดได้ง่ายกว่าหลายเท่าด้วยซ้ำ และเมื่อตัวเปรียบเทียบเป็น workshop ไวโอลินของจีน ก็แปลว่าทำโดย ผู้ช่วย หรือ ลูกมือ ของ master ที่เรียนมาโดยตรงอีกที ซึ่งถ้าในจีนผมว่าผู้ช่วยหรือลูกมือน่าจะไม่ได้เรียนมาแบบมีดีกรี เดาว่าคงฝึกกันใน workshop นั้นเอง ไม่เหมือนที่ยุโรป แปลว่าก็ไม่ใช่ช่างมีดีกรีอยู่ดีแต่อยู่ภายใต้การดูแลของช่างมีดีกรีอีกที

อีกมุมคือมองจากของมุมของวัตถุดิบ ก็อาจจะมองที่ตัว tone wood ไวโอลินของจีนเองก็มีแหล่งที่มาของ tone wood หลากหลาย และต้นทุนตกที่ tone wood หลายเปอร์เซ็นต์เหมือนกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็น European tone wood ผมไม่แน่ใจว่าปัจจุบัน อาจารย์อนุสิทธิ์ ใช้ tone wood จากแหล่งไหน

ส่วนในมุมของคิวที่ต้องรอผลิตนั้น maker ของต่างประเทศที่ดังๆ ก็อาการนี้ทั้งนั้น เช่น Zygmuntowicz , Burgess หรือคนดังอื่นๆ การรอคิวก็ดูจะเป็นเรื่องปรกติ ทั้งนี้สิ่งที่ต้องเสียไปเพื่อแลกกับการได้ไวโอลินจาก maker มีชื่อเสียงและต้องรอคิว ก็คือโอกาสที่จะได้เลือกไวโอลินจาก maker ที่ไม่มีชื่อเสียง ซึ่งที่ในงบประมาณตามที่เจ้าของกระทู้บอกมาจะมีให้เลือกให้ลองอยู่หลายสิบตัว กระจายๆกันตามร้านไวโอลินต่างๆ

งงดีนะครับ … แต่ถ้าคิดบวก … ความงงเป็นเรื่องที่ดีครับเพราะแปลว่าเรื่องนี้มีจุดเปรียบเทียบและตัดสินใจหลายจุดให้แต่ละคนได้มีโอกาสเลือกตามบริบทของตัวเอง ยกตัวอย่างเช่น

ถ้าผมเป็นนักเรียนไวโอลินที่กำลังพัฒนาตัวเองเพื่อจะให้ทันสอบเข้ามหาวิทยาลัยในปีหน้าและไวโอลินที่ใช้อยู่เป็น factory violin เสียงแข็งๆกระด้างๆ ทำ Dynamic ก็ไม่ออก ทำ Harmonic ก็ไม่ดัง ฯลฯ แบบนี้ผมก็ต้องตัดสินใจในบริบทที่ว่าตัวเองมีความจำเป็น(เร่งด่วน) ที่จะต้องมี instrument ที่ดีขึ้นเพื่อให้สามารถจะตอบสนองการพัฒนาในการเล่นของตัวเองให้ทัน เพราะเวลามันเหลืออีกปีเดียว

แต่ในบริบทอื่นเช่น ถ้าผมเป็นนักไวโอลิน ที่มีไวโอลินใช้เป็นประจำอยู่แล้วทั้งเสียงและการตอบสนองก็พอใจอยู่แล้ว พอดีถูกสลากออมสินได้เงินมาหกหมื่นและคิดว่าอยากจะเอาเงินก้อนนี้ไปเปลี่ยนเป็นไวโอลินตัวที่สอง ในบริบทนี้ ผมก็จะมีมุมของการตัดสินใจที่ต่างออกไป เพราะไม่มีอะไรต้องรีบ เวลารอแค่ไหนก็ได้ รอแล้วได้มาไม่ถูกใจก็ยังไม่เป็นไรถ้ามั่นใจว่าขายต่อได้ไม่ขาดทุน (หรือแค่เปลี่ยนจากการถูกสลากออมสิน เป็นถูกสลากกินแบ่งรางวัลที่ 1 อันนี้บริบทก็เปลี่ยนไปอีกเยอะละ 555 )

สรุปว่าเรื่องแบบนี้ผมไม่คิดว่ามีคำตอบแบบฟันธง แต่จะมีบริบทของแต่ละคนเป็นตัวแปรหลักที่ต้องใช้ประกอบการตัดสินใจ และคิดว่าเรื่องเดียวที่ต้องระวังคืออย่าให้อารมณ์มารบกวนตรรกะเท่านั้นเอง 

อธิบายศัพท์

ผมไม่เคยมั่นใจว่าใช้ศัพท์แสงของวงการได้ถูกต้อง จึงขออธิบายศัพท์ที่ผมเขียนข้างบนไว้ตามนี้นะครับ ถูกผิดอย่างไรรบกวนท่านผู้รู้แก้ไขให้ด้วย

Factory Violin : ไวโอลินที่ผลิตจากสายการผลิตในโรงงาน คนงานแต่ละคนทำเฉพาะส่วนที่ตัวเองรับผิดชอบ เช่น มีแผนกทำไม้แผ่นหน้าก็ตัดไม้แผ่นหน้าไป แผนกประกอบก็ทากาวประกอบไม้ไป ช่างแผนกวานิชก็ทาวานิชไป(ดีไม่ดีอาจจะใช้วิธีพ่นเหมือนพ่นสีทีละเป็นสิบๆตัวก็ได้) ฯลฯ ดังนั้นไวโอลินจะไม่ได้เสร็จเป็นตัวด้วยคนๆเดียว และคนงานก็อาจจะไม่จำเป็นต้องเป็นช่างที่มีฝีมือ

Workshop Violin : ไวโอลินที่ผลิตจาก workshop ซึ่งมักเป็น studio เล็กๆ มีคนทำอยู่ 3 - 5 คน โดยเป็นช่างระดับรองลงมาหน่อย แต่วิธีการผลิตจะไม่ได้ทำเป็นสายการผลิตแบบโรงงาน แต่จะยึดแนว Handmade คือช่างแต่ละคนจะทำไวโอลินแต่ละตัวตั้งแต่ต้นจนจบ ภายใต้การควบคุมของเจ้าของ workshop ที่เป็นช่างระดับอาจารย์(master)อีกที ไวโอลินแบบนี้เรียกได้ว่าเป็นไวโอลิน handmade เพียงแต่ทำโดยช่างระดับที่รองลงมา 

Master Violin : ไวโอลินที่ทำโดยช่างระดับอาจารย์ ซึ่งบางคนก็มีเวิร์คช้อปบางคนก็เป็นศิลปินเดี่ยวตามอัธยาศัย 

โดย: olDlaD [9 เม.ย. 57 18:38] ( IP A:110.171.86.229 X: )
ความคิดเห็นที่ 6
   

ช่างหมีฝีมือดีที่สุด

โดย: หน้าหยก [9 เม.ย. 57 19:19] ( IP A:76.164.234.44 X: )
ความคิดเห็นที่ 7
   

ซื้อไวโอลินต้องประกอบด้วยสามอย่าง รูปลักษณ์ อันได้แก่ทรง สี ลายไม้หนึ่ง  ราคา คือราคาตามที่ตัวเองซื้อได้ หรือตามงบประมาณหนึ่ง และเสียงอันได้แก่  เสียงหวาน เสียงอับ เสียงแหลม เสียงทุ้ม อีกหนึ่ง รวมเป็นสามพอดี  

เมื่ออยากได้ไวโอลินตามงบ ก็ต้องดูว่าทรงนี้ชอบหรือไม่ ลายไม้เข้าตาหรือเปล่า และสุดท้ายคือเสียงเป็นอย่างไร  ไม่ต้องถามใครครับ  เพราะไม่มีวันจบ  เพราะความรู้สึกผู้ฟังกับผู้เล่นไม่เหมือนกัน  ไม่เหมือนกันแน่นอนนอกจากต้องยอมกันคนละครึ่ง  

เมื่อซื้อมาแล้วมันก็จะอยู่กับเรานาน  นานเท่าที่เรายังรักมันอยู่  ดังนั้นถ้าไม่รักมันจริง เอาตามคนเชียร์  คนที่ลำบากใจย่อมเป็นเราครับ  ตัดสินให้ดี อ่านหนังสือให้มาก ความรู้ในบอร์ดนี้เยอะครับ แต่ละท่านเป็นมิตรทั้งนั้นครับ

 

โดย: ส. [9 เม.ย. 57 20:11] ( IP A:1.46.66.121 X: )
ความคิดเห็นที่ 8
   จะซื้อไวโอลินต้องเลือกได้โดยพิจารณา
-รูปลักณ์ภายนอก ถูกใจเราไหม
-เสียงถูกใจเราไหม
-เล่นใด้ง่ายหรือยาก เล่นแล้วเข้ามือไหม
-คุ้มราคาไหม แพงไปไหม
เราคิดของเราง่ายๆแค่นี้แหละ
โดย: [10 เม.ย. 57 10:18] ( IP A:223.205.249.212 X: )
ความคิดเห็นที่ 9
   

เมื่อพูดถึงการเลือกซื้อเลือกหาไวโอลินไม่ว่าใคร made ก็ตาม

ผมว่าเงินเป็นปัจจัยหลักในการซื้อหาไวโอลิน

เงินที่เหลือใช้และเก็บสะสมไว้มากเท่าไร โอกาสเลือกก็สูงเท่านั้น

ขึ้นอยู่ว่ากองเงินของคุณจะสูงมากพอให้ปีนป่ายไปได้แค่ไหนเพียงใด

เวลาก็เป็นปัจจัยประกอบเช่นกัน เพราะไม่จำเป็นจะต้องซื้อไวโอลินตัวแรกที่ชอบ

.

และเมื่อพูดถึงคนทำไวโอลินโดยเฉพาะไวโอลินสายพันธ์ุไทย

ผมขอคาระวะในความเป็นบุคคลผู้คลั่งใคล้และอุทิศตัวให้กับไวโอลินของท่าน

ความรู้สึกและจิตใจสำหรับผู้สร้างไวโอลิน มันต้องเกินกว่าคำว่า ชอบ รัก ฯลฯ

แต่มันคือ จิตวิญญาณไวโอลิน โดยแท้ 

(แค่คิดจะทำไวโอลินสักตัวผมยังไม่กล้าคิดเลย)

โดย: pann [10 เม.ย. 57 11:05] ( IP A:171.4.31.191 X: )
ความคิดเห็นที่ 10
   

ลองมองมุมกลับ การที่ไม่ได้เรียนจากที่ไหน ไม่มีดีกรี อาจจะเป็นข้อดีก็ได้
เพราะมุมคิด บางทีอิสระกว่า

จริงอยู่ ว่าการทดลองทำเอง อาจจะต้องใช้ความผิดพลาดเป็นครู

แต่ที่สุดแล้ว เราตัดสินใจที่ผลงาน อย่าเอาดีกรี มาวัดกันเลยครับ

จริงอยู่ตลาดวัดกันที่ดีกรีช่าง แต่อันที่จริงแล้ว ดีกรีช่างก็บอกผลงานกลายๆ
ผมเห็นเด็กจบปริญญาโท ปริญญาเอก ซื่อบื้อกว่า คนจบ ปอ 4 ก็มีเยอะแยะนะ

สายอาชีพบางสาย โดยเฉพาะงานศิลป์ บางทีวัดกันยาก
ถ้าวัดกันที่ดีกรี ก็หยาบมาก ผมคิดว่า ถ้าจะวัดจริงๆ วัดที่ผลงานเลยดีกว่า

ส่วนเรื่องของผลงานไม่สามารถวิจารย์ได้ เพราะว่าไม่สามารถ
ขอบคุณครับ

โดย: อะนะ [10 เม.ย. 57 12:27] ( IP A:58.8.39.241 X: )
ความคิดเห็นที่ 11
   https://www.facebook.com/photo.php?v=689741861089238&set=vb.283154165081345&type=2&theater
โดย: [10 เม.ย. 57 18:36] ( IP A:223.205.248.253 X: )
ความคิดเห็นที่ 12
   

^

^

ที่เห็นข้างบนนั้น Ray Chen ตัวจริงเหรอเนี่ย ? ไม่เคยรู้เลยว่า เขาชอบเล่นอะไรตลกๆแบบนี้ ขำดีครับ 5555 laugh

โดย: olDlaD [11 เม.ย. 57 12:33] ( IP A:171.7.96.180 X: )
ความคิดเห็นที่ 13
   

โดย: chai [11 เม.ย. 57 18:01] ( IP A:101.108.3.180 X: )
ความคิดเห็นที่ 14
   

no 17 ปี 2006 ครับ

โดย: chai [11 เม.ย. 57 18:02] ( IP A:101.108.3.180 X: )
ความคิดเห็นที่ 15
   ตัวนี้ของผมครับงบ 50,000 ไม้เมเปิลสเเลปคัท 1985
ดูผลงานที่เพจเเกได้ครับเกือบจะสองร้อยตัวเเล้วครับเท่าที่ติดตามมานะครับ

https://www.facebook.com/ResleeViolin/photos_albums

โดย: pigyball [12 เม.ย. 57 21:19] ( IP A:124.121.48.250 X: )
ความคิดเห็นที่ 16
   เเผ่นหน้าครับ

โดย: pigyball [12 เม.ย. 57 21:21] ( IP A:124.121.48.250 X: )
ความคิดเห็นที่ 17
   อันนี้เบอร์ 63 ของอาจารย์นรอรรถ จันทร์กล่ำ ครับ
โดย: pigyball [12 เม.ย. 57 21:36] ( IP A:124.121.48.250 X: )
ความคิดเห็นที่ 18
   

โดย: pigyball [12 เม.ย. 57 21:38] ( IP A:124.121.48.250 X: )
ความคิดเห็นที่ 19
   

ตัวนี้เบอร์ 109 ทดลองเสียงโดยอาจารย์ กมล บูรณกุล ครับ

โดย: pigyball [12 เม.ย. 57 21:43] ( IP A:124.121.48.250 X: )
ความคิดเห็นที่ 20
   

ส่วนตัวก็พอใจครับกับไวโอลิน reslee ผมคิดว่าเเล้วเเต่คนบางทีเราอาจจะยิดติดกับค่านิยมเก่าๆว่าต้องอิตาเลี่ยนต้องเยอรมัน ต้องช่าง Master มีใบ certificate รับรอง ผมว่ามันทำให้เรามองเเคบไปครับลองเปิดใจดูผมว่ามันก็ดีนะครับที่มีคนไทยทำไวโอลินได้ขนาดนี้ ผลงานที่เอามาให้ชมก็คงจะบอกท่านเองหละครับว่ามันดีหรือไม่ดี อยุ่ที่ดุลพินิจของท่านเเล้วหละ เอามาให้ชมครับ

โดย: pigyball [12 เม.ย. 57 21:52] ( IP A:124.121.48.250 X: )
ความคิดเห็นที่ 21
   

ผมเคยลองไวโอลิน ของ อจ.นะ

คือ ผมมีของจีนแดงตัวนึง จัดว่าดีเลยแหละ ราคาหลายหมื่นอยู่นะ
เอาไปเล่นกับเปียโน เสียมันตีกับเปียโน มากๆ 5555
สู้กันฝุดๆ เลย ฟังให้ปวดกระหม่อม 555

เอาไวโอลินอาจารย์ เล่น เสียกลืนเป็นเนื้อเดียวกันเลย
ไม่ตีกัน อันนี้ข้อสังเกต อาจจะพื้นๆ แต่ก็เป็นความเห็นนึงนะ

โดย: อะนะ [13 เม.ย. 57 20:47] ( IP A:58.8.237.41 X: )
ความคิดเห็นที่ 22
   

อย่าเพิ่งสรุป ของดี ของชั้นเยี่ยมยอด มันต้องดูกันนานๆ

อีกสัก 80-90ปี สภาพของ เรสรี่ และเสียงของเขาจะเป็นอย่างไร

ผมว่ามันจะเป็นตัวบ่งชี้ ว่า เป็นของชั้นดี หรือไม่เพียงใด

และเมื่อถึงตอนนั้น ชื่อของผู้สร้างจะมีคนกล่าวถึงหรือไม่อย่างไร คือคำตอบที่แท้จริงครับ

 

โดย: pann [15 เม.ย. 57 19:33] ( IP A:223.206.193.188 X: )
ความคิดเห็นที่ 23
   

แหะๆ คุณ pann ให้รอดูอีก 80 ปี !!!

 งี้ผมคงไม่ได้อยู่ร่วมฟังแล้วแน่เลยครับ (แซวเล่นขำๆ อย่าเคืองกันนะครับ laugh)

โดย: olDlaD [15 เม.ย. 57 20:55] ( IP A:14.207.56.213 X: )
ความคิดเห็นที่ 24
   

เพราะท่านเจ้าของกระทู้ คงยังไม่เคยเข้ามาสัมผัสด้วยตัวเองนะครับ เลยสงสัยด้วยกับคำถามที่เปิดกระทู้มาแบบนี้ ถ้าคุณต้องการอยากจะทราบสิ่งที่คุณสงสัย ..... ก็รบกวนเข้ามาสัมผัสด้วยตัวเองเลยครับ ...... ข้อสงสัยต่างๆจะกระจ่างอย่างที่คุณจะต้องตกใจครับ heartheart

โดย: พี อาร์ 152 [20 เม.ย. 57 17:10] ( IP A:14.207.104.216 X: )
ความคิดเห็นที่ 25
   

ผมเองก็มีอยู่ตัวนึงครับ ไม่เคยจับไม่เคยลองเล่นวันนึงก็เปิดเน็ตหาเรื่องไวโอลินทั่วไป ก็อ่านไปเรื่อย ๆ เห็นประวัติของอาจารย์ก็ดู ๆ ไปเรื่อย ๆ ก็เลยมั่นใจว่านี่แหล่ะไวโอลินตัวใหม่จะต้องทำจากอาจารย์เท่านั้น เลยตัดสินใจจองเลยครับ รอคิวนานเหมือนกันแต่พอได้มา มันไม่ได้แต่เพียงไวโอลินครับ มันได้ความภูมิใจด้วยว่าไวโอลินของเรามีตัวเดียวทำขึ้นมาเพื่อเรา แถมได้ใช้ไวโอลินฝีมือคนไทย ผมขอบอกเลยว่า ฝีมืออาจารย์ไม่แพ้ชาติใดในโลกจริง ๆ ครับ

โดย: L\'original [25 พ.ย. 57 8:33] ( IP A:118.172.101.234 X: )
* ขณะนี้พี้นที่เต็ม ไม่สามารถโพสต์กระทู้เพิ่มได้ *

คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน