เชื่อผมเหอะ ถ้าคุณสนใจดนตรีนะ หาอาจารย์ดีๆ ซักคนน่าจะดีมากๆ
   

อ่านชื่อบทความแล้วเหมือนจะเขียนแซวคุณ Pann เจ้าของบทความข้างล่างนะฮะ หุหุ แต่จริงๆ ผมว่าเรื่องที่ผมอยากเล่าน่าจะเกี่ยวกับเรื่องของคุณ Pann น้อยมาก แต่พอดีอ่านบทความของคุณ Pann แล้วนึกถึงเรื่องของตัวเองขึ้นมาน่ะฮะ นั่งคิดอยู่สองวันแล้วก็เลยเอามาเขียนที่นี่ดีกว่า
อย่างแรกเลยครับ ผมอาจจะไม่ได้เห็นด้วยกับคุณ Pann แต่ผมไม่รู้สึกว่าต้องแย้งนะฮะ ตรงข้ามถ้าใครอ่านบทความคุณ Pann แล้วหันมาสนใจดนตรี ผมก็ยินดีกับเค้าและออกจะขอบคุณคุณ Pann ด้วยฮะ สำหรับบทความนี้ผมแค่อยากจะเล่าเรื่องราวดีๆ ที่ผมเจอมามั่งน่ะฮะ

 

ผมเชื่อว่าคนที่สนใจดนตรีส่วนใหญ่พอก้าวผ่านขั้นผู้ฟังมาแล้ว 99 จาก 100 นี่เริ่มจากจับเครื่องดนตรีหรือร้องเพลงก่อนอื่น ผมเองก็เริ่มเล่นตอนประมาณ ม.1 แต่ไม่สำเร็จก็เลิกไปแบบไม่ได้อะไรเลย ตอนนี้มาลองคิดดูผมก็ไปเรียนทุกอาทิตย์ติดกันเป็นปีนะ อุจจาระสุกรอุจจาระสุนัขก็น่าจะได้อะไรมั่ง ทิ้งไปสิบปีมาเริ่มเรียนใหม่ คราวนี้ทำไมได้เจออะไรเยอะแยะจัง คิดไปคิดมาก็น่าจะเรื่องอาจารย์นี่แหละครับ วิธีการสอนไม่เหมือนกันน่ะฮะผมว่า

 

อาจารย์สอนเล่นดนตรีก็ต้องสอนทักษะอยู่แล้ว อย่างน้อยตรงนี้ก็ประหยัดเวลากว่าไปคลำหาเอง ที่ผมแปลกใจคือท้ายชั่วโมงเรียนนี่มีคำถามเยอะมาก ตอนนั้นไม่ได้เอะใจว่าคำถามแบบ "ชอบฟังเพลงแนวไหนล่ะ" "ทำไมถึงชอบครับ" "เหรอ อธิบายให้พี่ฟังด้วยดิ" แหะๆ โดนถามแบบนี้สุดท้ายเราก็ตอบไม่ได้ ต้องพายเรือวนในอ่างไปเรื่อยๆ ตอนนั้นก็เซ็งๆ แต่ตอนนี้คิดถึงแล้วก็ดีใจ คำถามพวกนั้นทำให้เรา "รู้ว่าเราไม่รู้" แหม แล้วทำไมต้องรังแกกันแบบนั้นด้วย อันนี้เป็น "คำถามที่น่าสนใจ" ข้อต่อไปครับ

โดย: The Wanderer [6 เม.ย. 58 17:10] ( IP A:180.183.109.222 X: )
Add to Facebook  Add to Twitter  Add to Multiply  Add to Google  Add to Blogger  Add to Live
ความคิดเห็นที่ 1
   

ผมว่าทุกคนที่เล่นดนตรีไม่ว่าจะเครื่องอะไร ดนตรีแนวไหน มีจุดร่วมกันอยู่อย่างนึง คือเค้าไม่ได้แค่กำลังเล่นดนตรีอยู่ แต่ในภาพกว้างแล้วทุกคนต่างกำลังเดินทางเข้าหาตัว "ดนตรี" เองไปด้วย ถึงจะเลือกใช้เส้นทางต่างกันแต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าต่างคนต่างพยายามเข้าใจดนตรีเหมือนกัน พูดในทางกลับกันคือดนตรีเองก็ใจกว้างพอที่จะต้อนรับทุกคน และเมื่อเราพร้อมดนตรีก็พร้อมที่จะหยิบยื่นโลกใหม่ให้กับเราเรื่อยๆ ปัญหามีอยู่ว่า เราคงนึกภาพไม่ออกว่า "ดนตรี" จะมีปากมาแนะนำเรา หรือมีมือมาชี้ทางเรานะฮะ ดังนั้นมันเลยต้องหาตัวแทน ตัวแทนที่ว่านี่ก็มีเยอะแยะ ตั้งแต่ดารานักร้อง พิธีกร ไปจนถึงกลุ่มต่างๆ บนโซเชียลมีเดีย แต่คงไม่มีใครใกล้ชิดกับเรามากกว่าอาจารย์ที่เป็นคนสอนเราขึ้นมา และได้เห็นทุกย่างก้าวทางความคิดของเราแน่ๆ ครับ

 

ถัดจากย่อหน้าแรกที่ผมเขียนเองก็ยังอ่านไม่รู้เรื่องเองฮะ หุหุ เรามาต่อกันด้วยประสบการณ์เล็กๆ ของผมดีกว่า หลังจากเริ่มเรียนดนตรีครั้งที่สองถึงวันนี้คงได้ซักหกเจ็ดปี ผมถึงได้รู้ว่าผมออกเดินทางจากจุดเริ่มต้นมาได้ระยะนึงเลยฮะ ถึงจะยังไม่ได้รางวัลอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ผมก็ได้มีโอกาสคุมวง และอำนวยเพลงนิดหน่อย ได้เรียบเรียงเพลงใหม่ให้วงดนตรีนำออกแสดง เขียนวิจารณ์คอนเสิร์ตลงวารสารดนตรีที่พอมีคนรู้จักบ้าง การเรียนดนตรีกลายเป็น Project สำคัญในชีวิตที่กำลังผลิดอกออกผล แต่ผมไม่ได้ทำ Project นี้คนเดียวแน่ๆ ครับ ที่จริงผมออกจะสงสัยว่าจะมีใครทำ Project แบบนี้ออกมาคนเดียวได้รึเปล่า

 

ตอนเริ่มเรียนดนตรีผมคิดคล้ายๆ คุณ Pann น่ะครับ ซ้อมมากๆ อยากเก่ง อยากเล่นเพลงๆ นึงให้ได้เพราะเท่าที่ได้ยินจาก Record ผมโชคดีที่มีคนที่ผมปรึกษาได้
"อ๋อ อยากเล่นเพลงนี้เหรอ ฟังนี่ๆ ได้ยินเสียงคู่สายไม๊ ตรงนี้มีเสียงสั้นต้องเล่นด้วย ตรงนี้ต้องเปลี่ยนสายให้ทันแต่ขึ้นโพสิชั่นเสียงจะดีกว่า ฯลฯ จะเล่นเพลงนี้ได้ต้องเล่นพวกนี้ให้ได้ก่อนนะ เราจะไปให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ แต่ยังไงก็ต้องใช้เวลา ระหว่างนั้นจะทำอะไรดีล่ะ?"

เรื่องที่น่าตลกคือ ทุกวันนี้ขอแค่ผมซ้อมซักสองวันผมต้องเล่นเพลงพวกนั้นได้แน่ๆ ไม่มีโน๊ตก็แกะเอา ไม่ชอบแอคคอมก็แต่งเพิ่มแล้วขอให้เพื่อนช่วยเล่น อยากจะใส่อะไรเพิ่มก็ลองได้บนซอร์ฟแวร์แต่งเพลงยี่ห้อเดียวกับที่คุณ Pann ใช้อยู่ฮะ แต่จนแล้วนรอดผมก็ยังไม่ได้ทำ แหะๆ ผมว่าบางครั้งจุดหมายที่เราตั้งไว้ไม่ได้สำคัญเท่ากับสิ่งที่เราเห็นระหว่างทางน่ะครับ

โดย: The Wanderer [6 เม.ย. 58 17:56] ( IP A:180.183.109.222 X: )
ความคิดเห็นที่ 2
   

ผมว่าจะเปิดกระทู้ใหม่ เกี่ยวเนื่องจากกระทู้ของคุณ The Wanderer

แต่อย่ากระนั้นเลย จัดมันตรงเนี่ยเลยดีกว่า

ประการแรกก็ต้องขอขอบคุณที่ท่านกรุณาติดตามดูกระทู้ต่างๆ ของผม

ประการที่สองก็ต้องขอขอบคุณที่ท่านมีน้ำใจอันดีมิได้มีเจตนาแย้งข้อเขียนผมแต่อย่างใด

(แต่ขอคอมเม้นต์นิดนุงก็แระกัน เห็นโปรยหัวกระทู้ ของท่านมันเหมือนจะแย้งกันนะ555++)

ผมว่ามีท่านผู้รู้และผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านดนตรี หลายท่านในบล๊อกนี้ น่าจะคันมือคันไม้

และอยากจะเขียนอะไรๆ อีกมากมายในเรื่องของไวโอลินนี้

ท่านอาจจะตรองดูแล้วว่า พูดไปก็สองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง เกิดประโยชน์มากกว่า 

(ซึ่งผมก็พยายามสะกิดต่อมให้ท่านผู้รู้ ออกมาวิพากษ์วิจารณ์อยู่นะ)

ผมเห็นว่ามีแต่ได้ประโยชน์ ไม่ว่าใครจะพูดคุยอะไรในแนวทางใดเกี่ยวกับดนตรี 

จะเห็นด้วย หรือจะแย้ง จะสำทับ จะดุ จะว่ากล่าว ถ้ามีเหตุมีผลมันเป็นประโยชน์ทั้งนั้น

 สำหรับผู้อ่อนเยาว์ทางด้านดนตรี.....พูดซะเยอะเลย กลับมาเข้าประเดนในข้อเขียนของ

คุณ The Wanderer ดีกว่า ทุกตัวอักษรของท่านผมอ่านโดยละเอียด

ซึ่งสรุปได้ว่า ที่คุณเขียนมาทั้งหมดไม่เห็นจะมีอะไรเลย นอกเสียจากว่า....

คุณ The Wanderer บอกผมให้ได้คิดอย่างหนึ่งที่สำคัญคือ  สุนทรียภาพทางดนตรี

เป็นสิ่งที่สำคัญ ที่หลายคนมองข้าม  การที่เล่นดนตรีได้ เล่นดนตรีเป็น

ไม่ว่าจะเก่ง หรือไม่เก่ง ไม่ว่าจะเล่นเอง หรือมีใครสอนให้เล่น 

หลายคนสีโวโอลินไปเรื่อยๆให้จบเพลง โดยไม่รู้หรอกว่า ความไพเราะมันอยู่ตรงไหน

สักแต่ว่าเล่นไป จบเพลงนี้ ก็เล่นเพลงใหม่อีก ไม่คิดสนใจว่าควรจะเล่นอย่างไรถึง

จะได้ความความหมายและความไพเราะที่ครบถ้วนสมบูรณ์ในกระบวนเพลงต่างๆ เหล่านั้น

ก็ต้องขอขอบคุณอีกครั้ง สำหรับข้อคิดนี้

เล่าเรื่องมาอีกครับ ผมชอบในสิ่งที่คุณ The Wanderer  เขียนครับ

โดย: pann [6 เม.ย. 58 23:00] ( IP A:171.100.159.198 X: )
ความคิดเห็นที่ 3
   

ผมเป็นคนขี้เกียจคิดหัวข้อที่สุดในโลกครับ ในเมื่อคุณ Pann แต่งไว้ดีแล้วผมยืมได้เป็นยืมครับ 555+ คุณ Pann นี่เดาเก่งจนผมตกใจหมดเลย ผมว่าจะเล่าเรื่องสุนทรียศาสตร์ต่อโดนดักทางซะแล้วฮะ แหะๆ

 

ตอนเริ่มผมเรียนดนตรีอาทิตย์ละครั้ง คาบละไม่ถึงชั่วโมง สิ่งที่ผมยังจำได้ถึงตอนนี้คือท้ายคาบ อาจารย์จะถามว่ามีคำถามอะไรรึเปล่า อาจฟังดูเป็นเรื่องปกติใครๆ เขาก็ให้ถามกันทั้งนั้น แต่ที่ผมประทับใจมากคืออาจารย์จะให้ความสำคัญกับช่วงนี้มากๆ เราจะวางเครื่องลง ปิดเสียงลำโพงถ้ายังดังอยู่ หยุดกิจกรรมทุกอย่าง นั่งลงนิ่งๆ แล้วถามอย่างให้ความสำคัญ สำหรับการเรียนทุกครั้งคำถามเป็นสิ่งที่มีความหมายเสมอ "คิดหาคำถามให้ดี แล้วจะได้คำตอบที่ดี" สำหรับผมคำถามคือผลผลิตจากการเรียน หลายครั้งผมตั้งคำถามกับสิ่งที่เพิ่งเรียนไปไม่ได้...มันรู้สึกเหมือนทั้งชั่วโมงเราไม่รู้ว่าเราทำอะไรอยู่

 

ผมโชคดีที่มีโอกาสไปเล่นกับคนอื่น ตอนแรกผมก็คิดว่ามันจะเหมือนกับที่เราซ้อมมา เครื่องเดิมคันชักเดิมโน๊ตเดิม มันจะต่างกันได้ยังไง แหะๆ แน่นอนว่าผมต้องคิดผิด แต่จะคิดผิดยังไงผมว่าไม่ค่อยเหมาะจะเล่าในนี้ อย่างน้อยก็ไม่ใช่ในบทความนี้ ที่ผมบอกว่าตัวเองโชคดีเพราะมันทำให้ผมต้องซ้อมเพิ่ม ต้องหาเพลงที่จะเล่นมาฟัง ได้รู้จักขีดจำกัดของตัวเอง และได้มองเห็นศักยภาพและหน้าที่ของคนอื่น

ดนตรีได้โอกาสขยับขยายออก ไม่ใช่แค่แผ่นเสียงกับเครื่องดนตรีอีกต่อไป ความสงสัยที่ไม่มีปัญญากลั่นออกมาเป็นคำถามก็รุมเร้าอยู่ข้างใน ตอนนั้นผมยังไม่รู้ว่าคำตอบบางอย่างถามคำถามเดียวไม่หมด แต่ประกอบขึ้นมาจากคำถามหลายข้อในหลายช่วงเวลา

โดย: Wanderer คับ [7 เม.ย. 58] ( IP A:183.88.78.87 X: )
* ขณะนี้พี้นที่เต็ม ไม่สามารถโพสต์กระทู้เพิ่มได้ *

คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน