Leila Josefowicz
    Leila Josefowicz
Leila Josefowicz นักไวโอลินสาวที่สร้างความประทับใจให้ผู้ชมด้วยเทคนิคการเล่นที่แม่นยำและการแสดงออกที่เข้าถึงอารมณ์ ทั้งเพลงคลาสสิกตามแบบแผนดั้งเดิมและเพลงคลาสสิกร่วมสมัย หลังจากที่เธอเปิดการแสดงของเธอครั้งแรกที่ Carnegie Hall เมื่ออายุเพียง 16 ปี เธอได้กลายเป็นนักไวโอลินดาวดวงเด่นในยุคปัจจุบัน มีโอกาสได้ออกแสดงทั่วโลกร่วมกับวงออร์เคสตร้าและวาทยกรชั้นนำของโลกมากมาย

อัลบั้มล่าสุดในปี 2006 เธอได้นำบทประพันธ์ Violin Concerto No. 1 ของ Shostakovich และ Violin Sonata ที่สื่อถึงความโศกเศร้าและความทรงจำอันโหดร้ายได้อย่างเด่นชัด เพลงนี้เขียนขึ้นในยุคที่ Stalin ปกครองรัสเซีย

นอกจากบทเพลงคลาสสิกมาตรฐานเช่น Mendelssohn, Beethoven และ Tchaikovsky แล้ว Josefowicz ได้ขยายขอบเขตของนักไวโอลินคลาสสิกด้วยสิ่งที่เธอหลงใหลในคีตกวีร่วมสมัยและงานเพลงของพวกเขา Josefowicz มีโอกาสทำงานอย่างใกล้ชิดร่วมกับนักแต่งเพลงชั้นนำแห่งยุคหลายคน และนำบทเพลงของนักประพันธ์เหล่านั้นออกแสดงรอบปฐมทัศน์อยู่เสมอๆ ในการแสดงของเธอ อัลบั้มต่างๆ และการแสดงเดี่ยวไวโอลินของเธอนั้น เธอจะนำผู้ฟังเพลงคลาสสิกให้ได้สัมผัสกับบทประพันธ์ใหม่ๆ ที่น่าสนใจด้วยความงดงามและความน่าตื่นตาตื่นใจ ผ่านดนตรีสมัยใหม่แนว Avant-garde ที่ผสมผสานกับดนตรีคลาสสิกแบบดั้งเดิม

บทบาททางดนตรีที่สำคัญของ Josefowicz ในปัจจุบัน ด้วยความสามารถด้านเทคนิคการเล่นและความลึกซึ้งในดนตรีของเธอ เป็นแรงบันดาลใจให้กับนักประพันธ์ร่วมสมัยแต่งเพลงสำหรับไวโอลินขึ้นใหม่เพื่อมอบหมายให้เธอนำออกแสดง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้บทเพลงสำหรับไวโอลินมีมากขึ้น

ในปี 1997 Josefowicz สำเร็จการศึกษาปริญญาทางด้านดนตรีจากสถาบันการดนตรี Curtis Institute of Music เธอออกแสดงร่วมกับวงออร์เคสตร้าชั้นนำหลายวงทั่วสหรัฐอเมริกาและนานาชาติ เช่น วง Los Angeles Philharmonic, National Symphony Orchestra, New York Philharmonic และ the London Symphony

ในช่วง 4 ปีหลัง เธอใช้ไวโอลิน "Ebersolt" Guarnerius del Gesu ที่ทำขึ้นในปี 1739 ที่ยืมมาจาก Dr. Herbert Axelrod เธอกล่าวว่า "มันเป็นไวโอลินชั้นยอด แม้ว่าสำหรับฉันแล้วมันไม่ง่ายเลย เพราะฉันเคยใช้ไวโอลิน Strad มาก่อน" ซึ่งเธอหมายถึงไวโอลิน "Ruby" ปี 1708 ที่สมาคม Stradivari Society ให้เธอยืมใช้ในปี 1993-1994 หลังจากนั้นในปี 1995 อัลบั้มไวโอลินคอนแชร์โตของ Tchaikovsky และ Sibelius สังกัดบริษัทแผ่นเสียง Philips เธอบรรเลงบทเพลงทั้งสองด้วยไวโอลินทั้ง del Gesu และ Strad

โดย: - [15 พ.ค. 52] ( IP A:202.12.73.18 X: )
Add to Facebook  Add to Twitter  Add to Multiply  Add to Google  Add to Blogger  Add to Live
ความคิดเห็นที่ 1
    ไวโอลิน Ruby, Il Rubino ปี 1708 ผลงานของ Antonio Stradivari

โดย: - [15 พ.ค. 52] ( IP A:202.12.73.18 X: )
ความคิดเห็นที่ 3
    Leila Josefowicz
Leila Josefowicz (Lee-la Jo-se-foe-wits) นักไวโอลินสาวชาวคานาเดียนที่ประสบความสำเร็จบนเส้นทางสายดนตรีคลาสสิก เธอเริ่มต้นจากความเป็น “เด็กอัจฉริยะ” ที่หัดเล่นไวโอลินขนาดเล็กตั้งแต่อายุเพียง 3 ขวบ แฟนเพลงคลาสสิกอาจจะหลงใหลเสน่ห์ผมสีบลอนด์แบบชาวคาลิฟอร์เนีย ฟันที่ขาวสะอาดและบุคลิกที่เป็นกันเอง เธอเติบโตขึ้นในลอสแอนเจลิสซึ่งเป็นบ้านของครอบครัว แต่ในวัย 21 ปี เธอได้สลัดภาพ “เด็กอัจฉริยะ” ไว้เบื้องหลัง ปัจจุบันเธอคือนักดนตรีที่เปี่ยมด้วยวุฒิภาวะที่เข้ามาแทนที่ภาพลักษณ์อันนั้น เคียงคู่ไปกับความเป็นนักไวโอลินเอกของเธอ เช่นเดียวกับนักไวโอลินระดับตำนานในช่วงกลางศตวรรษ เช่น Nathan Milstein, Jascha Heifetz และ Fritz Kreisler

เธอกล่าวว่า “เสียงคือทุกสิ่งทุกอย่าง เทคนิคมาที่หลัง ฉันคือนักสร้างเสียง” ปัจจุบันเธอพำนักอยู่ที่อพาร์ทเมนท์ย่าน Upper West Side ในนิวยอร์ค ซึ่งเธอย้ายมาอยู่ที่นี่หลังจากที่จบการศึกษาจากสถาบันการดนตรี Curtis Institute of Music ในฟิลาเดเฟีย เธอกล่าวต่อไปอีกว่า “ฉันชอบวิธีการเล่นของนักไวโอลินรุ่นเก่า” ซึ่งเธอหมายถึงนักไวโอลินในอดีตหลายคนในดวงใจของเธอ ซึ่งเธอมีแผ่นเสียงอยู่บนชั้นเต็มไปหมด “ช่วงนี้ฉันกำลังฟัง Bronislaw Huberman การเล่นของเขาอาจไม่สมบูรณ์แบบ แต่เขามีความกล้าบางอย่างที่เอกลักษณ์ เขาไม่สนใจในสิ่งที่คนอื่นวิจารณ์ ซึ่งฉันนับถือตรงจุดนั้น”

Josefowicz พึ่งเสร็จสิ้นการบันทึกเสียงในสตูดิโอที่ยาวนาน อัลบั้มล่าสุดกับสังกัด Philips Classics ในชุด "Americana" ซึ่งเป็นผลงานการเรียบเรียงของ Heifetz ที่ไม่เคยตีพิมพ์มาก่อน เช่น บทเพลงของ Gershwin เพลง Variations on Yankee Doodle Dandy ของ Vieuxtemps และเพลงแนว Ragtime ที่เขียนขึ้นสำหรับเธอโดยนักเปียโนนาม John Novacek เธอเป็นคนที่ชอบงานบันทึกเสียงมาก

โดย: - [15 พ.ค. 52 10:36] ( IP A:202.12.73.18 X: )
ความคิดเห็นที่ 5
   “ฉันทุ่มเทให้กับการบันทึกเสียงมากกว่าการแสดงสด เพราะการบันทึกเสียงจะคงอยู่ตลอดไป ฉันเล่นราวกับว่าจะไม่มีวันพรุ่งนี้อีกต่อไป” การบันทึกเสียงผลงานแต่ละชุดเป็นเรื่องยากลำบากมาก ในชุดนี้ต้องใช้เวลาถึง 5-10 ชั่วโมงต่อวัน “ส่วนใหญ่แล้วเราจะอัดทีเดียวจนจบเพลงเพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง มันจะช่วยได้มากถ้าคุณมี "Audio vision" ที่ดี ว่าคุณต้องการผลลัพธ์แบบไหน ฉันจะเล่นจนเราได้จิตวิญญาณและอารมณ์เพลงที่ถูกต้อง ซึ่งโชคดีที่ฉันมีความอดทน” ในขั้นตอนหลังการบันทึกเสียง Josefowicz จะเข้ามาดูแลอย่างใกล้ชิด “หลังจากใช้เวลาอยู่หลายวัน เสียงของแผ่นต้นฉบับที่ได้จะใสสะอาดหมดจด สิ่งที่ไม่สละสลวยถูกขจัดออกหมด ฉันชอบที่จะปรับแต่งให้น้อยที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ และฉันต้องตรวจสอบสิ่งที่เปลี่ยนแปลงนั้นก่อน

Leila Bronia Josefowicz เกิดเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 1977 ที่เมืองโตรอนโต คานาดา ในครอบครัวชาวโปล-อังกฤษ Wendy Josefowicz มารดาของเธอเป็นนักพันธุกรรมวิทยา ส่วน Jack Josefowicz บิดาของเธอเป็นนักฟิสิกส์ ครอบครัวของเธอย้ายมายังคาลิฟอร์เนียตั้งแต่เธอยังเล็กมาก แม้ว่าเธอยังติดต่อกับญาติๆ ที่เมืองออนตาริโออย่างสม่ำเสมอ แต่โอกาสที่จะกลับไปคานาดามีไม่บ่อยนัก

เมื่อเธอเริ่มเรียนไวโอลินหลักสูตร Suzuki ตอนอายุเพียง 3 ขวบครึ่ง ครูผู้สอนจึงทราบว่าเธอมี Perfect pitch และหลงใหลในเครื่องดนตรีชนิดนี้ พออายุ 5 ขวบเธอจึงเริ่มเรียนไวโอลินอย่างจริงจังกับ Idel Low หลังจากนั้นพอเธออายุได้ 8 ขวบจึงเปลี่ยนไปเรียนกับ Robert Lipsett ครูสอนไวโอลินชั้นนำในลอสแอนเจลิส ในฐานะเด็กอัจฉริยะที่น่ารัก มีโอกาสเล่นไวโอลินในงานปาร์ตี้ดังๆ ที่ฮอลลีวู้ดหลายต่อหลายงาน รวมทั้งคอนเสิร์ทเพลงคลาสสิกต่างๆ บทเพลงที่เธอนำออกแสดง เช่น Paganini No. 1, Saint-Sans No.3, Bruch No. 1, Wieniawksi No.2, Vieuxtemps No. 5, and Mozart No. 3 เธอไม่มีปัญหาเรื่องตื่นเวที “ฉันเป็นคนชอบแสดงออก เป็นนักแสดง นี่คือความบันเทิง” ชื่อเสียงของเธอเริ่มเป็นที่รู้จักในทันที พออายุ 10 ขวบ เธอได้ปรากฎตัวทางสถานีโทรทศน์ NBC ในรายการที่รำลึกถึง Bob Hope ดาวตลกชื่อดัง ทำให้เธอมีโอกาสได้รู้จักกับบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง IMG Management “การมีทีมจัดการที่ดีตั้งแต่อายุน้อยๆ เป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่ มันช่วยได้มาก” เธอกล่าวยอมรับ

เมื่อเธออายุได้ 13 ขวบ ครอบครัวของเธอย้ายไปฟิลาเดเฟีย ทำให้เธอเข้าเรียนที่สถาบัน Curtis Institute of Music ที่มีชื่อเสียงได้ เป็นโรงเรียนขนาดเล็ก มีนักเรียนเพียง 150 คนเท่านั้น ซึ่งทั้งหมดเป็นนักเรียนทุน เธอเข้าเรียนที่ Curtis แบบ Part-time ตั้งแต่อายุ 13 -16 หลังจากนั้นจึงเริ่มเรียนปริญญาตรีด้านดนตรีแบบเต็มหลักสูตร “โดยส่วนตัวแล้วฉันชอบ Curtis มันมีความเป็นธุรกิจน้อยกว่าโรงเรียนอื่นๆ” เธอกล่าว “ทุกๆ คนต้องรู้จักกันไม่มากก็น้อย ต่างจากที่ Juilliard ที่ดูเป็นครอบครัวใหญ่ กล่าวอีกอย่างก็คือ” ในขณะที่นักเรียนคนอื่นๆ ฝันเรื่องอนาคตนักดนตรีอาชีพ แต่ Leila ได้ออกทัวร์คอนเสิร์ทอย่างต่อเนื่อง และมีความคุ้นเคยกับวาทยกรอย่าง Seiji Ozawa และ Neville Marrine เป็นอย่างดี ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นที่ปรึกษาของเธอ
โดย: - [19 พ.ค. 52 19:47] ( IP A:202.12.73.18 X: )
ความคิดเห็นที่ 7
   เพลงของ Leila มักจะมีขวามเข็มแข็งเป็นพิเศษ แม้ว่าบิดาจะกล่าวถึงเธอว่า "มุ่งมั่นและขับเคลื่อนไปข้างหน้า" ที่ฟิลาเดเฟียเธอมักจะตื่นเช้าและฝึกซ้อมหลายชั่วโมงก่อนเข้าเรียนในช่วงเช้าที่โรงเรียนพิเศษสำหรับเด็กที่มีพรสวรรค์ ซึ่งเธอเป็นนักเรียนเกรด A ในช่วงบ่ายเธอจะใช้เวลาที่สถาบัน Curtis กับอาจารย์ เช่น Jaime Laredo, Joseph Gingold, Felix Galimer และ Jascha Brodsky แม้ว่าเธอยังเป็นวัยรุ่น แต่เธอได้ออกแสดงร่วมกับวง Philadelphia, Cleveland, Los Angeles, Houston, Chicago, Montreal และวง Toronto ในปี 1994 Leila เซ็นสัญญากับบริษัทแผ่นเสียง Philips Classics เพื่อบันทึกเสียงไวโอลินคอนแชร์โตของ Tchaikovsky และ Sibelius ในปีเดียวกัน ในช่วงใกล้จบการศึกษานั้น งานแสดงของเธอยุ่งมากจนต้องไปรับประกาศนียบัตรจากสถาบัน Curtis ในภายหลังเพียงคนเดียว “ฉันมีคอนเสิร์ทต้องแสดงที่ไหนสักที่หนึ่ง” เธอย้อนความหลัง

หลังจบจากสถาบันการดนตรี Curtis เธอย้ายไปอยู่อพาร์ทเมนท์ในนิวยอร์ค สำหรับผลงานชุดใหม่ของเธอกับสังกัด Philips Classics คือไวโอลินโซนาต้า “มันจะแสดงให้เห็นว่าฉันสามารถเล่นได้หลากหลาย” นอกจากนั้นเธอยังตื่นเต้นเรื่องการได้บันทึกเสียงร่วมกับ "Charlie" และวง MSO ในเดือนพฤษภาคม ด้วยผลงานไวโอลินคอนแชร์โตของ Mendelssohn ไวโอลินคอนแชร์โตหมายเลข 1 และ 2 ของ Prokofiev และ Serenade melancolique ของ Tchaikovsky
นอกเวทีนั้น Leila ก็เหมือนกับผู้หญิงทั่วๆ ไป เธอพักผ่อนโดยการเล่นกีฬาที่ไม่เป็นอันตรายต่อมือของเธอ ถึงขนาดสวมนวมเพื่อเล่นวอลเลย์บอลก็เคยมาแล้ว “ฉันเป็นแฟนเพลงตัวยงของ Miles Davis fan ฉันชื่นชอบ Ella Fitzgerald และ Sarah Vaughan" ส่วนเรื่องแปลกๆ ในอาชีพของเธอคือคือการทำอัลบั้มเพลงที่ชื่อ Violin for Anne Rice รวมกับนิยายเรื่อง Violin ของ Anne Rice “มันเป็นความคิดของบริษัท Philips Classics เพราะผู้ช่วยของ Anne นำซีดีทุกชุดของ Leila มาเปิดให้เธอฟังในขณะเขียนนิยายเรื่องนี้ เAnne ได้ยินเพลงที่ฉันบันทึกเสียง หลังจากนั้นเราได้พบกัน และกลายเป็นผลงานอย่างที่เห็น”

Leila ปฏิเสธเทคนิคการตลาดดนตรีร่วมสมัยที่ใช้กับ Vanessa Mae, Ofra Harnoy and Liona Boyd ที่อยู่ในสังกัดเดียวกัน แม้ว่า Philips Classics ต้นสังกัดของเธออาจจะต้องการก็ตาม เธอจะตรวจภาพของเธอที่จะใช้บนปกซีดีก่อนทุกครั้ง “ต้องไม่มีส่วนใดที่ดูแย่” เธอยืนกรานหนักแน่น "พวกเขาทำการตลาดในสิ่งที่ฉันเป็น ฉันหมายถึงว่า พวกเขาไม่ต้องสร้างพลังพิเศษลึกลับใดๆ ให้กับฉัน” จากภาพลักษณ์ที่ปรากฎสู่สาธารณชนนั้น เธอมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างชื่อเสียงในอาชีพโดยไม่ต้องเปลี่ยนไปเล่นดนตรีแนวอื่น หรือมีภาพลักษณ์ของความเซ็กซี่แต่อย่างใด เธอกล่าวว่า “ฉันเป็นนักดนตรีที่จริงจังและฉันกำลังพยายามเดินไปตามเส้นทางนั้น”

โดย: - [19 พ.ค. 52 19:50] ( IP A:202.12.73.18 X: )

คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน