Karol Jozef Lipinski
    Karol Jozef Lipinski

Karol Jozef Lipinski ยอดนักไวโอลินและนักประพันธ์ชาวโปล เขาเกิดเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 1790 และถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 1861

Lipinski เกิดที่เมือง Radzyn Podlaski ในปี 1810 เขาได้รับตำแหน่งนักไวโอลินหนึ่งของวง หลังจากนั้นอีก 2 ปีต่อมาจึงก้าวขึ้นเป็นวาทยกรของวงอุปรากรที่เมือง Lwow (ปัจจุบันคือเมือง Lviv ในยูเครน) ในปี 1817 เขาเดินทางไปอิตาลีโดยหวังจะได้ชมการเล่นของ Niccolo Paganini ทั้งคู่ได้พบกันที่มิลาน โดยพบกันทุกวันเพื่อเล่นไวโอลิน หรือแม้แต่ออกแสดงคอนเสิร์ทด้วยกันในเดือนเมษายน ปี 1818 ซึ่งทำให้ชื่อเสียงของ Lipinski ขจรขจายขึ้นไปอีก Paganini ได้อุทิศบทประพันธ์เดี่ยวไวโอลิน Burlesque Variations on "La Carnaval de Venise", Op. 10 ของตนให้กับเขา หลังจากนั้นในปี 1827 เขาตอบแทนเกียรติยศที่ได้รับโดยอุทิศบทประพันธ์ "Three Caprices for Violin" ของตนให้กับ Paganini เช่นกัน

ในปี 1818 ในระหว่างเดินทางกลับเยอรมัน เขาได้แวะที่เมือง Trieste เมืองชายทะเลทางตะวันออกเฉียงเหนือของอิตาลี เพื่อขอคำแนะนำจาก Dr. Mazzurana ลูกศิษย์รุ่นแรกๆ ของ Giuseppe Tartini ซึ่งในขณะนั้นมีอายุถึง 90 ปีแล้ว Dr. Mazzurana ไม่สามารถเล่นไวโอลินได้อีก แต่ได้ให้คำวิจารณ์การเล่นของ Lipinski ที่บรรเลงบทเพลงโซนาต้าของ Tartini ให้ได้ชม

ในปี 1820 Lipinski เดินทางไปเบอร์ลิน ซึ่งเขาได้พบกับ Louis Spohr ยอดนักไวโอลินชาวเยอรมันอีกคนหนึ่ง หลังจากนั้นเขาจึงเดินทางไปยังรัสเซีย

ในปี 1829 เขาเดินทางไปยังวอร์ซอว์ และมีโอกาสได้ออกแสดงคอนเสิร์ทร่วมกับ Paganini อีกครั้ง ซึ่งในฤดูร้อนปีนั้นมี Frederic Chopin ในวัย 19 ปีร่วมเข้าชมอยู่ด้วย แต่น่าเสียดายว่าการแข่งขันกันระหว่าง Lipinski และ Paganini ได้ทำลายมิตรภาพของทั้งคู่ให้ขาดสะบั้นลง หลังจากนั้นเมื่อใดก็ตามที่มีผู้ถาม Paganini ว่า ใครคือนักไวโอลินที่เก่งที่สุด เขาก็จะตอบว่า "ผมไม่รู้ว่าใครเก่งที่สุด แต่แน่นอนว่า Lipinski คือหมายเลขสอง"

ในช่วงปี 1835-36 เขาออกทัวร์คอนเสิร์ทเป็นเวลานาน ซึ่งเขาได้พบกับ Robert Schumann ที่เมืองไลพ์ซิก ซึ่ง Schumann มีความประทับใจในตัวเขาเป็นอย่างมาก และได้อุทิศบทประพันธ์ Carnaval, Op. 9 ของตนให้กับเขา

ในปี 1836 เขาเดินทางไปยังอังกฤษ โดยนำบทประพันธ์ Military Concerto ของตนออกแสดงร่วมกับวง Royal Philharmonic Orchestra ในเดือนมิถุนายนปี 1839 เขาได้รับการว่าจ้างงานถึง 2 งานที่เมืองเดรสเดรน ทั้งในฐานะหัวหน้าวง Royal Oratory และหัวหน้าวงดนตรีประจำโบสถ์ (Kapellmeister) ที่โบสถ์ประจำราชสำนักของเมืองเดรสเดรน ด้วยภาระหน้าที่ในเมืองเดรสเดรนที่รัดตัว เขาจึงงดการออกทัวร์คอนเสิร์ทในฐานะนักเดี่ยวไวโอลิน แต่หันมาเน้นดนตรีแชมเบอร์มิวสิคแทน โดยเฉพาะบทเพลงสตริงควอเต็ทของ Beethoven นอกจากนั้นเขายังมีโอกาสได้ร่วมแสดงรีไซทัลกับ Franz Liszt โดยเล่นเพลง Kreutzer Sonata ของ Beethoven ที่เมืองนี้อีกด้วย

Lipinski ยิ่งมีชื่อเสียงในฐานะคู่แข่งคนสำคัญเพียงหนึ่งเดียวของ Paganini นักไวโอลินเอกและนักประพันธ์ชาวโปล Henryk Wieniawski ได้อุทิศบทประพันธ์ Polonaise Brilliant in D ให้กับเขาในปี 1861 เขาเกษียณตัวเองโดยได้รับเงินบำนาญ และถึงแก่กรรมที่หมู่บ้าน Virlov (ในเขต Ternopil ประเทศยูเครน)

Lipinski มีไวโอลิน 2 คัน คันแรกเป็นไวโอลินปี 1715 ฝีมือของ Antonio Stradivari ส่วนอีกคันเป็นฝีมือของ Giuseppe Guarneri del Gesu ไวโอลินทั้ง 2 คันต่างได้ชื่อว่า "Ex-Lipinski"

บทประพันธ์ที่เขาแต่งขึ้นถูกลืมเลือนไปนานแล้ว แต่ปัจจุบันเริ่มถูกนำมาบันทึกแผ่นเสียงมากขึ้น ซึ่งรวมถึงไวโอลินคอนแชร์โตจำนวน 4 บท แบบฝึกหัดต่างๆ บทเพลง Polonaise, Rondo, Variation และ Capriccio เขาเขียนซิมโฟนีขึ้น 3 บท เพลงที่เขาดัดแปลงขึ้น ซึ่งบางส่วนเป็นเพลงที่เขาเขียนขึ้นเองแต่เรียบเรียงขึ้นใหม่ เช่น บทเพลง Donauweibchen ของ Ferdinand Kauer นักเปียโนและนักประพันธ์ชาวออสเตรีย ถูกนำไปเล่นที่เมือง Lwow เป็นประจำทุกๆ ปีเป็นเวลาเกือบๆ 30 ปีมาแล้วนับตั้งแต่ปี 1814 แต่ปัจจุบันธรรมเนียมดังกล่าวได้ยกเลิกไปแล้ว มหาวิทยาลัย Karol Lipinski University of Music ใน Wrocław ประเทศโปแลนด์ ตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติกับเขา

โดย: - [3 ม.ค. 54 22:22] ( IP A:202.12.74.7 X: )
Add to Facebook  Add to Twitter  Add to Multiply  Add to Google  Add to Blogger  Add to Live
ความคิดเห็นที่ 1
    คันชัก Lipinski ทำขึ้นในราวๆ ปี 1810 ฝีมือของ Francois Xavier Tourte ช่างทำคันชักชาวฝรั่งเศส ประดับด้วยโลหะเงิน น้ำหนัก 60 กรัม

โดย: - [3 ม.ค. 54 22:28] ( IP A:202.12.74.1 X: )
ความคิดเห็นที่ 2
    ไวโอลิน Lipinski ปี 1715 ฝีมือของ Antonio Stradivari ซึ่งเคยเป็นของ Giuseppe Tartini มาก่อน

โดย: - [3 ม.ค. 54 22:39] ( IP A:202.12.74.7 X: )
ความคิดเห็นที่ 3
   

โดย: - [3 ม.ค. 54 22:42] ( IP A:202.12.74.7 X: )
ความคิดเห็นที่ 4
   

โดย: - [3 ม.ค. 54 22:43] ( IP A:202.12.74.1 X: )
ความคิดเห็นที่ 5
    ไวโอลิน Lipinski ปี 1715

ไวโอลิน Lipinski สร้างขึ้นในปี 1715 ฝีมือของ Antonio Stradivari ซึ่งสร้างขึ้นในยุคทอง "Golden period" ของเขา (ช่วงปี 1700 ถึง 1720) ปัจจุบันมีเครื่องดนตรี Stradivarius หลงเหลืออยู่ไม่ถึง 700 ชิ้นเท่านั้น ทำให้ผลงานของ Stradivari เป็นหนึ่งในเครื่องดนตรีมีมูลค่าสูงที่สุดในโลก

ประวัติของไวโอลิน Lipinski ไม่ชัดเจนนัก เชื่อกันว่า Giuseppe Tartini นักไวโอลินและนักประพันธ์ชาวเวนิสในยุคบาโร้คเป็นเจ้าของคนแรกที่สามารถสืบค้นประวัติได้

ในปี 1713 Tartini ฝันว่าปีศาจตนหนึ่งได้มาเล่นไวโอลินของตน เขาได้ฟังบทเพลงโซนาต้าที่ไพเราะมาก ซึ่งเพลงที่เขาเคยฟังมาทั้งหมดไม่มีเพลงไหนจะเทียบได้เลย หลังจากนั้นอีก 2 ปีต่อมาพยายามที่จะแต่งเลียนแบบเพลงดังกล่าวในบทเพลง Devil's Trill Sonata ของเขา

Tartini มอบไวโอลินคันนี้ให้กับ Salvini ลูกศิษย์ของเขา และหลังจาก Salvini ได้ฟังการเล่นของ Karol Lipinski นักไวโอลินชาวโปลแล้ว Salvini จึงขอชมไวโอลินของ Lipinski บ้าง เมื่อรับมาแล้วเขาจับมันฟาดจนแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย หลังจากนั้น Salvini จึงมอบไวลิน Stradivarius ที่เขาได้รับมาจาก Tartini ให้กับ Lipinski ที่กำลังอยู่ในอาการช็อค

ในปี 1962 ไวโอลิน Lipinski ถูกขายให้กับ Rosalind Elsner Anschuetz ชาวนิวยอร์คด้วยมูลค่า $19,000 เหรียญ หลังจากนั้น Anschuetz ได้มอบไวโอลินให้กับ Evi Liivak ลูกสะใภ้ชาวเอสโตเนียซึ่งเป็นนักไวโอลิน และหลังจากที่เธอถึงแก่กรรมในปี 1996 สามีของเธอคือ Richard Anschuetz เป็นผู้ครอบครองคนต่อมา และเมื่อ Anschuetz ย้ายไปยังเมืองมิลวอคกี้ ในมลรัฐวิสคอนซิน ไวโอลินถูกเก็บไว้ในห้องนิรภัยของธนาคาร และเมื่อ Anschuetz ถึงแก่กรรมเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 2008 ไวโอลินจึงตกเป็นของสมาชิกในครอบครัวคนหนึ่งที่ไม่เปิดเผยชื่อ ซึ่งได้มอบให้กับ Frank Almond หัวหน้าวง Milwaukee Symphony Orchestra ได้ยืมใช้

โดย: - [3 ม.ค. 54 23:13] ( IP A:202.12.74.7 X: )

คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน