Eugene Ysaye
    Eugene Ysaye (1858-1931)
นักไวโอลินและนักดนตรีเอกชาวเบลเยี่ยม ท่านเกิดเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 1858 ที่เมือง Leige ประเทศเบลเยี่ยม ท่านเริ่มเรียนไวโอลินครั้งแรกกับบิดาเมื่ออายุเพียง 5 ขวบเท่านั้น หลังจากนั้นได้เรียนช่วงสั้น ๆ กับ Desire Heynberg และ Rodolphe Massart พออายุได้ 7 ขวบ Ysaye มีโอกาสได้แสดงต่อหน้าสาธารณชนเป็นครั้งแรกแต่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรดังที่บิดาของท่านคาดหวังเอาไว้ จริง ๆ แล้ว Ysaye นั้น ไม่ถือว่าเป็น ”เด็กอัจฉริยะ" ทางดนตรีเลย ท่านถูกให้ออกจากสถาบันการดนตรี Liege Conservatoire เสียด้วยซ้ำ เนื่องจากทางสถาบันเห็นว่าพื้นฐานของท่านนั้นยังอ่อนเกินไป

ในปี 1873 ท่านเริ่มเรียนกับนักไวโอลินผู้ยิ่งใหญ่ชาวโปแลนด์ Henryk Wieniawski กับบทเรียน 12 บทที่มีค่ามากสำหรับท่าน Ysaye ให้ความเคารพและยกย่อง Wieniawski เป็นอย่างมาก บทเรียนเหล่านั้นถือเป็นจุดเปลี่ยนให้กับท่านในการก้าวไปสู่การเป็นยอดนักไวโอลินเอกแห่งยุค หลังจากนั้นไม่นานท่านก็ได้รับการช่วยเหลือจากนักไวโอลินชาวเบลเยี่ยม Henri Vieuxtemps ซึ่งประทับใจในสไตล์การเล่นของท่าน โดยขอทุนจากรัฐบาลเพื่อให้ท่านได้ศึกษาด้านดนตรีต่อไปกับ Vieuxtemps นั่นเอง

ในช่วงแรกของอาชีพนั้น ท่านได้เดินทางไปเล่นคอนเสิร์ทที่เมืองโคโลญจน์ 2-3 ครั้ง ในช่วงปี 1879 และได้รับการแนะนำให้รู้จักกับ Joseph Joachim นักไวโอลินที่มีชื่อเสียงแห่งยุคอีกท่านหนึ่ง และที่เมืองนี้เองท่านได้บรรเลงเพลงไวโอลินโซนาต้าในบรรไดเสียงซีไมเนอร์ของบีโธเฟน โดยมี Clara Schumann ภรรยาของ Robert Schumann เป็นผู้เล่นเปียโนให้ นอกจากนั้น ท่านยังเป็นเพื่อนกับนักดนตรีที่มีชื่อเสียงในยุคนั้นอีกหลายคนเช่น Hiller และ Raff

หลังจากนั้นไม่นานความรุ่งโรจน์ของท่านก็เริ่มฉายแวว ในปี 1880 ท่านได้รับตำแหน่งหัวหน้าวง Bilse Orchestra แห่งกรุงเบอร์ลิน แต่ท่านดำรงตำแหน่งนี้อยู่เพียงแค่ปีเดียว หลังจากนั้นท่านได้เดินทางไปแสดงคอนเสิร์ทที่ประเทศ รัสเซีย นอร์เวย์และประเทศในกลุ่มสแกนดิเนเวียร่วมกับนักเปียโนที่มีชื่อเสียง Anton Rubinstein หลังจากนั้นในปี 1883 ท่านได้แสดงที่สถาบันการดนตรีแห่งกรุงปารีส (Paris Conservatoire) และได้พบกับ Cesar Franck ต่อมาทั้ง 2 ได้กลายเป็นเพื่อนสนิทกัน Franck ได้เขียนบทเพลงโซนาต้าที่มีชื่อเสียงซึ่งอุทิศให้กับ Ysaye

นักประพันธ์ที่มีชื่อเสียงอย่าง Chausson ได้อุทิศบทประพันธ์ Poeme ให้กับท่านเช่นเดียวกับนักดนตรีอื่น ๆ ที่มีชื่อเสียงในยุคนั้นอีกหลายคน ในปี 1886 ท่านได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์ที่สถาบันการดนตรีแห่งกรุงบรัสเซล (Brussels Conservatoire) ประเทศเบลเยี่ยม ท่านอยู่ในตำแหน่งนี้เป็นเวลาถึง 11 ปีด้วยกัน ก่อนที่จะลาออกเนื่องจากงานแสดงคอนเสิร์ทและภาระอื่น ๆ ที่มากขึ้น

ความสำเร็จในฐานะของนักไวโอลินของท่านนั้นไม่ใช่ได้มาง่าย ๆ แต่เกิดจากการฝึกฝนและพัฒนาสไตล์การเล่นจนเป็นเอกลักษณ์ของตนเองอย่างโดดเด่น ส่วนหนึ่งมาจากบุคลิคภาพและความต้องการที่จะประสบความสำเร็จของท่านนั่นเอง

Ysaye มีความสามารถในการเล่นดนตรีที่มี"สีสัน" หลากหลายและเปี่ยมด้วยพลัง แม้ว่าการแสดงจะเต็มไปด้วยอารมณ์รุนแรงแต่ท่านก็สามารถควบคุมไว้ได้ดี ข้อเสียประการหนึ่งก็คือ ท่านเป็นคนมีนิสัยค่อนข้างไร้ระเบียบ แม้ว่าในบางครั้งจะส่งผลกระทบต่อการแสดงก็ตาม แต่ท่านก็ไม่เคยทำให้ผู้ชมต้องผิดหวังในการแสดงเลย ในคราวหนึ่งซึ่งท่านมีกำหนดการต้องแสดงในวันนั้น ท่านดื่มไวน์บอร์กโดซ์ที่ท่านโปรดปรานมากไปหน่อย (บังเอิญว่าคอนเสิร์ทในวันนั้นจัดขึ้นที่เมืองบอร์กโดซ์พอดี) ท่านก้าวขึ้นแสดงบนเวทีด้วยสภาพที่ป้อแป้เต็มที ทำให้ผู้ชมต่างส่งเสียงโห่ฮาแสดงความไม่พอใจ แต่ในช่วงครึ่งหลังของการแสดง ท่านออกมาแสดงต่ออีกครั้งด้วยน้ำตาที่นองหน้าและตั้งใจที่จะมอบบทเพลง Poeme ของ Chausson ให้กับผู้ชม และคราวนี้เป็นทีของผู้ชมบ้างที่ต้องเป็นฝ่ายเสียน้ำตาด้วยความซาบซึ้งใจ

โดย: - [19 ม.ค. 49 14:34] ( IP A:202.12.74.8 X: )
Add to Facebook  Add to Twitter  Add to Multiply  Add to Google  Add to Blogger  Add to Live
ความคิดเห็นที่ 1
   ในปี 1889 ท่านเปิดแสดงคอนเสิร์ทครั้งแรกขึ้นที่กรุงลอนดอน ต่อมาในปี 1894 ท่านได้ก่อตั้งวงดนตรี Ysaye Concert Society ขึ้นที่เมืองบรัสเซล โดยมีท่านเป็นผู้ควบคุมวงด้วยตนเอง และยังได้ก่อตั้งวง Ysaye String Quartet ร่วมกับ Mathieu Crickboom ซึ่งต่อมา Crickboom ได้อุทิศบทเพลงเดึ่ยวไวโอลินโซนาต้าบทที่ 5 จากจำนวน 6 บทที่มีชื่อเสียงให้กับท่าน ในปีนี้เองที่การแสดงคอนเสิร์ทครั้งแรกของท่านในอเมริกาประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี ผลงานที่นำไปแสดงเช่น ไวโอลินโซนาต้าของ Franck (Franck อุทิศเพลงนี้ให้กับท่าน) รวมถึงไวโอลินคอนเเชร์โต้ของเซอร์ Elgar (แต่ท่านไม่ได้แสดงเพลงนี้ที่อังกฤษบ้านเกิดของ Elgar) หลังจากนั้นท่านได้กลับไปแสดงคอนเสิร์ทที่อเมริกาอีกหลายครั้ง

Ysaye ถูกวิจารณ์ค่อนข้างมากโดยเฉพาะในเยอรมัน แต่ท่านได้วิจารณ์โต้ตอบอย่างรุนแรงกับนักดนตรีรุ่นเก่า ๆ อัจฉริยะภาพของท่านในช่วงนี้ได้รับการยอมรับเช่นเดียวกับนักไวโอลินผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุคคนอื่นๆ เช่น Joachim, Wieniawski, Vieuxtemps, Krielser, Sarasate
ท่านใช้ไวโอลินของ Stradivari และ Guagdagnini ต่อมาได้เปลี่ยนมาใช้ไวโอลินของ Guarneri del Gesu เป็นไวโอลินคู่ใจ ท่านมีความสนิทสนมคุ้นเคยกับนักดนตรีรุ่นใหม่ ๆ มากกว่า เช่น Saint-Saens, Debussy, Franck, Faure, Chausson แต่ไม่ค่อยถูกชะตากับนักดนตรีรุ่นเก่า ๆ นัก ในปี 1918-1922 ท่านได้รับตำแหน่งวาทยากรแห่งวง Cincinnati Symphony Orchestra

Ysaye ใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในประเทศเบลเยี่ยมอันเป็นที่รัก ในปี 1896 ท่านได้แต่งงานกับ Louise Bourdeau de Cottrai ทั้งคู่มีบุตรด้วยกัน 3 คน เธอเสียชีวิตลงในปี 1924 เป็นปีเดียวกับที่ท่านประพันธ์เพลงไวโอลินโซนาต้าที่มีชื่อเสียงทั้ง 6 บท หลังจากนั้นไม่นานนักท่านได้แต่งงานใหม่กับ Jeanette Dincin เจ้าสาวซึ่งมีวัยเพียง 36 ปี ทำให้ชีวิตของท่านในวัย 70 ปีรู้สึกสดชื่นมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง

Ysaye นั้นมีรูปร่างที่เด่นสะดุดตาต่อผู้ที่ได้พบเห็น ท่านสูงเกือบ ๆ 6 ฟุต แต่มีนิสัยที่แก้ไม่หายคือชื่นชอบการกินและดื่มเป็นชีวิตจิตใจ ทำให้ท่านกลายเป็นคนอ้วนอุ้ยอ้าย นักไวโอลินอัจฉริยะผู้นี้เสียชีวิตเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 1931 ที่กรุงบรัสเซล หลังจากครบรอบวันเกิดปีที่ 73 ของท่านได้ไม่นานนัก

ผลงานที่ท่านบันทึกเสียงเอาไว้นั้นมีเพียงไม่กี่ชิ้นและหาฟังได้ยากจริง ๆ ผลงานของท่านมีทั้ง ไวโอลินโซนาต้าหลาย ๆ บท คอนแชร์โต้จำนวน 6 บท Variationson a Theme of a Paganini และผลงานประพันธ์ไวโอลินอื่น ๆ อีกมาก นอกจากนั้นท่านยังได้แต่งอุปรากรในภาษาท้องถิ่นที่เรียกว่า 'Wallon' ไว้อีกด้วย การแข่งขันไวโอลินระดับนานาชาติ The Annual Ysaye International Violin Contest ซึ่งก่อตั้งขึ้นโดยกษัตริย์แห่งเบลเยี่ยมตั้งแต่ปี 1937 เพื่อเป็นเกียรติแก่ท่าน
โดย: - [19 ม.ค. 49 14:38] ( IP A:202.12.74.6 X: )
ความคิดเห็นที่ 2
    Eugene Ysaye
Eugene Ysaye (-Auguste) นักไวโอลิน วาทยากร และนักประพันธ์ที่มีชื่อเสียงชาวเบลเยี่ยม และเป็นพี่ชายของ Theophile Ysaye ท่านเกิดเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 1858 ที่เมือง Liege และเสียชีวิตที่กรุงบรัสเซลส์ เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 1931

Ysaye เริ่มเรียนไวโอลินตั้งแต่อายุเพียง 4 ขวบกับผู้เป็นบิดาซึ่งเป็นวาทยากรของโรงละครแห่งหงนึ่ง พออายุได้ 7 ขวบท่านสมัครเข้าเรียนที่สถาบันการดนตรี Liege Conservatory โดยเป็นลูกศิษย์ของ Desire Heynberg ท่านได้รางวัลที่ 2 ของสถาบันในปี 1867 แต่ในปี 1869 ท่านต้องออกจากสถาบันเพราะมีปัญหากับพี่เลี้ยง แต่ท่านสมัครกลับเข้ามาอีกครั้งในปี 1872 โดยเรียนกับ Rodolphe Massart และได้รับรางวัลชนะเลิศ ในปี 1873 และรางวัลเหรียญเงินในปี 1874 หลังจากนั้นท่านได้รับทุนให้ศึกษาต่อที่สถาบันการดนตรี Brussels Conservatory กับ Wieniawski หลังจากนั้นในช่วงปี 1876-1879 ได้ศึกษาเพิ่มเติมกับ Vieuxtemps ที่ปารีสจนจบการศึกษาในระดับสูง และในปี 1879 ท่านได้รับตำแหน่งคอนเสิร์ทมาสเตอร์ของวงออร์เคสตร้าแห่งเมือง Bilse ที่เบอร์ลิน และออกแสดงในฐานะนักเดี่ยวไวโอลินในคอนเสิร์ทของ Pauline Lucca ที่เมือง Cologne และ Aachen ท่านได้พบกับ Anton Rubinstein ที่เยอรมัน ซึ่งเป็นผู้ที่พาท่านไปยังรัสเซีย ท่านได้ใช้เวลาอยู่ที่นั่น 2 ช่วงฤดูหนาว รวมถึงออกแสดงดนตรีที่ Norway ด้วย

ในปี 1883 ท่านปักหลักพำนักอยู่ที่ปารีส และได้พบกับ Cesar Franck นักประพันธ์ชาวฝรั่งเศส คอนเสิร์ทของท่านที่ปารีสประสบผลสำเร็จด้วยดี ท่านได้ก่อตั้งวง Duo ร่วมกับนักเปียโน Raoul Pugno และเริ่มออกทัวร์คอนเสิร์ทที่ยาวนานร่วมกัน ทั้งคู่ได้สร้างมาตรฐานที่ยอดเยี่ยมขึ้นใหม่ ท่านแต่งงานกับ Louise Bourdeau เมื่อวันที่ 26 กันยายน 1886 ซึ่ง Franck ได้อุทิศไวโอลินโซนาต้าให้ทั้งคู่เป็นของขวัญวันแต่งงาน การตีความบทเพลงนี้ของ Ysaye ได้ทำให้เพลงนี้มีชื่อเสียงขึ้น ในปี 1886 ท่านได้รับการแต่งตั้งให้เป็นศาสตราจารย์ที่สถาบัน Brussels Conservatory และขอลาออกเมื่อปี 1898 ต่อมาในปี 1886 ท่านยังได้ก่อตั้งวง Ysaye Quartet ซึ่งมีสมาชิกดังนี้ Crickboom, Leon Van Hout และ Joseph Jacob

Debussy ได้อุทิศบทประพัน์ธ์ไวโอลินโซนาต้าให้กับวงของท่าน ซึ่งทางวงได้นำผลงานชิ้นนี้ออกแสดงเป็นครั้งแรกที่ Societe Nationale ในกรุงปารีสเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 1893

ในปี 1889 Ysaye ประสบความสำเร็จจากการแสดงที่อังกฤษ และในวันที่ 16 พฤศจิกายน 1894 ท่านได้ออกแสดงที่สหรัฐอเมริกาเป็นครั้งแรกด้วยบทเพลงไวโอลินคอนเเชร์โตของ Beethoven ร่วมกับวง N.Y. Philharmonic ซึ่งท่านได้สร้างความประทับใจให้กับผู้ชมด้วยเทคนิคและความสามารถอันยอดเยี่ยม หลังจากนั้นท่านได้กลับไปแสดงยังสหรัฐอเมริกาอีกหลายครั้ง พร้อมกับเสียงชื่นชมที่ไม่ได้ลดน้อยลงเลย

ในปี 1894 ท่านเริ่มหันมาสนใจงานด้านวาทยากร และก่อตั้งวงออร์เคสตร้าของตนเองขึ้นที่กรุงบรัสเซลส์ในชื่อวง Societe des Concerts Ysaye เมื่องกองทัพเยอรมันบุกเข้ายึดเบลเยี่ยมในปี 1914 ท่านจึงลี้ภัยไปยังลอนดอน เเละพำนักอยู่ที่นั่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1

ในวันที่ 5 เมษายน 1918 ท่านออกแสดงในฐานะวาทยากรที่สหรัฐอเมริกาเป็นครั้งแรกร่วมกับวง Cincinnati Symphony Orchestra และเข้าร่วมในงานเทศกาลดนตรี Cincinnati May Festival ปีเดียวกัน ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง และท่านได้รับข้อเสนอให้ดำรงตำแหน่งวาทยากรประจำวง Cincinnati Symphony Orchestra ซึ่งท่านควบคุมวงอยู่ในช่วงปี 1918 จนถึงปี 1922 หลังจากนั้นท่านได้เดินทางกลับมายังเบลเยี่ยมและกลับเข้ารับตำแหน่งหัวหน้าวง Societe des Concerts Ysaye อีกครั้ง

ภายลังจากที่ภรรยาคนแรกของเท่านเสียชีวิตไปแล้ว ท่านได้แต่งงานอีกครั้งกับลูกศิษย์สาวชาวอเมริกัน Jeannette Dincin เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 1927

โดย: - [23 ม.ค. 49 17:33] ( IP A:202.12.74.8 X: )
ความคิดเห็นที่ 4
   ความสง่างามคือคำที่ใช้อธิบายสไตล์การเล่นของ Ysaye ได้ดีที่สุด แต่ความเป็นศิลปินของท่านมีความสมดุลทั้งการแสดงออกทางอารมณ์อันงดงาม ละเอียดอ่อนและนุ่นนวล สิ่งที่ท่านนิยมใช้คือ "Tempo rubato" ซึ่งจะให้ความยืดหยุ่นแต่ไม่ทำให้ท่วงทำนองของเพลงเสียไป ผลงานของท่านรวมถึง ไวโอลินคอนเเชร์โต 8 บท บทประพันธ์โซนาต้าสำหรับเดี่ยวไวโอลินจำนวน 6 บท บทเพลง "Poeme nocturne" สำหรับไวโอลิน เชลโล และกลุ่มเครื่องสาย บทเพลง "Les Harmonies du soir" สำหรับวงสตริงควอเต็ทและวงออร์เคสตร้าสำหรับเครื่องสาย บทเพลง "Divertimento" สำหรับไวโอลินและวงออร์เคสตร้า Meditation" สำหรับเชลโลและวงออร์เคสตร้าสำหรับเครื่องสาย "Chant d'hiver" สำหรับไวโอลินและวงเเชมเบอร์ออร์เคสตร้า บทเพลง "Trio de concert" สำหรับไวโอลิน 2 คัน วิโอล่า 1 คันและวงออร์เคสตร้า บทประพัธ์ "Amitie" สำหรับไวโอลิน 2 คันและวงออร์เคสตร้า

ท่านเริ่มประพันธ์อุปรากรในภาษา Walloon ในขณะที่ท่านอายุได้ 70 ปี นั่นคือเรื่อง "Pier li Houieu" (Peter the Miner) และนำออกแสดงที่เมือง Liege เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 1931 แต่สภาพของผู้ประพันธ์ซึ่งตองนั่งชมในโรงละครด้วยเก้าอี้พิเศษ เพราะท่านต้องทนทุกข์ทรมานเป็นอย่างมากจากโรคเบาหวานที่ลุกลาม และจำเป็นต้องตัดขาข้างซ้ายทิ้ง

ท่านเริ่มประพันธ์อุปรากรภาษา Walloon บทที่ 2 ที่ชื่อ "L'Avierge di Pier" (La Vierge de Pierre) แต่ไม่ทันได้ประพันธ์จนเสร็จสมบูรณ์ ในปี 1937 Queen Elisabeth แห่งเบลเยี่ยมได้ริเริ่มการเเข่งขันไวโอลินประจำปีระดับนานาชาติขึ้น Prix International Eugene Ysaye ที่กรุงบรัสเซลส์ ผู้ชนะเลิศคนแรกในรายการนี้คือ David Oistrakh

โดย: - [23 ม.ค. 49 17:49] ( IP A:202.12.74.6 X: )
ความคิดเห็นที่ 5
   มาแล้วครับ DJ Kreisler ขอนำผลงานการเล่นไวโอลินของท่าน Ysayeเล่นเพลง Rondino ของ Vieuxtemps อาจารย์ของท่านเอง
ไฟล์นี้ผมได้มาอย่างโชคดี เป้นผลงานอันเดียวของ Ysaye ที่ผมเคยได้ฟัง เสียงค่อนข้างแย่เพราะคงอัดจากแผ่นเสียงเก่าแก่ noise ก็เยอะเล่นไว้ก่อนปี 1925 แต่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์มากๆครับ
คิดดูเราได้ฟังฝีมือของคนที่อยู่ร่วมสมัยและเคยเล่นดนตรีกับกับผู้ยิ่งใหญ่อย่างเช่น Brahms, Schumann, Listz etc...

ฟังดูครับ

https://www.savefile.com/files/2847933
โดย: Kreisler [23 ม.ค. 49 18:22] ( IP A:58.9.175.125 X: )

คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน