Yehudi Menuhin
    Yehudi Menuhin (นิวยอร์ค 1916 - เบอร์ลิน 1999)
Menuhin ถือเป็นยอดนักไวโอลินเอกแห่งยุค ต่อมาท่านได้หันไปเอาดีทางด้านการเป็นผู้อำนวยเพลง ท่านเริ่มต้นการเป็นนักดนตรีในฐานะ 'เด็กอัจฉริยะ' และเป็นนักดนตรีที่มีชื่อเสียงระดับโลกเมื่ออายุเพียง 7 ขวบเท่านั้นเมื่อท่านนำผลงาน "Spanish Symphony" ของ Eduardo Lalo ออกแสดง 4 ปีต่อมาท่านได้แสดงที่ Carnegie Hall ที่มีชื่อเสียงในนิวยอร์ค และเป็นที่ใฝ่ฝันของนักตรีทุกคน ซึ่งท่านได้บรรเลงบทประพันธ์ของบีโธเฟนได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ท่านไม่ได้เป็นเพียงแค่นักไวโอลินเอกแห่งยุคเท่านั้น แต่ยังเป็นนักเรียกร้องสิทธิมนุษยชนที่มีบทบาทสำคัญอีกด้วย ในปี 1989 ท่านไม่ลังเลใจเลยแม้แต่น้อยที่จะยกเลิกการทัวร์คอนเสิร์ทในประเทศจีน เพื่อเป็นการประท้วงการที่รัฐบาลจีนใช้กำลังปราบปรามนักศึกษาที่ชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตย

ในด้านเกียรติยศ ท่านได้รับรางวัลอันทรงเกียรติมากมายจากหลาย ๆ ประเทศ รวมถึงปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยชั้นนำต่าง ๆ และได้รับเกียรติเป็นพลเมืองกิตติมศักดิ์ของประเทศในแถบยุโรปถึง 4 ประเทศด้วยกัน ท่านเสียชีวิตที่กรุงเบอร์ลินในปี 1999

โดย: - [19 ม.ค. 49 14:43] ( IP A:202.12.74.7 X: )
Add to Facebook  Add to Twitter  Add to Multiply  Add to Google  Add to Blogger  Add to Live
ความคิดเห็นที่ 1
    Yehudi Menuhin
Yehudi Menuhin หรือ Lord Menuhin of Stoke d'Abernon ท่านเป็นทั้งนักไวโอลินและวาทยากรที่มีชื่อเสียงชาวอเมริกัน-อังกฤษ นอกจากนั้นยังเป็นนักสิทธิมนุษยชน และเป็นพี่ชายของ Hephzibah Menuhin ท่านเกิดเมื่อวันที่ 22 เมษายน 1916 และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 1999 ที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมัน

ท่านเกิดในครอบครัวชาวรัสเซียเชื้อสายยิวซึ่งมีนามสกุลเดิมว่า Mnuhin ท่านได้เดินทางตามรอบครัวไปยัง San Francisco ตั้งแต่ยังเล็กๆ และได้เรียนไวโอลินกับ Sigmund Anker ต่อมาในปี 1923 ท่านได้เข้าเรียนกับ Louis Persinger คอนเสิร์ทมาสเตอร์ของวง San Francisco Symphony Orchestra และออกแสดงต่อสาธารณชนครั้งแรกที่เมือง Oakland ในขณะที่มีอายุเพียง 7 ขวบเท่านั้น ด้วยบทเพลง "Scene de ballet" ของ Beriot โดยมี Persinger เป็นผู้เล่นเปียโนให้

ในวันที่ 17 มกราคม 1926 ในขณะที่ท่านมีอายุได้ 9 ขวบ ท่านออกแสดงรีไซทัลที่นิวยอร์ค และออกแสดงในยุโรปเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 1927 ในขณะที่อายุเพียง 10 ขวบเท่านั้น โดยร่วมงานกับวาทยากร Paul Paray และวง Lamoureux Orchestra ที่กรุงปารีส และที่ปารีสนี่เองที่ท่านได้เรียนกับ Georges Enesco ต่อมาในวันที่ 25 พฤศจิกายน 1927 Menuhin ได้ออกแสดงไวโอลินคอนเเชร์โตของ Beethoven โดยมีวาทยากรคือ Fritz Busch และวง N.Y. Symphony Orchestra ได้รับเสียงชื่นชมจากผู้ชมและนักวิจารณ์อย่างล้นหลาม หลังจากนั้นท่านได้ออกทัวร์คอนเสิร์ททั่วทั้งยุโรปและสหรัฐอเมริกา ในวันที่ 12 เมษายน 1929 ท่านออกแสดงเดี่ยวไวโอลินโดยมี Bruno Walter และวง Berlin Philharmonic ร่วมบรรเลงบทเพลงคอนแชร์โตที่น่าเกรงขาม เช่น ไวโอลินคอนแชร์โตของ Bach, Beethoven และ Brahms พร้อมกับเสียงชื่นชมยินดีในตัวท่านเป็นอย่างมาก ส่วนการแสดงครั้งแรกของท่านที่ลอนดอนมีขึ้นเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 1929

ในช่วงนี้เองที่ Menuhin กลับมาศึกษาไวโอลินเพิ่มเติมกับ Enesco และได้รับคำแนะนำเพิ่มเติมจาก Adolf Busch ในปี 1935 ท่านได้จบสิ้นการแสดงทัวร์คอนเสิร์ทรอบโลกครั้งแรกของท่าน หลังจากนั้นท่านได้ออกทั่วคอนเสิร์ททั่วโลกอย่างสม่ำเสมอ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ท่านได้ออกแสดงคอนเสิร์ทให้ทหารฝ่ายสัมพันธมิตรและองค์การกาชาดสากลได้ชมกว่า 500 ครั้ง ภายหลังสงครามโลกยุติลงในปี 1945 ท่านจึงได้กลับมายืนบนเส้นทางการเป็นนักไวโอลินอาชีพอีกครั้งหนึ่ง ในปี 1950 ท่านได้ออกทัวร์คอนเสิร์ทที่อิสราเอลเป็นครั้งแรก หลังจากทัวร์คอนเสิร์ทครั้งแรกในญี่ปุ่นเมื่อปี 1951 ท่านได้ออกแสดงครั้งแรกที่อินเดียในปี 1952 ต่อมาในปี 1957 ท่านได้ริเริ่มจัดงานเทศกาลดนตรีที่เมือง Gstaad ในประเทศสวิสเซอร์แลนด์ นอกจากนั้นในปี 1959 ท่านยังได้จัดงานเทศกาลดนตรี Bath Festival ขึ้นที่ประเทศอังกฤษอีกด้วย ซึ่งท่านมีส่วนร่วมในการทำงานจนถึงปี 1968

หลังจากนั้นในปี 1963 ท่านได้ก่อตั้งโรงเรียน Yehudi Menuhin School of Music ขึ้นที่เมือง Stoke d'Abernon และเมือง Surrey เป็นโรงเรียนสำหรับเด็กที่มีพรสวรรค์ด้านดนตรี ในช่วงปี 1969 ถึง 1972 ท่านได้เข้าเป็นผู้จัดการร่วมด้านศิลปกรรมในเทศกาลดนตรี Windsor Festival ในปี 1971 ท่านได้เป็นประธานของ London's Trinity College of Music หลังจากนั้นท่านได้เข้าดูแลวง Young Musicians" Symphony Orchestra (ตั้งแต่ปี 1989) และวง Halle Orchestra ที่เมือง Manchester (ตั้งแต่ปี 1992)

โดย: - [23 ม.ค. 49 17:41] ( IP A:202.12.74.6 X: )
ความคิดเห็นที่ 3
   Menuhin ได้รับรางวัลเกียรติยศต่างๆ มากมาย หลังจากจากที่ท่านตั้งรกรากที่อังกฤษแล้ว ในปี 1965 ท่านได้รับบรรดาศักดิ์อัศวินจากสมเด็จพระนางเจ้าอลิซาเบธที่ 2 (Queen Elizabeth II) ต่อมาในปี 1985 ท่านได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติจากทางรัฐบาลอังกฤษ ทำให้ท่านได้รับตำแหน่งเป็น Sir Yehudi Menuhin อย่างเป็นทางการ และเกียรติยศอันนั้นดำรงอยู่กับท่านจนถึงปี 1993 เมื่อสมเด็จพระนางเจ้าอลิซาเบธที่ 2 ได้แต่งตั้งให้ท่านเป็นขุนนางชั้นดยุค (Life Peer) ในบรรดาศักดิ์ Lord Menuhin of Stoke d'Abernon นอกจากนั้นยังมีรางวัลแห่งเกียรติยศอีกมากมายที่ท่านได้รับ เช่น รางวัล Gold Medal of the Royal Philharmonic Society of London (1962) รางวัล Jawaharlal Nehru Award for International Understanding (1970) รางวัล Sonning Music Prize of Denmark (1972) รางวัล Grand Officier de la Legion d'honneur of France (1986) รางวัล Member of the Order of Merit of England (1987) รงวัล Brahms Medal of Hamburg (1987) และรางวัล Grand Officer of the Order of Merit of the Republic of Italy (1987)

นอกจากนั้นท่านยังได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์อันทรงเกียรติมากมาย รวมถึงปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัย Oxford (1962) มหาิวิทยาลัย Cambridge (1970) และมหาวิทยาลัย Sorbonne ในกรุงปารีส (1976) ซึ่งท่านยังเป็นนักดนตรีคนแรกที่ได้รับรางวัลเชิดชูเกียรติจากทางสถาบัน French center of learning

ท่านได้เขียนหนังสืออัตชีวประวัติที่น่าสนใจคือ UNFINISHED JOURNEY (ตีพิมพ์ในปี 1977 และเรียบเรียงใหม่ในปี 1996) ส่วนหนังสืออื่นๆ เช่น THE VIOLIN: SIX LESSONS BY YEHUDI MENUHIN (1971) หนังสือ THEME AND VARIATIONS (1972) หนังสือ VIOLIN AND VIOLA (1976) หนังสือ THE MUSIC OF MAN (1980) และหนังสือ LIFE CLASS (1986)

โดย: - [23 ม.ค. 49 17:45] ( IP A:202.12.74.7 X: )
ความคิดเห็นที่ 4
    3 ยอดนักไวโอลินแห่งศตวรรษที่ 20 Yehudi Menuhin, Arthur Grumiaux และ David Oistrakh

โดย: - [23 ม.ค. 49 17:45] ( IP A:202.12.74.6 X: )
ความคิดเห็นที่ 5
    " Lord Wilton "
ผลงานของ Guarneri del Gesu สร้างขึ้นในปี 1742 ไวโอลินคู่ใจของลอร์ด Yehudi Menuhin แสดงให้เห็นถึงฝีมือของเขาที่สร้างสรรค์เครื่องดนตรีชั้นยอดในช่วงที่สภาพจิตใจของเขาไม่ปกตินัก

โดย: - [16 เม.ย. 49 13:07] ( IP A:202.12.74.8 X: )
ความคิดเห็นที่ 7
    ไวโอลิน Lord Wilton
ฉลากไวโอลินเป็นของเดิม ไม้ข้างลำตัวมีลวดลายเเบบเดียวกับไม้แผ่นหลัง ซึ่งทำจากไม้แผ่นเดียว ไม่แผ่นหน้ามาจากไม้ท่อนเดียวกับไวโอลิน "Carrodus" ปี 1743 หัวไวโอลินมีลวดลายแบบเดียวกับไม้แผ่นหน้า ตัวไวโอลินเคลือบวานิชสีส้มอมทองจางๆ

โดย: - [16 เม.ย. 49 13:14] ( IP A:202.12.74.7 X: )
ความคิดเห็นที่ 8
   

โดย: - [8 ม.ค. 54 22:37] ( IP A:202.12.74.11 X: )
ความคิดเห็นที่ 9
   

โดย: - [8 ม.ค. 54 22:37] ( IP A:202.12.74.1 X: )
ความคิดเห็นที่ 10
   

โดย: - [8 ม.ค. 54 22:38] ( IP A:202.12.74.11 X: )
ความคิดเห็นที่ 11
   

โดย: - [8 ม.ค. 54 22:39] ( IP A:202.12.74.1 X: )
ความคิดเห็นที่ 12
    วาทะของ Yehudi Menuhin

- ผมคิดว่าดนตรีมีอยู่ในตัวของมนุษย์อยู่แล้วโดยธรรมชาติ เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องมี ดนตรีผสมผสานจิตใจ ร่างกาย และวิญญาณ เข้าด้วยกัน

- ดนตรีทำให้เกิดความเป็นระเบียบจากความสับสนวุ่นวาย เพราะจังหวะ (Rhythm) ทำให้เกิดความเป็นหนึ่งเดียวกันของสิ่งที่แตกต่างกัน ท่วงทำนอง (Melody) ทำให้เกิดความต่อเนื่องของสิ่งที่ไม่ต่อเนื่อง และการประสานเสียง Harmony) ทำให้เกิดความสอดคล้องของเสียงที่ไม่เข้ากัน

- นักไวโอลินคือปรากฎการณ์ของมนุษย์ที่แตกต่างออกไป เคี่ยวกลั่นจนมีความสามารถที่พิเศษ คือ ครึ่งเสือครึ่งกวี

- นักไวโอลินควรมีพรสวรรค์ของกวีในการชอนไชสิ่งที่ปิดซ่อนและเติบโตขึ้นอยู่ภายในพวกนักโฆษณาชวนเชื่อ นายหน้าซื้อขายหุ้น และพวกค้าทาส เพื่อแทรกซอนเข้าไปให้ถึงความจริงส่วนลึกที่อยู่ภายใน
โดย: - [9 ม.ค. 54 18:36] ( IP A:202.12.74.11 X: )

คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน