ความคิดเห็นที่ 1 ไวโอลินคู่ใจของ Jascha Heifetz ซึ่งเขาบริจาคให้กับพิพิธภัณฑ์ Fine Arts Museums ใน San Francisco 
| โดย: - [19 ม.ค. 49 16:05] ( IP A:202.12.74.8 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 3 วาทะของ Heifetz
"ผมเกิดที่รัสเซีย เริ่มเรียนไวโอลินครั้งแรกเมื่ออายุ 3 ขวบ ออกแสดงครั้งแรกที่รัสเซียเมื่ออายุ 7 ขวบ ออกแสดงครั้งแรกในอเมริกาเมื่อปี 1917 เรื่องที่ผมจะพูดมีเท่านี้!! นี่คือความสัตย์จริง"
จากหนังสือ on his life story
ผมจะนำผลงานของนักประพันธ์ร่วมสมัยออกแสดงในบางโอกาสเท่านั้น ด้วยเหตุ 2 ประการคือ ประการแรก เพื่อตัดกำลังใจประพันธ์เหล่านั้นไม่ให้เขียนอะไรออกมาอีก และประการที่ 2 เพื่อเตือนตัวเองว่าผมชื่นชมใน Beethoven มากเพียงใด
"ถ้าผมไม่ได้ซ้อม 1 วัน ผมจะรู้ตัว ถ้า 2 วันนักวิจารณ์จะรู้ และถ้า 3 วัน ทุกๆ คนจะรู้"
"จุดสูงสุดนั้นไม่มี แต่มักจะมีสิ่งที่สูงกว่าให้เอื้อมไปให้ถึง"
ไม่ว่าคุณจะโต้แย้งอยู่ข้างไหนก็ตาม คุณมักจะพบว่ามีบางคนที่อยู่ข้างเดียวกับคุณที่อยากให้คุณไปอยู่ฝ่ายตรงข้าม
การวิจารณ์ไม่ได้ทำให้ผมขุ่นเคืองใจ เพราะผมคือนักวิจารณ์ตัวเองที่เข้มงวดมาก ในการเล่นของผมเกือบทุกครั้งผมพยายามที่จะก้าวไปอีกขั้นเหนือตัวเสมอ และอุปสรรคอันนี้เองที่ทำให้ดนตรีเป็นสิ่งที่น่าหลงใหลสำหรับผม
คุณสามารถชื่นชมดนตรีโดยไม่ต้องเล่นได้ไหม? แน่นอนว่าคุณทำได้ คุณสามารถชื่นชอบเสบอลโดยไม่ต้องเล่นเอง มีหลายคนที่เข้าไปชมเกมส์ฟุตบอลเพียงเพื่อเข้าไปอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย ความตื่นเต้น และสีสันของมัน
"ถ้าผมไม่ได้ซ้อม 1 วัน ผมจะรู้ตัว ถ้า 2 วันนักวิจารณ์จะรู้ ถ้า 3 วัน ทุกๆ คนจะรู้" และ "จุดสูงสุดนั้นไม่มี แต่มักจะมีสิ่งที่สูงกว่าให้เอื้อมไปให้ถึง"
ผมพบว่ามี 3 สิ่งที่ผมรู้ว่ามันเป็นสิ่งไร้ขอบเขตใดๆ นั่นคือ ดนตรีคลาสสิก ดนตรีแจ๊สของอเมริกัน และเสียงปรบมือสรรเสริญซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความชื่นชมจากผู้คน
| โดย: - [19 ม.ค. 49 16:31] ( IP A:202.12.74.5 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 4 Jascha Heifetz Jascha Heifetz ( Iossif Robertovich ) ยอดนักไวโอลินชาวอเมริกัน-รัสเซีย เขาเกิดเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 1899 ที่เมือง Vilnius และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 1987 ที่เมือง Los Angeles
Ruben Heifetz บิดาของเขาเป็นนักดนตรีที่มีความสามารถคนหนึ่ง และเป็นผู้ที่สอนพื้นฐานการเล่นไวโอลินให้กับเขาตั้งแต่เด็กๆ หลังจากนั้น Heifetz ได้ศึกษาอย่างจริงจังกับ Ilya Malkin ที่โรงเรียน Vilnius Music School และออกแสดงต่อสาธารณชนก่อนอายุ 5 ขวบเสียอีก พออายุ 6 ขวบ เขาได้นำบทประพันธ์ไวโอลินคอนแชร์โตของ Mendelssohn ออกแสดงที่เมือง Kovno หลังจากนั้นในปี 1910 พ่อของเขาได้พาไปยังเมือง St. Petersburg เขาได้เข้าศึกษาต่อที่สถาบันการดนตรีที่เมืองนั้นในชั้นเรียนของ Nalbandian หลังจากนั้นไม่กี่เดือนเขาได้รับการยอมรับให้เป็นลูกศิษย์ของ Leopold Auer เขาออกแสดงคอนเสิร์ตที่เมือง St. Petersburg ต่อสาธารณชนครั้งแรกเมื่อวันที่ 30 เมษายน 1911 ในปีต่อมาเขาเดินทางไปยังเบอร์ลินพร้อมด้วยจดหมายแนะนำจาก Auer ผู้เป็นอาจารย์ คอนเสิร์ทครั้งแรกของเขาที่เบอร์ลินมีขึ้นในวันที่ 24 พฤษภาคม 1912 ในห้องแสดงขนาดใหญ่ของ Hochschule fur Musik การแสดงในครั้งนี้ได้สร้างความสนใจให้กับผู้ชมเป็นอย่างมาก
ในวันที่ 28 ตุลาคม 1912 Artur Nikisch ได้จัดให้เขาแสดงไวโอลินคอนแชร์โตของ Tchaikovsky ร่วมกับวง Berlin Philharmonic แต่ผลตอบรับกลับไม่ดีมากนัก เขาจึงตัดสินใจกลับไปศึกษาต่อกับ Auer ที่ St. Petersburg และที่เยอรมัน ในขณะที่เขาไปเยี่ยม Auer ที่นอรเวย์ในปี 1916 นั้น เขาร่วมแสดงคอนเสิร์ทกับ Toscha Seidel ต่อหน้าพระที่นั่งของกษัตริย์และพระราชินีของนอรเวย์ หลังเหตุการณ์การปฏิวัติในรัสเซียเมื่อปี 1917 เขาเดินทางไปยังสหรัฐฯ ผ่านทางไซบีเรียและเอเซีย การแสดงของเขาครั้งแรกที่ Carnegie Hall ในนิวยอร์คเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 1917 ได้รับการตอบรับอย่างสูงทั้งจากผู้ชมและสื่อมวลชนต่างๆ
Mischa Elman นักไวโอลินชั้นนำรุ่นอาวุโสได้เข้าชมคอนเสิร์ตในครั้งนี้พร้อมกับนักเปียโน Leopold Godowsky เมื่อ Elman บ่นว่าอากาศในฮอล์ลร้อนเกินไป Godowsky กลับตอบว่า ไม่ใช่สำหรับนักเปียโนหรอก ( "Not for pianists" ) แต่ความสำเร็จที่แท้จริงตามมาในช่วงที่ Heifetz ออกทัวร์คอนเสิร์ตทั่วสหรัฐอเมริกา และไม่นานนักชื่อเสียงของเขาก็โด่งดังไปทั่วโลก เขาออกแสดงที่ลอนดอนเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 1920 ออกทัวร์คอนเสิร์ตในออสเตรเลียในปี 1921 ทัวร์คอนเสิร์ตในเอเชียในปี 1923 ที่ปาเลสไตน์ในปี 1926 และทวีปอเมริกาใต้ เขาเดินทางกลับไปเยือนรัสเซียอีกครั้งในปี 1934 ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากผู้ชมที่นั่น
เขาโอนสัญชาติเป็นพลเมืองอเมริกันในปี 1925 และสร้างบ้านที่ Beverly Hills ในคาร์ลิฟอร์เนีย หลังจากนั้น Heifetz ได้ออกทัวร์คอนเสิร์ตทั่วโลกอย่างสม่ำเสมอ ไม่เพียงแต่แสดงร่วมกับวงออร์เคสตร้าชั้นนำเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการแสดงเดี่ยว (Recital) อีกด้วย ส่วนบทบาทในฐานะของนักดนตรีแชมเบอร์มิวสิคนั้น เขาได้ก่อตั้งวง Trio ร่วมกับนักเปียโน Rubinstein และนักเชลโล Feuermann แต่ต่อมาได้ปลี่ยนเป็น Pennario และ Piatigorsky
ในช่วงปี 1962-1972 เขาสอนไวโอลินในชั้นของเด็กที่มีความสามารถพิเศษที่มหาวิทยาลัย University of Southern California ที่ลอสแอนเจลิส และในปี 1974 เป็นปีเขาออกแสดงต่อสารณชนเป็นครั้งสุดท้าย และนั่นถือเป็นการปิดฉากอาชีพของสุดยอดนักไวโอลินคนหนึ่งเท่าที่ประวัติศาสตร์เคยรู้จัก
ฝีมือการเล่นอันยอดเยี่ยมของ Heifetz มีความเป็นเอกลักษณ์ทั้งความชัดเจนแจ่มใสในองค์ประกอบต่างๆ น้ำเสียงที่สมบูรณ์แบบ และแบบแผนที่สมดุลของวลี (Phrasing) ต่างๆ เขาไม่เคยปล่อยให้อารมณ์ของเขาในบทเพลงไปบดบังรายละเอียดต่างๆ ของดนตรี ความเยือกเย็นสุขุมของเขาได้กลายบุคลิกภาพที่สำคัญในการตีความบทเพลง นั่นคือความเรียบเฉย และปราศจากอารมณ์ใดๆ Heifetz ได้นำบทประพนธ์ต่างๆ จำนวนมากมาเรียบเรียงใหม่ เช่น ผลงานของ Bach, Vivaldi และคีตกวีร่วมสมัยอีกหลายท่าน ผลงานเรียบเรียงที่มีชื่อเสียงที่สุดคือ "Hora Staccato" บทประพันธ์ของ Grigoras Dinicu ซึ่งเขาได้ทำให้มันกลายเป็นบทประพันธ์ที่สำคัญโดยเพิ่มสีสันความรวดเร็วและจังหวะที่มีลายละเอียด
Heifetz มีความปรารถนาที่จะสนับสนุนบทประพันธ์สมัยใหม่ เขาได้มอบหมายให้คีตกวีรุ่นใหม่หลายๆ ท่าน เช่น Walton, Gruenberg, Castelnuovo-Tedesco ฯลฯ เขียนไวโอลินคอนแชร์โตให้กับเขา ซึ่ง Heifetz ได้นำผลงานหลายๆ ชิ้นออกแสดง
| โดย: - [23 ม.ค. 49 23:59] ( IP A:203.156.118.110 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 6 วาทะของ Heifetz
- David Oistrakh ประสบความสำเร็จในการออกทัวร์คอนเสิร์ทในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเขาเลือกแสดงคอนเสิร์ทปิดท้ายที่ Carnegie Hall
หลังการแสดง บรรดานักข่าวต่างกรูเข้าไปสัมภาษณ์ Oistrakh ที่หลังเวที และตั้งคำถามถามเขาอย่างจริงจังว่า เขาคิดว่าใครคือนักไวโอลินที่เก่งที่สุด
Oistrakh เหลือบมองเพดานแว่บหนึ่งและตอบว่า ผมเองแหละ เหล่านักข่าวต่างประหลาดใจกับคำตอบนี้ และถาม Oistrakh ต่อไปถึงเหตุผล
พระเจ้าบอกผม Oistrakh ตอบ หลังจากนั้นอีกหนึ่งสัปดาห์ Heifetz กำลังแสดงคอนเสิร์ทที่ Carnegie Hall แน่นอนว่ามันเป็นการแสดงที่น่าตื่นตาตื่นใจ หลังการแสดงจบลง บรรดานักข่าวตามเข้าไปสัมภาษณ์ Heifetz ถึงหลังเวที และทันทีที่เข้าถึงตัวเขาได้ นักข่าวถามเขาด้วยคำถามเดียวกับที่เคยถาม Oistrakh ก่อนหน้านี้
"คุณคิดว่าใครคือนักไวโอลินที่เก่งที่สุด? แหม ก็ผมนะสิ! มันแน่นอนอยู่แล้ว"
แต่คุณ Oistrakh บอกพวกเราว่า พระเจ้าบอกเขาว่าเขาคือนักไวโอลินที่เก่งที่สุด นักข่าวยิงถามต่อ
อืม ผมจำไม่ได้แฮะว่าเคยบอกเขาแบบนั้น
- ในช่วงที่ Heifetz กำลังออกทัวร์คอนเสิร์ทในปารีสนั้น เขาเดินทางไปยังสถานที่ซ้อมด้วยการเดินเท้า และเมื่อเขาได้ยินเสียงไวโอลินจากนักดนตรีเปิดหมวกคนหนึ่ง Heifetz จึงเดินไปหาชายผู้นั้น และเริ่มพูดคุยถึงการเล่นของเขา
"ผมมีคำแนะนำอันหนึ่งที่จะช่วยคุณพัฒนาการเล่นของคุณ" "อะไรหรือ?" "ผมจะให้คุณ 20 ฟรังก์ถ้าคุณหยุดเล่น" Heifetz ตอบ ชายผู้นั้นรับเงินและจากไป
ในวันต่อมา ในขณะที่กำลังเดินไปสถานที่ซ้อม เห็นนักดนตรีเปิดหมวกคนเดิมในสถานที่เดิมอีกครั้ง และยังคงเล่นได้แย่เหมือนเคย แต่มีป้ายที่มีข้อความติดว่า ลูกศิษย์ของ Heifetz
- จอร์จ เบอร์นาร์ด ชอว์ นักเขียนชาวไอริช เคยเขียนจดหมายถึง Heifetz ว่า
"ถึง Heifetz, การแสดงรีไซทัลของคุณได้เพิ่มความกังวลให้กับผมและภรรยาเป็นอย่างยิ่ง ถ้าคุณทำให้พระเจ้าอิจฉาโดยการเล่นไวโอลินได้สมบูรณ์แบบเหนือมนุษย์เช่นนี้ คุณจะตายก่อนวัยอันควร ผมขอแนะนำคุณจากใจจริงให้คุณเล่นอะไรก็ได้ที่แย่ๆ ทุกๆ คืนก่อนนอนแทนการสวดมนต์อ้อนวอนพระผู้เป็นเจ้า มนุษย์ไม่ควรเล่นดนตรีได้อย่างไร้ที่ติเช่นนั้น
ด้วยความปรารถนาดี
G. Bernard Shaw
13 มิถุนายน 1920
- หลังคอนเสิร์ทในคราวหนึ่ง สุภาพสตรีนางหนึ่งที่ชื่นชมในตัว Heifetz ได้บอกกับเขาว่าการเล่นของเขานั้นวิเศษมาก และกล่าวบางอย่างที่เป็นเรื่องขึ้นมา
"ฉันไม่รู้จะอธิบายเป็นคำพูดยังไงดี"
Heifetz ตอบห้วนๆ ว่า "ผมคิดว่านั่นเป็นปัญหาของคุณแล้วล่ะ" ว่าแล้วก็เดินจากไป
- หลังคอนเสิร์ทในคราวหนึ่ง Heifetz เข้าไปพบ Michael Rabin ที่หลังเวที Rabin จึงถือโอกาสบ่นให้ฟังเรื่องไวโอลินที่เขาใช้อยู่ (ไวโอลิน Kubelik) เซ็ทอัพยังไม่ค่อยถูกต้องนัก
Heifetz ตอบว่า "คุณแน่ใจหรือว่ามันคือไวโอลิน?"
- มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ Heifetz มีคนเปิดโน้ตที่ไม่เขาค่อยถูกชะตานัก สิ่งที่ทั้งสองคนพูดกันมีเพียงคำว่า "อรุณสวัสดิ์" และ "ลาก่อน" เท่านั้น
หลังการซ้อมในวันหนึ่ง ชายผู้น่าสงสารผู้นี้รวบรวมความกล้าพูดขึ้นว่า "ผมมีความสุขที่ได้ยินการเล่นของคุณในวันนี้"
ซึ่งคำตอบของ Heifetz คือ "โอ้ ในที่สุดผมก็เล่นสิ่งที่ทำให้คุณชอบได้" หลังจากนั้นทั้งสองต่างไม่เคยพูดกันอีกเลย
- "ผมไม่ได้เล่นได้ตรงเสียงอยู่เสมอ เพียงแต่ผมแก้ไขให้ถูกต้องได้เร็วกว่าคนอื่นเท่านั้น"
- "ลองเสี่ยงดูสักครั้ง ถ้าคุณพลาด มันจะเจ็บแค่เพียงครั้งเดียว"
- "นักไวโอลินควรจะมีความสุขที่ได้แสดง ถ้าเขาเล่นได้ดี เขาก็จะมีความสุขที่เล่นได้ดี แต่ถ้าเขาเล่นได้ไม่ดี เขาก็ควรจะมีความสุขเพราะอีกไม่นานการแสดงก็จบแล้ว
- หลังคอนเสิร์ทในคราวหนึ่ง ผู้ฟังคนหนึ่งได้เข้าไปพบ Heifetz และกล่าวว่า "โอ้ คุณ Heifetz ไวโอลินของคุณมันช่างมีเสียงที่น่าเหลือเชื่อมาก Heifetz หยิบไวโอลินขึ้นมาแนบหู และกล่าวขึ้นว่า "ตลกน่า ผมไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย | โดย: - [9 ม.ค. 54 18:19] ( IP A:202.12.74.1 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 7 - ไม่มีโน้ตตัวที่เสียงสูงที่สุด มันแค่กำลังไต่ระดับเสียงขึ้นไป
- อย่าให้นิ้วเคลื่อนที่โดยตัวมันเอง คุณต้องจัดระเบียบให้มัน!
- จงมีระเบียบวินัยในตัวเอง จากนั้นคุณจะมีสนุกกับชีวิตได้
- เมื่อถูกถามว่า คุณลักษณะที่สำคัญของศิลปินคืออะไร Heifetz ตอบว่า "การเคารพตนเองในเรื่องอารมณ์ของดนตรี ความสมบูรณ์ (Integrity) และความกระตือรือร้น"
- ในครั้งหนึ่ง Heifetz ได้หยุดการซ้อมวงทริโอที่มี Piatigorsky (นักเชลโล) และ Rubinstein (นักเปียโน) ลงกลางคัน เขากล่าวว่า "ท่านสุภาพุรุษ มีบางสิ่งที่ผิดปกติในเรื่องความสมดุล ผมได้ยินเสียงเชลโล
- Jascha Brodsky เอาชนะ Heifetz ในการดวลปิงปองหลายต่อหลายครั้ง
- Piatigorsky เล่าถึง Heifetz ว่า วันนั้นเป็นวันเกิดของ Heifetz ลูกสาวของ Piatigorsky จึงนำดอกไม้ไปมอบให้กับเขาที่บ้าน เธอเคาะประตู แต่ไม่มีใครตอบ เธอจึงเคาะประตูอีกครั้งหนึ่ง แต่ยังคงไม่มีเสียงตอบรับเช่นเดิม เธอเคาะประตูเป็นครั้งที่ 3 แต่ผลลัพธ์ยังคงเป็นเช่นเดิม เธอจึงวางดอกไม้ไว้หน้าประตู และเดินจากไป
แต่เมื่อเธอหันกลับมาดูที่บ้าน เธอเห็น Heifetz กำลังแอบมองอยู่ที่หน้าต่าง เขาซ่อนตัวอยู่หลังม่าน ทุกคนทราบดีว่าผู้ชายคนนี้มีบางอย่างที่ลึกลับ ถ้าคุณไปบ้านของเขา และได้กาแฟสักแก้วพร้อมกับโดนัทสักชิ้น เขาก็อาจจะคิดเงินคุณสัก 50 เซ็นต์ก็เป็นได้ ?
- "ถ้าพระเจ้าทรงเล่นไวโอลินด้วย เครดิตรายชื่อผู้เล่นก็ยังคงอ่านว่า Rubinstein พระเจ้า และ Piatigorsky" ตามลำดับ
- "ผมไม่คิดว่าผมจะพัฒนาฝีมือได้ด้วยการฝึกหนัก 6 ชั่วโมงต่อวัน ประการแรก ผมไม่เคยเชื่อเรื่องการฝึกมากเกินไปจะเป็นผลดี ซึ่งแย่พอๆ กับการฝึกน้อยเกินไป ดังนั้นผมจึงมีหลายสิ่งที่อยากทำ
ผมรักการอ่าน และชอบเล่นกีฬา เช่น เทนนิส กอล์ฟ ขี่จักรยาน พายเรือ ว่ายน้ำ และบ่อยครั้งที่ผมต้องฝึกซ้อมอย่างหนัก ผมมักจะออกไปพร้อมกับกล้องส่วนตัวเพื่อถ่ายรูปเก็บไว้ ตอนนี้ผมกลายเป็นที่รู้จักในชื่อ 'ปีศาจกล้อง' ไปแล้ว ตอนนี้ผมมีรถคันใหม่ และผมกำลังหัดขับอยู่ ซึ่งผมจัดแบ่งเวลาของตัวเองได้ดี
โดยเฉลี่ยแล้วผมแทบจะไม่เคยฝึกเกิน 3 ชั่วโมงต่อวันเลย และนอกจากนั้น ถ้าไม่มีการฝึกผมจะเก็บวันอาทิตย์เอาไว้ และในบางครั้งผมจะมีวันหยุดพิเศษสำหรับตัวเอง
บทสัมภาษณ์ "Violin Mastery" ปี 1919 | โดย: - [9 ม.ค. 54 18:27] ( IP A:202.12.74.11 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 8 - "ผมนำบทประพันธ์ของนักประพันธ์ร่วมสมัยมาบรรเลงเป็นครั้งคราวเพียงแค่ 2 ฤดูกาลเท่านั้น เหตุผลประการแรกคือ ไม่ต้องการสนับสนุนให้นักประพัน์เหล่านี้เขียนอะไรออกมาอีก และประการที่สองคือ เพื่อเตือนตัวเองว่า ผมชื่นชม Beethoven มากเพียงใด"
- "ไม่มีสิ่งที่อยู่บนสุด แต่มักจะมีสิ่งที่อยู่สูงกว่าให้เอื้อมถึง"
- "ในการโต้เถียงนั้น ไม่ว่าคุณจะอยู่ข้างไหนก็ตาม คุณมักจะพบบางคนที่อยู่ข้างคุณ แต่ต้องการให้คุณไปอยู่อีกข้างหนึ่ง"
- "คำวิจารณ์ไม่ได้รบกวนผม เพราะผมวิจารณ์ตัวเองอย่างจริงจังอยู่เสมอ ในการแสดงทุกครั้ง ผมมักจะมุ่งมั่นที่จะเล่นให้เหนือกว่าตัวเอง และอุปสรรคอันนี้เองที่ทำให้ดนตรีมีเสน่ห์สำหรับผมเสมอ
- "คุณสามารถชื่นชมดนตรีโดยไม่ต้องเล่นดนตรีได้หรือไม่? แน่นอนว่าคุณสามารถทำได้ คุณสามารถชื่นชอบกีฬาเบสบอลได้โดยไม่ต้องเล่นเอง มีหลายคนที่เข้าไปชมเกมส์ฟุตบอลเพราะชอบบรรยากาศที่มีผู้คนเยอะๆ เพื่อความตื่นเต้น และสัมผัสสีสันของเกมส์ฟุตบอล"
- "ผมได้ค้นพบ 3 สิ่งที่ปราศจากขอบเขตทางภูมิศาสตร์ นั่นคือ ดนตรีคลาสสิค ดนตรีแจ๊สอเมริกัน และการปรบมือแสดงความชื่นชมของสาณารณชน" | โดย: - [9 ม.ค. 54 18:30] ( IP A:202.12.74.11 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 9 - บทสัมภาณ์ของ Erica Morini
"ในตอนเด็กนั้น ฉันไม่ต้องการสอนดนตรี อยากเล่นเพียงอย่างเดียวเท่านั้น อยู่มาวันหนึ่ง Jascha Heifetz เพื่อนที่มีชื่อเสียงของฉันได้แวะมาหา และกล่าวว่า
Erica ผมมีปัญหาใหญ่ ผมไม่สามารถหัดเล่น Staccato อย่างที่ต้องการได้ คุณเล่นเทคนิคนี้ได้ดี พอจะช่วยบอกความลับของคุณได้ไหม? มันทำให้ฉันรู้สึกลำบากใจ และนี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ฉันรู้สึกว่าการเล่นไม่ได้เป็นทุกสิ่ง มันเป็นภาระที่ฉันไม่ควรปฏิเสธการช่วยเหลือเพื่อนที่ต้องการคำแนะนำจากฉัน แต่ฉันยังลำบากใจด้วยเหตุผลอีกเรื่องคือ ฉันรู้ว่า Staccato เล่นอย่างไร แต่ฉันไม่รู้ว่าจะสอนยังไงดี
และแล้วความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมา ประสบการณ์แรกของฉันในเรื่องนี้ก็คือการช่วยเราทั้งสองคน คือ สอนให้เขาเล่น Staccato และฉันรู้ว่าจะสอนเทคนิค Staccato ยังไง หลังจากนั้นฉันก็นำไปใช้สอนนักเรียนทุกคน ฉันเรียนรู้จากทุกคน และสิ่งสำคัญที่สุดที่ฉันได้เรียนรู้คือ การสอนนักเรียนแต่ละคนจะต้องใช้วิธีที่แตกต่างกันไป"
- อีกเรื่องคือ เป็นที่ทราบกันดีว่า Morini นั้นให้ความนับถือ Jascha Heifetz เป็นอย่างมาก และเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับ Frank พี่ชายของ Morini
ในช่วงทศวรรษที่ 1920 Heifetz เดินทางไปเยี่ยมเยียนครอบครัวของ Morini ที่อาศัยอยู่ในเวียนนา ในขณะที่เดินลงบันได เขาเหยียบพื้นทางเดินก้าวสุดท้ายพลาดไป Frank เห็น Heifetz กำลังสะดุดล้มอยู่ตรงบันไดที่มืด จึงรีบดึงแขนของ Heifetz ทั้งสองข้างอย่างรวดเร็ว เพื่อให้เขาล้มโดยหงายหน้าขึ้น และเพื่อป้องกันไม่ให้นิ้วของเขาบาดเจ็บ" | โดย: - [9 ม.ค. 54 18:35] ( IP A:202.12.74.1 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 10 'Ex-Heifetz', 'Ex-david' ผลงานของ Giuseppe Guarneri del Gesu ทำขึ้นในราวๆ ปี 1740 (ขนาด 59.7 x 20.3 x 8.9 ซ.ม.) ปัจจุบันอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะเเห่งนครซานฟรานซิสโก ซึ่ง Jascha Heifetz มอบให้เป็นสมบัติของทางพิพิธภัณฑ์เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 1989
| โดย: - [16 พ.ค. 56 16:36] ( IP A:117.6.72.10 X: ) |  |
|