Stephane Grappelli
    Stephane Grappelli
Stephane Grappelli นักไวโอลินแจ๊สผู้ศึกษาการเล่นไวโอลินด้วยตนเอง เขามีสไตล์การเล่นที่ผสมผสานความนุ่มนวลและความมีชีวิตชีวาของดนตรีสวิงแจ๊ส ทำให้เขากลายเป็นตำนานดนตรีที่มีชีวิตของวงการแจ๊สฝรั่งเศสและอเมริกา Grappelli เกิดในครอบครัวที่มีเชื้อสายอิตาเลียนโดยบิดาเป็นครูสอนปรัชญา Grappelli เริ่มต้นอาชีพนักดนตรีด้วยการเป็นนักเปียโนที่เล่นเพลงประกอบหนังเงียบในโรงภาพยนตร์เพื่อช่วยบิดาหารายได้จุนเจือครอบครัว

Grappelli เกิดเมื่อวันที่ 26 มกราคม 1908 มารดาของเขาเสียตั้งแต่เขาอายุได้ 4 ขวบ ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 บิดาของเขาถูกเกณฑ์ทหาร เขาจึงถูกส่งตัวไปอยู่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เมื่อสงครามสงบลงจึงได้กลับมาอยู่ร่วมกับบิดาอีกครั้ง แต่ทั้งคู่ในตอนนั้นอยู่ฐานะยากจนมาก ในช่วงนี้เองที่ Grappelli เริ่มหลงใหลในผลงานของคีตกวีชาวฝรั่งเศสคือ Claude Debussy และ Maurice Ravel ซึ่งมีอิทธิพลเป็นอย่างสูงต่อสไตล์ดนตรีของเขาในภายหลัง เมื่อ Grappelli อายุได้ 13 ขวบ บิดาของเขาได้มอบไวโอลินมือสองให้พร้อมกับสอนการเล่นสเกลให้ ทำให้เด็กน้อย Grappelli เริ่มหลงใหลในเสียงของไวโอลิน

Grappelli เริ่มเล่นคอนเสิร์ทครั้งแรกๆ ตามภัตตาคารและสนามตามอาคารต่างๆ ต่อมาในช่วงที่เขาอายุได้ 15 ปี เขามีโอกาสได้เล่นเปียโนประกอบหนังเงียบตามโรงภาพยนตร์ต่างๆ เขากล่าวว่าในโรงภาพยนตร์นั้นเขาต้องเล่นเพลงของโมสาร์ทเป็นหลักแต่ก็มีโอกาสเล่นเพลงของ Gershwin บ้างในหนังตลกบางเรื่อง แต่เมื่อเขาได้ค้นพบดนตรีแจ๊สและอาชีพที่เขารักแล้ว ก็ได้เวลาจูบอำลาโมสาร์ทเสียที ต่อมาเขาได้งานใหม่เป็นนักเปียโนในวงของ Gregor ซึ่งเป็นวงดนตรีแสดงสดที่มีชื่อเสียงที่สุดของฝรั่งเศสในยุคนั้น แต่ในคืนหนึ่งเมื่อ Gregor ได้ฟังเขาเล่นไวโอลินจึงได้แนะนำให้เขาทุ่มเทให้กับมันอย่างเต็มที่

หลังจากนั้นไม่นาน เขาได้พบกับ Reinhardt และได้ก่อตั้งวงควินเต็ทที่มีชื่อเสียงขึ้นด้วยกัน เมื่อสงครามสงบลง Grappelli ต้องไปอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในลอนดอนและไม่สามารถกลับฝรั่งเศสได้ ที่นี่เองเขาได้ตั้งวงขึ้นเพื่อเล่นในโรงพยาบาลและตามค่ายทหารต่างๆ แต่บรรดาชายหนุ่มทั้งหลายต่างก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารกันหมด ทำให้เขาต้องรับสมัครคนพิการเข้ามาเป็นสมาชิกในวง George Shearing มือเปียโนซึ่งตาบอดส่วนมือเบสนั้นมีขาเพียงข้างเดียว

หลังสงครามยุติลง เขาพยายามที่จะรื้อฟื้นวง The Hot Club ขึ้นมาใหม่ แต่สไตล์ดนตรีแนวใหม่ได้เริ่มเข้ามาแทนที่ดนตรีแบบเดิม วงดนตรีอย่าง The Beatles ได้เปลี่ยนแปลงทิศทางของวงการดนตรีโดยสิ้นเชิง แต่ Grappelli ยังคงยึดการเล่นในสไตล์เดิม เมื่อเริ่มเล่นไวโอลินเขาก็เหมือนอยู่ในโลกส่วนตัว ดวงตาที่พริ้มและรอยยิ้มที่แสดงถึงความสุขอย่างเต็มเปี่ยมเมื่ออยู่ในโลกแห่งดนตรีแจ๊สของเขา

Grappelli กล่าวว่าเขาจะเล่นได้ดีเมื่อกำลังมีความสุขหรือมีความทุกข์หรืออยู่ในวัยหนุ่มและกำลังมีความรัก ถ้าเขามีปัญหาธรรมดาๆ เวลาที่เล่นเขาจะลืมทุกสิ่งทุกอย่าง โดยจะแบ่งมันไว้ใน 2 ร่าง คนหนึ่งนั้นเก็บปัญหาเอาไว้ในขณะที่อีกคนมีหน้าที่เล่นดนตรี

โดย: - [19 ม.ค. 49 19:43] ( IP A:203.156.116.107 X: )
Add to Facebook  Add to Twitter  Add to Multiply  Add to Google  Add to Blogger  Add to Live
ความคิดเห็นที่ 1
   Grappelli ได้รับการยกย่องให้เป็นบิดาของไวโอลินแจ๊ส เขายังคงตระเวณทัวร์คอนเสิร์ทรอบโลกอย่างสม่ำเสมอแม้ว่าจะมีอายุ 80 ปีแล้วก็ตาม ภาพลักษณ์ที่ผู้ชมเห็นเขาเจนตาก็คือเรือนผมสีขาว สวมเสื้อผ้าสีสันฉูดฉาดและไวโอลินคู่ใจที่สร้างเสียงดนตรีที่สร้างความประทับใจให้กับผู้ชมเสมอ เคยมีผู้ถามเขาในวันเกิดครบรอบปีที่ 85 ถึงเรื่องการเกษียณ เขาตอบว่าคำว่า ”เกษียณ” นั้นช่างเป็นคำที่แสลงหูเขายิ่งนัก ดนตรีทำให้เขาก้าวต่อไป ดนตรีให้ทุกสิ่งทุกอย่างแก่เขา เปรียบเสมือนน้ำพุแห่งความเป็นนิรันดร์ แม้แต่นักไวโอลินที่มีชื่อเสียงของโลก Yehudi Menuhin ก็ได้กล่าวยกย่อง Grappelli เป็นอย่างมากถึงความสามารถในการด้นสด (Improvisation) Menuhin กล่าวว่า Grappelli นั้นเหมือนกับนักเล่นกลที่สามารถโยนจาน 10 ใบขึ้นไปสลับไปมาบนอากาศได้อย่างง่ายดาย

The Hot Club of France วงดนตรี 5 ชิ้นที่เขาก่อตั้งขึ้นในช่วงทศวรรษที่ 1930 ร่วมกับนักกีตาร์ยิปซี Django Rheinhardt ถือเป็นช่วงที่เขาที่ผลิตผลงานดนตรีออกมาอย่างจริงจัง ทั้งคู่พบกันที่ไนท์คลับ Croix du Sud Montparnasse ในช่วงต้นปี 1934 โดย Grappelli กล่าวว่า "วันหนึ่งเขาจะเล่นกีตาร์ของเขาโดยมีฉัน improvise ตามไปด้วย" สมาชิกของวงประกอบไปด้วยพี่ชายของ Rheinhardt คือ Joseph และ Roger Chaput เล่นกีตาร์ส่วน Louis Vola เล่นดับเบิ้ลเบส และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของวงควินเต็ทวงนี้

สมัยนั้นยังไม่มีไมโครโฟนจึงเป็นการยากที่จะเล่นให้ได้ยินเสียงของไวโอลินได้ชัดเจน Grappelli กล่าวว่านั่นถือเป็นการปฏิวัติของวงการแจ๊สที่เล่นด้วยเครื่องสายเพียงอย่างเดียว

ด้วยสไตล์การเล่นที่มีชีวิตชีวาและเทคนิคที่ยอดเยี่ยม วงของเขาได้รับความยอมรับจากผู้ชมทั่วโลก แต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้ทั้งคู่ต้องแยกวงกัน Grappelli ต้องไปอยู่ลอนดอน ส่วน Rheinhardt อยู่ที่ปารีส และแม้ว่าวงจะกลับมารวมกันอีกครั้งในปี 1946 ก็ไม่สามารถขึ้นไปถึงความนิยมในจุดสูงสุดเหมือนช่วงก่อนสงครามได้อีกเลย หลังจากนั้น Grappelli ได้แยกออกมาแสดงเดี่ยวและได้ออกผลงานมากกว่า 100 อัลบั้ม หลายปีหลังจากนั้นชื่อเสียงของเขายิ่งเป็นที่รู้จักมากขึ้นเมื่อมีผลงานบันทึกเสียงร่วมกับศิลปินดังๆ เช่น Oscar Peterson, Yo-Yo Ma, Jean-Luc Ponty และ Yehudin Menuhin ทั้งคู่ได้ออกผลงานร่วมกัน 6 อัลบั้มและร่วมแสดงในคอนเสิร์ทครบรอบ 70 และ 80 ปีของเขาด้วย ด้วยสไตล์การเล่นที่สง่างามและมีชีวิตชีวาจับใจผู้ฟังมานานกว่าครึ่งศตวรรษ Grappelli ยอดนักไวโอลินแจ๊สชาวฝรั่งเศส เสียชีวิตลงที่กรุงปารีสหลังจากการผ่าตัดไส้เลื่อน รวมอายุได้ 89 ปี เขามีลูกสาวเพียงคนเดียวคือ Evelyn และหลานชายที่น่ารักอีกคนหนึ่ง
โดย: - [19 ม.ค. 49 19:46] ( IP A:203.156.116.107 X: )
ความคิดเห็นที่ 3
    Grappelli ใช้ไวโอลินของ Nicola Gagliano ปี 1742

โดย: - [25 มิ.ย. 49 10:39] ( IP A:202.12.74.8 X: )
ความคิดเห็นที่ 5
    Django Reinhardt & Stephane Grappelli

โดย: - [25 มิ.ย. 49 10:41] ( IP A:202.12.74.6 X: )

คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน