ในปี 1940 เธอได้โอนสัญชาติเป็นชาวอังกฤษ หลังจากนั้นในช่วงปี 1946-1947 เธอออกแสดงทัวร์คอนเสิร์ทครั้งแรกในสหรัฐอเมริกา ถึงแม้ว่าเธอจะพำนักอยู่ที่เมือง Montreal ตั้งแต่ปี 1952 ถึง 1989 แต่เธอก็ยังออกทัวร์คอนเสิร์ทที่ยุโรปทุกๆ ปี และออกแสดงในอเมริกาใต้และเอเซียอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงแสดงทัวร์คอนเสิร์ทที่ประเทศจีนในปี 1973 ในฐานะนักเดี่ยวไวโอลินร่วมกับ John Pritchard และวง London Philharmonic
และนับตั้งแต่ปี 1991 เป็นต้นมาเธอยังรับบทบาทเป็นครูสอนไวโอลินอีกด้วย ก่อนหน้านั้นในปี 1982 เธอได้รับรางวัล Sibelius Medal อันทรงเกียรติ ชีิวิตการเป็นนักดนตรีของเธอได้กลายมาเป็นสารคดีที่ออกฉายทางสถานีโทรทัศน์ CBC-TV ในปี 1988 ในสารคดีที่ชื่อ IDA HAENDE: A VOYAGE OF MUSIC ในปี 1991 เธอได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ Commander of the Order of the British Empire และเธอได้ตีพิมพ์หนังสืออัตชีวประวัติที่ชื่อ 'WOMAN WITH VIOLIN' ออกจำหน่ายเมื่อปี 1970 เทคนิคอันยอดเยี่ยมของ Haendel ผนวกเข้ากับความเข้าใจในความเป็นดนตรีอย่างเต็มเปี่ยม ทำให้เธอได้รับการยกย่องทั้งการแสดงบทประพันธ์คอนเเชร์โตและบทประพันธ์สำหรับแสดงเดี่ยวไวโอลิน การแสดงคอนเเชร์โตของเธอมีความหลากหลายของสไตล์ตั้งแต่ผลงานของ Bach จนถึง Walton เธอใช้ไวโอลินของ Antonio Stradivari ที่ทำขึ้นในปี 1726
โดย: - [23 ม.ค. 49 13:04] ( IP A:202.12.74.7 X: )
ความคิดเห็นที่ 1 หนังสืออัตชีวประวัติของ Ida Haendel 'Woman with Violin'
โดย: - [23 ม.ค. 49 13:06] ( IP A:202.12.74.7 X: )
ความคิดเห็นที่ 2 ไวโอลินปี 1726 ผลงานของ Antonio Stradivari ไวโอลินตัวนี้ถูกขายพร้อมกับใบรับประกันของ W.E. Hill & Sons ลงวันที่ 30 ธันวาคม 1950 ซึ่งระบุว่าคล้ายคลึงกับไวโอลินที่ชื่อ Milanollo ปี 1728 และยังมีจดหมายของ W.E. Hill & Sons ที่ลงวันที่เดียวกัน เป็นสิ่งที่ยืนยันถึงประวัติของไวโอลินตัวนี้ และยังระบุไว้ด้วยว่า ผู้ที่ได้สิทธิ์ยืมใช้ไวโอลินตัวนี้คือนักไวโอลินที่มีชื่อเสียง Ida Haendel โดยหวังว่าเธอจะเป็นผู้ที่ดึงน้ำเสียงที่ยอดเยี่ยมในตัวมันออกมา นอกจากนั้นยังมีจดหมายจาก W.E. Hill & Sons ลงวันที่ 13 กรกฎาคม 1984 ซึ่งช่วยยืนยันเอกสารดังกล่าวข้างต้น และกล่าวเพิ่มเติมว่าว่าสภาพของไวโอลินตัวนี้ไม่ได้ถูกเปลี่ยนแปลงเลยในช่วงที่ผ่านมา
และก่อนที่ไวโอลินตัวนี้จะถูกขาย มันได้ถูกนำไปวิเคราะห์ด้วยระบบ Dendrochronological โดยนาย John C. Topham และ Redhill ในวันที่ 18 กันยายน 2002 ผลการทดสอบระบุว่าไม้อายุน้อยที่สุดที่วัดได้บนไม้แผ่นหน้าคือปี 1721 (ฝั่งเสียงต่ำ) และปี 1717 (ฝั่งเสียงสูง) ในหมายเหตุยังระบุว่าไม้ทั้ง 2 แผ่นยังตรงกับการผสมไม้แผ่นหน้าไวโอลินตัวอื่นๆ ของ Antonio Stradivari อีกด้วย