Gil Shaham
    Gil Shaham
Gil Shaham นักไวโอลินที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ และได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งสุดยอดนักไวโอลินของยุค เขาออกแสดงดนตรีมาแล้วทั่วโลก รวมทั้งการเเสดงเดี่ยวไวโอลินคอนเเชร์โตร่วมกับวงออร์เคสตร้าชั้นนำ และการแสดง Recital และ Ensemble บนเวทีคอนเสิร์ทชั้นนำและในเทศกาลดนตรีที่มีชื่อเสียงต่างๆ

Gil Shaham ได้รับรางวัล Grammy Award ในปี 1998 จากผลงาน Recital ชุด “American Scenes” ร่วมกับ Andre Previn ที่ทำหน้าที่บรรเลงเปียโน ผลงานการบันทึกเสียงของเขาที่พึ่งออกสู่สาธารณชน เช่น Violin Concerto No. 2 ของ Bartok และ Rhapsody for Violin and Orchestra จำนวน 2 บท ที่บรรเลงร่วมกับวง Chicago Symphony โดยมี Pierre Boulez เป็นวาทยากร ผลงานชุดนี้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Grammy และผลงานการบันทึกเสียงชุด Arvo Part ซึ่ง Shaham บรรเลงบทเพลง “Tabula Rasa” และ “Fratres III” ผลงานชุดล่าสุดของเขาคือ “Schubert for Two” ที่ทำงานร่วมกับนักกีตาร์ Goran Sollscher นอกจากนั้นยังมีผลงานเดี่ยวไวโอลินของ Brahms ร่วมกับวาทยากร Claudio Abbado และวง Berlin Philharmonic บทประพันธ์ “Treesong” ผลงานของ John Williams ร่วมกับวง Boston Symphony บทประพันธ์ “Quartet for the End of Time” ของ Messiaen ร่วมกับนักดนตรีชั้นนำอย่าง Myung-Whun Chung, Mischa Maisky นักเชลโล และ Paul Meyer และผลงานชุด “Devil’s Dance” งานเดี่ยวไวโอลินที่บรรเลงร่วมกับนักเปียโน Jonathan Feldman

ในช่วงปี 2003-2004 ที่ผ่านมา Shaham ออกทัวร์คอนเสิร์ทในยุโรปร่วมกับวง Philadelphia Orchestra และวาทยากร Christoph Eschenbach และวง San Francisco Symphony โดยมี Michael Tilson Thomas เป็นวาทยากร (ณ สถานแสดงคอนเสิร์ท Davies Hall และ Carnegie Hall) และออกแสดงร่วมกับวง Philharmonia และวง Bavarian Radio orchestra นอกจากนั้นยังแสดงร่วมกับวง Ensemble อีกหลายๆ วง ตารางการแสดงของเขามีทั้งที่ปารีส มิลาน บรัสเซล แมดริด และนิวยอร์ค (ที่ Avery Fisher Hall) นอกจากนั้นยังมีรายการแสดงร่วมกับวง Chamber Music Society of Lincoln Center

Shaham เกิดที่ Champaign-Urbana รัฐ Illinois ในปี 1971 ต่อมาในปี 1973 ครอบครัวของเขาได้ย้ายไปยัง Israel พออายุได้ 7 ขวบเขาเริ่มเรียนไวโอลินกับ Samuel Bernstein ในสถาบัน Rubin Academy of Music ในปี 1988 เขาได้ทุนประจำปีจากมูลนิธิ America-Israel Cultural Foundation ขณะที่เขาเรียนอยู่กับ Haim Taub ที่กรุงเยรูซาเล็มนั้น เขาได้ออกแสดงครั้งแรกร่วมกับวง Jerusalem Symphony และวง Israel Philharmonic และในปีนั้นเองที่เขาเริ่มเรียนกับ Dorothy DeLay และ Jens Ellerman ที่ Aspen ในปี 1982 หลังจากที่เขาได้รับรางวัลชนะเลิศจากการเเข่งขัน Claremont Competition ในอิสราเอล เขาได้รับทุนเรียนที่ Juilliard กับ DeLay และ Hyo Kang นอกจากนั้นเขายังศึกษาที่มหาวิทยาลัย Columbia University อีกด้วย

Gil Shaham ได้รับรางวัล Avery Fisher อันทรงเกียรติในปี 1990 เขาใช้ไวโอลินคู่ใจคือ “Countess Polignac” ปี 1699 ผลงานของ Stradivari ปัจจุบันเขาพำนักอยู่ในกรุงนิวยอร์คกับ Adele Anthony ภรรยาของเขาซึ่งเป็นนักไวโอลินเช่นกัน และ Elijah บุตรชายของเขา

โดย: - [3 ม.ค. 49 18:18] ( IP A:202.12.74.8 X: )
Add to Facebook  Add to Twitter  Add to Multiply  Add to Google  Add to Blogger  Add to Live
ความคิดเห็นที่ 3
    Gil Shaham กับไวโอลินคู่ใจ “Countess Polignac”

โดย: - [17 ก.พ. 49 15:42] ( IP A:202.12.74.5 X: )

คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน