ได้รับไม้มาทางไปรษณี ต้องทำไงต่อถึงจะดีที่สุดสำหรับไม้ครับ
   แกะมาย่นๆ ใบหักๆ บางใบแตกเป็นลอย บางต้นใหญ่ถูกห่อซะเล็ก
เพราะกล่องมีขนาดใหญ่ไม่พอ

ไม่ทราบว่าผมทำถูกไหม
ทั้งหน่อและต้นมีราก
1. นำมาแช่น้ำกะละมังใหญ่จนมิด สักครึ่งชม.
2. นำปลูกเลย ลดน้ำให้ชุ่มทั้งวัสดุและกรวยใบ
(ถ้าไม่ขี้เกียจก็ฉีดยากันรา)
3. นำวางที่ร่มโดนแดดนิดนึง 2-3 วัน
4. เขยิบโดนแดดเช้า - 10.00 สัก 2 อาทิตย์
5. นำเข้าที่โดนแดเช้า (บ้านไม่มี ซาแลน)

มีไรแนะนำไหมครับเพื่อให้ต้นไม้ฟื้นเร็วสุด
ปล. ส่วนใหญ่ตัดรากกันไหมครับ สำหรับต้นใหญ่ๆ
โดย: Broms [29 เม.ย. 56 22:52] ( IP A:223.206.92.134 X: )
Add to Facebook  Add to Twitter  Add to Multiply  Add to Google  Add to Blogger  Add to Live
ความคิดเห็นที่ 1
   ที่จะกล่าวต่อไปนี้ คือวิธีที่ผมทำ ไม่ใช่บทสรุปนะครับ อาจจะผิดหรือถูกก็ได้ แลกเปลี่ยนประสบการณ์กันครับ
1. EMS. จะไปถึงอ.บางสะพานใกล้เที่ยงวัน ผมพยายามจะไปรับกล่องพัสดุจากที่ทำการไปรษณีย์ด้วยตัวเอง เพราะไม่อยากให้กล่องที่ต้นไม้ข้างในตากแดดระหว่างทางที่เจ้าหน้าที่ขี่มอเตอร์ไซท์ไปส่ง
2. รีบเอาไม้ออกจากกล่อง ใส่กระถางเปล่าเพื่อให้ต้นพิงกระถาง ตั้งยอดขึ้น ใบที่ถูกหุบเพื่อห่อจนลู่ ก็ค่อยๆจับ ค่อยๆดัดให้คืนรูปบ้าง แล้วเอาน้ำสะอาดรดให้โชก ปล่อยน้ำขังในยอดไว้
3. วางพักในที่ร่ม แล้วค่อยปลูกตอนเย็น แต่ถ้าไม่ว่าง ก็ปล่อยทิ้งไว้ก่อน อยู่ได้อีกหลายวันครับ
4. ก่อนปลูก จะเอาแช่น้ำผสมยากันราเมทาแล็กซิล ป้องกันโรคโคนเน่า ต้นเน่า ถ้าต้นเล็กก็จุ่มมิดเลย ถ้าต้นใหญ่ก็พยายามวักน้ำรดให้ทั่วทั้งต้น จะผสมยากับน้ำใส่กาละมังใหญ่ๆ เพื่อแช่ให้มิด ก็ดูจะสิ้นเปลืองมากเกินไป ยังไม่อยากขี่ช้างจับตั๊กแตนครับ
5. ถ้าปลูกวางในโรงเรือนก็ให้อยู่ยาวไปเลย ค่อยขยับขยายตอนโตเพราะเบียดกันแน่น แต่ถ้าโรงเรือนเต็มและจำต้องให้ไม้โดนแสงแดดตรงๆ ก็จะเลี้ยงในที่รำไรจนดูว่าไม้ปรับตัวได้ดีแล้ว จึงค่อยย้ายไปรับแดด ระยะเวลาเอาแน่นอนไม่ได้ครับ ขึ้นอยู่กับสภาพไม้ต้นนั้นๆด้วย
6. ส่วนใหญ่ผมจะตัดรากเก่าทิ้งเกือบหมด เหลือไว้ให้กลบทับด้วยวัสดุปลูกเพื่อพยุงต้นเอาไว้เท่านั้นเอง แต่ถ้าคนขายห่อรากมาดี ยังสดและไม่เสียหายมาก ก็แค่เล็มนิดหน่อย แล้วปลูกเลย แต่การห่อตุ้มรากแบบยังเปียกหมาด ก็อาจจะมีน้ำหลงเหลือและไหลซึมออกมาเปียกใบ หรืออบร้อนลวกใบได้เช่นกัน
การผึ่งไม้ให้แห้งก่อนส่ง จะป้องกันปัญหาน้ำร้อนลวกใบได้ แต่รากก็จะแห้ง ควรตัดทิ้งให้งอกใหม่ แต่ละวิธีมีข้อดีข้อเสียครับ ไม้ที่ส่งทั้งรากโดยรากไม่ช้ำ จะปลูกต่อได้ทันที แต่ผมชอบแบบตัดรากล้างรากมากกว่า เพราะน้ำหนักส่ง EMS. น้อย ไม่เสี่ยงกับน้ำร้อนลวกใบ และผมคิดว่าสับปะรดสีเจริญเติบโตที่ยอดใบมากกว่าทางรากครับ
อ้อ...ผมผสมคาร์โบไฮเดรทสำหรับพืชกับน้ำรดไม้ปลูกใหม่ เพื่อเพิ่มพลังงานด้วยครับ
โดย: หน่อง [30 เม.ย. 56 8:01] ( IP A:103.10.230.22 X: )
ความคิดเห็นที่ 2
   พี่หน่อง คาร์โบไฮเดรทสำหรับพืช เป็นไงครับ
หน้าตาผลิตภัณ์เป็นอย่างไร ว่างๆเอามาโชว์มั่งนะครับ
โดย: Broms [30 เม.ย. 56 16:02] ( IP A:182.52.58.13 X: )
ความคิดเห็นที่ 3
   ผมไม่มีผลประโยชน์ใดๆกับยายี่ห้อนี้นะครับ เป็นผู้ซื้อมาใช้เคนหนึ่ง
คิดว่าหาซื้อยากพอสมควร อาจจะเพราะเป็นวัสดุสิ้นเปลือง ที่ใช้ยาตัวอื่นแทนกันได้ ที่ราคาถูกกว่า สรรพคุณตามฉลากบอกว่าช่วยเพิ่มความหวานกับผลไม้ เพิ่มพลังงานช่วงที่พืชต้องการสูง เช่นช่วงออกดอกผล
ผมคิดว่าพืชที่เพิ่งขนย้าย ปลูกใหม่ ก็คงจะต้องการพลังงานสูงเช่นกัน มีพี่ท่านหนึ่งแนะนำให้ใช้มาก่อนครับ

โดย: หน่อง [30 เม.ย. 56 17:23] ( IP A:103.10.230.22 X: )
ความคิดเห็นที่ 4
   ขอบคุณครับพี่หน่อง
เดี่ยวจะไปหาซื้อบ้าง
พอดีมีเงิน(มีเล็กน้อย)

ว่าแต่ตัวนี้ พี่หน่องหาซื้อที่ไหนครับ
โดย: Broms [1 พ.ค. 56 9:22] ( IP A:125.26.147.186 X: )
ความคิดเห็นที่ 5
   ของผมใช้วิธีคล้ายกันแต่ขอเปลืองน้ำน้อยหน่อย เพราะค่าน้ำแพง
-เริ่มจากเอาออกมาจากกล่อง ก็สำรวจสภาพให้เรียบร้อยวางพักไว้สักครู่
-เตรียมถัง กะละมัง ตามขนาดต้นไม้ที่ได้มา เติมน้ำใส่กะประมาณให้ท่วมรากกับโคนก็พอ แล้วผสมยาเมทาแล็กซิลกับฮอร์โมน B1ในน้ำ ผสมให้เข้ากัน แล้วเอาต้นวางลงไปให้โคนกับรากแช่ในน้ำผสมยา
-หลังจากนั้นก็เติมน้ำลงในกรวยใบไม่มากพอให้ฟื้นก่อน แล้วใช้กระบอกฉีดน้ำพ่นแบบฝอยๆให้ชุ่ม แล้วพักไว้ในร่มประมาณ 2 วัน โดยฉีดน้ำให้วันละครั้ง อาศัยการดูดซึมยาแทนการแช่ทั้งต้น
-ถ้าครบ 2 วันใบกลับคืนสภาพตึงดีแล้วก็ลงปลูกได้เลย ถ้ายังไม่ฟื้นก็พักต่อฉีดน้ำวันละครั้งและน้ำในถังถ้าลดลงมากก็เติมได้ รอจนกว่าจะฟื้นแล้วลงปลูกครับ ส่วนใหญ่จะไม่เกิน 1 อาทิตย์ ยกเว้นสภาพต้นแย่มากหรือเชื้อราเล่นงานจนอาการหนักก็จะตายไปครับ
โดย: wee [1 พ.ค. 56 12:35] ( IP A:202.28.24.91 X: )
ความคิดเห็นที่ 6
   ขอบคุณ คุณ Brom ตั้งคำถามและคุณหน่อง คุณ wee ช่วยแนะนำคะ ปกติจะจับปลูกเลย ไม่ค่อยอยากใช้สารเคมี แต่อยากใช้พวกที่เป็นสมุนไพรแทน
โดย: มาลี2545 [1 พ.ค. 56 23:50] ( IP A:72.184.239.13 X: )
ความคิดเห็นที่ 7
   ผมซื้อจากร้านเคมีเกษตรแถวบ้านนี่แหละครับคุณ Broms แกลลอนที่เห็นใช้ได้เป็นปี
โดย: หน่อง [2 พ.ค. 56 7:50] ( IP A:103.10.230.22 X: )
ความคิดเห็นที่ 8
   เคลียร์ครับ ขอบคุณ คุณหน่อง คุณWee มากๆครับ

ปล.
พี่มาลี สังเกตไหมผมคำถามเย่อะเหมือนพี่มาลีแรกๆ เลย
คือ Search แล้วไม่ได้คำตอบแน่นอนครับ

ตอนนี้ถึงขนาดอ่าน Web ภาษาอังกฤษแล้วครับ 55+
Web ไทยอ่านหมดแล้ว
โดย: Broms [2 พ.ค. 56 16:22] ( IP A:182.52.58.13 X: )
ความคิดเห็นที่ 9
   ผมก็เคยมีคำถามเกี่ยวกับสับปะรดสีและพยายามค้นคว้าหาคำตอบ แต่ก็ดูเหมือนจะเข้าถึงข้อมูลได้น้อย ทั้งๆที่มีคนไทยที่มีความรู้มีประสบการณ์กับพืชชนิดนี้หลายๆคน จะว่าคนไทยเข้าถึงอินเตอร์เนตน้อย ก็ไม่น่าจะใช่ ดังนั้นเมื่อผมสนใจปลูกเลี้ยงบรอมิเลียดด้วยตัวเองแล้ว จึงอยากจะถ่ายทอดสิ่งที่ผมรู้จากการค้นคว้าทางอินเตอร์เนต อ่านหนังสือ และสอบถามกับผู้ที่มีประสบการณ์มาก่อน ให้กับคนอื่นๆที่อาจจะ Search มาเจอ
ผมไม่ใช่ผู้รอบรู้หรือมีประสบการณ์กับพืชชนิดนี้มากมาย สิ่งที่ผมบอกกล่าวเป็นเพียงบอกเล่าสิ่งที่ผมรู้ผมเห็น และมุมมองของผมเท่านั้น ถือเป็นข้อสังเกตุ ข้อสันนิษฐานไว้ก่อน การทดลองพิสูจน์ทราบด้วยตัวเองจะทำให้แต่ละคนเข้าใจถ่องแท้ครับ
โดย: หน่อง [3 พ.ค. 56 8:13] ( IP A:103.10.230.22 X: )
ความคิดเห็นที่ 10
   เช่นเดียวกันครับพี่หน่องและคุณBrom แรกๆ ผมก็สงสัยมีคำถามเยอะและไม่มีคำตอบที่ชัดเจน อาศัยกระทู้ในอาศรมของพี่หน่องและพี่ๆในนี้ บวกกับที่ชอบลองผิดลองถูกหาประสบการณ์ไปก่อน จนเรียนรู้มากขึ้นครับ แต่ก็ยังต้องค้นหาไปเรื่อยๆ
โดย: wee [3 พ.ค. 56 12:03] ( IP A:202.28.24.91 X: )
ความคิดเห็นที่ 11
   คุณ Broms ทำให้พี่นึกถึงตอนที่เลี้ยงไม้เมื่อ2-3 ปีก่อนทีเดียว จริงๆเลี้ยงก่อนแล้ว2-3 ปีแบบไม่ได้สนใจ แล้วก้เริ่มสนใจ และได้หลายๆท่าน จากหลายเว็บ เป็นสังคม online ที่เอื้ออาทรต่อกัน และมาปักหลักกับ อาศรมนี้คะ ที่แบ่งปัน ความรู้ และประสบการ์ณ แบบไม่หวงแหน ทั้งๆที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน มิตรภาพดีๆ ประทับใจมิรู้ลืม เลี้ยงแล้วหลายครั้งเกือบถอดใจ เพราะเลี้ยงแล้วไม่งามเหมือนท่านอื่นๆ แต่เพราะมิตรภาพที่ทุกๆท่าน คอยช่วยเหลือ สละเวลาพิทพ์และตอบคำถาม โดยเฉพาะคุณ หน่อง รวมถึงทุกๆท่านที่ไม่ได้เอ่ยนามนะคะ (ตอนนี้นิ้วล็อคคะ พิมพ์อะไรก็ใช้เวลานานมากขึ้นไปอีก )ทั้งถ่ายภาพ บอกรายละเอียดทุกขั้นตอน หากเราไม่ท้อถอยง่านก็ เสียเวลาที่ทุกๆท่านได้กรุณา สละเวลามาให้คำแนะนำ ก็รู้สึกเป็นแรงบันดาลใจ และอยากทำให้ประสบผลสำเร็จ

ความรู้ที่ได้ส่วนใหญ่มาจากคุณหน่องและเพื่อนๆใน้เว็บคะ หนังอ่านอยู่เล่มเดียว ภาษาไทยคะ เพราะรู้ว่าหากหยิบมาอ่านเมื่อไรก็หลับ จึงมีหนังสือเล่มเล็กเล่มเดียวไม่งั้นคงพอมีความรู้มาแบ่งปันท่านอื่นๆได้บ้าง ยอมรับว่าเชื่อในประสบการ์รของทุกๆท่านที่มาแบ่งปัน แต่พอลงมีทำชอบออกนอกทางคะ สงสัยว่านี่เป็นต้นเหตุของการเลี้ยงแล้วไม่งาม เขาว่าไม้แก่ให้ตัดทิ้ง สงสัยจะเป็นจริงคะ
555
โดย: มาลี2545 [25 ก.ค. 56 13:25] ( IP A:124.120.179.239 X: )

คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน