ThaiWrestlingClub.pantown.com
บอร์ดคนรักมวยปล้ำ <<
กลับไปหน้าแรก
บทความ : Inventer of the Wrestling Move !! (ผู้คิดค้นท่ามวยปล้ำ) - เข้ามาอ่านกันได้เลยครับ
สวัสดีอีกครั้งครับแฟนๆมวยปล้ำทุกคน
บทความชิ้นนี้เป็นบทความที่หาข้อมูลมาค่อนข้างนานทีเดียว เพราะอยากให้เป็นบทความดีๆที่แฟนมวยปล้ำควรจะได้อ่านน่ะครับ ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วย แล้วก็แสดงความเห็นได้ตามต้องการเลยครับ
มาวันนี้จะเว้นเรื่องแนะนำแมตช์มวยปล้ำไปสักครั้ง แต่จะมาพูดถึงเรื่องที่ถกเถียงกันมาหลายต่อหลายที่ หลายต่อหลายครั้งครับ
นั่นก็คือเรื่องของ
"ผู้คิดค้นท่ามวยปล้ำ"
หลายต่อหลายครั้งครับที่ผมเห็นกระทู้ที่คนถกเถียงกันว่า "ไอ้ท่าพวกนี้มันก็มีมานานแล้ว ไม่เห็นต้องไปสนใจเลยว่าใครเป็นคนคิดมันมาก่อน" เถียงกันไปเถียงกันมาทำท่าจะมีเรื่อง (ฮา) เลยคิดว่าหากหาข้อมูลตรงส่วนนี้มาเขียนเป็นคนความ ก็คงจะมีประโยชน์กับผู้อ่านพอสมควรครับ
ก่อนอื่นขอเกริ่นเสียก่อนว่า "ท่ามวยปล้ำ" เป็นสิ่งที่คิดค้นกันมาไม่นานนี้เองนะครับ อย่างมากก็ไม่เกิน 40 ปี เรียกว่าหากเทียบกับประวัติศาสตร์ของกีฬามวยปล้ำแล้ว ท่าต่างๆที่เราเห็นกันในปัจจุบันเพิ่งจะมาแตกตัวเป็นดอกเห็ดแบบนี้กันสักพักนี้เอง
มาถึงตรงนี้หลายๆคนอาจจะสงสัยว่าแล้วสมัยก่อนมวยปล้ำใช้อะไรสู้กัน ? คำตอบคือเทคนิคล้วนๆ ผสมกับบทบาทอีกนิดหน่อยว่าใครควรจะแพ้ด้วยท่าอะไร ลักษณะเดียวกันกับที่ผมเคยโพสแมตช์ของ
ริกิโดซัง เจอ คิมูระ
เอาไว้ ลักษณะนั้นนะครับ คือจะเน้นไปที่การเตะ ตบ ต่อย หรืออาจเรียกได้ว่า กีฬามวยปล้ำสมัยก่อน เริ่มต้นขึ้นเหมือนกับเป็นกีฬา MMA + สตอรี่ไลน์ บนเวทีมวยนั่นล่ะ !
ครับ หลายครั้ง หากมองแมตช์โบราณๆ เราก็อาจจะได้พบท่าสมัยใหม่อยู่บ่อยๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น มันเกิดจากความบังเอิญก็ด้วย แล้วก็ยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการว่านี่คือท่าโน้นท่านี้ อะไรแบบนี้ อธิบายง่ายๆ ก็เหมือนกับ "เดี๋ยวจะเอาหัวฟาดพื้นนะ เดี๋ยวจะจับทุ่มนะ" แล้วสตอรี่ไลน์ลักษณะนี้ ก็ทำให้เกิดท่าที่คล้ายๆกับ DDT หรือ Gorrilla Press Slam ขึ้นมา และก็เป็นท่าในลักษณะที่ไม่แน่นอน เพราะนักมวยปล้ำแต่ละคน อาจจะหาวิธีเอาหน้าฟาด หรือจับทุ่มในลักษณะที่แตกต่างกัน (อย่างเช่น คิมูระ เป็นนักยูโด เขาอาจจะจับทุ่มโดยการทุ่มข้ามไหล่ก็ได้)
เวลาล่วงเลยผ่านมานานครับ กีฬามวยปล้ำถึงจะมีท่าโมดิฟายเพื่อมวยปล้ำจริงๆตามกันมา เหมือนที่เราเคยพูดกันว่า "ท่าแบบนี้เรื่องจริงใส่ไม่ได้หรอก" ครับ เพราะสมัยก่อนท่าที่เอามาใช้ในมวยปล้ำคือท่าที่ใช้ได้จริงๆ ที่แปลงมาจากกีฬาป้องกันตัวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Choke เป็น ฮีล โฮล กีฬามวยปล้ำจึงค่อนข้างจะน่าเบื่อครับในสมัยนั้นหากพวกเรากลับไปมองน่ะ
จากนั้นกีฬามวยปล้ำเริ่มปรับเปลี่ยนไปครับ ต้องยอมรับว่าการเปลี่ยนแปลงของกีฬามวยปล้ำ เริ่มมาจากทางฝั่งญี่ปุ่นเป็นส่วนใหญ่ เพราะท่าหลายๆอย่างของมวยปล้ำสมัยใหม่ ล้วนเกิดขึ้นจากญี่ปุ่นครับ (อาจจะเป็นคนต่างชาติใส่ แต่ก็ใส่ที่ญี่ปุ่นก่อน) ตรงนี้ครับคือส่วนสำคัญ วัฒนธรรมมวยปล้ำในสมัยนั้นค่อนข้างที่จะหวงท่ากันมากทีเดียว เรียกได้ว่าท่าไหนใครคิด ก็จะเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละคน ซึ่งสร้างความสนุกและตื่นตาตื่นใจได้มาก อธิบายก็คือท่ามวยปล้ำในยุคแรก จะประกอบไปด้วยท่าที่พลิกแพลงมาจากศาสตร์ชนิดอื่น ผสมกับท่าที่แต่ละคนคิด
และด้วยประสบการณ์และเวลาที่ผ่านไปเรื่อยๆ ก็เกิดการพัฒนาของวงการมวยปล้ำครับ ท่าหลายท่ากลายเป็นท่าพื้นฐานไป มวยปล้ำกลายเป็นกีฬาเอนเตอร์เทน ทั้งฝั่งอเมริกา NWA เหนือ ใต้ ออก ตก เริ่มจะหันมาสนใจการผลิตท่ามวยปล้ำกันพอสมควรครับ ตรงนี้ผู้เชี่ยวชาญหลายคนบอกว่ากีฬามวยปล้ำของอเมริกานั้น อาจจะคิดท่าได้ก่อนฝั่งญี่ปุ่นหลายต่อหลายท่า แต่ด้วยการที่ติดอยู่กับ NWA และ AWA การถ่ายทอดยังทำได้ยากกว่าญี่ปุ่นครับ คือมันหลากหลายกว่า ดังนั้น เราจึงให้เครดิตทางฝั่งญี่ปุ่นไปในการคิดท่าครับ
ขณะเดียวกันวัฒนธรรมการใช้ท่ามวยปล้ำก็เป็นเสมือนการโจมตีทางการตลาดเช่นเดียวกันครับ คือทางฝั่งอเมริกา จัดการขโมยท่าหลายๆท่าของนักมวยปล้ำญี่ปุ่นมาเป็นของตน หมายถึงว่ามวยปล้ำญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับเรื่องการคิดท่า การส่งต่อท่านี้ไปยังรุ่นหลังที่ตนอยากจะให้ท่า แต่มวยปล้ำอเมริกาเห็นใครใส่ท่าอะไรเอามาใช้หมดเลย แน่นอนครับว่ามันไม่ผิดตามหลักการ แต่ในเรื่องของมารยาท ช่วงนั้นถือว่าเป็นประเด็นอย่างมาก ตรงนี้ผมก็เพิ่งจะทราบครับ เพราะสมัยก่อนข่าวสารหายากมาก อินเตอร์เน็ทไม่มี เรียกได้ว่าอเมริกาต้องการจะลดความน่าเชื่อถือของมวยปล้ำญี่ปุ่นล่ะครับ (ทั้งๆที่มวยปล้ำอเมริกาไม่ได้เป็นรองใครเลยด้วยซ้ำ หลายส่วนก็ดีกว่ามากมาย)
ปัจจุบันเราก็ยังเห็นการคิดค้นท่าใหม่ๆอยู่เสมอ แล้วก็เป็นในวัฎจักรเดิมครับ คือท่ามวยปล้ำส่วนใหญ่ที่สมาคมดังๆลอกมา ล้วนมาจากญี่ปุ่น ทั้งๆที่ในอเมริกาก็อาจจะมีคิดกันก่อน แต่ก็อยู่ในอินดี้ซะอย่างนั้น (ไม่ต่างกับสมัย NWA ครับ) เครดิตก็จะตกอยู่กับทางญี่ปุ่นครับ เพราะญี่ปุ่นใช้กันจริงๆ แต่ทางอเมริกาแค่ "อาจจะ" เวลานักมวยปล้ำให้เครดิต ก็จะให้เครดิตมวยปล้ำญี่ปุ่นครับ อย่างเช่น cm punk ก็ยอมรับว่าลอก GTS มาจาก KENTA เพราะชอบเป็นการส่วนตัวครับ ลักษณะเดียวกัน
เกริ่นมาพอสมควรล่ะครับ ^^ ทีนี้จะเขียนถึงข้อมูลของท่าแต่ละท่าที่ถูกคิดค้นขึ้นมานะครับ อาจจะไม่เยอะมากเท่าไหร่ เพราะท่าบางท่า พอมันกลายเป็นท่าพื้นฐานไป ก็ยากที่จะหาคนคิดแล้วล่ะครับ ยังไงในฐานะที่เป็นแฟนมวยปล้ำ ขอขอบคุณนักมวยปล้ำเหล่านี้ที่ได้สร้างท่าสวยๆงามๆให้แฟนมวยปล้ำได้รับชมกันตลอดมา
มวยปล้ำจงเจริญ!!
ประวัติท่ามวยปล้ำ
ปล. ท่าเหล่านี้และข้อมูลเหล่านี้ มาจากข้อมูลที่ได้บทสรุปว่ายอมรับให้เป็นผู้สร้าง อาจจะมีผู้คิดค้นก่อนอย่างไร ขอยึดตามข้อมูลที่ได้รับชมมวยปล้ำมา และก็ข้อมูลที่ศึกษานะครับ
เริ่มจากท่าง่ายๆก่อนเลยล่ะกันครับ
1. Power Bomb
[img>
https://image.absoluteastronomy.com/images/encyclopediaimages/b/ba/batistabomb.jpg[/img
>
ท่านี้ง่ายๆเลยครับ เริ่มมาจากการปล้ำแบบจับล็อคนั่นล่ะครับ ในลักษณะเดียวกันกับ MMA ที่คร่อมต่อยๆ ทีนี้พอนักมวยปล้ำด้านล่างมันไม่ยอมให้ต่อย มวยปล้ำเลยเปลี่ยนวิธีการมาเป็นจับมันยกซะดื้อแบบนั้นแล้วจับฟาดลงมา จนกลายเป็นท่าพาวเวอร์บอมบ์ในปัจจุบันครับ ^^ (ประเด็นมันมีแค่นี้จริงๆ ง่ายมากๆ ฮ่าๆ)
2. Diving HeadBut
[img>
https://raw940.tripod.com/sitebuildercontent/sitebuilderpictures/diving-headbutt.jpg[/img
>
ท่านี้เป็นท่าพื้นฐานอีกท่านึงครับในวงการมวยปล้ำ และก็เป็นท่าที่ได้รับความนิยมสูงในวงการ Aerial Attack กันน่ะครับ ท่านี้ยังเป็นบทสรุปหนึ่งการฆ่ายกครัวของเบนวาด้วยครับ เพราะท่านี้ได้รับการทดสอบแล้วว่า ส่งผลเสียต่อผู้ใส่มากกว่าผู้โดน คือผู้ใส่จะได้รับการกระทบกระเทือนทางสมอง ขา และเอว ส่วนผู้โดนอัด จะเจ็บแค่ตรงที่หัวหม่งเท่านั้น - - แย่จริงๆท่านี้
สำหรับผู้คิดค้นคือ harley Race ครับ นักมวยปล้ำ Hall of Fame นี่เอง แกก็คิดค้นขึ้นมาเป็นท่าเท่ๆท่าหนึ่งของแก แต่ก็ไม่ดังครับ ส่วนใหญ่คนที่สร้างท่าขึ้นมาจะไม่ดังด้วยตัวเอง ต้องให้ Dynamite Kid เอาไป แล้วก็โด่งดังขึ้นมาซะอย่างนั้น จนได้รับการใช้ต่อๆกันมา ที่ทำให้แฟนมวยปล้ำไทยรู้จักที่สุดก็คือ เบนวา เนี่ยล่ะครับ ^^
3. German Suplex
[img>
https://raw940.tripod.com/sitebuildercontent/sitebuilderpictures/german-suplex.jpg[/img
>
ท่านี้หลายคนสงสัยแล้วก็ถามกันมามากว่ามันเยอรมันยังไง ? ? ท่านี้เริ่มต้นขึ้นมาจากการจับล็อคเช่นเดียวกันครับ คู่ต่อสู้นอนคว่ำแล้วทำอะไรไม่ได้ เลยจับมันยกขึ้นมาซะอย่างงั้น และผู้ที่คิดวิธีการนี้เป็นครั้งแรกก็คือยอดนักมวยปล้ำชาวเยอรมัน Karl Gotch นี่เอง เขาเป็นนักมวยปล้ำตำนานคนหนึ่งของโลกที่ได้สร้างตำนานมาด้วยมือของเขาเองด้วย คือ Antonio Inoki ผู้ซึ่งถูกกดเอาชนะไปง่ายๆหลังจากอิโนกิโดนพลิกกด (ในตอนแรกของ NJPW เลย) ท่านี้เลยได้รับการตั้งชื่อว่า German Suplex เพื่อให้เกียรติแก่ผู้คิดค้นซึ่งเป็นชาวเยอรมันนั่นเองครับ
4.Sharpshooter
[img>
https://frederique134.unblog.fr/files/2009/01/sharpshooter.jpg[/img
>
ท่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นมาด้วยฝีมือของ สตู ฮาร์ท ไม่ได้เกิดขึ้นมาจาก สติง นะครับ ผู้คิดค้นคือ ริกิ โชว์ซู นักมวยปล้ำสุดยอดของญี่ปุ่นนั่นเอง ท่าล็อคท่านี้เป็นท่าล็อคโค-ตรเมพ ที่หลายคนเข้าใจผิด ท่านี้ เบรท ฮาร์ท ไม่ได้ถูกสอนโดยสตู ฮาร์ทนะครับ คนที่่สอนเขาคือ "KONNAN" นักมวยปล้ำรุ่นจิ๋วของ WCW นั่นล่ะ เรื่องมันมีอยู่ว่า Pat Patterson อยากให้นักมวยปล้ำสักคนใส่ท่า สกอเปี้ยน ล็อค ซึ่งนักมวยปล้ำหลังล็อคเกอร์ เอ๋อกินกันทุกคน ยกเว้น KONNAN ที่รู้จัก เค้าเลยอาสาสอนท่านี้ให้ เบรท จนกลายเป็นท่าไม้ตายที่เป็นตำนานในเวลาต่อมาครับ
ท่านี้เดิมคือท่า ซาโซริ กาตาเมะ เป็นการจับขาล็อค และไขว้กันด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่นท่าไม้ตายของดีน มาเลนโก้ คือโครเวอร์ลีฟ ก็เป็นท่าในตระ *** ลเดียวกัน หรือท่าฟิกเกอร์โฟร์กลับด้านของ HBK ก็รวมอยู่ในตระ *** ลนี้เช่นกันครับ
5. DDT
[img>
https://www.accelerator3359.com/Wrestling/pictures/jakeddt.jpg[/img
>
ผู้คิดค้นท่าพื้นฐานท่านี้คือ Jake The Snake Robert ครับ ท่านี้กลายเป็นท่ามวยปล้ำที่ใช้ไปทั่วโลก ใช้ตั้งแต่ก่อนแกคิดท่านี้อีก - -
(อย่างที่กล่าวไปในข้างต้นครับ เหมือนกับว่าเขาเป็นคนจดลิขสิทธิ์คนแรกนั่นล่ะ ทั้งๆที่มีคนใช้ก่อนแล้ว เราก็ว่ากันตามนี้ไปครับ) ท่านี้ไม่ได้มาจากสารพิษ อย่างที่คิดกันนะครับ มันมาจาก Drop Death Twice เรื่องก็คือแกไปเจอวีดีโอที่หนังพูดถึงตัวละครตายเพราะถูกโจมตีเข้าที่หัว แกเลยเอามาตั้งชื่อให้คล้ายๆกัน เพราะท่านี้ก็ทำให้เกิดการบาดเจ็บที่หัวเหมือนกัน
6. Ace Crusher !
[img>
https://1.bp.blogspot.com/_r3A5amaA75M/Sc17gekkqDI/AAAAAAAAAI0/KytZ1Kl4A6c/s320/Stunner.jpg[/img
>
[img>
https://shawnmichaels974.s.h.pic.centerblog.net/r4803ric.jpg[/img
>
อ้าว! หลายคนอาจจะสงสัยว่าไอ้ท่าสองท่านี้มันคือสตันเนอร์กับ อาร์ เค โอ
นี่ล่ะครับ ทั้งหมดทั้งสิ้นท่าพื้นฐานคือ Ace Crusher ทั้งนั้น และผู้คิดค้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน
เค้าคือ Johnny Ace คนเดียวกับที่ตอนนี้เป็นลูกจ้างของ WWE ล่ะครับ ท่านี้เป็นท่าที่ได้รับความนิยมมากสมัยแกปล้ำอยู่ที่ AJPW ครับ ท่านี้จะมีสองระดับ คือระดับที่ตัวราบไปกับพื้น (ลักษณะเดียวกับ rko) และฟาดกับไหล่ (เหมือน stunner) ครับ
อาจมีคนสงสัยอีกล่ะ อ้าว rko มาจาก diamon cutter ไม่ใช่เหรอ? ครับ diamond cutter ก็มาจาก ace crusher อีกทีนั่นล่ะ ^^
ท่านี้จึงเป็นท่าแรกๆที่ได้รับการก๊อปปี้ไปทั่วโลก และเกิดเป็นท่าสวยงามมากมายครับ
7. Shooting Star Press
[img>
https://cache01.stormap.sapo.pt/fotostore01/fotos//10/2e/31/2200965_BldgW.bmp[/img
>
ท่านี้เป็นท่าที่ผมภูมิใจมากครับ เพราะนักมวยปล้ำขวัญใจผมเป็นผู้สร้าง ฮ่าๆ นั่นคือ Jushin Liger นั่นเองครับ ท่านี้เกิดจากความอยากเท่ของไลเกอร์ ที่อยากเป็นเหมือนหน้ากากเสือ แล้วก็ ไดนาไมท์ คิด แล้ววันนั้นเองที่แกนั่งอ่านการ์ตูนในห้องน้ำ (ไม่ได้เอาฮานะครับ จริงๆ) แกก็ไปเจอหมัดเพชรฆาตดาวเหนือ มีท่านี้ปรากฏออกมา แกก็พยายามจะทำตาม แต่ด้วยความเป็นจริงของโลก ไม่มีทางทำได้เหมือนการ์ตูนหรอกครับ แกก็เลยลองไปทำซะ ไปลองเป็นพระเจ้ากรุงหงสาวดี (ตีลังกา) สักครั้ง ผลก็ออกมาน่าประทับใจครับ เป็นท่ายอดเยี่ยมของโลกติดต่อกัน 2 ปีซ้อนเลยทีเดียว
ท่านี้ยังไงก็เป็นเรื่องน่าเศร้าอย่างนึงครับ แกคิดได้ตอนอายุค่อนไปทางเยอะแล้ว แกเลยใช้ท่านี้ได้ประมาณห้าปีก่อนจะต้องยอมแพ้เพราะร่างกายอันแสนใหญ่ ที่มีปัญหาเกี่ยวกับเข่า ตลอดจนการ์ตูนมันดันเปลี่ยนบท อัพเกรดพระเอก ไลเกอร์ที่ไปทำลิขสิทธิ์กับบริษัทการ์ตูน เลยกลายเป็นร่าง Thunder ไปเสียอย่างนั้น ท่านี้เลยหายไปดื้อๆ ถึงแม้ร่างthunder จะพริ้วได้แล้วในเวลาต่อมา แต่แกก็อ้วนขึ้นจนตอนนี้กระโดดจากเชือกเส้นที่สามได้ก็บุญแล้วครับ (เสียใจ T_T)
8. Shining Wizard
[img>
https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/9/92/ShiningWizard.JPG[/img
>
ท่านี้เกิดขึ้นกันจริงๆ เพราะเวลาที่ผ่านไปอย่างยาวนานคือ "แกแก่แล้ววว" ฮ่าๆ นั่นเพราะเป็นเรื่องยากมากๆครับที่
Keiji Mutoh หรือ The Great Muta
จะใส่ Moonsault ได้หลายตลบเหมือนสมัยก่อน แกเลยเครียดครับ ไปปรึกษากับเพื่อนสามทหารเสืออย่าง Chono ก็ตกลงปลงใจกันว่า เราคงต้องหาท่าใหม่แล้วแหละ แก่กันแล้ว ตรงนี้ทำให้ Chono หันมาใช้ Yakuza Kick เป็นเวอร์ชั่นมหาโหดมากขึ้น
เตะทีจากเป็นท่าพื้นๆ กลายเป็นหน้าหันหน้าเบี้ยว ทั้งนี้ก็เพื่อช่วยให้นักมวยปล้ำรุ่นเดอะหลายๆคน มีท่าตระ *** ลเตะ ที่ทรงพลังมากขึ้น ช่วยลดภาระจากการเหิรเวหาได้มากขึ้นครับ (ถึงโชโน่จะไม่ค่อยกระโดดมากมาย แต่ก็ช่วยในส่วนนี้เพื่อให้ท่าของเพื่อนดูแรงขึ้นครับ)
9. MoonSault
[img>
https://img.thesun.co.uk/multimedia/archive/00417/TNA_417785a.jpg[/img
>
ท่านี้เป็นท่าพื้นฐานที่เกิดขึ้นมาค่อนข้างนาน โดยเกิดมาจาก หน้ากากเสือรุ่นแรก หรือซาโตรุ ซายามะ ยอดนักมวยปล้ำรุ่นเล็กนั่นเองครับ
ท่านี้ใส่กันครั้งแรกจะมีของหน้ากากเสือโดยเฉพาะเรียกว่า Round Moonsault จะเป็นการพลิกตัวเสียมากกว่าที่จะตีลังกาโดยตรง
จนมาภายหลังนักมวยปล้ำคนเดียวกับข้อ 8 คือ เคย์จิ มูโต้ ได้เอามาดัดแปลงครับ จนกลายเป็นการตีลังกาหน้าตรงอย่างที่เห็นในปัจจุบันและทั่วโลก ท่านี้เรียกเป็นภาษาเทคนิคว่า มู ซัลท์ มาจาก มูโต้ + มูน ซัลท์ นั่นเองครับ ^^
10. Burning Hammer
[url>
https://www.youtube.com/watch?v=gP_23tMm580[/url
>
ท่านี้แน่นอนครับ เป็นท่าโปรดสำหรับใครหลายๆคนที่ว่าใส่แล้วตายแน่ๆ ท่านี้ถูกลอกไปค่อนข้างเยอะแล้วครับในปัจจุบัน และก็ไม่ใช่ Kobashi ที่ใช้เป็นคนแรกนะครับ คนที่ใช้คนแรกจริงๆ คือคู่ต่อสู้ของ น้องตุ้ม นักมวยนะยะของเราเนี่ยเอง (ไปหาเรื่องบิวตี้ฟุล บ๊อกเซอร์ดูก็ได้ครับ) เขาคือ เคียวโกะ อิโนะอุเอะ
ถึงจะไม่ได้เหมือนโดยตรง แต่ก็เป็นพื้นฐานของท่านี้ที่หลายคนยอมรับครับ มันคือท่า Victoria Driver นั่นเอง ยังไงก็ลองหาแมตช์มวยปล้ำหญิงมาดูนะครับ แล้วจะตกใจ คิดดูว่าท่าโหดๆแบบนี้เกิดขึ้นครั้งแรกในเวทีของ “ผู้หญิง” แล้วมวยปล้ำเหล่านั้นจะโหดและมีคุณภาพเพียงใด?
[url>
https://www.youtube.com/watch?v=1J1d5GRoVX8[/url
> นี่คือท่าวิคตอเรีย ไดรเวอร์ครับ
วันนี้เอาแค่นี้ก่อนแล้วกันครับ พอดีมีธุระต้องออกไปข้างนอก
ผิดพลาดอย่างไรขออภัยด้วยนะครับ ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านครับ ^^
โดย: Jushin Liger [25 เม.ย. 53 13:14] ( IP A:125.25.128.165 X: )
ความคิดเห็นที่ 1
ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ
โดย: patwrestlingboyz [25 เม.ย. 53 13:35] ( IP A:113.53.41.2 X: )
ความคิดเห็นที่ 2
ขอบคุณสำหรับข้อมูลเช่นกันครับ(^^)
กระทู้นี้มีสาระ แล้วข้อมูลก็ดีมากด้วยครับ ถ้าให้ไปหาเองหายากนะเนี่ย
แล้ว Kimura นี่ เป็นคนเดียวกับที่คิดท่า Kimura Lock หรือเปล่าครับ?
โดย: trapizius [25 เม.ย. 53 13:50] ( IP A:210.203.179.50 X: )
ความคิดเห็นที่ 3
มีเพิ่มมั้ยครับ เขียนมาเรื่อยๆเลยครับ ชอบมาก อยากรู้ความเป็นมาอีกหลายท่าเลยครับเช่น Death valley driver ฯลฯ
โดย: S1m0Ne [25 เม.ย. 53 14:06] ( IP A:125.26.14.196 X: )
ความคิดเห็นที่ 4
ขอบคุณครับ ข้อมูลดีมาก
โดย: Mr.WrestleMania [25 เม.ย. 53 15:54] ( IP A:114.128.99.232 X: )
ความคิดเห็นที่ 5
มีเพิ่มแน่นอนครับ พอดีว่าผมติดธุระ พิมๆอยู่คุณแม่มาเรียก เลยต้องออกไปข้างนอกครับ ^^
คิมูระท่าเดียวกันครับ จริงๆคือท่าอุเดะ การาเมะ ล็อค แต่ท่านี้เป็นท่าที่ มาซาฮิโกะ คิมูระ แกดัดแปลงนิดหน่อยเป็นเหมือนท่าคิมูระในปัจจุบัน แล้วใช้ล็อค เฮลิโอ เกรซี่ จนแขนหัก ทำให้ตั้งชื่อท่าตามชื่อคิมูระเพื่อเป็นเกียรติครับ
โดย: Jushin Liger [25 เม.ย. 53 17:14] ( IP A:125.25.111.106 X: )
ความคิดเห็นที่ 6
Cool !!!
โดย: Hitman [25 เม.ย. 53 23:38] ( IP A:125.25.122.231 X: )
ความคิดเห็นที่ 7
AWESOME!!!
แล้ว Fulnelson อ่ะ อยากรู้อ่ะคับ
โดย: Mr.Awesome [26 เม.ย. 53] ( IP A:111.84.203.122 X: )
ความคิดเห็นที่ 8
จัดไปครับ
โดย: Mr. HBK [26 เม.ย. 53 12:12] ( IP A:118.174.3.118 X: )
ความคิดเห็นที่ 9
เป็นบทความที่ผมชอบมากๆเลยครับ คุณปูมิ สุดยอดมากๆ
หลายท่าโหดๆในปัจจุบัน จริงๆแล้วมีเริ่มใช้กันในวงการ joshi (มวยปล้ำหญิง) อย่างกรณีของ Inoue ก็เหมือนกัน หรือ package piledriver ก็จริงๆ Aja Kong ทำเป็นคนแรก และอีกหลายๆท่าใน Indy อเมริกาด้วยครับ
จริงๆท่าร่างเบสิกมวยปล้ำที่พัฒนามาเป็นปัจจุบันส่วนใหญ่ต้องยกให้ผู้ยิ่งใหญ่แห่งวงการมวยปล้ำญี่ปุ่น คือ Lou Thesz ด้วยครับ
เพราะ Lou Thesz คือผู้คิดค้นท่า Powerbomb และ German Suplex (Karl Gotch เป็นคนคิดชื่อท่า) มาใช้ในมวยปล้ำอาชีพ (อันเป็นท่าร่างอันยิ่งใหญ่ของท่ามวยปล้ำญี่ปุ่นในปัจจุบัน)
(ส่วนผู้ยิ่งใหญ่อีกท่านคือ Karl Gotch เป็นต้นตำหรับ Strong Style ที่ Inoki ที่เป็นศิษย์นำเป็นรากของ Puroresu แบบ NJPW)
นอกจากนี้ Luo Thesz ยังเป็นคนคิดท่า STF ด้วยนะครับ บางคนอาจจะเข้าใจผิดคิดว่าเป็น Chono แต่ไม่ใช่ครับ.....คงไม่มีใครคิดว่า Cena นะ ToT
ชอบมากครับ จะติดตามผลงานเรือยๆครับ
พี
โดย: พี [27 เม.ย. 53 11:03] ( IP A:58.9.27.214 X: )
คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน