แดนปราสาทหิน ถิ่นภูเขาไฟ (๑)
   ก่อนออกเดินทางฉันมีเวลาค้นข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ที่จะไปเพียงเล็กน้อย ก็เลยจดจำไปเล่าให้นักเรียนฟังได้นิดเดียว คืนคริสต์มาสอีฟนักเรียนมานอนค้างคืนที่โรงเรียนเพื่อที่พอเริ่มเช้าวันคริสต์มาสเราก็จะออกเดินทางจากโรงเรียน แน่นอนว่านักเรียนห้าหกร้อยคนมารวมกันอยู่ในอาคารเรียนหนึ่งหลัง ไม่เป็นอันหลับอันนอนกันหรอก คณะเดินทางแยกเป็นสองเส้นทาง ฉันไปดูแลนักเรียนที่จะไปทางบุรีรัมย์เพื่อไปชมเขากระโดง ปราสาทพนมรุ้งและปราสาทเมืองต่ำ หลังจากที่รถเคลื่อนออกจากโรงเรียนจึงสามัคคีกันไปหลับนก คอพับคออ่อนอยู่บนรถทัวร์


เรื่องตื่นเต้นเริ่มตั้งแต่พ้นรั้วโรงเรียน ใครบางคนซึ่งน่าจะเป็นบางกลุ่มลากเอาท่อนไม้ขนาดใหญ่มาขวางไว้กลางถนนถึงสองท่อน คุณครูปติต้องเรียกนักเรียนชายให้ช่วยกันไปยกออก และเดินกรุยทางเพื่อมีใครเตรียมการอะไรไว้อีก โชคดีที่ไม่มีเหตุการณ์ร้ายแรงอะไรเกิดขึ้น คนขับรถเองก็ประหลาดใจเพราะรถเพิ่งจะเข้าโรงเรียนได้ไม่ถึงชั่วโมงด้วยซ้ำ แล้วก็พานักเรียนออกเดินทาง คนขวางท่อนไม้ยกมาตอนไหนจึงไม่มีใครสังเกตเห็น


กำหนดออกจากโรงเรียนคือตีหนึ่งของเช้าวันศุกร์ที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๒ แต่เวลาก็เลื่อนออกไปเพราะรถทัวร์มาถึงช้ากว่ากำหนด แต่ยังไงเราก็ไปถึงเขากระโดงไม่ได้ล่าช้ากว่ากะการไว้


เขากระโดงตั้งอยู่กลางเมืองบุรีรัมย์เป็นจุดชมวิวประจำเมือง ฉันเพิ่งมาเป็นครั้งแรก ลงจากรถมองบันไดที่ทอดยาวขึ้นไปบนเขาแล้วคิดถึงการ์ตูนที่นักกีฬาญี่ปุ่นเขาไปเข้าค่ายฝึกซ้อมกันในวัดกลางป่า สูงชันจนใจหายว่าจะลากสังขารขึ้นไปถึงไหมหนอ


เสื้อสีชมพูหลายตัวไต่กระไดลิ่วๆ ขึ้นไป คุณครูทัศนีย์รีบกวักมือและส่งเสียงรวมพลนักเรียน ม. ๑ และ ม.๖ ที่เดินทางมาด้วยกันไปถ่ายรูป คนเกือบสองร้อยคนรวมกันยากเย็น สุดท้ายก็ถ่ายรูปเท่าที่มี ใครขึ้นไปก่อนก็ช่าง ใครมาหลังก็อด

โดย: เพรางาย (เจ้าบ้าน ) [11 ม.ค. 53 9:55] ( IP A:113.53.232.133 X: )
Add to Facebook  Add to Twitter  Add to Multiply  Add to Google  Add to Blogger  Add to Live
Counter : 242 Pageviews
ความคิดเห็นที่ 1
   เสร็จจากถ่ายภาพบันไดขั้นกว้างๆ เตี้ยๆ รอเราอยู่ เขาช่างรู้จักล่อให้คนขึ้น แรกๆ บันไดก็กว้างและสูงไม่ถึงกี่นิ้ว แต่ยิ่งสูงขึ้นบันไดก็ยิ่งขั้นแคบลงและสูงขึ้นทุกที ถึงแม้จะมีชานพักให้เป็นระยะก็ยังแทบขาดใจ แถมแต่ละระยะก็ห่างไม่เท่ากันแบบชวนสงสัยว่าเขาใช้เกณฑ์อะไรในการสร้างชานพัก ฉันเดินขึ้นไปตามแรงที่มี ยอมให้ตัวเล็กตัวน้อยเขาแซงไป ถึงช้าดีกว่าไม่ถึงน่า มีชานพักตรงไหน ก็หยุดเก็บแรงและชมวิวเอาตรงนั้น และให้เหตุผลกับนักเรียนว่า

“เขาทำที่พักให้พักก็ต้องพักสิ”

โดย: เจ้าบ้าน [11 ม.ค. 53 9:56] ( IP A:113.53.232.133 X: )
ความคิดเห็นที่ 2
   สำนึกถึงความถดถอยของเรี่ยวแรงเมื่อวันวัยผ่านไปกระจ่างก็วันนี้แหละ แรกก้าวขึ้นมาก็ยังนับขั้นบันไดไปกับนักเรียน แต่พอกลางๆ ทางชักหลง มันจะมีกี่ขั้นก็ช่างมันปะไร พาตัวไปถึงยอดให้ไหวก็พอแล้ว

โดย: เจ้าบ้าน [11 ม.ค. 53 9:57] ( IP A:113.53.232.133 X: )
ความคิดเห็นที่ 3
   เหยียบขั้นบนสุดของบันไดได้ คิดว่าคนที่ขึ้นสวรรค์คงรู้สึกคล้ายๆ อย่างนี้ละมั้ง มองลงไปข้างล่างแล้วรู้สึกว่าไม่น่าเชื่อที่เราจะขึ้นมาได้ อาคารที่ตั้งขวางมีระฆังใบโตแขวนอยู่ เข้าไปถ่ายรูปกับระฆังโดยอาศัยฝีมือถ่ายภาพของเด็กถือกระเป๋าซึ่งจองตัวกันไว้ตั้งแต่ออกเดินทาง เป็นนักเรียน ม. ๖ ที่อยู่ชมรมดนตรีไทย เกษรมักจะบอกว่า

“ถ่ายรูปให้อาจารย์ทีไร หนูไม่มั่นใจเลยค่ะ”


เพราะฉันพิถีพิถันกับมุมกล้อง ถ้าใครถ่ายภาพให้ไม่ถูกใจเป็นอันได้กดชัตเตอร์ใหม่น่ะสิ ซึ่งเกษรก็ได้แก้ไขการบันทึกภาพไปหลายรอบ จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่กล้องของฉันจะมีรูปตัวเองน้อยกว่ารูปที่ตัวเองถ่ายคนอื่น และเพราะนักเรียนพูดอย่างนั้น คุณครูก็เลยยึดกล้องนักเรียนขอมาเป็นตากล้องประจำตัวให้ จะได้ถ่ายภาพสวยๆ มุมสวยๆ ให้เป็นการตอบแทน


ว่าจะขอดูภาพฝีมือตัวเองที่ถ่ายให้ไปก็ยังไม่ได้ขอสักที

โดย: เจ้าบ้าน [11 ม.ค. 53 9:58] ( IP A:113.53.232.133 X: )
ความคิดเห็นที่ 4
   อาคารที่มีระฆังแขวนคือวิหารหรือมณฑปประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำลอง ชะเง้อชะแง้เข้าไปดู ประหลาดใจที่รอยพระพุทธบาททะลุเป็นรูลงไป ข้างล่างมีเหรียญอยู่มากมาย เลยตัดสินใจว่าไม่โยนเหรียญตามเขาดีกว่า รอยพระพุทธบาทจำลองทำด้วยโลหะ ไม่รู้ว่าที่ทะลุนั้นเพราะแรงโยนเหรียญของคนรึเปล่า

โดย: เจ้าบ้าน [11 ม.ค. 53 10:00] ( IP A:113.53.232.133 X: )
ความคิดเห็นที่ 5
   อ่านป้ายผ่านตาจึงรู้ว่าวิหารและพระพุทธรูปบนยอดเขาตั้งอยู่ใกล้ปากปล่องภูเขาไฟที่ดับแล้ว ปราสาทพนมรุ้งก็สร้างอยู่บนภูเขาไฟ พระพุทธรูปที่นี่ก็อยู่ใกล้ภูเขาไฟอีก เขาเลือกสร้างไว้บนที่สูงหรือเลือกสร้างไว้เตือนใจคนว่ามีภูเขาไฟกันนะ


พระพุทธรูปองค์ใหญ่บนยอดเขาชวนให้คิดถึงพระพุทธทักษิณมิ่งมงคลที่วัดเขากงซึ่งเคยไปสมัยเรียนมหาวิทยาลัย ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้


ป้ายบอกชื่อต้นไม้ข้างวิหารชื่อ “โยนีปีศาจ” ชื่อประหลาดจนลืมไม่ลง

โดย: เจ้าบ้าน [11 ม.ค. 53 10:01] ( IP A:113.53.232.133 X: )
ความคิดเห็นที่ 6
   ถ่ายภาพด้านข้างองค์พระ ออกมาดูเหงาๆ เลยไปเก็บภาพด้านหน้าเอาไว้ด้วย นักเรียนชวนไปชมวิวตรงผาหน้าลานพระพุทธรูปซึ่งมองลงไปได้ไกล แต่ฉันไม่พิสมัยเท่าไหร่ มองลงไปก็เห็นต้นไม้กระจิ๋วหลิวกับอาคารบ้านเรือน ไม่รู้สึกประทับใจเหมือนลวดลายอ่อนช้อยสวยงามของวัดวาปราสาทสักนิด


สิ่งที่ประทับใจตรงลานพระพุทธรูปคงเป็นด้านข้างที่ปลูกต้นพริกเป็นแถวและกำลังออกผลแดงสวย ใครช่างคิดมาปลูกผักสวนครัวอยู่บนยอดเขา

โดย: เจ้าบ้าน [11 ม.ค. 53 10:02] ( IP A:113.53.232.133 X: )
ความคิดเห็นที่ 7
   อีกด้านมีบันไดทอดตามทางเดินสวยดี แม้จะมีใบไม้เกลื่อนพื้นดูรกร้าง แต่ฉันเห็นแล้วคิดถึงบรรยากาศของหนังจักรๆ วงศ์ๆ เลยให้เกษรถ่ายภาพให้เสียหน่อย แล้วก็ได้รู้ว่าปลายทางเดินนั้นคือห้องสุขา นึกขอบคุณคนต้นคิด อุตส่าห์มาสร้างไว้ให้ถึงบนเขา สงสัยคงมีใครขึ้นบันไดมาแล้วหาที่ปล่อยไม่ได้มาแล้วมั้ง ฉันรีบไปใช้บริการ และหยอดเหรียญใส่ตู้รับบริจาคซึ่งล่ามโซ่เส้นเขื่องเอาไว้ ห้องน้ำสะอาดใช้ได้ ทั้งที่ไม่เห็นมีใครมาดูแลเลย หรือคนขึ้นมาเหนื่อยจนลืมคิดอยากเข้าห้องน้ำก็ไม่รู้

โดย: เจ้าบ้าน [11 ม.ค. 53 10:03] ( IP A:113.53.232.133 X: )
ความคิดเห็นที่ 8
   เกือบจะเดินลงบันไดกลับลงข้างล่างแล้ว แต่ป้ายบอกทางไปชมปล่องภูเขาไฟ(ที่ดับแล้ว) ก็ทำให้ต้องลากเด็กขนกระเป๋าทั้งสองคนเดินไปดู ไม่ได้เก็บภาพไว้เพราะขณะนั้นไม่สวยงามเท่าไหร่ อีกทั้งมีเศษขยะทำให้เสียบรรยากาศ แต่เขาทำทางเดินและจัดสวนหินไว้สำหรับนั่งพักหรือถ่ายรูปได้สวยงามเข้าท่า ฉันแค่ทำหน้าที่ตากล้องให้นักเรียน ไม่ได้เก็บภาพตัวเองกับแถวใกล้ปล่องภูเขาไฟไว้เลย ขณะที่นักเรียนกำลังอ่านป้าย คุณครูก็วิจารณ์ปากปล่องภูเขาไฟว่า

“เหมือนอวัยวะเพศหญิงแฮะ”

นักเรียนทำตาปริบๆ มองภาพที่เขาวาดบนป้าย มองปากปล่องภูเขาไฟของจริง แล้วคิดตาม จากนั้นก็พยักหน้า

“อาจารย์ช่างเอามาเปรียบเทียบจัง”

นอกจากครูผู้หญิงและนักเรียนหญิงแล้ว ตรงนั้นไม่มีผู้ชายสักคน
โดย: เจ้าบ้าน [11 ม.ค. 53 10:05] ( IP A:113.53.232.133 X: )
ความคิดเห็นที่ 9
   เรากลับไปขึ้นรถด้วยการเดินย้อนขึ้นเขาและเดินลงบันไดสูงชันเมื่อขามา สวนทางกับครูปติที่เดินมาตามดูว่ามีนักเรียนคนไหนตกค้างบ้าง ขากลับคุณงายและนักเรียนช่วยกันประสานเสียงนับขั้นบันไดด้วยกัน โดยนับหนึ่งจากฐานรอยพระพุทธบาทจำลอง จนถึงบันไดขั้นสุดท้ายที่ตีนเขาพอดีจำนวนสามร้อยขั้น


ด้วยความที่เหน็ดเหนื่อยจากการปีนกระได ทำให้ไม่มีความอยากที่จะเก็บความรู้จากป้ายน้อยนิดที่เขาบรรยายที่มาที่ไปของการสร้างรอยพระพุทธบาทจำลองและพระพุทธรูปบนยอดเขา อ่านอยู่หรอกแต่พอลงจากเขากระโดงมันก็ลอยกลับไปอยู่ในป้ายหมดแล้ว เป็นอันว่าคนอ่านก็ชมภาพเอาเหอะนะ อย่าหวังความรู้อะไรมากเลย
โดย: เจ้าบ้าน [11 ม.ค. 53 10:05] ( IP A:113.53.232.133 X: )

คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน