ความคิดเห็นที่ 5 ตอบข้อที่1. ผู้พอมีกรรมดีกรรมชั่วโดยทั่วๆ ไปพอๆ กัน พอตายปับเกิดทันที เป็นสัมภเวสีในระหว่างนั้นหรือเป็นเปรตชนิดหนึ่ง ไม่ใช้ว่ายังไม่เปลี่ยนภพ คือเปลี่ยนแล้ว บางส่วมกรรมเหมาะสม ถูกยมบาลนำไปกับเพื่อให้ระลึกถึงกรรม(พิจารณาโทษหรือความดี เพื่อให้ระลึกได้) บางส่วนกรรมไม่เป็นเช่นนั้น คือเป็นเปรตอยู่เช่นนั้น จนเสวยกรรมหมดก็จะไปที่แหล่งเกิดใหม่เอง. ส่วนผู้ที่มีกรรมดีโดยเด็ดขาด ไม่ต้องเกิดในภพนั้น ไปเกิดเป็น มนุษย์ หรือเทวดา หรือพรหมในทันที เช่นเดียวกับผู้มีกรรมชั่วมากเด็ดขาดก็ลงนรกในทันทีเมื่อตายจากมนุษย์ ส่วนการที่คุณทศพล ประเมินค่าเป็นเปอร์เชตร์นั้น คงกำหนดอย่างนั้นตายตัวไม่ได้ เพราะวิบากกรรมนั้นได้สั่งสมมาตั้งแต่อดีดจนถึง ณ. ปัจจุบัน บางครั้งทำกรรมชั่วมาตลอด แต่ได้ทำกรรมดีอย่างยิ่งใหญ่เพียงครั้งเดียวก่อนตาย ก็อาจได้เกิดในภพภูมที่ดีก่อนครับ และเมื่อยังทำดีอย่างต่อเนื่องต่อไป วิบากกรรมชั่วนั้นก็รอส่งผลต่อไปเพราะส่งผลยังไม่ได้ เช่นเดียวกันทำกรรมเล็กๆ น้อยๆ มาตลอด แต่ทำกรรมชั่วอย่างหนักมากเพียงครั้งเดียวก่อนตาย ก็ลงนรกได้เช่นเดียวกัน ถ้ายังทำชั่วอยู่เนื่องๆ วิบากกรรมดีย่อมส่งผลไม่ได้ ก็ต้องลงอบายภูมิอยู่เนื่องๆ ได้ ตอบข้อที่ 2 การฆ่าผู้อื่น กรรมชั่วนั้นได้เกิดเป็นวิบากกรรมแล้ว แต่ไม่จำเป็นว่าผู้นั้นต้องมาฆ่าเราในภายหลังเสมอไป แต่เราก็ต้องถูกฆ่าหรือถูกทำร้ายด้วยผลแห่งวิบากกรรมนั้นด้วยเหตุต่างๆ เมื่อกรรมนั้นส่งผล ส่วนเรื่องการพยาบาทนั้นเป็นเรื่องการผูกเวรผูกกรรมที่จะกระทำต่อกันอยู่เนื่องๆ เป็นเรื่องของการผูกเวร กรรมย่อมเผิดร้อนสำหรับผู้ที่ผูกเวรพยาบาท นั้น ส่วนการอุทศส่วนบุญให้แก่ผู้ที่ตายไปแล้ว ที่จะรับผลบุญที่อุทิศให้นั้นอย่างเต็มที่มีผลต่อการเป็นอยู่หรือเปลี่ยนภพภูมิที่ดีขึั้น ก็ม่ีแต่ผู้ที่ไปเกิดในภพของ เปรต ประเภทหนึ่งเท่านั้น ส่วนในภพต่างจากนั้นถ้ารับรู้ได้มีวผลเพียงได้รับความอิ่มใจเท่านั้น. |