ถามเรื่องการปูกรวดหน่อยคับ
   ก็ไม่ได้ถามนานแล้วขอถามหน่อยละกันคับ
คือ การที่เราเลี้ยงปลาในตู้ปูกรวดนั้น เวลาที่ปลาถ่ายของเสียออกมา ของเสียต่างๆก็จะไปหมักหมมอยู่ตามซอกหินซอกกรวด โดยเฉพาะตู้ที่ใช้กรองพื้นด้วยนั้น ของเสียต่างๆก็ยิ่งจะถูกดึงไว้ตามพื้นกรวด ซึ่งข้อดีของมันทำให้ตะกอนต่างๆไม่ฟุ้งกระจายทั่วตู้ แล้วยังเหมือนกับการเพิ่มระบบกรองขึ้นมาอีกส่วนหนึ่ง(เห็นเค้าว่ามานะคับ) จึงอยากถามว่า1. การเลี้ยงปลาในตู้ปูกรวดนั้น จะทำให้เกิดข้อเสียมากไหมคับ เช่น ทำให้ปลาเสี่ยงต่อการเป็นโรคต่างๆ ,น้ำเสียเร็ว หรือ ปัญหาอื่นๆ
2. การที่เราเลือกใช้ระบบกรองต่างๆ เช่นกรองข้างตู้ หรือ กรองนอก แล้วเรายังเพิ่มระบบกรองพื้นเข้าไปอีก กับ การที่เราไม่เพิ่มระบบกรองพื้นเข้าไป(คือเลี้ยงปลาในตู้ไม่ปูกรวด) อย่างไหนจะดีกว่ากันคับ ทั้งต่อตัวปลา และ การดูแลรักษาคุณภาพน้ำ

แล้วขอถามเรื่องน้ำหมักนิดหนึ่งคับ
คือ ถ้าเราเลี้ยงปลาที่ต้องใช้น้ำหมักนี้ อัตราการเปลี่ยนน้ำยังคงเปลี่ยนเหมือนเดิมรึป่าวคับ เช่น ตอนนี้เลี้ยงช่อนในตู้น้ำหมักอยู่ ปกติเปลี่ยนน้ำ10%ทุก5วัน ต้องเปลี่ยนให้ถี่ขึ้น หรือ เหมือนเดิมคับ

รบกวนผู้รู้ทุกท่านหน่อยนะคับ และ ขอบคุณสำหรับทุกคำตอบคับ
โดย: Poring [18 พ.ย. 49 17:41] ( IP A:61.19.108.178 X: )
Add to Facebook  Add to Twitter  Add to Multiply  Add to Google  Add to Blogger  Add to Live
ความคิดเห็นที่ 1
   1. กรองใต้ทรายเหมาะมากสำหรับร้านขายปลา ที่มีพื้นที่จำกัดครับ เพราะมันไม่เกะกะตู้ เก็บตะกอนได้เยอะมาก และทำให้น้ำใส ของเสียมันไม่ไปไหน นอกจากจะถูกเก็บไว้ใต้กรวด และทำความสะอาดลำบากกว่า แต่สำหรับร้านขายปลาซึ่งมีปลาหมุนเวียนตลอด และพักปลาไว้ในระยะสั้น จะไม่มีปัญหาตรงส่วนนี้อยู่แล้ว
2. ถ้ามีกรองข้างอยู่แล้ว หรือกรองอื่นๆอยู่แล้ว เราก็ต้องหาจุดสมดุลย์ ระหว่าง จำนวนปลาที่เลี้ยง ขนาดของกรอง คุณภาพของสับสเตรท การเปลี่ยนน้ำ การให้อาหาร ฯลฯ ถ้าทุกอย่างมันพอดีกัน การเลี้ยงปลาของเราก็โอเคแล้ว การที่จะไปเพิ่มอะไรนอกจากนั้น มันก็เปล่าประโยชน์โดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะข้อเสียของกรองใต้ทรายจะสร้างปัญหาให้เราตามมา นอกจากการทำความสะอาดยากแล้ว ยังเป็นที่สะสมของเชื้อโรค(ถ้ามันจะเกิด) และ ตัวอ่อนปรสิตหลายชนิดครับ สู้ ควบคุม ปัจจัยอื่น ข้างต้นจะดีกว่า

ช่วงๆแรกๆของการทำน้ำ จะไม่มีการเปลี่ยนน้ำครับ กรองดีๆทำความสะอาดกรองบ่อยๆ และเติมน้ำทดแทนส่วนเกินเพียงอย่างเดียว หลังจากนั้น สัก เดือน จึงค่อยเริ่มเปลี่ยนน้ำได้ ประมาณ อาทิตย์ละ 10 เปอร์เซนต์ สำหรับปลาที่ชอบน้ำเก่า
โดย: RoF (เจ้าบ้าน ) [19 พ.ย. 49 10:08] ( IP A:58.9.142.10 X: )
ความคิดเห็นที่ 2
   เอ ถ้าวิธีนี้ คือดูดขี้ปลาออกจากกรองใต้กรวดอีกทีด้วยปั้ม มันจะเวริคไหมครับ ถ้าทำแบบนี้คิดว่าขี้ปลาจะไม่หมักหมมใต้กรองแผ่น แต่จะโดนดึงขึ้นไปบำบัดในกรองอื่นแทน ความหมักหมมในกรวดก็จะถูกบำบัดโดยไม่ต้องดูดกรวดบ่อยๆด้วย

โดย: เจ [19 พ.ย. 49 12:49] ( IP A:203.118.93.209 X: )
ความคิดเห็นที่ 3
   เวริกครับ หลายๆที่ใช้กันอยู่ และมีการออกแบบกรองใต้ทรายลักษณะดังกล่าว มากมายหลายยี่ห้อในท้องตลาด แต่ก็ต้องเพิ่มถังกรองอยู่ดี
โดย: RoF (เจ้าบ้าน ) [19 พ.ย. 49 18:04] ( IP A:58.9.141.47 X: )
ความคิดเห็นที่ 4
   ผมว่าของเสียก็ยังสะสมในกรวดเหมือนเดิม เพราะถ้าใส่กรองพื้น เราก็ต้องปูกรวดหนาหน่อย สัก 4 - 5 ซม. เพื่อให้มันกรองได้มีประสิทธิภาพ
ปัญหาคือเมื่อมีจุดอับอากาศ ก็จะเกิดกระเปาะกาซไข่เน่าอยู่ในกรวด ทีนี้เราก็ตัองคอยดูดกรวดบ้างตามปริมาณของเสียในตู้ หากเห็นว่ากรวดข้างล่างเป็นสีดำๆล่ะก็ ใช่เลย แกซไข่เน่าครับ
ถ้ามีถังกรองนอกอยู่ก็ควรใช้เป็นตัวกรองหลัก ทีนี้หากอยากปูกรวด (เหมือนผม) ก็ปูบางๆ แค่คลุมพื้นก็พอครับ ไม่เกินเซนต์ครึ่งหรือสองเซนต์ ไม่งั้นเดี๋ยวก็มีกาซไข่เน่าอีก แต่ก็ต้องดูดกรวดเหมือนเดิมครับ ตู้ผมดูดทุกอาทิตย์เลย อึปลาออกมาตรึมๆ ยิ่งถ้าให้อาการเม็ด ก็จะมีอาหารเหลือๆ ในกรวดด้วย แต่ตรงนี้แก้ไม่ยาก ไปซื้อปลารากกล้วยมาสักฝูง มันจะมุดกรวด ล้างกรวด (กรวดเล็กนะ) ทั้งวัน ยิ่งพื้นทรายนี่ยิ่งชอบมาก ดูดกันทั้งวัน
โดย: เด็กอนุบาล [21 พ.ย. 49 9:52] ( IP A:58.9.135.238 X: )

คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน