Gene-Pool-Aquarium.pantown.com
pantown <<
กลับไปหน้าแรก
บ่อใหม่ เคส 2 / น้ำเขียวจากไข่กบ คางคก
จากกระทู้
https://www.pantown.com/board.php?id=2888&area=4&name=board1&topic=6168&action=view
ที่ผมได้ถามถึงปลา บัดนี้ ผมสิ้นคิด เอาปลาคาร์ฟ ลูกไทย เกรดบ้านๆ มาลองลง 10 ตัวครับ
ปัญหาคือ บ่อมีกบ คางคก เขียด มาทำเป็นฮาเร็มมากมาย เรียกว่า ไข่เขียวๆ ดำๆ ลอยเต็มไปหมด
ขอถามปัญหาคือ
1 แก้ปัญหา โดยใช้ ปลานักดูดทั้งหลาย ที่คิดไว้อยากได้น้ำผึ้งตัวใหญ่ๆ ใส่ไปสักยี่สิบตัว
มันจะช่วยกำจัดพวกไข่ได้ไหมครับ หรือมันรับประทานเฉพาะตะไคร่กับเศษอาหารเท่านั้น
หรือควรใช้ปลาชนิดอื่นครับ
2 แล้วมันจะมีปัญหาเรื่องโรคกับ ปลาคาร์ฟไหมครับ แล้ว น้ำผึ้งตัวใหญ่ๆ ซื้อได้ที่ไหนครับ
3 ถ้าใช้ยา หรือสารเคมี จะใช้ตัวไหนดีครับ
ขอบคุณล่วงหน้าครับ แล้วจะอัพเดทบ่อมาให้ดูเรื่อยๆครับ
โดย: Yossi
[25 ก.ย. 51 11:37] ( IP A:58.8.100.146 X: )
ความคิดเห็นที่ 1
1. ไม่ได้ครับ และแทบไม่มีปลาชนิดไหน ที่กินตัวอ่อนคางคกแล้วจะรอดตาย
2. ส่งผลทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อปลาแน่นอนครับ ซื้อได้ที่ผมครับ
3. ไม่มีครับ
ประเด็นที่คุณควรทำความเข้าใจคือ
1. น้ำเขียว ไม่ได้เกิดจากไข่กบ คางคก แต่เกิดจากแพลงก์ตอนพืช
2. ปลาน้ำผึ้ง หรือปลาใดๆ ไม่ได้ช่วยให้น้ำหายเขียวหรือใสขึ้น น้ำจะใสได้จากระบบกรองที่ดี และ การเลี้ยงตะใคร่ของบ่อ
3. ยาและสารเคมีที่ทำให้น้ำใสหรือน้ำหายเขียว คือของหลอกเด็กครับ
4. อ่านเพิ่มเติมครับ
https://www.pantown.com/board.php?id=2888&area=4&name=board17&topic=618&action=view
โดย: เจ้าบ้าน
[25 ก.ย. 51 12:07] ( IP A:58.9.153.130 X: )
ความคิดเห็นที่ 2
ขอบคุณครับ ผมไม่ทราบ ไปขัดขอบบ่อก้นบ่อซะเรี่ยม
แต่จริงๆแล้ว เราก็ควรเลี้ยงปลาจำพวกน้ำผึ้งไว้เพื่อคอยเก็บซากอาหารใช่ไหมครับ
แล้วบ่อขนาดผมคือประมาณ 8X3X0.8 เมตร ควรจะเลี้ยงซักกี่ตัวดีครับ
ระบบกรอง ผมไม่ทราบรายละเอยีด จะลองไปถ่ายรูปมาครับ
โดย: Yossi
[25 ก.ย. 51 17:50] ( IP A:58.8.100.146 X: )
ความคิดเห็นที่ 3
สงสัยง่ายที่สุดคือการกั้นขอบบ่อด้วยตะแกรงเหล็กหรือพลาสติกสูงขึ้นมาสักหกสิบเซนครับ เพื่อกันคางคกเวรๆนี่ เพราะเท่าที่เคยลองมา ออสก้าตะกละๆยังกินไม่ได้เลยครับ อ๊อดคางคกนี่ ส่วนอ๊อดกบเขียดนี่ชอบกินมากๆ
โดย: jay
[25 ก.ย. 51 19:10] ( IP A:58.64.92.254 X: )
ความคิดเห็นที่ 4
ปลากะโห้เป็นปลาที่สามารถกินแพลนตอนได้ดีชนิดนึงทีเดียว โดยใช้ปากดูดน้ำเข้าปากเหมือนกับปลาวาฬเลยครับ อาจจะเรียกว่าเป็นเครื่องกรองน้ำมีชีวิตก็น่าจะได้
โดย: mr.jorjae
[25 ก.ย. 51 19:12] ( IP A:124.120.90.47 X: )
ความคิดเห็นที่ 5
น้ำผึ้ง มีไว้กินตะใคร่ส่วนเกิน และควบคุมให้ตะใคร่มีปริมาณเหมาะสมครับ เลี้ยงตัวใหญ่ๆ หกนิ้ว สัก 10 ตัวก็คงพอ แต่เอาเข้าจริงๆ เราเอง จะบอกตัวเราเองได้ว่า ต้องใส่กี่ตัว เมื่อได้เลี้ยงไปสักระยะ และมันก็ไม่ได้กินหรือเก็บซากอาหารด้วยครับ
ถ้าบ่อยังไม่เซตตัว ใส่ไปก็ไม่รอดครับ ปลาน้ำผึ้ง ส่วนกะโห้ก็ไม่รอดเช่นกันครับ ค่อยๆศึกษาไปนะครับ
โดย: เจ้าบ้าน
[26 ก.ย. 51 1:18] ( IP A:58.9.146.29 X: )
ความคิดเห็นที่ 6
ผ่านมาสามสี่วัน รู้สึกน้ำในบ่อใสขึ้น น่าจะเพราะการตกตะกอน
เพราะเห็นใต้บ่อเป็นชั้นๆ และมีพืชเขียวๆ ขึ้นขอบบ่อ แต่ไม่ทราบเป็นตะไคร่น้ำรึเปล่า
แต่สังเกตุว่า เช้าๆจะมีฟองอากาศ ลอยอยู่รอบๆบ่อ
ถ้าเกิดแพลงตอนเยอะ แปลว่า ผมควรปิดน้ำตก กับ ปั๊มลม ใช่ไหมครับ เพราะจะเป็นการเพิ่ม
ออกซิเจนในบ่อมากเกินไป หรือควรจะถ่ายน้ำออกสถานเดียวครับ
แต่เห็นคนงานทำบ่อ เขาบอก ปลาคาร์ฟชอบ น้ำเขียวๆ?
โดย: Yossi
[27 ก.ย. 51 11:59] ( IP A:58.8.100.146 X: )
ความคิดเห็นที่ 7
1. น้ำใสขึ้น เนืองจากแพลงก์ตอนดรอปครับ สิ่งที่ตามมาก็คือซากแพลงก์ตอนจำนวนมาก ก่อให้เกิด ขี้แดด ลักษณะเป็นแพ ลอยผิวน้ำ ถ้าไม่ตักออก น้ำก็เสียอีก
2. พืชเขียวๆ ขึ้นขอบบ่อ เป็นตะใคร่เส้นผมครับ พวกนี้เกิดเร็ว และมักมาก่อน ตะใคร่น้ำครับ แต่ก็เน่าเร็วและกลายเป็นของเสียได้ง่ายอีก นี่ไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการ ตะใคร่น้ำมีลักษณะเป็นแผ่น สีเขียวเข้มครับ
3. คุณใจเย็นๆ และลองอ่านกระทู้เก่าๆดูครับ อย่าพึ่งคิดไปเอง ปัจจัยการเจริญ ของแพลงก์ตอนพืช ไม่เกี่ยวกับออกซิเจนในน้ำครับ แต่เกี่ยวกับแสง และสารอินทรีย์ในน้ำครับ อย่างที่ผมบอกไปแล้วครับ ว่า ระยะแรก ให้ถ่ายน้ำให้บ่อย เพื่อสู้กับ พวกที่เกิดง่ายๆ ทั้งสองตัว และรอให้พวกที่เกิดยาก แต่คงทน เกิดขึ้นมาแทนครับ
4. คุณจะเชื่อคนงาน ก็เป็นสิทธิของคุณครับ
โดย: RoF (เจ้าบ้าน
) [27 ก.ย. 51 12:24] ( IP A:58.9.135.202 X: )
ความคิดเห็นที่ 8
ขอบคุณครับ
ช่วงนี้ฝนตก น่าจะเป็นการเปลี่ยนน้ำออกโดยธรรมชาติ
ไว้ฝนหายตก ผมจะลองเปลี่ยนน้ำ แล้วถ่ายรูปสาหร่ายครับ
โดย: Yossi
[28 ก.ย. 51 18:20] ( IP A:58.8.109.145 X: )
ความคิดเห็นที่ 9
บ่อบำบัดของสระผมมันเป็น 4 ช่อง
ให้น้ำเข้าและออกอย่างละช่อง ตรงกลางสองช่องเขาใส่พัมมิสหมดเลย
ไม่ทราบถูกต้องไหมครับ เพราะเห็นส่วนมากจะใช้ ใยกรองเป็นชั้นแรก
แล้ว มีปัญหาปลาอบมุดเข้าไปเล่นในทางน้ำเข้า จนตายไปตัวแล้ว
เพราะดันมุดต่อเข้าไปในช่องที่เป็นหินแล้วกลับออกมาไม่ได้
โดย: Yossi
[2 ต.ค. 51 10:57] ( IP A:58.8.98.2 X: )
ความคิดเห็นที่ 10
ไม่ถูกครับ นอกจากปัญหาปลามุดแล้ว ยังไม่เกิดการกรองกายภาพที่สมบูรณ์ครับ
หินพัมมีส ที่ใส่ถุงตาข่าย แล้ววางทับๆกันแบบนี้ จะมีช่องว่างมากมายที่ทำให้ตะกอนไหลผ่านไปโดยไม่ได้ผ่านการดักจับครับ คงมีก็แต่หน้าที่ในการเป็นสับสเตรทให้แบคทีเรียเท่านั้น
ดังนั้น การใช้ใยกรองรับน้ำครั้งแรก จึงจำเป็นมากๆครับ ในการทำให้ระบบกรองสมบูรณ์
ผมว่าคุณ อ่านและศึกษาดูในเวปก่อนดีกว่าครับ และอย่าเชื่อคนงานไปซะทุกๆเรื่องครับ
โดย: เจ้าบ้าน
[2 ต.ค. 51 11:04] ( IP A:58.9.146.15 X: )
ความคิดเห็นที่ 11
สู้ๆ ละกันครับ คุณ Yossi บางทีเรื่องน้ำ เรื่องสัปสเตรท ต่างๆ แรกๆ ก็อาจจะมีงง หรือเข้าใจได้ยากครับ แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้เราต้องหมั่นศึกษา และทำความเข้าใจให้ได้ครับ อีกทั้งบางทีเราได้ข้อมูลที่ผิดๆ มา ก็ยิ่งทำให้เราเขวไปกันใหญ่ ตอนนี้ก็ลองปฏิบัติตามอย่างที่คุณต้นว่า แล้ว Update เรื่อยๆ ละกันครับ แล้วรอดูผลลัพธ์ที่ได้ แล้วเราก็เข้าใจได้มากขึ้นครับ
เอาใจช่วยให้บ่อสวย น้ำใสได้ไวไวนะครับ
โดย: NOp76
[2 ต.ค. 51 11:37] ( IP A:61.90.196.210 X: )
ความคิดเห็นที่ 12
ขอบคุณครับ ผมก็คิดว่ามันแปลกเหมือนกัน เพราะที่อ่านมาในเวบ
จะต้องมีใยกรองรับน้ำ ผมจะทำการเปลี่ยนโดยด่วน
ไม่ทราบว่า อย่างในรูปนี่ถูกต้องไหมครับ
แล้วพัมมิส ไม่ใส่ถุงตาข่าย แล้วควรใส่อะไรครับ
โดย: Yossi
[2 ต.ค. 51 18:19] ( IP A:58.8.101.249 X: )
ความคิดเห็นที่ 13
ถ้ามีใยกรองแล้ว จะใส่ถุงตาข่ายก็ได้ครับ ง่ายต่อการทำความสะอาด(นานๆที)
โดย: เจ้าบ้าน
[2 ต.ค. 51 22:22] ( IP A:58.9.146.15 X: )
คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน