ซีลาเเคนธ์ ฟอสซิลที่ครั้งหนึ่งเคยสูญพันธุ์ไปเเล้ว
   ปลาซีลาแคนธ์ Caelacanth, Gombessa, Rajah Laut
อนุกรมวิธาน
อันดับ Celacanthiformes
วงศ์ Latimeridae
ชื่อวิทยาศาสตร์ Latimaria chalumnae J.L.B. Smith L. menadoensis Pouyoud et al.

ชีววิทยาและการกระจายพันธุ์
เป็นปลาทะเลลึกและปลาโบราณที่มีวิวัฒนาการมาตั้งแต่ 240 ล้านปีก่อน และเพิ่งพบปลาที่มีชีวิตครั้งแรกเมื่อปี 2482 ได้จากอวนลากหน้าดินที่ชายฝั่งของประเทศโมแซมบิก ในมหาสมุทรอินเดีย กินปลาและหมึก อาศัยในบริเวณถ้ำใต้ทะเลที่ความลึกตั้งแต่ 150-700 เมตร โดยเฉพาะบริเวณที่ใกล้แนวภูเขาไฟใต้น้ำ ในตอนใต้และตะวันตกของหมู่เกาะแกรนด์ โคโมโรส อาฟริกา และเพิ่งพบอีกชนิดหนึ่งในปี 2541 จากนอกชายฝั่งเมืองมานาโด เกาะสุลาเวซี ประเทศอินโดนีเซีย คือ L. menadoensis (Pouyoud et al. 1999) ทั้งสองชนิดพบใหญ่สุด 1.8 เมตร ในตัวเมีย และตัวผู้ 1.5 เมตร หนักถึง 98 กิโลกรัม เจริญพันธุ์ที่อายุ 20 ปีขึ้นไป ตั้งท้องนาน 13 เดือน และออกลูกเป็นตัวขนาด 38 เซนติเมตร ประมาณ 5-25 ตัว (Helfman, Collette & Facey, 1997)
สถานภาพ
พบเฉพาะถิ่นในบริเวณที่เคยถูกคุกคามจากการจับทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจ จากการใช้เบ็ดราวเพื่อจับปลาทะเลลึกอื่น ๆ เช่น ฉลาม จัดอยู่ในสถานภาพใกล้สูญพันธุ์อย่างวิกฤต (Critically endangered) จากการประเมินประชากรพบว่ามีอยู่ระหว่าง 200-500 ตัว ส่วนชนิดของอินโดนีเซียยังไม่ทราบจำนวน มักถูกจับขึ้นมาและทิ้งบริเวณผิวน้ำซึ่งปลาไม่สามารถกลับลงไปในระดับเดิมได้และตายลง อยู่ในบัญชีรายชื่อ CITES Appendex l โดยยอมรับรวมทุกชนิดในสกุล Latimeria ตามมติการประชุม Conference of Parties ครั้งล่าสุดที่ Nairobi ปี 2000 และเป็นสัตว์สงวนของประเทศ สาธารณรัฐอิสลามโคโมโรส และอินโดนีเซีย
รูปแบบการใช้ประโยชน์ทางการค้า
ใช้เป็นตัวอย่างเพื่อการจัดแสดงและวิจัย (ตัวอย่างดอง) ในพิพิธภัณฑ์ อย่างน้อย 74 ตัว ถูกเก็บไว้ในสถาบันต่าง ๆ ทั่วโลก และเชื่อว่าของเหลวในแกนสันหลังของปลาทำยาอายุวัฒนะได้ จึงถูกสั่งซื้อโดยประเทศจีน ไต้หวัน ปลามีราคาสูงถึง 500-2,000 ดอลลาร์สหรัฐ ในตลาดจีน และ ไต้หวัน ส่วนการใช้ประโยชน์อื่นคือ การนำเกล็ดมาใช้เป็นเครื่องมือขัดโดยคนพื้นเมือง (Helfman, Collette & Facey, 1997)ลักษณะสำคัญที่ใช้ในการตรวจสอบปลาขนาดใหญ่ที่มีส่วนหัวโต ปากกว้าง มีฟันเขี้ยว ครีบหลังและครีบอก ครีบท้อง ครีบก้นเป็นใบพาย มีโคนครีบหนาคล้ายระยางค์ ครีบหางเป็นแผ่นกว้างแบ่งเป็น 3 ตอน เกล็ดใหญ่ ผิวหยาบ ตัวสีน้ำเงิน ลายประขาว ชนิด L. menadoensis มีสีน้ำตาลทอง และมีส่วนหัวสั้นกว่าชนิดที่คล้ายกันไม่มี

จากเว็บ : https://www.nicaonline.com/articles8/site/view_article.asp?idarticle=90

โดย: kung [9 ก.ย. 49 21:46] ( IP A:124.120.151.16 X: )
Add to Facebook  Add to Twitter  Add to Multiply  Add to Google  Add to Blogger  Add to Live
ความคิดเห็นที่ 1
   ดูกันหลายๆรูปครับ

โดย: kung [9 ก.ย. 49 21:50] ( IP A:124.120.151.16 X: )
ความคิดเห็นที่ 2
   

โดย: kung [9 ก.ย. 49 21:53] ( IP A:124.120.151.16 X: )
ความคิดเห็นที่ 3
   

โดย: kung [9 ก.ย. 49 21:53] ( IP A:124.120.151.16 X: )
ความคิดเห็นที่ 4
   

โดย: kung [9 ก.ย. 49 21:54] ( IP A:124.120.151.16 X: )
ความคิดเห็นที่ 5
   ดูกันเต็มๆครับ หาววว ง่วงเเละ ราตรีสวัสดิ์ครับ

โดย: kung [9 ก.ย. 49 21:57] ( IP A:124.120.151.16 X: )
ความคิดเห็นที่ 6
   ลงให้เพิ่มเติมครับ เคยโพสท์ลงพันทิพไปแล้วครั้งหนึ่งแล้วหายไปไหนไม่รู้ ไว้ผมค่อยอัพขึ้นเว็บของตัวเองอีกทีแล้วกันครับ https://www.geocities.com/ancplanet
------------
สวัสดีครับห่างหายกันไปนาน หวังว่ายังคงไม่ลืมกันนะครับ มาคราวนี้ผมขอนำเสนอปลาที่ได้ชื่อว่าเป็นฟอสซิลที่ยังมีชีวิตขนานแท้และดั้งเดิมเลยครับ ปลาที่ว่านั่นก็คือ ปลาซีลาแคนธ์ เชื่อว่าคนที่เลี้ยงปลาคงเคยได้ยินชื่อปลานี้มากันบ้างแล้วนะครับ เรามาเริ่มทำการรู้จักเจ้าปลาชนิดนี้ให้มากขึ้นกันดีกว่าครับ
ซีลาแคนธ์ (Coelacanth) ฟอสซิลที่ยังมีชีวิต
ปลาซีลาแคนธ์ ถือเป็นสิ่งที่พิเศษที่สุดของอาณาจักรสัตว์ในยุคปัจจุบันนี้ โดยเรื่องราวต่างๆของปลาซีลาแคนธ์ได้ถูกกล่าวขานกันเป็นอย่างมากในวงศ์การวิทยาศาสตร์ อีกทั้ง ยังจุดประกายให้นักวิทยาศาสตร์ ตื่นตัวกับการค้นพบปลาชนิดนี้
ปลาซีลาแคนธ์กล่าวได้ว่าเป็นฟอสซิลที่ยังมีชีวิต เนื่องจากรูปร่าง ลักษณะ มีความคล้ายคลึงกับปลาในยุคดึกดำบรรพ์ ซึ่งอยู่ในช่วงที่ไดโนเสาร์กำลังครองโลกอยู่ ปลาซีลาแคนธ์ เป็นปลาที่ช่วยเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไปของสายวัฒนาการของปลาในยุคปัจจุบัน ด้วยรูปแบบที่ยังคงคล้ายคลึงกับปลาดึกดำบรรพ์นั้นไว้อย่างไม่เปลี่ยนแปลง

โดย: อีกาฯ [10 ก.ย. 49] ( IP A:124.121.92.152 X: )
ความคิดเห็นที่ 7
   ปริศนาแห่งการวิวัฒนาการ
ปลาซีลาแคนธ์ เป็นปลาเพียงกลุ่มเดียว ที่ยังหลงเหลือมาจนถึงยุคปัจจุบัน ซึ่งครั้งหนึ่งพวกมันเคยมีอยู่อย่างมากกมาย และหลากหลายสายพันธุ์ ซึ่งทั้งหมดอยู่ในวงศ์ (Order) Sarcopterygian (Fleshy finned) มีมากกว่า 120 ชนิด (ซึ่งทราบได้จาก ฟอสซิลของปลาซีลาแคนธ์ที่ถูกขุดพบ) แต่พวกมันไม่ได้มีชีวิตรอดมาจนถึงปัจจุบันได้ทั้งหมด ซึ่งพวกเราเชื่อกันว่ามันสูญพันธุ์ไปตั้งแต่เมื่อ สิ้นยุค Cretaceous เมื่อ 65 ล้านปีก่อน
ปลาซีลาแคนธ์ จัดได้ว่าเป็นญาติกับ Eusthenopteron ซึ่งเป็นปลาในยุคเริ่มแรกที่มีขา และเริ่มที่จะวิวัฒนาการมาเป็นพวกสัตว์บก แต่ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์ได้เสนอแนวคิดใหม่ที่ว่า Icthyostega Panderirchthyes และ Acanthotega เป็นบรรพบุรุษของ Tetrapod (สัตว์ 4 เท้า เช่นพวก สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ, สัตว์เลื้อยคลาน, สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม รวมถึงมนุษย์ด้วย) แต่แนวคิดนี้ก็ยังมีข้อโต้แย้งอยู่ว่า ปลาซีลาแคนธ์ มีความใกล้ชิด และ เกี่ยวข้องกับปลา Rhipidistai มากกว่า Tetrapod สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ อีกทั้งยังมีปลาอีกชนิดหนึ่งที่เป็นปลาดึกดำบรรพ์ด้วยเช่นกันที่มีความเกี่ยวข้องกับ Tetrapod มากกว่าปลาซีลาแคนธ์ ซึ่งก็คือปลาปอด (Lung fish) ซึ่งยังหลงเหลือมาถึงปัจจุบันอยู่ 3 สกุล
ฟอสซิลปลาซีลาแคนธ์ดึกดำบรรพ์ สามารถพบได้ในทุกทวีปยกเว้นทวีป Antarctica ในช่วง 200 ล้านปีก่อน พวกนั้นมีกันมากกว่า 30 ชนิด ที่อาศัยอยู่ในช่วงเวลานั้น ถือว่าเป็นยุคทองของปลาซีลาแคนธ์เลยก็ว่าได้ มีอยู่ 3 ชนิดจากทั้งหมดที่อาศัยอยู่ในน้ำจืด โดยมีอยู่ 2 ชนิดที่ไม่นับรวมเป็นปลาซีลาแคนธ์โบราณเนื่องจากว่า ทั้ง 2 ชนิดนี้มีขนาดค่อนข้างเล็ก น้อยตัวที่จะมีขนาดใหญ่กว่า 55 ซม. ส่วนปลาซีลาแคนธ์ที่พบในยุคปัจจุบันยาวได้ร่วม 6 ฟุต (1.8 เมตร) และมีน้ำหนักถึง 150 ปอนด์ หรือมากกว่านั้น (ยักษ์ใหญ่แห่งโมแซมบิค ตัวอย่างที่จับได้ตัวนี้เป็นตัวเมียที่มีขนาดใหญ่มากมีขนาดถึง 1.8 เมตร และหนังถึง 95 กิโลกรัม) โดยทั่วไปแล้วปลาซีลาแคนธ์จะมีขนาดเล็กกว่านี้ โดยเฉพาะตัวผู้มีขนาดเฉลี่ยอยู่ที่ 1.65 เมตร
ปลาซีลาแคนธ์นั้นสามารถกินปลาได้แทบทุกชนิดที่อาศัยอยู่ในบริเวณพื้นทะเลไม่ว่าจะเป็น Lantern Fish , Stout beard fish, Cardinal Fish, Cuttle Fish, Deep water snapper, ปลาหมึกทุกชนิด, ปลาไหลใต้ทะเลลึก, Sniper eel, Swell shark และปลาทั่วๆไปที่พบได้ในบริเวณ แนวหินใต้ทะเลลึก ส่วนสีสันของปลาซีลาแคนธ์นั้นจะเป็นสีน้ำเงิน มีจุดสีขาวกระจายตามลำตัว และยังมีอีกชนิดที่รูปร่างคล้ายกันแต่ต่างกันตรงที่พื้นสีที่จะเป็นสีน้ำตาลแทนที่จะเป็นสีน้ำเงิน นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าความมีลักษณะเฉพาะตัวของซีลาแคนธ์ ทำให้มันมีชีวิตได้ยืนยาวกว่า 60 ปี

โดย: อีกาฯ [10 ก.ย. 49] ( IP A:124.121.92.152 X: )
ความคิดเห็นที่ 8
   เมื่อย้อนกลับไปเมื่อ 410 ล้านปีก่อนที่ ปลาซีลาแคนธ์ดึกดำบรรพ์ได้ถือกำเนิดขึ้น ซึ่งอยู่ในช่วงเริ่มต้นของยุค Devonian ปลาซีลาแคนธ์ยุคนั้นยังเป็นปลากระดูกอ่อน ซึ่งภายในกระดูกสันหลังประกอบด้วยท่อที่เป็นกระดูกอ่อนที่บรรจุของเหลวอยู่ภายใน ซึ่งสามารถโค้งงอได้ Hollow fin spine ซึ่งพบในฟอสซิลเป็นที่มาของชื่อ “ซีลาแคนธ์ (Coelacanth)” ซึ่งมีความหมายในภาษากรีกว่า Hollow spine ได้มีการเปลี่ยนรูปแบบโครงสร้างจาการที่ไม่มีขากรรไกร มาเป็น มีเหงือกหลักแบบบานพับ และมีกะโหลกที่แข็งแรง (ปลาในสมัยก่อนหน้านี้ กระดูกจะหุ้มส่วนหัวอยู่ภายนอก จนดูเหมือนใส่เกราะ เพื่อป้องกันส่วนหัวไม่ให้ได้รับอันตราย) ฟันถูกจัดวางบริเวณสันของขากรรไกรล่าง และฟันบนอยู่บริเวณเพดานปาก (ถือได้ว่าเป็นขากรรไกรแท้จริง) สมองมีขนาดเล็กอยู่ภายในกะโหลกแข็ง กระดูกพับบริเวณส่วนกลางช่วยขยายขนาดของปาก เพื่อใช้ในการกินอาหาร (ลักษณะเช่นนี้พบได้ในสัตว์จำพวกกบ) ตาได้ถูกพัฒนาให้ดีขึ้น โดยมีเซลล์สะท้อนแสงที่เรียกว่า tapila เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการมองในที่มืด, (Chamber heart pump blood)ห้องของหัวใจเป็นต้นแบบของมนุษย์ยุคปัจจุบัน บริเวณจมูกมีรอยเว้า 3 รอยแต่ละข้าง ซึ่งช่องนี้จะเรียกว่า Rostal Organ ภายในเต็มไปด้วยเจล อวัยวะส่วนนี้จะทำหน้าที่เป็นเครื่องรับกระแสไฟฟ้า (Electro receptor) เพื่อใช้ในการหาตำแหน่งของเหยื่อ, เส้นข้างลำตัวที่รับแรงสั่นสะเทือนจะพัฒนาไปเป็นส่วนรับสัมผัส (Ploximity) ในปลาชนิดอื่นๆ ซึ่งใช้ตรวจสอบสภาพแวดล้อมที่พวกมันอาศัยอยู่ จังไม่เป็นที่สงสัยเลยว่ามันจะมีประโยชน์แค่ไหนเมื่อพวกมันว่ายผ่านเข้าไปยังถ้ำใต้ทะเล
ปลาซีลาแคนธ์มีครีบหลัง 2 คู่ และยังมีครีบอีกอีก 1 ครีบบริเวณช่วงข้อต่อของส่วนหาง โดยครีบ 2 คู่แรกจะอยู่ตรงครีบอก และครีบตรงเชิงกราน ครีบเหล่านี้จะเป็นลักษณะพูเนื้อมีกระดูกเป็นแกนอยู่ภายในคล้ายกับ Eusthenopteron ซึ่งต่อมาจะพัฒนาไปเป็นแขนและขา ในพวกสัตว์บก อย่างไรก็ตามปลาซีลาแคนธ์ยังไม่สามารถใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนใหญ่จะใช้ในการเดินใต้พื้นทะเล. ครีบอกและครีบบริเวณเชิงกราน จะเป็นรูปแบบ pre-adaption (รูปแบบดั้งเดิมก่อนจะเปลี่ยนแปลงไปเป็นอวัยวะที่ใช้เคลื่อนไหวบนบก). การใช้ประโยชน์ครีบเหล่านี้ในน้ำนั้นนอกจากจะใช้เดินใต้พื้นทะเลแล้ว ยังใช้ในการคอยรักษาความนิ่ง ความสมดุล แต่ในญาติของปลาซีลาแคนธ์ Eusthenopteron จะทำหน้าที่เหมือนเป็นขาทั้ง 4 ข้างเพื่อใช้ในการเดิน
เกล็ดของปลาซีลาแคนธ์มีความหนาและเป็นเส้นโดยวางตัวในลักษณะฟันปลาเรียงกันแน่น, การแยกปลาซีลาแคนธ์ออกจากปลาชนิดอื่นทำได้ง่ายเนื่องจากว่า ลักษณะหางของปลาซีลาแคนธ์จะมีลักษณะเป็น 3 พู ซึ่งลักษณะหางแบบนี้ทำให้ช่วยในการวิเคราะห์ตัวอย่างที่มีชีวิตที่พบเป็นครั้งแรกเมื่อเทียบกับฟอสซิลทำได้ง่ายขึ้น

โดย: อีกาฯ [10 ก.ย. 49] ( IP A:124.121.92.152 X: )
ความคิดเห็นที่ 9
   ประชากรของปลาซีลาแคนธ์
การนับจำนวนที่แน่ชัดของปลาซีลาแคนธ์ ทำได้ค่อนข้างลำบาก เนื่องจากถ้ำที่ปลาซีลาแคนธ์อาศัยอยู่นั้นยาวไปตามแถบชายฝั่งตะวันตกของเกาะ Grand Comoro และ จากการสำรวจนั้นพบว่าประชากรของประชากรที่เกาะ Grand Comoro มีจำนวนไม่ถึง 100 ตัว อย่างไรยังมีข้อให้สงสัยกันอยู่ว่า จำนวนประชากรที่อยู่ในเกาะใกล้เคียงนั้นจะมีอยู่เท่าใด และเมื่อไม่นานมานี้ มีรายงานที่ยังไม่เป็นที่ยืนยันว่า พบปลาซีลาแคนธ์เพียงแค่ตัวเดียว
บันทึกการค้นพบปลาซีลาแคนธ์
2-3 วันก่อนคริสมาสต์ในปี 1938 ปลาซีลาแคนธ์ได้ถูกจับขึ้นมาได้จากปากแม่น้ำ Chalumna ทางชายฝั่งตะวันออกของแอฟริกาใต้ ปลาถูกจับได้ในตาข่ายดักฉลาม โดย กัปตันเฮนดริค กูเซ่น (Capt. Hendric Goosen) และลูกเรือ พวกเขาคิดว่าปลาที่จับได้นี้แปลกประหลาดมากเขาจึงแจ้งไปยังพิพิธพันธ์ท้องถิ่นในเมืองเล็กๆในแอฟริกาใต้ 22 ธันวาคม 1938 Courtney-Latimer ได้รับสายโทรศัพท์จาก กูเซ่น ที่ท่าเรือซึ่งได้ลากปลาแปลกประหลาดขนาดใหญ่ขึ้นมาใกล้กับปากแม่น้ำ Chalumna Courtney Latimar ไม่รู้ว่าเป็นปลาอะไร แต่เธอสังหรณ์ใจว่าควรเก็บมันไวที่โรงพยาบาลในห้องเก็บศพ เธอได้ส่งภาพสเก็ตและรายละเอียดไปให้ J.L.B Smith หลังจากนั้นเธอได้รับจดหมายจาก Smith ตอบกลับมาว่าภาพวาดของเธอนั้นเป็นปลาซีลาแคนธ์ที่สูญพันธุ์ไปแล้วเมื่อกว่า 80 ล้านปีก่อน Smith ได้แจ้งไปยัง Courtney ให้เก็บรักษาตัวอย่างปลานี้ไว้ แต่ว่าข้อความนั้นมาช้าไปทำให้อวัยวะภายในของปลาซีลาแคนธ์นั้นเริ่มเน่าเสีย และเมื่อ ปลาชนิดนี้ต่อมาได้ได้ชื่อว่า Latimeria chalumnae เพื่อเป็นเกียรติแก่ Courtney latimiar ผู้ซึ่งพบปลาชนิดนี้เป็นคนแรก และแหล่งน้ำที่พบมัน ปลาตัวนี้ได้ถูกยืนยันว่าเป็นฟอสซิลที่ยังมีชีวิต
Sulawesi Coelacanth
ในปี 1997 Arnaz Menta Erdmann และสามีของเธอ Mark ได้เดินเล่นบริเวณตลาดกลางแจ้งใน ManadoTua เมืองที่อยู่ปลายเกาะ Sulawesi ในอินโดนีเซีย พวกเขาจำได้ทันทีเลยว่าเป็นซีลาแคนธ์แน่นอน แต่มันกลับมีสีน้ำตาลแทนที่จะเป็นสีน้ำเงิน มาร์คไม่เชื่อสายตาว่านี่คือปลาซีลาแคนธ์ชนิดใหม่ จนกระทั่งเขาเห็นรูปของปลาซีลาแคนธ์บนเว็บไซท์ จากการตรวจ DNA เผยให้ห็นว่าชนิดนี้ที่เรียกกันว่า Raja laut (ราชาแห่งท้องทะเล) โดยชาวอินโดนีเซีย ไม่ได้เกี่ยวพันกับปลาซีลาแคนธ์ที่พบในที่ Comoro เลย
เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 1998 ปลาซีลาแคนธ์ได้ถูกจับขึ้นอีกครั้งหนึ่งในตาข่ายดักฉลามบริเวณทะเลลึก โดยชาวประมงท้องถิ่นห่างจากเกาะภูเขาไฟของ Manado Tua ทางเหนือของ สุลาเวสี อินโดนีเซีย ซึ่งที่ที่พบนี้อยู่ทางตะวันออกของ มหาสมุทรอินเดียตะวันตกไปประมาณ 10,000 กม.
ชาวประมงนำปลาที่จับได้นี้ไปให้ Arnaz Menta Erdmann และสามีของเธอ Mark อีกครั้ง ผู้ซึ่งเคยเห็นตัวอย่างปลาชนิดนี้มาแล้วในตลาดกลางแจ้งเมื่อกันยายน ปีก่อนหน้านี้ เมื่อพวกเขาได้ปลาซีลาแคนธ์จากสุลาเวซี เมื่อนำมาเทียบกับหลักฐานที่มีก็พบว่า ปลาซีลาแคนธ์แห่งเกาะสุลาเวสีนี้แตกต่างกับปลาซีลาแคนธ์ที่พบที่เกาะ Comoros ซึ่งจุดแตกต่างที่เห็นได้ชัดก็คือสี ปลาซีลาแคนธ์ที่ Comoros นั้นจะมีสีน้ำเงิน ส่วนซีลาแคนธ์ที่เกาะสุลาเวสี นี้มีสีน้ำตาล และในปี 1999 ปลาซีลาแคนธ์แห่งสุลาเวสี ถูกบรรยายว่าเป็นปลาซีลาแคนธ์ชนิดใหม่ โดยมีชื่อว่า Latimeria menadoensis จากการพบซีลาแคนธ์ชนิดใหม่นี้ ได้จุดประกายความเป็นไปได้ว่า ปลาซีลาแคนธ์อาจจะมีการแพร่กระจายที่กว้าง และมีจำนวนมากกว่าที่ได้เคยสันนิษฐานกันไว้เมื่อก่อน

ข้อมูล
ปลาซีลาแคนธ์ อยู่ในวงศ์ Coelacanthiformes – coelacanths มี 1 สกุล คือ Latimeriidae - (Gombessa) ซึ่งพบอยู่ด้วยกัน 2 ชนิดคือ
Latimeria chalumnae
Latimeria menadoensis
ซึ่งทั้ง 2 ชนิดนี้ถูกจัดอยู่ในสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่งยวด แต่อย่างไรก็ตามได้ ทั้ง 2 ชนิดนี้ ถูกบรรจุอยู่ในบัญชี CITES แล้ว หวังเป็นอย่างยิ่งว่าปลาซีลาแคนธ์คงจะดำเนินชีวิตอยู่ในท้องทะเลไปอีกนานแสนนานโดยไม่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์

โดย: อีกาฯ [10 ก.ย. 49] ( IP A:124.121.92.152 X: )
ความคิดเห็นที่ 10
    ...สุดยอดดดดดดดดดดดดดด...
โดย: Kryro [10 ก.ย. 49 14:15] ( IP A:124.157.208.223 X: )
ความคิดเห็นที่ 11
   สมชื่อฟอสซิลที่มีชีวิตครับ งดงาม น่ากลัว ดุดัน มีเสน่ห์

ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ
โดย: ป_ปลาระเบิด(เกล็ดกระจาย) [11 ก.ย. 49 13:14] ( IP A:124.121.184.19 X: )
ความคิดเห็นที่ 12
   ........สุดยอด
โดย: 321 [13 พ.ย. 49 14:21] ( IP A:125.24.248.221 X: )
ความคิดเห็นที่ 13
   ใช่เเล้ว
โดย: ฟ่อน [31 ส.ค. 51 16:42] ( IP A:222.123.169.91 X: )
ความคิดเห็นที่ 14
   รูปที่อยู่ในตู้น่าจะเป็นวูล์ฟฟิช


นะ
โดย: foxman [4 เม.ย. 54 20:59] ( IP A:110.168.73.20 X: )

คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน