อีกบทบาทหนึ่งของเชพเพิร์ด
   คงมีน้อยคนที่เคยเห็น gsd ในบทบาทผู้ช่วยนำทางคนตาบอด ส่วนใหญ่จะเห็นเป็นพันธุ์ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์

วันนี้นำภาพมาฝากค่ะ

โดย: เพ็ทแก๊งค์ [24 พ.ย. 49 11:34] ( IP A:124.120.2.187 X: )
Add to Facebook  Add to Twitter  Add to Multiply  Add to Google  Add to Blogger  Add to Live
ความคิดเห็นที่ 1
   เคยได้ยินมาว่า สุนัขนำทาง (Guide Dog) ตัวแรกเป็น GSD ค่ะ
โดย: นก [24 พ.ย. 49 11:51] ( IP A:58.8.35.110 X: )
ความคิดเห็นที่ 2
   gsd ตัวนี้ ตัวเล็กไป หรือว่า คนตัวโตไปก็ไม่ทราบนะคะ

แต่หน้าตาเค้ามุ่งมั่น และตั้งใจปฏิบัติหน้าที่มาก ๆ เลย ไม่มีวอกแวก
โดย: เพ็ทแก๊งค์ [24 พ.ย. 49 11:54] ( IP A:124.120.2.187 X: )
ความคิดเห็นที่ 3
   https://www.dogbreedz.com/dog_articles/dog-article.cfm/dogarticle/seeing-eye-dogs.htm

ข้างบน เป็นลิ้งค์ประวัติย่อของ หมานำทาง (seeing eye dog)

รูปล่างเป็นอนุสาวรีย์หมานำทางตัวแรกในโลก เป็นพันธุ์เยอรมันเชพเพอด เพศเมีย ชื่อ Buddy เดินทางมาอเมริกาจากเยอรมัน เพื่อฝึกทำงานเป็นสุนัขนำทางให้ชาวอเมริกันตาบอดชื่อ Morris Frank

โดย: เจ้าบ้าน [24 พ.ย. 49 22:43] ( IP A:125.24.143.121 X: )
ความคิดเห็นที่ 4
   รูป Buddy หมานำทางคนตาบอดตัวแรก และเจ้าของ Morris Frank

โดย: เจ้าบ้าน [24 พ.ย. 49 23:01] ( IP A:125.24.143.121 X: )
ความคิดเห็นที่ 5
   เห็นแล้วปลื้มจัง ไม่รู้เรารู้สึกไปเองหรือป่าวว่าเดี๋ยวนี้บ้านเราไม่นิยมเลี้ยง GSD กันเล้ย....
โดย: livvy [24 พ.ย. 49 23:27] ( IP A:58.136.216.25 X: )
ความคิดเห็นที่ 6
   ไม่ได้คิดไปเองหรอกค่ะ มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ

เชพเพอดมักจะมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งว่า... หมาตำรวจ .....ภาพจะออกมาเป็นหมาดุ ก้าวร้าว เอาไว้ไล่กัดคนร้าย ยิ่งตอนที่มีเหตุการณ์ ที่เอาหมาเชพเพอดไปปราบม้อบ แล้วปล่อยให้ไปกัดคนเข้า เลยยิ่งเน้นภาพเป็นหมานิสัยไม่ดีไปเลย ในสายตาคนทั่วไป ทั้งๆที่ ความจริงแล้ว เยอรมันเชพเพอด เป็นหมาที่สามารถทำงานทุกประเภทในโลกที่ใช้หมาทำได้ และเชพเพอดจะสามารถทำงานที่ได้รับการฝึกมา ได้เป็นอย่างดีด้วย

นอกจากนั้น การบรีด เพื่อหวังเอาลูกหมาขาย หรือ คนที่เลี้ยงไว้ที่บ้าน ก็หวังอยากได้ลูกหมาไว้เลี้ยงต่อ หรือแจกเพื่อน ไม่ได้ศึกษา หลักการเพาะพันธุ์ให้ดี ไม่ได้นึกถึงเรื่องโรค หรือ ลักษณะด้อย ทั้งทางร่างกายและจิตประสาท ที่สามารถถ่ายทอดได้ทางพันธุกรรม ......

แค่มีหมาตัวผู้ กับหมาตัวเมีย ก็เอามาผสมกัน ลูกที่ออกมา จึงมีปัญหาต่างๆตามมามากมาย คนทั่วไปเมื่อพูดถึงหมาพันธุ์นี้ คำแรกมักจะนึกถึงว่า.....มันขี้โรคนี่ เลี้ยงยาก ขาอ่อน ก้าวร้าว ขี้ขลาด ฯลฯ....ฯลฯ แถมยังตัวใหญ่ กินจุ ก็เลยไม่เป็นที่นิยม และขยายวงผู้เลี้ยงเยอรมันเชพเพอดให้กว้างขวางออกไป

สรุปสั้นๆได้ว่า ..... องค์กรที่เกี่ยวข้องในการพัฒนาสายพันธุ์หมาพันธุ์นี้ ขาดการประชาสัมพันธ์ ในแง่การให้ความรู้เชิงลึก เกี่ยวกับหมาพันธุ์เยอรมันเชพเพอด ให้แก่ กลุ่มคนรักหมาทั่วๆไป , ผู้ที่สนใจอยากเลี้ยง หรือแม้แต่ผู้ที่กำลังเลี้ยงอยู่แล้ว .......

โดย: ป้าวิ [25 พ.ย. 49 9:43] ( IP A:125.24.154.138 X: )
ความคิดเห็นที่ 7
   ขอบคุณ คุณเพ็ทแก๊งค์ค่ะ ที่มาจุดประกายความทรงจำ ให้นึกขึ้นได้ว่า เชพเพอดของเรานั้น สามารถทำอะไรได้อีกบ้าง นอกจากวิ่งรอบสนามประกวด....ซึ่งดูเหมือนว่า จะเป็นกิจกรรมหลักเพียงอย่างเดียว ที่ยังคงเป็นที่นิยมกัน ในกลุ่มคนรักเชพเพอดบ้านเรา

รูปหมานำทาง ชุดแรกที่ฝึกออกทำงานในอังกฤษ ก็เป็นพันธุ์เยอรมันเชพเพอดเหมือนกัน ....

หมาพันธุ์เยอรมันเชพเพอด ที่คุณปู่ แมกซ์ ฟอน สเตฟานิทซ์ แกพากเพียรพยายามบรีดออกมา จนได้เป็น หมาในอุดมคติ พันธุ์นี้ พูดได้เต็มปากว่า เป็นหมาพันธุ์ที่ ได้พิสูจน์ให้คนเห็นว่า หมา นั้น สามารถทำประโยชน์ ช่วยคนทำงานทำอะไรได้บ้าง

โดย: ป้าวิ [25 พ.ย. 49 10:11] ( IP A:125.24.154.138 X: )
ความคิดเห็นที่ 8
   กระทู้น่ารัก และ มีประโยชน์ มากครับ

ผมชอบจัง...^^ ขอบคุณครับ
โดย: ทาเกชิ (Takeshi ) [30 พ.ย. 49] ( IP A:221.128.110.78 X: )
ความคิดเห็นที่ 9
   ผมขออนุญาตเสริมป้าวิ นะครับ

อีกเหตุผลหนึ่งก็คือ ...องค์กรหลัก ๆ ในเมืองไทยที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาสุนัขพันธุ์นี้ มีมุมมองในเชิงการสร้างความนิยมสุนัขโดยเน้นไปในทางวัตถุประสงค์ทางกลุ่มสังคมของมนุษย์ มากกว่า การสร้างค่านิยมในการสร้างศักยภาพในตัวสุนัขให้เป็นที่ประจักษ์ และยอมรับในวงกว้าง

กรณีคนตาบอดนั้น....ประเทศไทยมีคนตาบอดนับหลายหมื่นคน...ข่าวเมื่อวานนี้ คนตาบอดถูกรถกระบะเฉี่ยวชน แม้ไม่ตาย แต่มันน่าอนาจใจ

มีคนตาบอดในไทยที่ได้ซึมซับความรู้สึกของคำว่า seeing eye ที่จำได้คงเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยท่านหนึ่ง แต่นั่นก็จำเป็นต้องนำเข้าจากต่างประเทศ เป็นสุนัขให้ยืมตามโครงการ และเมื่อเสร็จภาระกิจ ซึ่งหมายถึงสุนัขอายุมาก ก็ต้องส่งคืนและรับตัวใหม่มาแทน ซึ่งหากเป็นคนตาบอดทั่วไป คงไม่มีวันได้คนนำทางแบบอาจารย์ท่านนั้น

น่าเสียดายที่ เรื่องพวกนี้ เมืองไทยให้ความสำคัญกับคนพิการโดยเฉพาะทางตา น้อยเกินไป

ถ้ารัฐฯ ได้มองเห็นคุณค่าของคนตาบอดที่มีอยู่หลายหมื่นคน และพยายามศึกษาเรื่องนี้ ผมว่าคงดีไม่น้อย

โดย: นายวอ (naiwor ) [1 ธ.ค. 49] ( IP A:203.150.84.171 X: )

คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน