รายงานตัว ลูกJinny ค่า
   ได้มารายงานตัวสักทีค่า น้องจินนี่ของเรา คลอดแล้วนะคะ แต่เป็นที่น่าเสียดายมากๆๆที่ มีลูกแค่ 3 ตัวเองคะ แล้วก็ เสียชีวิตไป 1 ทันทีหลังคลอดคะ ไม่ทราบเพราะเหตุใด แต่คลอดมาก็ไม่ขยับแล้วคะ เป็นตัวสุดท้ายด้วยคะ ตอนนี้เลยเหลือ เป้นตัวผู้หมดเลยคะ 2 ตัว มาดูกันเลยค่า

โดย: เจีย พี่จินนี่ (jiamed12 ) [25 พ.ค. 50] ( IP A:203.121.174.134 X: )
Add to Facebook  Add to Twitter  Add to Multiply  Add to Google  Add to Blogger  Add to Live
ความคิดเห็นที่ 1
   อันนี้เป้นรูป วันแรกนะคะ คลอดวันที่ 11 เดือน 5 นี้ละคะ

โดย: jiamed12 [25 พ.ค. 50] ( IP A:203.121.174.134 X: )
ความคิดเห็นที่ 2
   

โดย: jiamed12 [25 พ.ค. 50] ( IP A:203.121.174.134 X: )
ความคิดเห็นที่ 3
   อันนี้วันที่ 2 คะ

โดย: jiamed12 [25 พ.ค. 50] ( IP A:203.121.174.134 X: )
ความคิดเห็นที่ 4
   รูปรถ เปอร์โย คะ อิอิ

โดย: jiamed12 [25 พ.ค. 50] ( IP A:203.121.174.134 X: )
ความคิดเห็นที่ 5
   รูปนี้ตอนอายุได้ 5 วันคะ

โดย: jiamed12 [25 พ.ค. 50] ( IP A:203.121.174.134 X: )
ความคิดเห็นที่ 6
   

โดย: jiamed12 [25 พ.ค. 50] ( IP A:203.121.174.134 X: )
ความคิดเห็นที่ 7
   

โดย: jiamed12 [25 พ.ค. 50] ( IP A:203.121.174.134 X: )
ความคิดเห็นที่ 8
   ตอน 5 วันจ้า ยังไม่ลืมตาเลย ตัวนนีเป้นตัวพ่คะ กินเก่งที่สุดเลย

โดย: jiamed12 [25 พ.ค. 50] ( IP A:203.121.174.134 X: )
ความคิดเห็นที่ 9
   นี้ รูปตอนได้ 12 วันคะ ตัวพี่เริ่มลืมตาแล้วคะ

โดย: jiamed12 [25 พ.ค. 50] ( IP A:203.121.174.134 X: )
ความคิดเห็นที่ 10
   

โดย: jiamed12 [25 พ.ค. 50] ( IP A:203.121.174.134 X: )
ความคิดเห็นที่ 11
   

โดย: jiamed12 [25 พ.ค. 50] ( IP A:203.121.174.134 X: )
ความคิดเห็นที่ 12
   

โดย: jiamed12 [25 พ.ค. 50] ( IP A:203.121.174.134 X: )
ความคิดเห็นที่ 13
   น่ารักที่สุดเลย ตัวอ้วนๆๆ พอกินนมอื่ม เราจะจับเค้าให้อยู่ท่าไหน เค้าก็ไม่ว่าอาไร อิอิ

โดย: jiamed12 [25 พ.ค. 50] ( IP A:203.121.174.134 X: )
ความคิดเห็นที่ 14
   อิ่มแล้วก็นอน ฮับ

โดย: jiamed12 [25 พ.ค. 50] ( IP A:203.121.174.134 X: )
ความคิดเห็นที่ 15
   ยินดีด้วยค่ะ มีลูกน้อยตัวก็ดีแล้วค่ะ ไม่เหนื่อยมากทั้งแม่หมาและเจ้าของ หวังว่าคงสุขภาพแข็งแรงดีทั้งแม่ทั้งลูก พยายามให้ลูกหมาอยู่กับแม่มากๆค่ะ
โดย: ป้าวิ [25 พ.ค. 50 12:12] ( IP A:125.26.20.138 X: )
ความคิดเห็นที่ 16
   ผมว่าแบบนี้อันตรายนะครับ ลูกหมาช่วงอายุนี้ควรจะอยู่กับแม่มันมาก ๆ ลูกสุนัขอายุน้อยแบบนี้ภูมิคุ้มกันไม่มากพอที่จะเอาไปในบางที่ที่อาจมีเชื้อ (โรค) ผมอยากจะเล่าให้ฟังว่าหลายปีก่อน( 10 ปีได้มั๊ง)แม่สุนัขที่บ้านออกลูก มีภรรยาของเจ้านายพี่สาวมาดูถูกใจ ขออุ้ม แล้วก็มาขออุ้มบ่อย ๆ ทุกวันได้ ทั้งที่ไม่ได้ให้ออกจากบริเวณกรงเลยนะครับ ปรากฎว่าเป็นลำใส้อักเสบ ทั้งที่ก่อนผสมผมทำวัคซินแม่สุนัขแล้ว ผมว่าน่าจะเป็นตัวอย่างได้นะ ให้ลูกสุนัขแข็งแกร่งกว่านี้หน่อยเถอะครับ
โดย: ทิพชัย [25 พ.ค. 50 12:33] ( IP A:61.19.220.13 X: )
ความคิดเห็นที่ 17
   ของที่บ้านก็ระวังเรื่องนี้มากค่ะ
ภายใน 1 เดือนแรก จะไม่ให้คนอื่นที่ไม่ได้อยู่ในบ้านจับทั้งแม่และลูกหมาเลยค่ะ กลัวมากเรื่องนี้
แต่พอหลังจากนั้นก็โอเคแล้วค่ะ
โดย: เต้าเจี้ยว [25 พ.ค. 50 15:57] ( IP A:124.121.173.138 X: )
ความคิดเห็นที่ 18
   
ดูๆแล้วผมว่าน้อง jiamed12 น่าจะเรียนหรือทำงานที่เกี่ยวข้องการแพทย์อยู่นะ ดูจากชุดที่คุณ jiamed12 สวมใส่อยู่

พี่ทิพชัย และคุณเต้าเจี้ยว เห็นแล้วอดเป็นห่วงไม่ได้ กันไว้ดีกว่ามาแก้ครับ เอาเป็นว่าคุณ jiamed12 ก็ระวังบุคคลภายนอกมาสัมผัสลูกสุนัขก็แล้วกันครับ ( เดี๋ยวมันจะหาย 5555 ...ล้อเล่น )

อย่าห่วงไปเลยครับ ผมเชื่อว่าน้อง jiamed12 เขาดูแลเจ้าตัวเล็กทั้งสองอย่างดีเยี่ยมอย่างแน่นอน ภาพมันฟ้องครับ ดูเขามีความสุขมากๆ เห็นแล้วมันเขี้ยวไปด้วย 5555

ถ้ารู้ว่าที่บ้านผมเลี้ยงแบบไหนแล้วจะหนาวครับ ...ออนทัวร์โตในรถ ...เกือบทุกคอกยังไม่ลืมตาก็ลงน้ำแล้ว 5555 พูดจริงๆนะนี่ ... เคล็ดลับครับ ( ห้ามทำตามถ้ายังไม่รู้เหตุผลในการทำ )
โดย: somchai [25 พ.ค. 50 21:36] ( IP A:202.139.223.18 X: )
ความคิดเห็นที่ 19
   การให้ลูกหมาอยู่กับแม่มากๆนั้น ไม่ใช่เหตุผลเรื่องการติดเชื้ออย่างเดียวค่ะ แต่เกี่ยวกับ การเรียนรู้ในการดำรงชีวิตแบบหมาๆตามธรรมชาติจากแม่หมาด้วย ซึ่งสำคัญมากสำหรับลูกหมาตั้งแต่แรกเกิดไปจนถึงช่วงหย่านม ถ้าคนไปยุ่งกะลูกหมามากเกินไป ลูกหมาอาจจะเสียโอกาสที่จะได้เรียนรู้สิ่งดีๆแบบหมาๆจากแม่ และไปเรียนรู้ลักษณะนิสัยแบบคน ซึ่งอาจจะมีผลต่อบุคคลิกการแสดงออกที่คาดเดายากขึ้น เพราะจะไม่อยู่บนพื้นฐานตามธรรมชาติของหมาทั่วไป
โดย: ป้าวิ [25 พ.ค. 50 22:36] ( IP A:125.26.20.138 X: )
ความคิดเห็นที่ 20
   
กราบขออภัยอย่างสูงครับ คุณพี่วิภาดา ในความเห็นที่ผมให้ไปในกรณีที่ไม่น่าเป็นห่วง ผมค่อนข้างมีความเชื่อมั่นเป็นการส่วนตัวครับ เนื่องจากในชีวิตของผมเคยทำการเพาะเลี้ยงสุนัขมาไม่น้อยกว่า 60 ครอกขึ้นไปก็ว่าได้ตั้งแต่ปี 2530 จนถึงปัจจุบัน ( เป็นสุนัขเยอรมันเช็พเพอดน้อยมากครับ )

ผมเคยทดลองเก็บจนถึงรุ่นหลาน เหลน เพื่อเฝ้าติดตามดูพฤติกรรมสิ่งที่ผมสงสัย ไม่ว่าในกรณี เช่น

1. ถ้าแม่ไม่เลี้ยงเอง เราเอามาเลี้ยงเองตั้งแต่คลอด ในรุ่นลูก ลูกให้หลานเราก็เอามาเลี้ยงเองอีก พอในรุ่นเหลนสามารถเลี้ยงลูกเองได้รึไม่ ( จำเป็นครับเนื่องจากในช่วงนั้นผมสั่งและเลี้ยงสุนัขพันธุ์บ็อกเซอร์ ซึ่งมีปัญหาน้ำนมเป็นพิษ ส่วนใหญ่เราไม่กล้าที่จะให้แม่สุนัขเลี้ยงเองครับ บางเดือนผมมีลูกสุนัขเกิดไม่ต่ำกว่า 8 คอกครับ ล้มหายตายจากมากมาย)

ตอบครับ ในความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ เลี้ยงเองได้ พฤติกรรมกฎของธรรมชาติ เกินกว่าที่เราจะกำหนดและสรุปที่จะเขียนเป็นทฤษฎี เพียงแต่วางกรอบและทิศทางที่น่าจะเป็นไปได้ ก้แค่นั้น เป็นการประเมิณเสียมากกว่าครับ
สุนัขหลายตัวแม่เลี้ยงตั้งแต่เกิด พอในรุ่นลูกโตมีลูกบ้าง บางตัวยังทึ้งลูกเลยครับ ผมเจอมาก็หลายชุดแล้วครับ แต่เรานี่แหละจะเข้าไปจัดการ สอนพยายามให้มันยอมรับในลูกของมัน จนมันยอมรับ และเลี้ยงลูกได้ในที่สุด

(ไม่เช่นนั้นเราคงซึมซับแล้วครับ ว่าคุณแม่ที่เคารพรักของเราถ่ายทอดการเเลี้ยงดูเราเช่นไรในช่วง3 -10 เดือน เพื่อที่เราจะถ่ายทอดไปอีกครั้ง )

ผมเชื่อว่าพฤติกรรมการถ่ายทอดจากแม่ไปยังรุ่นลูกของสัตว์คือพฤติกรรมความอยู่รอดครับ การจะรับได้ก็ต่อเมื่อถึงวัยอันสมควรครับ คือมีสติคิดเองได้บ้างแล้วครับ พร้อมที่จะเรียนรู้

ในกรณีนี้ผมใคร่ขอชี้แจง อาจจะเป็นความเห็นที่ผิดนะครับ เพราะไม่มีวิชาการใดมานำเสนอให้ท่านเข้าใจ
เรานำสุนัขมาเลี้ยงกับเราและสอนสั่งในสิ่งที่เราคิดว่าถูกหรือในสิ่งที่เราต้องการมานานแล้ว พฤติกรรมและความเป็นอยู่ตลอดจนอาหารการกินของสุนัขนั้น เราเป็นคนเปลียนแปลงมาช้านานแล้วครับ ที่สำคัญเราเพาะพันธุ์คุณลักษณะและ โครงสร้างของสุนัขที่เราต้องการด้วย ( สุนัขหลายสายพันธุ์จึงถูกเพาะพันธุ์ไปตามความประสงค์ของมนุษย์) ตลอดจนฝึกฝนอุปลักษณะนิสัยที่เราต้องการ เพื่อหวังไปถ่ายทอดยังลูกหลานในอนาคตด้วย เราเป็นคนจัดการให้กับมันทั้งสิ้น ผมเชื่อว่าคุณลักษณะภายนอก เราอาจคัดและปรับปรุงแก้ไขได้ แต่คุณลักษณะนิสัยเกินกว่ามนุษย์จะกำหนดได้ครับ เราเพียงสอนสั่งและคัดตามที่เราต้องการ บางตัวจึงไม่สามารถทำตามหลักสูตรจนครบได้ ทั้งที่พ่อและแม่รวมถึงพี่น้องสามารถทำได้
ถ้ามันสามารถถ่ายทอดได้จริง ตามที่เรากำหนด ป่านนี้เรามีสุนัขที่สุดยอดมาประจำทุกบ้านแล้วครับ

ผมเคยให้ความเห็นกับเพื่อนๆใน Breed อื่นๆ เสมอว่า ยิ่ง Breeding ( เพาะพันธุ์ ) มากเท่าไหร่ Breeder (ผู้เพาะพันธุ์ ) ยิ่งโง่ครับ เพราะคุณคิดว่าคุณคำนวณและประเมิณได้ แล้วคุณจะรู้ว่า ธรรมชาติเหนือกฏเกณฑ์ครับ คุณกำหนดไม่ได้จริงๆ

ถ้ามีโอกาสวันหลังผมจะมาเล่าว่าผมเคยลองมามากมายกับสารพัดตำราที่ต่างประเทศเขียนไว้ในการเพาะพันธุ์ รวมถึงติดตามการผสมเทียมที่เกิดจากน้ำเชื้อแช่แข็งว่าสุนัขที่เกิดมาเป็นเช่นไร ในโอกาสต่อไป ผมขอยกตัวอย่างสักเล็กน้อยนะครับ

ในสุนัขพันธุ์เยอรมันเช็พเพอด ที่ผมเคยมั่นใจว่าพ่อ Marco vom Johanniter - Kloster ที่ผมนำ Anka ไปผสมกับคุณพี่วิภาดา ให้ลูกชุดแรกประทับใจสุดๆ ผมชอบมากๆในสมัยนั้น ผมจึงนำแม่ Anka ไป รีพรีด ( ผสมซ้ำ ) รวมทั้งหมดถึง 3 ครั้ง เพราะอยากดูว่าลูกสุนัขที่เกิดขึ้นมาในแต่ละครั้งจะประทับใจและมีคุณลักษณะใกล้เคียงเดิมหรือไม่

คำตอบคือ สิ่งที่คิดว่าเป็นยีนเด่นน่าจะออกก็ไม่ออก แต่ยีนด้อยกับออกทุกครั้ง 5555 เพราะเรายังสับสนอยู่ว่าอะไรคือยีนเด่นและยีนด้อยในตัวมัน 5555 ธรรมชาติเป็นผู้กำหนด มิใช่เรากำหนด เพียงแต่พอคาดเดาได้เล็กๆน้อยๆ 5555

ผมอยากจะบอกผมเคยบ้านับและคำนวณการจับคู่ของโครโมรโซมของสุนัข ในสุนัขจะมี 78 โครโมโซม ในของมนุษย์มี 46 โครโมโซมเรียกว่า 39 คู่ แต่ละคู่ได้มาจากพ่อพันธุ์ และอีก 1 จากแม่พันธุ์ แต่ละคู่ของโครโมโซมที่คู่กันนี้ ประกอบด้วยยีน ทั้งยีนเด่นและยีนด้อย สารพัดคำนวณและเขียน เอ็กซ์ๆ วายๆ ประเมิณสิ่งที่เกิดมา หลายครั้งที่ผมคิด กับไม่ใช่เลย
ทำให้ผมจึงเคยเขียนให้คำตอบกับเพื่อนๆเสมอว่า ถ้ามันเพาะพันธุ์ง่ายขนาดนั้น ป่านนี้เราทุกคนมีสุนัขสวยไม่ต้องปรับปรุงแก้ไขจนถึงทุกวันนี้หรอกครับ นี่พูดถึงแค่ทางกายวิภาค ( Phenotype ) แค่นั้นะนี่ ยังไม่พูดถึง องค์ประกอบทางพันธุ์กรรม ( Genotype ) และอุปนิสัยที่บางส่วนคิดว่าสามารถถ่ายทอดได้ด้วย 5555

กราบขออภัยมา ณ. ที่นี้ครับ ถ้าข้อความใดของผมทำให้เพื่อนๆและผู้ที่มีความรู้และมีประสบการณ์ในมุมมองอื่นๆที่แตกต่างๆ ขุ่นข้องหมองใจ จากข้อความที่ผมได้กล่าวไว้ ก็ขออย่าได้ถือสาผมเลยนะครับ

อย่างที่ผมชอบบอกและครับ มุมมองความเห็นส่วนตัว อาจจะผิดหรือไม่ถูกต้องเลยก็ได้ครับ เป้นการนำเสนออีกมุมมองครับ

ขอจบเท่านี้ครับ ....
โดย: somchai [26 พ.ค. 50 21:45] ( IP A:202.139.223.18 X: )
ความคิดเห็นที่ 21
   สวัสดีค่ะ คุณ somchai.....

อ่านที่คุณโพส ในคคห.20 แล้วไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ค่ะว่ามันเกี่ยวกับเรื่อง การให้ลูกหมาอยู่กับแม่มากๆหน่อย ยังไง เป็นคนคิดอะไรชั้นเดียวและไม่ค่อยรู้ทฤษฏี มักคิดเอาเองตามที่เห็นว่ามันน่าจะเป็น.......เท่านั้นเอง ใครไม่เชื่อก็ไม่ว่ากันค่ะ

อย่างที่บอกไปในคคห.19 นั้น ก็เพียงแต่พูดถึงสภาวะปกติตามธรรมชาติทั่วไปของสัตว์ ไม่ได้คิดอะไรซับซ้อนมากมาย ในความคิดเห็นส่วนตัว เห็นว่าควรให้ลูกหมาได้อยู่ใกล้ชิดแม่ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ น่าจะดีที่สุดค่ะ

กรณีที่แม่หมาไม่เลี้ยงลูก หรือมีเหตุสุดวิสัยอื่นๆ เราก็จำเป็นช่วยเหลือไปตามสภาพอยู่แล้ว ส่วน แม่หมาที่ขาดคุณสมบัติของแม่พันธุ์ที่ดี คือไม่เลี้ยงลูก หรือทำร้ายลูกโดยไม่มีเหตุผล ในความคิดเห็นส่วนตัว เห็นว่า ไม่สมควรใช้ทำพันธุ์ต่อไป ด้วยซ้ำ

โดย: ป้าวิ [26 พ.ค. 50 23:01] ( IP A:125.26.20.77 X: )
ความคิดเห็นที่ 22
   
ครับ ที่พี่วิภาดาให้ลูกสุนัขอยู่กับแม่สุนัขให้มากๆ เป็นสิ่งที่ดีที่สุดในทุกๆมุมอง และจำเป็นอย่างยิ่งครับ เห็นด้วยครับ
คือผมเพี้ยนไปเยอะหน่อยครับ พาหลงทิศหลงทาง กราบขอโทษด้วยครับ
ผมเพียงแต่คิดบ้าๆบอๆและเข้าใจและเชื่อกับสิ่งที่ตนเองคิด

ผมเชื่อว่าพฤติกรรมการถ่ายทอดจากแม่ไปยังรุ่นลูกของสัตว์คือพฤติกรรมความอยู่รอดครับ การจะรับได้ก็ต่อเมื่อถึงวัยอันสมควรครับ พร้อมที่จะเรียนรู้ ได้บ้างแล้วครับ

ในกรณีแม่หมาที่ขาดคุณสมบัติของแม่พันธุ์ที่ดี คือไม่เลี้ยงลูก หรือทำร้ายลูกโดยไม่มีเหตุผล ในความคิดเห็นส่วนตัว เห็นว่า ไม่สมควรใช้ทำพันธุ์ต่อไป ด้วยซ้ำ ข้อนี้ผมเห็นด้วยครับ ผมไม่เคยเจอกับสุนัขของตนเอง แต่เคยติดตามสุนัขของเพื่อนๆที่รู้จักเล่าให้ฟัง และอาจารย์พยาบาลที่มาขอคำปรึกษา เห็นว่ามี 3 ตัว ที่ผมติดตามเพราะอยากรู้ ในครั้งหน้าที่ให้ลูกอาการที่ว่าก็หาย ผมเชื่อว่าเนื่องจากสภาพแวดล้อม กับการเลี้ยงดูที่ผ่านมาของเจ้าของ ทำให้มันเป็นเช่นนั้น ไม่รู้ว่าจะเป็นอาการเดียวกับคุณพี่วิภาดาพูดถึงรึเปล่านะครับ แต่สำหรับผมก็ไม่อยากได้สุนัขแบบนี้มาทำพันธุ์เช่นกันครับ

เอาเป็นว่าขอจบเท่านี้ครับ กราบขออภัยอีกครั้งครับ คุณพี่วิภาดาและเพื่อนๆทุกท่านกับแนวคิดและการนำเสนอบ้าๆบอๆของผม ขออย่าได้ถือสาผู้น้อยอย่างผมนะครับ ...... ขอบคุณครับ


โดย: somchai [27 พ.ค. 50 7:22] ( IP A:202.139.223.18 X: )
ความคิดเห็นที่ 23
   ตื่นมาเล่นเนตแต่จ๊าวเลยคุณ somchai.......

คุยกะคุณก็สนุกดีเหมือนกัน คุยต่อไปเรื่อยๆเถอะค่ะ ได้ความรู้ดี ท่านอื่นๆที่ผ่านมาอ่าน จะได้ความรู้ด้วย ป้าวิเอง ไม่ค่อยมีหลักการด้านทฤษฎี และประสพการณ์ในเรื่องการบรีดก็น้อยนิดจริงๆ จะเน้นเรื่องรับเลี้ยงและดูแลรักษาหมา(ป่วย/พิการ) หรือหมาถูกทิ้งเสียมากกว่า

แต่.....ก็ยังอยากจะแสดงความคิดเห็นส่วนตัว....ซึ่งก็มักจะเห็นต่าง....จากคนอื่นเขาเสมอๆ(ในเกือบทุกเรื่อง ไม่เฉพาะเรื่องหมาๆ) ถือว่าเป็นการมองต่างมุมก็แล้วกัน ป้าวิไม่เคยคิดว่า จะมีใครถูกหรือผิด 100% อยู่ในโลกนี้ค่ะ

แนวคิดของคุณนั้น ไม่ได้บ้าๆบอๆหรอกค่ะ แต่การนำเสนอ ออกจะเจาะจงอย่างจริงจังไปนิด ก็อย่างที่เคยบอกบ่อยๆว่า สิ่งมีชีวิตนั้น มีพัฒนาการอยู่ตลอดเวลา ทุกวินาที ทุกนาที ทุกชั่วโมง ทุกวันฯลฯ ไม่มีคำตอบที่ถูกต้อง 100% สำหรับทุกคำถามหรอกค่ะ

แนวคิด หรือปรัชญาในการดำรงชีวิตของป้าวิ คือ ความเป็นไป ตามธรรมชาติ ค่ะ ไม่ว่าเลี้ยงลูกหมา หรือลูกคน ก็จะใช้ปรัชญาเดียวกันนี้ และสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของสัตว์ทุกชนิดไม่เว้นแม้แต่คน ก็คือ พฤติกรรมเพื่อความอยู่รอด นั้นเอง ถูกต้องแล้วค่ะ คุณ somchai เรามองไปที่จุดเดียวกัน....แต่จากคนละมุมมองค่ะ

ยกตัวอย่างง่ายๆให้เห็นชัดๆ ถ้าเราสังเกตการเลี้ยงลูกของแม่หมา หรือแม่สัตว์อื่นๆในหนังสารคดี แม่จะไม่คอยคาบลูกมากินนม ลูกๆทุกตัวต้องตะเกียกตะกายหานมกินกันเองตั้งแต่วันแรกที่คลอด...ตายังไม่ลืม แม่เพียงแต่พยายามทำท่าทางที่เอื้ออำนวยให้ลูกเข้ามากินนมได้สะดวกที่สุดเท่านั้นเอง

ลูกหมาบางตัว ที่เกิดมามีแรงขับ(drive)ปานกลางหรือต่ำ ก็จะต้องพยายามดิ้นรนให้มากขึ้นเพื่อความอยู่รอด ไม่งั้นก็จะไม่ทันตัวอื่นๆ ที่เขาเกิดมามีแรงขับสูงกว่า นั่นเป็นสิ่งที่ลูกหมาต้องเรียนรู้ตั้งแต่นาทีแรกที่คลอดออกมา.....

แต่ .... คนที่เลี้ยงลูกหมา จะไม่ปล่อยให้เป็นอย่างนั้น เขาจะต้องช่วยจัดการให้ลูกหมาทุกตัวได้กินนมอย่างเท่าเทียมกัน โดยที่ลูกหมาไม่ต้องดิ้นรนด้วยตัวเอง นั่นทำให้ลูกหมาบางตัว ที่มีแรงขับน้อยๆก็ยังสามารถอยู่รอดได้โดยไม่ต้องดิ้นรนตะเกียกตะกาย......ลูกหมาจะไม่ได้เรียนรู้ที่จะหากินด้วยตัวเอง แต่กลับได้เรียนรู้(พฤติกรรมของคน) ว่า......(ตัวมันเอง) อยู่เฉยๆ ก็ยังมีกินได้

ที่ยกตัวอย่างมานี้ เป็นเพียงเสี้ยวส่วนเล็กๆ ที่ชี้ให้เห็นว่า ความเป็นไปตามธรรมชาติ ของ พฤติกรรมเพื่อความอยู่รอด นั้น มีผลต่อ พัฒนาการของลูกสัตว์ อย่างไร เป็นคำตอบง่ายๆสำหรับคำถามยอดฮิต ของคนเลี้ยงหมาบ้านทั่วๆไปที่ว่า.... ทำไมหมามันเบื่ออาหาร , ทำไมหมากินยาก ต้องให้อ้อนวอนหรือโอ๋ก่อนถึงกิน , ทำไมหมามันขี้เกียจ เอาแต่นอน , ทำไมหมามันไม่ยอมอยู่ตัวเดียว ร้องตลอด , ทำไม...ทำไม...ทำไม...ฯลฯ .......ก็เพราะ ลูกหมาเขาซึมซับพฤติกรรมของคน ไปแล้ว นั่นเอง

ว่าแต่ว่า....เราไปตั้งกระทู้คุยกันใหม่เลยดีมั้ยคะ...???

โดย: ป้าวิ [27 พ.ค. 50 11:16] ( IP A:125.26.20.193 X: )
ความคิดเห็นที่ 24
   ดีครับทั้งสองท่านเปิดกระทู้ใหม่เลยครับผมชอบอ่านครับ ความคิดเห็นของแต่ละท่านอาจจะไม่เหมือนกันแต่ก็ไม่ใช่ว่าโลกนี้จะต้องมีแต่ถูกหรือผิด ขาวหรือดำ ซ้ายหรือขวา เท่านั้นครับ ผมชอบฟังความคิดเห็นที่หลากหลายครับ
ขอบพระคุณทุก ๆ ท่านครับ
โดย: Miracle (Miracle ) [27 พ.ค. 50 12:00] ( IP A:124.157.136.133 X: )
ความคิดเห็นที่ 25
   โถ! ...คุณพี่วิภาดา ยังจะให้ผมแสดงความเห็นที่บ้าๆบอๆ เดี๋ยวยิ่งปล่อยยิ่งบอกความโง่ของผม 5555

เป็นความเห็นส่วนตัว จากประสบการณ์ในการบรีดสุนัข ในหลากหลายสายพันธุ์ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทดลองตามทฤษฎี ที่เขาเขียนในหนังสือ ว่ามันเป็นเช่นไร และในความรู้สึกของผมเองมันรู้สึกเช่นไร เอามาเป็นบรรทัดฐานให้กับเพื่อนๆคงไม่ได้หรอกครับ

รับทราบครับคุณพี่วิภาดา และคุณ Miracle ถ้ามีโอกาสผมจะไปตั้งกระทู้ใหม่แสดงความคิดเห็นบ้าๆบอๆให้เพื่อนได้อ่านอีกครับ

ขอบคุณครับ
โดย: somchai [30 พ.ค. 50 6:59] ( IP A:202.139.223.18 X: )

คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน