ความคิดเห็นที่ 3 ไม่เห็นรูปครับ...แต่น่าจะเป็นเชื้อราตัวใดตัวหนึ่ง ถ้าปลูกแออัด...แยกระยะห่าง ถ้าปลูกต่ำ.......ยกให้สูงจากพื้นมากๆๆ ถ้าเป็นหลังพ่นยา/ปุ๋ย....ปุ่ยดังกล่าวอาจไม่เหมาะ..ความเข้มข้นมากเกินไป/พ่นในวันที่แดดร้อนเกินไป..ใบไหม้ราเข้าแทรกซ้อน รีบตัดใบที่ดำ..ช้ำ/กระดำกระด่างทิ้ง..อาจตัดครึ่งใบ..ค่อนใบหรือขั้วใบ....กรณีนี้ควรทาด้วยปูนแดงผสมไคโตซานเข้มข้นบริเวณขอบใบ/ขั้วใบด้วยเพื่อลดการลุกลามของเชื้อรา กรณีลามถึงกิ่งแล้วแนะนำตัดทดหรือตัดบริเวณที่กิ่งแยกจากลำต้น1/2-1cm..ไปเลยครับ...อย่าเสียดายวันเดียวลามถึงต้นได้ งดรดน้ำอย่างน้อยๆ7-10วัน..ปล่อยให้แห้งดีกว่า/อาจถอนแขวนเลยครับ..ดูด้วยว่าวัสดุปลูกเป็นราด้วยหรือเปล่า หาสาเหตุและแก้ไข...วัสดุปลูกชื้นเกินไปหรือไม่เหมาะสมเช่นกาบมะพร้าวมาจากแหล่งที่มีราระบาด...การระบายน้ำไม่ดี....pHในดินเป็นกรดมากเกินไป...มีแหล่งน้ำขังหรือกองอินทรีย์วัตถุอยู่ใกล้...โรงเรือนมีการระบายอากาศไม่ดี...รากพืช/กิ่งช้ำอยู่เดิม ยาฆ่าเชื้อราเป็นเพียงตัวช่วยชั่วคราวในต้นที่ยังไม่เป็น....ให้ใช้แต่น้อย..ด้วยความเข้มข้นตามที่ระบุ..การใช้บ่อยๆยิ่งทำให้เชื้อราชนิดอื่นๆระบาดขึ้นมาแทนเนื่องจากเสียการควบคุม ต้นที่เน่าแล้วเก็บทิ้งให้ไกล..อาจเผาหรือฝังกลบ....วัสดุปลูกในกระถางที่เน่าควรทิ้งครับ ทางแก้ไขในระยะยาว -พิจารณาวัสดุปลูกใหม่...หากแหล่งที่หาวัสดุปลูกโดยเฉพาะกาบมะพร้าวมีปัญหาควรพิจารณาใช้วัสดุอื่นเช่นหินแร่ภูเขาไฟหรือเม็ดโฟมหรือทรายแทนในช่วงใกล้เข้าหน้าฝน -ควบคุมสมดุลย์ของวัสดุปลูก...โดยการหลีกเลี่ยงใช้สารเคมีมากๆควรใช้จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ปรับสมดุลย์แทน -ที่มักพบอีกอย่างคือการใช้วัสดุปลูกที่ยังไม่ย่อยสลายดีมาปลูก...เช่นผสมดินปลูกกับปุ๋ยอัดเม็ดเป็นปริมาณมากหรือใบก้ามปุที่ไม่ผ่านการหมัก...เหล่านี้จะทำให้เกิดความร้อนในกระถางตลอดเวลา...ต้นไม้จะไม่แข็งแรงและเน่าได้ง่าย.....ควรหมักดินปลูกกับปุ๋ยด้วยจุลินทรีย์ไว้ล่วงหน้า1-3เดือนก่อนนำมาใช้ปลูกจริงครับ...หากไม่มีควรปลูกด้วยหินแร่ภูเขาไฟ...ชนิดลอยน้ำได้แล้วค่อยๆเพิ่มปริมาณอินทรีย์วัตถุเข้าไป ถ้ามีรูปก็ดีนะครับจะได้บอกชื่อโรคและวิธีการจัดการจำเพาะที่เหมาะสม |