ขอคุยหน่อย!
   ตะก่อนนี้ ผมเล่นเปียโนตามโรงแรม เงินทองไม่เคยขาดมือ จวบจนเมื่อ 5-6 ปีที่ผ่านมา หลังจากที่ผมตัดสินใจลาออกจากโรงแรมอมิตี้ กรีน ฮิลส์ เชียงใหม่ เพื่อกลับไปฟื้นฟูตึกแถว 2 คูหาที่ซื้อไว้ที่ลำปาง ตั้งแต่นั้นมาผมจึงรู้จักกับคำว่า “ขัดสน” “ชักหน้าไม่ถึงหลัง” “ถังแตก” หรืออะไรทำนองนั้น แต่ผมก็อยู่สู้มาได้เรื่อย ๆ จนถึงทุกวันนี้....

เอ... กำลังบ่นเรื่องอะไรหว่า? เปล่าครับ... ผมไม่ได้บ่น แต่ผมกำลังจะพูดถึงสิ่งที่ดี ๆ และสิ่งที่ผมประทับใจและมีความสุขมาก ๆ ในเช้าวันนี้

ยามที่เล่นดนตรีอาชีพ ได้เงินเดือนก็จะโดนหักภาษี ณ ที่สั่งจ่ายไปก่อนเลย ทำงานมาเป็นสิบ ๆ ปี ไม่เคยได้รับสวัสดิการด้านการรักษาพยาบาลเลย ทั้ง ๆ ที่นักดนตรีอาชีพก็ทำงานหาเงิน เสียภาษี เงินทุกบาททุกสตางค์ซึ่งได้มาจากการทำงาน(ไม่ได้โกงใคร) รัฐท่านก็แบ่งเอาเงินส่วนหนึ่งไปถลุงกัน

แล้วทำไงล่ะ ไม่มีสวัสดิการเลย เจ็บป่วยมาทำไง? ผมก็ต้องทำประกับชีวิตกับบริษัทประกันฯ สิครับ ถึงได้อยู่รอดมาได้เรื่อย ๆ (นี่ไม่ได้โฆษณาขายประกันนะ) แต่ก็โชคดีหน่อยที่ไม่เคยเจ็บป่วยแบบหนักหนาสาหัส นอกจากอุบัติเหตุเล็ก ๆ น้อย ๆ

แล้วอยู่ได้ไง ไม่มีงานทำเป็นหลักแหล่ง? โชคดีหน่อยที่สองปีที่ผ่านมาเนี่ย ทางราชภัฏเค้ามาจ้างผมไปสอน ได้ค่าชั่วโมง ๆ ละ 200 บาท มันก็ไม่มากหรอกครับ เดือนหนึ่งได้ไม่กี่ตังค์ และเทอมหนึ่งก็สอนแค่ 4 เดือนเอง นอกนั้นก็ว่าง ไม่มีรายได้ พอน้ำมันรถแพงผมก็เลิกขับรถยนต์(เก่า) หันไปปั่นจักรยาน อาหารก็กินประหยัดลงอีก เรื่องหนังเรื่องละครอย่าได้พูดถึง นึกไม่ออกแล้วว่าครั้งสุดท้ายที่เคยเข้าดูหนังนั่นมันเมื่อไหร่ เอาล่ะ สรุปว่าอยู่ได้ล่ะกัน

ทีนี้มาเมื่อ 2-3 วันก่อน ผมก็รู้สึกว่าฟันบนทางด้านซ้ายมีรูขึ้นมา เข้าใจว่าที่อุดเอาไว้มันคงหลุด ลองเอาไม้จิ้มฟันเข้าไปแคะ ๆ ก็พบว่ามันเป็นโพรงขนาดใหญ่ทีเดียว เวรกรรม... ยิ่งไม่มีรายได้มาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ แล้วจะทำยังไงดีหว่า? รู้มาว่าเดี๋ยวนี้ไปหาหมอฟัน ถ้าไม่พกใบละพันไปก็อย่าหวังเลยว่าจะได้รับการรักษาตามที่หวัง ผมได้ยินเค้าพูดกันว่าอุดฟันซี่หนึ่ง มีเงิน 500 เอาไม่อยู่ ตายละหวา!

คิดนะ... คิดว่าปล่อยมันไว้ยังงี้เถอะ อาศัยแปรงฟันบ่อย ๆ อย่าให้เศษอาหารเข้าไปติด มันคงช่วยได้ แต่ที่ไหนได้ สองวันที่ผ่านมา ยิ่งแคะยิ่งเหมือนกับขุดหลุมลึก ไม่ไหวแล้ว ขืนปล่อยไว้ จะไปเที่ยวที่ไหน ไปผจญภัยที่ไหน คงลำบาก และนี่มันก็เริ่มปวดนิด ๆ แล้วด้วย

เช้าวันนี้...ผมจึงตื่นแต่เช้า คิดว่าเป็นตายยังไงก็ขอให้ได้ไปหาหมอฟันที่โรงพยาบาลศูนย์ฯ ลำปาง ผมค้นหาบัตรโรงพยาบาลเก่าได้ โห.. มันตั้งแต่ปี 37 แล้ว จะใช้ได้หรือ? ส่วนบัตรทอง 30 บาทก็ไม่รู้ว่าอยู่ไหน? ไม่เจ็บไม่ป่วยก็เลยไม่ค่อยได้ใส่ใจกับมัน เลยหาย!

เอาน่า.. ยังไงก้อขอใช้บัตรนี้แหละ แล้วก็ไม่ลืมที่จะหยิบเอาบัตรผู้บริจาคโลหิตของสภากาชาดไปด้วย
โดย: ลุงน้ำชา [25 เม.ย. 48 12:09] ( IP A:203.151.140.118 X: )
Add to Facebook  Add to Twitter  Add to Multiply  Add to Google  Add to Blogger  Add to Live
ความคิดเห็นที่ 1
   ไปถึงโรงพยาบาลเกือบ 8 โมงเช้า โห... วันจันทร์ คนเยอะมาก ช่องยื่นบัตรมีคนเข้าคิวรอกันยาวเหยียด ตาย ๆ ตายแน่ ๆ เหลือบไปเห็นป้ายที่ช่องหนี่งเค้าเขียนว่า “ประกันสังคม บริจาคโลหิต” ช่องนี้ไม่มีคนรอคิว ผมก็ยื่นหน้าเข้าไปบอกเจ้าหน้าที่สาวสวยว่าไม่ได้มาโรงพยาบาลเป็นสิบปีแล้ว แต่วันนี้อยากมาหาหมอฟัน แล้วก็ยื่นบัตรโรงพยาบาลเก่า ๆ นั่นให้ เธอยิ้มเมื่อมองดูบัตรแล้วชี้ไปที่แถวยาวเหยียดของผู้คน และพยายามบอกให้ผมไปเข้าคิวเพื่อทำบัตรใหม่ ผมรีบเอาบัตรบริจาคโลหิต(เก่าอีกเหมือนกัน)ยื่นให้เธอ เอ่อ... รู้สึกว่าสถานการณ์มันจะดีขึ้นแฮะ.... เธอรับไปกดข้อมูลที่เครื่องคอมพ์แล้วถามชื่อบิดามารดา ที่อยู่ แล้วคุณคนสวยก็บอกให้ผมนั่งรอ

ไม่นานครับ... ผมยืนเคารพธงชาติได้สักพักเดียว เธอก็เรียกให้ผมไปรับบัตร(ซึ่งออกให้ใหม่)พร้อมทั้งโอพีดีการ์ดและใบสำหรับกรอกคิดเงินค่ารักษาพยาบาล แล้วบอกให้ผมไปที่แผนกทันตกรรมได้เลย

เฮ้ย... เร็วดีจัง ผมรู้สึกขอบคุณสภากาชาดฯ ที่ให้ความสะดวกให้แก่ผู้บริจาคโลหิต อย่างน้อยผมก็ไม่ต้องไปยืนเข้าคิวรออีกเป็นชั่วโมง

ผมรีบไปที่ตึกทันตกรรม ยื่นบัตรแล้วนั่งรอ คนก็มีไม่น้อยเหมือนกัน พอซัก 8 โมงครึ่งหมอก็มาถึง เจ้าหน้าที่เปิดเครื่องปรับอากาศให้เย็นฉ่ำ สักพักใหญ่ผมก็ถูกเรียกให้ไปพบหมอคนแรกก่อนที่ห้องตรวจ

หมอถามว่ามาทำอะไร ผมก็บอกว่ามาอุดฟันครับ ที่อุดไว้เดิมมันหลุด หมอตรวจดูแล้วบอกรหัสลับดาวินซี เอ้ย ไม่ใช่ หมายเลขซี่ฟัน จากนั้นก็ให้บัตรคิวอีกใบให้ผมไปนั่งรอที่ห้องอุดฟัน อ่า.. ผมได้หมายเลข “อุด 11” ครับ

นั่งรอจนเก้าโมง เจ้าหน้าที่ก็ออกมาเรียกผมให้เข้าไปในห้องอุดฟัน ไม่ได้พบหมอฟันนานแล้วครับ รู้สึกตื่นเต้นจัง ได้เจอหมอฟันสาว ใจชื้นขึ้นมาหน่อย คิดว่ามือคงไม่หนักเหมือนหมอผู้ชายน่ะ

ก็ทำตามวิธีของเค้าแหละครับ ไปนอนอ้าปากให้หมอรักษา หมอบอกว่า มันผุกินเข้าไปอีกซี่หนึ่งด้วย แล้วก็กรอ ๆๆๆ อุด ๆ ๆ จนถึงตอนที่หมอบอกว่าให้ลองเคี้ยวซิ นั่นแสดงว่าใกล้เสร็จแล้ว ผมค่อยผ่อนคลายลงได้บ้าง

ในที่สุดการรักษาก็เรียบร้อย ผมรู้สึกได้ว่าเจ้าโพรงที่เคยรู้สึกมันหายไปแล้ว หมอบอกว่าวันนี้อย่าเคี้ยวข้างที่หมออุดไว้นะ

ดีใจครับ ดีใจที่ตัดสินใจมาหาหมอที่โรงพยาบาล....

เสร็จแล้วคุณหมอก็บอกให้นั่งรอที่ม้ายาว สักพักก็เอาใบค่ารักษามายื่นให้แล้วบอกให้ไปชำระเงินที่เค้าเตอร์ด้านหน้า ผมอ่านดูที่หมอเขียนว่าอุด 2 ซี่ และต้องเย็นวาบเมื่อเห็นตัวเลขที่ด้านล่างเขียนว่า 900 บาท ตายละโหวยตายละวา วันก่อนไปเล่นเจ้าหีบเพลงได้เงินค่าตัวมา 1,000 บาท หวังว่าจะเอาไว้เป็นค่าใช้จ่ายดำรงชีพจนกว่าจะถึงวันที่ได้รับเงินค่าสอนเทอมใหม่(ราชภัฏเปิดเทอม + อีกประมาณ 40 วัน) เนี่ยขนาดโรงพยาบาลของรัฐนะ ยังตั้ง 900 บาท ถ้าผมเกิดเผลอไปคลินิกมันจะเป็นเท่าไหร่ก็เหลือที่จะเดา

ผมเอาเอกสารไปวางไว้ในตะกร้า นั่งรอ คิดในใจว่าเอาเงินใบ 500 ซ่อนไว้ใบนึงดีไหม แล้วบอกเค้าว่ามีมาแค่ 500 บาทเอง เผื่อเค้าอาจจะลดให้ได้

สักพัก เจ้าหน้าที่ก็เรียกชื่อผม ผมลุกเดินไปหาที่เค้าเตอร์ แทบไม่เชื่อหูเมื่อได้ยินเค้าบอกว่า “เรียบร้อยแล้วค่า กลับบ้านได้”

อะไรกันเนี่ย ผมไม่ต้องจ่าย 900 บาทนั่นเหรอ???

ผมไม่ได้ถามหรอก บอกขอบคุณแล้วเดินออกจากตึกทันตกรรมด้วยอาการตัวเบาหวิว 555 เงินหนึ่งพันยังอยู่!

โดย: ลุงน้ำชา [25 เม.ย. 48 12:14] ( IP A:203.151.140.112 X: )
ความคิดเห็นที่ 2
   เมื่อมาคิดทบทวน จึงรู้ว่าไอ้ตัวหนังสือที่ประทับไว้ที่บัตรซึ่งบอกว่าเป็นผู้บริจาคโลหิตครบ 24 ครั้งนั่นมันช่วยให้เราไม่ต้องจ่ายตังค์ เอ่อ... จริงสินะ เราบริจาคเลือดมาก็ 48 ครั้งแล้ว ร่างแก่ ๆ ร่างนี้ได้ผลิตโลหิตเพื่อมอบให้ผู้อื่นมา 48 ขวด เมื่อถึงคราวที่ฟันเกิดแตกหักต้องได้รับการรักษาก็สมควรที่จะรักษาให้ฟรี ใช่แล้ว ๆ...

รู้สึกดีใจและขอบคุณ ขอบคุณสวรรค์ที่มองเห็น....

ขอบคุณสภากาชาดฯ ที่ช่วยให้การดูแลร่างกายผุ ๆ พัง ๆ ของผม

และที่ผมอดไม่ได้ที่จะต้องนำมาโพสต์เล่าเรื่องนี้ให้ฟัง เพื่อถ่ายทอดความรู้สึกของผมให้แก่เพื่อน ๆ และอยากบอกว่า “อันความดีนั้น มีโอกาสก็ทำไปเถอะ แม้ว่าท่านจะไม่ได้หวังผล แต่อย่างน้อยสวรรค์และอีกหลาย ๆ คนก็คงเห็น และพร้อมที่จะช่วยท่านเมื่อได้รับความเดือดร้อน ... เหมือนเช่นตัวผมในเช้าวันนี้......”

ผมออกจากโรงพยาบาลเมื่อเวลา 9.45 น. ไม่น่าเชื่อ!

เช้านี้จึงเป็นวันที่ผมมีความสุขมาก ๆ ครับ
โดย: ลุงน้ำชา [25 เม.ย. 48 12:17] ( IP A:203.151.140.112 X: )
ความคิดเห็นที่ 3
   เป็นเรื่องที่ดีมาก แล้ะโน้ตก็สนับสนุนที่จะให้บริจาคเลือด

เพราะอย่างน้อยๆ ถ้าเราไปประจำ เราจะไม่ต้องเสียเงินค่าตรวจสุขภาพประจำปีเลย เพราะการบริตจาคเลือด เวลาที่เค้าตรวจเลือดก็จะตรวจละเอียดค่ะ แล้วก็มีแจ้งผลตรวจเลือด(กรณีผิดปกติ)ไปให้เราที่บ้านด้วย ได้ดูแลสุขภาพตัวเองไปอีกทางหนึ่ง

โน้ตไม่เคยทราบเลยแฮะว่าเค้ามีดูแลผู้บริจาคประจำครบกี่ครั้งอะไรแบบนี้ รู้แต่ว่าให้เหรียญเท่านั้นเองอ่ะ แต่ดูแลลักษณะแบบนี้ รู้สึกดีใจแทนคนที่ไปบริจาคด้วยเหมือนกัน

อิอิ ไม่ต้องกลัวเจ็บหรอกคร้าบบบบ เพื่อสุขภาพที่ดีของเรา และยังได้ทำเพื่อคนอื่นๆอีกด้วย

ก่อนจะมาเป็นหมอ พยาบาล ก็ต้องลองผิดลองถูกกับตัวเองและเพื่อนๆกันก่อนอยู่แล้ว อิอิ

ลองไปบริจาคกันดูนะคะ

ถ้าใครอยากรุว่าเรามีข้อจำกัดอะไรในการตรวจเลือดบ้าง ก้อลองถามได้ค่ะ ในบอร์ดนี้ก็มีคนเรียนหมอ และเทคนิคการแพทย์อยู่ อิอิ
โดย: โน้ตตัวเล็ก [25 เม.ย. 48 12:38] ( IP A:61.91.166.243 X: )
ความคิดเห็นที่ 4
    อ่านไป อมยิ้มไป กับเรื่องราวที่น่าภาคภูมิใจของลุงน้ำชาค่ะ
ผลแห่งการทำความดี เสียสละเพื่อเพื่อนมนุษย์ได้คืนกลับสู่ลุงน้ำชาแล้วด้วยความปลาบปลื้มใจ

ป้าจิ๊กไปบริจาคเลือดให้ใครไม่ได้เลยค่ะ เนื่องจากมีโรคประจำตัวที่ไม่สามารถบริจาคให้ใครได้ (เลือดป้าจิ๊กไม่มีประโยชน์ต่อผู้อื่น) ซึ่งก่อนหน้าที่จะเป็นโรคประจำตัวนี้ ก็เคยบริจาคมา 2 ครั้ง นะคะ ..น่าภูมิใจว่า อย่างน้อย เราก็เคยช่วยเพื่อนมนุษย์มาบ้างแล้ว ..
smile
โดย: ป้าจิ๊ก (เจ้าบ้าน ) [25 เม.ย. 48 12:38] ( IP A:202.176.120.42 X: )
ความคิดเห็นที่ 5
   
โอ้! เป็นไปได้หรือนี่
ผมก็นึกว่าบริจาคเลือดให้สภากาชาดแล้วจะได้รับเพียงเหรียญ
และเมื่อเวลาเราเจ็บป่วยต้องการเลือดก็ไม่ต้องเสียตังค์ซื้อเลือดเท่านั้น
อันที่จริงมันมีอะไรที่รัฐให้เรา โดยที่เราไม่รู้ก็มีเหมือนกัน ผมชอบข้อความนี้จัง

“อันความดีนั้น มีโอกาสก็ทำไปเถอะ แม้ว่าท่านจะไม่ได้หวังผล แต่อย่างน้อยสวรรค์และอีกหลาย ๆ คนก็คงเห็น และพร้อมที่จะช่วยท่านเมื่อได้รับความเดือดร้อน ... เหมือนเช่นตัวผมในเช้าวันนี้......”

ผมก็บริจาคเลือดให้สภากาชาดเหมือนกัน 50 ครั้ง
ผมมีเหรียญมาให้ดูด้วยครับ ที่นี่ครับ
https://www.pantown.com/board.php?id=5660&name=board2&topic=32&action=view

ขอบคุณลุงน้ำชามากครับ ที่นำเรื่องดี ๆ มาฝาก
smile
โดย: บุญอุ้ม [25 เม.ย. 48 13:28] ( IP A:203.151.15.189 X: )
ความคิดเห็นที่ 6
   วาวดีจัง กอฟเลือดจางบริจาคไม่ได้คะ แต่บริจากอวัยวะทุกส่วนแล้วคะ จะพกบัตรติดเป๋าด้วยคะ
โดย: กอฟฟารี่ [25 เม.ย. 48 23:13] ( IP A:203.188.14.181 X: )
ความคิดเห็นที่ 7
   เรียนลุงน้ำชา ด้วยความเคารพ

แม้ยามนี้ ก้อเกือบเที่ยงคืน ผม ง่วงมาก อวัยวะภายในร่างกายของ ผมบอกผ่านแววตาผมว่า " เมิ้นไปนอนได้แล้ว " ด้วยความคาราวะ กะ กระทู้นี้ ผม ง่วงแสน ง่วง ก้อจะเขียน ไว้เป็นบันทึก หนึ่ง

25 เมษายน 48 คือวันที่ผมมีความสุขมากที่สุดกะ กระทู้นี้กระทู้เดียว
ด้วยความเคารพ อ่าน ความรู้สึก ลุงน้ำชาแล้ว ทำให้ผมลุกขึ้นสู้ แม้ผมจะอายุยังน้อยกว่าลุง ผมก้อสู้กะชะตาชีวิต แม้ทุกวันนี้ผมจะต้องผจญ กะ วิบากกรรม ที่ผมไม่ทันได้ตั้งตัว ....... เรียนลุงน้ำชา ผมแทบหมดตัวทุกวันนี้ แต่ ผมก้อยังยืนสู้ และ ยิ่ง สู้หนักขึ้นไปอีกที่ได้เห็น การต่อสู้ชีวิตของลุงน้ำชา......

ชีวิต คนเล่นดนตรี หลับได้เพียงครึ่งคืนก้อตื่นพอ ลุงน้ำชา คับ การโพส กระทู้นี้ กินใจ ผมมากคับ วิถีชีวิต ลุงน้ำชา กะ ฟันผุๆ 1 ซีก ผมมองย้อนตัวผม กะ วิถีชีวิต ผุๆ ของผมก้อรอวันตาย....

แม้วันนี้สถานะภาพ ผมกะลุงจะต่างกัน วัยวุฒิ จะต่างกัน แต่ หัวจิตหัวใจ ลุงน้ำชา แกร่งคับ เป็นอีกคนหนึ่งที่ผมเจอ และ ผม เรียก ลุง น้ำชา ได้เต็มปาก ใน โลก ซิสเต็ม สี่เหลี่ยม 17 นิ้วนี้

ผมขอเป็นอีกหนึ่งแรงใจ เล็กๆ และหากมันไปฟลุคยิ่งใหญ่ให้ลุงต่อสู้ กะชีวิต ที่เหลือ อยู่ เพื่อคนข้างหลัง อย่างมีพลัง ผมขอเป็นแรงใจให้ลุง คับ และ แรงใจจากลุงกระทู้นี้ ผมจะยึดถือ ไว้เป็นอีกบทหนึ่งของการต่อสู้ บนวิถี....ชีวิต

ลุงน้ำชา โพสกระทู้นี้ สะท้อนวิถีความจริง ที่ ผมมักไม่ค่อยเคยเห็นเลยในโลกตรงนี้ ...........

รักษาสุขภาพ ลุงน้ำชา ขอสุขภาพจิตดี สุขภาพกายดี ไม่จำเป็นต้องร่ำรวย คับ..... ว่างแวะมาคับ หากผมทำให้ลุง อมยิ้มได้ เหมือนผมได้สวมมิตรภาพ ต่างวัยให้ลุง........

เข้มแข็งและ ไม่กินขนมหวานก่อนนอน ต่อไปแล้วน่ะ คับ ลุงน้ำชา ที่เคารพ ......
โดย: พ่อใหญ่ [26 เม.ย. 48] ( IP A:203.150.101.63 X: )
ความคิดเห็นที่ 8
   ลุงน้ำชา ป้าพรอ่านทุกตัวอักษร ที่ลุงน้ำชาเขียน และ ก็พ่อใหญด้วย อ่านแล้ว ก็ สุขใจที่คนสองคน สัมผัส ความรู้สึกต่างๆกันได้ดีทีเดียวจ๊ะ

ป้าพรเองก็ เพิ่งรู้ เรื่องราวดีดี ของการบิรจาค เลือด ของประเทศไทยเราเหมือนกัน หนะจ๊ะ

แต่อยากจะบอกลุงน้ำชาว่า เห็นค่าอุดฟัน ที่ต้องจ่ายแล้วหนะ บางคนอาจจะคิดว่าแพง แต่สำหรับคนอยู่อีกซีกโลกเนีย เห็นตัวเลขแค่นี้จะรีบจ่ายเลย ทางนี้หนะลุง แค่หมอไปตรวจ เฉยๆหนะเอา เข็มคะแคะๆ วัดระดับ หินปูนมากน้อยแค่ไหน เอ๊กเรย์ ล่อไปแล้ว 4-5 พันบาททีเดียว ถ้าคิดเป็นเงินไทยหนะจ๊ะ พูดเรื่องฟันทีไรป้าพร เศร้าใจทุกทีแหละ จ๊ะ อิ อิ ทางสวีเดนมีทัวร์สุขภาพไปที่เมืองไทยทำฟันกันด้วยแหละจ๊ะ และหมอฟันทางนี้แกบอกป้าพรว่าเมืองไทยทำฟันทองได้สวยด้วยหนะ ลุงน้ำชา พวกทางฝรั่งเนีย ใครมีฟันปลอมฟันกรามที่ทำด้วยทองเนีย คนนั้นต้องระดับมหาเศรษฐี เลยหนะ จ๊ะ

ที่อยากบอกลุงน้ำชา ถ้ามีอาการเสียวฟัน ก็รีบไปให้หมอ สาวๆจัดการให้เสียเถอะ จ๊ะตอนนี้ถ้าจะให้ป้าพรเลือกระหว่าง 1 สุขภาพของฟันดีมีฟันเต็มปาก 2 กับทองหนัก สิบยี่สิบบาทหละก้อ ขอเลือกเอาอย่างที่หนึ่ง แหละจ๊ะ อิ อิ
โดย: ป้าพร Stockholm [26 เม.ย. 48 4:38] ( IP A:213.89.178.148 X: )
ความคิดเห็นที่ 9
   ได้ความรู้ใหม่ว่าบัตรบริจาคเลือด ก็มีประโยชน์ได้เหมือนกัน

นี่ผมก็เพิ่งไปอุดฟันมาเหมือนกันครับ หมดที่โน่นโหดเกินกว่าที่ลุงน้ำชาจะรู้ เพราะบริการที่โรงพยาบาลไม่มีเหมือนเมืองไทย

ผมต้องเสียถึง 2 พัน 4 ร้อยบาทแน่ะครับ แต่เป็นบาทของอเมริกันนะครับ หากคิดเป็นเงินไทย ก็ 1 แสนบาทพอดีเด๊ะเลยเชียว โชคดีที่มีประกันสุขภาพจากที่ทำงาน จ่ายไปแค่ 250 เหรียญครับ

ทำฟันทีไร...นึกถึงเมืองไทยเราทุกทีเลย เสียดายตังค์ที่จ่ายให้หมอฝรั่งเขาครับ

ขอบคุณที่นำเรื่องดีๆมาฝากกันนะครับ
โดย: คนยูเอสเอ [26 เม.ย. 48 7:08] ( IP A:24.30.69.227 X: )
ความคิดเห็นที่ 10
   สวัสดีป้าพรพ่อใหญ่เเละทุกๆคนเจ้า ลุงชาจ๋าสู่ต่อไปเถอะเจ้า ชีวิตคนเราความสูขหาได้ง่ายโดยไม่ต้องเสียเงินเลยก็ได้ ทุกอย่างอยู่ที่ใจเจ้า ลุงชาจ๋า พ่อใหญ่จ๋า เจ้าตุ้ยนั้นเชื่อเต็มที่เลยว่า"ความดีนั้นทําไปเถอะ"ถึงคนอื่นไม่เห็นเเต่เราเห็น ขอให้ลุงชามีความสูขมากๆนะเจ้า
โดย: เจ้าตุ้ย [26 เม.ย. 48 7:09] ( IP A:24.243.178.188 X: )
ความคิดเห็นที่ 11
   นุ้ย ชอบเรื่องราวของลุงมากเลยครับ มันทำให้ผมนึกถึงสมัยตอนเรียน มัธยมปลาย ที่ผมบริจาคเลือด แ้ล้วก็ ดวงตา เอาไว้ตอนนั้นมันเป็นความรู้สึกที่สุขใจที่สุด ที่เราได้เป็นผู้ให้โดยที่ไม่ได้หวังอะไรตอบแทน ประทับใจที่อ่านขอบคุณลุงน้ำชาที่มอบสิ่งดีๆ ให้กับพวกเราในบ้านแห่งนี้
โดย: นุ้ย [26 เม.ย. 48 11:40] ( IP A:61.91.141.52 X: )
ความคิดเห็นที่ 12
    น้องเมย์เข้ามาอ่านหลายครั้งแล้วซึ้งและประทับใจลุงน้ำชามากค่ะ
ทำให้เข้าใจชีวิตและก็คิดๆๆ เอ..คนเราเมื่อโตขึ้นจะต้องเจอและผ่านอะไรมากมาย อย่างที่คุณลุงเล่ามา น้องเมย์ยังเด็กยังไม่รู้ว่าต่อไปข้างหน้าจะเจออะไรแต่จะพยามทำวันนี้ให้ดีค่ะ
คุณลุงเล่าถึงชีวิตนักดนตรีได้เงินเดือนก็จะโดนหักภาษี รัฐไม่มีสวัสดิการให้เลยน้องเมย์พี่งรู้ค่ะ ดนตรีซึ่งเป็นวิชาที่น้องเมย์ไฝ่ฝันอยากเรียนอยากสัมผัส แต่ครอบครัวไม่ให้เรียนค่ะ แต่ห้วใจมันก็ยังเรียกร้อง
คนเก่งมีความสามารถและเข้มแข็งอย่างคุณลุงคงได้พบแต่สื่งดีดีค่ะ
น้องเมย์ขอเป็นกำลังใจให้อีกคนค่ะ
น้องเมย์คุยมาซะยาว คุณลุงคงจะยังไม่รู้จักน้องเมย์แต่น้องเมย์เห็นคุณลุงจากบ้านป้าจิ๊กคนสวยรวยน้ำใจนานแล้วค่ะ น้องเมย์อยู้ บ้าน DerDen ค่ะ
ขอให้คุณลุงมีความสุขในทุกๆวันค่ะ

โดย: MaySah [26 เม.ย. 48 13:58] ( IP A:24.5.205.126 X: )
ความคิดเห็นที่ 13
   ขอน้อมคารวะคนสู้ชีวิต ที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่งครับ...........

ได้อ่านเรื่องราวของท่านลุงน้ำชาแล้ว นึกถึงตัวเองเช่นกัน.......

กำลังใจ คือ น้ำหล่อเลี้ยงชีวิต

ถ้าไม่มีใครให้กำลังใจเรา เราก็ให้กำลังใจตัวเราเองก็ได้.....

??? วันนี้คุณให้กำลังใจตัวเองหรือยัง ???

สู้โว้ย..................... blink
โดย: คนต้นน้ำ [27 เม.ย. 48 7:58] ( IP A:203.151.140.116 X: )
ความคิดเห็นที่ 14
   คนเราเริ่มต้นนับ 1 ใหม่ได้หลายครั้ง ตัวหนูเองก็เป็นเช่นนั้นเหมือนกัน หนูเริ่มต้นนับ 1 ใหม่เมื่อ 4 ปีก่อนกับใครบางคนที่หนูรักสุดหัวใจ บางครั้งหนูเคยนั่งคิดอยู่คนเดียว ว่าเพราะอะไรหนูถึงต้องทำงานหนักขนาดนี้ ตื่นแต่เช้ามืดทุกวัน เริ่มงานตั้งตี 5 กว่าจะได้พักก็ 3 ทุ่ม ทำงานเกือบ 365 วัน ไม่เคยหยุดถ้าไม่จำเป็น ..สร้างทุกอย่างเพื่อคนนึงที่หนูรักไม่เคยเปลี่ยน วันนึงบางสิ่งมาบอกให้หนูต้องเริ่มต้นนับ 1 ใหม่อีกแล้ว ทุกอย่างที่เคยสร้างมาตลอด 4 ปีกำลังจะหมดไป ท้อเหมือนกันกับการที่จะต้องเริ่มต้นใหม่ แต่เพื่อคนที่ยืนข้าง ๆ ตอนนี้ทำให้ต้องอดทน หนุถอยไปก้าวนึงเพื่อหยุดคิดตั้งหลักรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิด คนเราก็มีบ้างที่จะท้อ แต่อย่าถอยนะคะ ถ้าจะถอยก็ขอให้เป็นการถอยเพื่อกับไปตั้งหลัก รับมือกับอะไรที่จะเกิด เป็นกำลังใจให้กับทุกคนค่ะ..

ขอบคุณลุงน้ำชา สำหรับกระทู้นี้ มันสร้างพลังให้เกิดขึ้นกับหนูได้อย่างประหลาด..ขอเป็นกำลังใจให้กับพ่อใหญ่แล้วก็ทุก ๆ คนค่ะ Life goes on

คนนี้หละเติมพลังใจให้หนูไม่มีหยุด : )

โดย: น้องลำไย [27 เม.ย. 48 22:14] ( IP A:203.154.7.76 X: )
ความคิดเห็นที่ 15
   ชอบมากค่ะ ลุงนำ้ชา เล่าเรื่องได้สนุกมาก ดีจริงๆ

เฮ้อ..ชีวิตคนเรา เป็นกำลังใจให้ลุงนำ้ชานะค่ะ
โดย: ดีใจจัง [28 เม.ย. 48 9:20] ( IP A:210.86.143.233 X: )
ความคิดเห็นที่ 16
   ผมมีข้อสงสัย จะถามครับ ลุงน้ำชา ทำไม่ถูกขั้นตอนครับ
สิทธิ์บัตรทอง ถ้าไม่มีบัตร ให้ใช้บัตรประชาชนครับ และสอบถามที่ห้องบัตรเลยว่ามาครั้งนี้ใช้สิทธิ์อะไร เพราะคุณลุงอาจจะไม่ต้องเสีย 500บาทอยู่แล้ว ผมอยากทราบว่า คุณลุงได้รับใบเสร็จ 500 บาทหรือไม่ ถ้าไม่ได้รับใบเสร็จคุณลุงส่งเสริมการทุจริตเข้าให้แล้ว ไอ้ที่ราคาที่ติดไว้ 900บาทมันคิดไว้ว่าโรงพยาบาลควรจะเก็บได้900บาท ถ้าเราได้สิทธิ์บัตรทอง(แม้บัตรหายให้ใช้บัตรประชาชนแทนครับ)เราไม่ต้องเสียอยู่แล้วแต่ถ้าคุณลุงใจดีจะสนับสนุนกิจการโรงพยาบาลคุณลุงบอกที่การเงินเลยว่าต้องการบริจาคเขาจะออกใบเสร็จรับเงินให้ไม่เข้ากระเป๋าใคร กรณีนี้กลายเป็นว่าคุณลุงเอาเงินให้เจ้าหน้าที่การเงินคนนั้นไปโดยที่เขาไม่ได้เป็นคนรักษาคุณลุงสักนิดเดียว คุณหมอที่ทำฟันให้คุณลุงไม่ได้เงิน ที่คุณลุงให้ไปหรอก
โดย: จนท ผู้หนึ่ง [29 เม.ย. 48 16:50] ( IP A:202.129.2.4 X: )
ความคิดเห็นที่ 17
    เสร็จแล้วคุณหมอก็บอกให้นั่งรอที่ม้ายาว สักพักก็เอาใบค่ารักษามายื่นให้แล้วบอกให้ไปชำระเงินที่เค้าเตอร์ด้านหน้า ผมอ่านดูที่หมอเขียนว่าอุด 2 ซี่ และต้องเย็นวาบเมื่อเห็นตัวเลขที่ด้านล่างเขียนว่า 900 บาท ตายละโหวยตายละวา วันก่อนไปเล่นเจ้าหีบเพลงได้เงินค่าตัวมา 1,000 บาท หวังว่าจะเอาไว้เป็นค่าใช้จ่ายดำรงชีพจนกว่าจะถึงวันที่ได้รับเงินค่าสอนเทอมใหม่(ราชภัฏเปิดเทอม + อีกประมาณ 40 วัน) เนี่ยขนาดโรงพยาบาลของรัฐนะ ยังตั้ง 900 บาท ถ้าผมเกิดเผลอไปคลินิกมันจะเป็นเท่าไหร่ก็เหลือที่จะเดา

ผมเอาเอกสารไปวางไว้ในตะกร้า นั่งรอ คิดในใจว่าเอาเงินใบ 500 ซ่อนไว้ใบนึงดีไหม แล้วบอกเค้าว่ามีมาแค่ 500 บาทเอง เผื่อเค้าอาจจะลดให้ได้

สักพัก เจ้าหน้าที่ก็เรียกชื่อผม ผมลุกเดินไปหาที่เค้าเตอร์ แทบไม่เชื่อหูเมื่อได้ยินเค้าบอกว่า “เรียบร้อยแล้วค่า กลับบ้านได้”

อะไรกันเนี่ย ผมไม่ต้องจ่าย 900 บาทนั่นเหรอ???

ผมไม่ได้ถามหรอก บอกขอบคุณแล้วเดินออกจากตึกทันตกรรมด้วยอาการตัวเบาหวิว 555 เงินหนึ่งพันยังอยู่!


*******************************************
////////////////////////////////////////////////////////////////////
*******************************************

ขอยกคำบอกเล่าของคุณลุงน้ำชามาให้คุณ จนท.ผู้หนึ่ง ได้อ่านนะคะ

จากคำบอกเล่าดังกล่า เราได้รับรู้ว่า ลุงน้ำชา ไม่ได้จ่ายเงิน แม้แต่บาทเดียว เพราะความดีที่คุณลุงน้ำชาได้ทำไว้ในส่วนของการบริจาคเลือดกับสภากาชาดนั่นเอง

และลุงน้ำชา ไม่ได้ใช้สิทธิ์จากบัตรทอง 30 บาท ก็สืบเนื่องจาก ลุงน้ำชาหาบัตรนั้นไม่เจอค่ะ

แต่อย่างไรก็ตาม ต้องขอขอบคุณ คุณจนท.ผู้หนึ่ง เป็นอย่างมากที่ชี้แจงวิธีการใช้สิทธิ์บัตรทองให้ทราบ เผื่ออนาคตข้างหน้า ป้าจิ๊ก ลุงน้ำชา หรือแม้แต่ใครก็ได้ที่อ่านกระทู้นี้ไปใช้สิทธิ์บัตรทองจะได้ไม่เข้าใจอะไรคลาดเคลื่อน และสามารถทำตามขั้นตอนการใช้สิทธิ์ได้อย่างถูกต้องนั่นเอง


smile (แอบมาตอบก่อนลุงน้ำชา ...คงไม่เป็นไรนะคะ)
โดย: ป้าจิ๊ก [29 เม.ย. 48 17:23] ( IP A:202.176.120.52 X: )
ความคิดเห็นที่ 18
   ป้าพรก็กลับมาอ่านอีกรอบ ก็ได้ความรู้ เพิ่มขึ้นอีก จากคุณจนทผู้หนึ่ง
โดย: ป้าพร Stockholm [29 เม.ย. 48 18:17] ( IP A:213.89.178.148 X: )

คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน