ชาวอียิปต์โบราณกับปัญหาผมร่วง
   ตั้งกระทู้ขึ้นมาขำ ๆ ค่ะ ^ ^ ผ่อนคลายความร้อน + ได้ความรู้

พอดีอ่านบทความเกี่ยวกับวิกผมของชาวอียิปต์โบราณแล้วเจอเนื้อหาน่าสนใจเลยเอามาเล่าสู่กันฟังว่า คนอียิปต์โบราณก็กลัวเรื่องปัญหาหัวล้านเหมือนกัน... ซึ่งคิดไปคิดมาก็แปลกดีค่ะ เพราะในเมื่อชาวอียิปต์โบราณส่วนใหญ่นิยมโกนผมตั้งแต่เด็กยันแก่แล้วสวมวิกแทนมากกว่า ด้วยสภาพภูมิอากาศที่ร้อนจัด + ปัญหาเรื่องเหาบุกรุุก อย่างที่ท่านเจ้าบ้านเคยบอกในกระทู้อื่น... แล้วในเมื่อเขาและเธอโกนผมกันอยู่เสมอแต่ทำไมถึงกลัวหัวล้านจนถึงขนาดต้องคิดค้นยาปลูกผมกัน???

ส่วนยาที่ว่าคือการนำเอาไขมันสัตว์ทั้งจาก แพะภูเขา (ibex) สิงโต ฮิปโป จระเข้ ห่าน ฯลฯ รวมไปทั้งถึงแมวกับแพะ โดยพวกเขาจะเอาไขมันเหล่านี้มาทาบนหนังศีรษะ นอกจากไขมันสัตว์แล้วก็ยังมีอีกสูตรที่ใช้ผักกาดมาหั่นเป็นฝอยแล้วมาโปะตรงตำแหน่งที่ผมร่วงเพื่อช่วยเร่งให้ผมขึ้นใหม่เร็วขึ้น?? (ไม่ทราบได้ผลจริงรึเปล่า?)

นอกจาก 2 สูตรข้างบนแล้วพวกเขายังมีสูตรที่ยังใช้กันมาถึงในปัจจุบันนี้รวมอยู่ด้วยอย่างเช่นการใช้น้ำมันที่สกัดจากพืช เช่น เข็มเฟอร์ (Fir), อัลมอลด์, โรสแมรี่, ละหุ่ง รวมไปถึงการใช้ลูกซัค (fenugreek) มาช่วยกระตุ้นให้ผมงอกเร็วขึ้น
โดย: Red Berry [21 เม.ย. 55 12:36] ( IP A:183.89.26.169 X: )
Add to Facebook  Add to Twitter  Add to Multiply  Add to Google  Add to Blogger  Add to Live
ความคิดเห็นที่ 1
   แหล่งที่มาของข้อมูลค่ะ

https://abbawigs.com/Wig_history.aspx
โดย: Red Berry [21 เม.ย. 55 12:42] ( IP A:183.89.26.169 X: )
ความคิดเห็นที่ 2
   ขอบคุณที่นำมาแชร์กันนะครับ ^^

จริงๆแล้วผมก็ว่าไม่แปลกที่ชาวอียิปต์โบราณจะัรัก "ผม" ของตัวเอง เราไม่สามารถบอกได้ว่าที่ชาวอียิปต์โบราณโกนหัวเพราะว่าสบายต่อสภาพอากาศที่ร้อนและป้องกันเหานั้น พวกเขา "เต็มใจ" ทำหรือเปล่า เพราะที่แน่ๆ พวกเขาคงจะมองว่าการมีผมมันหล่อและสวยกว่าปล่อยหัวให้ล้านโล่งแน่ๆ ไม่แน่พวกเขาอาจจะจำใจต้องโกนเพื่อป้องกันปัญหา แต่ก็ต้องการความสวยหล่อเหมือนเดิมก็เลยต้องใส่วิกแทนก็เป็นได้

นั่นก็แสดงว่าต้องมีชาวอียิปต์โบราณอีกไม่น้อยล่ะครับ ที่ไม่ได้โกนผม และกลัวผมร่วง จึงนำมาสู่สูตรยาต่างๆที่ปรากฏจริงใน Ebers Papyrus ดังที่กล่าวถึงการใช้ต้น Henna สายพันธุ์แถบ Persia มาใช้ในการบรรเทาอาการผมร่วงกันด้วย แต่ถ้าใครอยากทดลองสูตรต่างๆผมก็ขอแนะนำว่า "อย่า" ดีกว่าครับ เพราะเราบอกไม่ได้ว่าการถอดความนั้นถูกต้องแค่ไหน อาจจะถอดความมาผิด ไม่ได้หมายถึงตัวยานั้นๆจริงๆก็เป็นได้ เอาเป็นว่าทราบไว้พอเป็นความรู้ ไม่ต้องถึงขั้นเป็นนักวิทยาศาสตร์ทดลองขนาดนั้นก็ได้ครับ เพราะถ้าแพ้หรือเกิดปัญหาขึ้นมาแ้ล้วมันจะเรื่องยาวครับ 555+

ถ้าลองมองศีรษะมัมมี่ฟาโรห์อย่าง Ramses II ดีๆแล้วก็จะพบว่าบนศีรษะของพระองค์มีผมเหมือนกันนะครับ

https://www.egyptorigins.org/ramesses.jpg

และถ้าลอง Search รูปมัมมี่อียิปต์ดูก็จะพบว่าัมัมมี่ที่ยังมีผมอยู่ก็ยังมีเยอะเลยทีเดียวครับ

จริงๆแล้วผมคิดว่าการโกนผมคงเป็นแค่ "ความนิยม" น่ะครับ คล้ายๆตอนนี้เราก็พูดกันว่า วัยรุ่นไทยนิยมแต่งตัวและทำผมแบบเกาหลี แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าัวัยรุ่นไทย "ทุกคน" แต่งตัวแบบเกาหลี จริงไหมล่ะครับ ^^
โดย: Detectiveoat13 (เจ้าบ้าน ) [21 เม.ย. 55 15:01] ( IP A:115.87.117.81 X: )
ความคิดเห็นที่ 3
   ว่าแต่คุณ red berry ตั้งกระทู้ได้ตรงกับโรคที่ผมเป็นอยู่เลยครับ 555+
(แต่ผมเป็นเกลื้อนกับเชื้อราบนหนังศีรษะ)
โดย: tumtum [21 เม.ย. 55 15:53] ( IP A:58.9.109.21 X: )
ความคิดเห็นที่ 4
   มันเป็นเรื่องน่าภูมิใจที่จะมาโชว์เขาไหมล่ะครับเนี่ยยยยคุณ tumtum 555+

ดูแลตัวเองบ้างนะครับ อย่าอ่านแต่เรื่องอียิปต์เพลิน เดี๋ยวไม่หล่อ น้องฮาวาไม่สนใจก็ช่วยไม่ได้นะครับ blink
โดย: Detectiveoat13 (เจ้าบ้าน ) [21 เม.ย. 55 16:03] ( IP A:115.87.117.81 X: )
ความคิดเห็นที่ 5
   ขอบคุณท่านเจ้าบ้านที่ช่วยมาเสริมข้อมูลเช่นเคย ^ ^

นอกจากเรื่องปัญหาผมร่วงแล้ว... พี่เคยเห็นมัมมี่ที่ยังมีผมมาแล้วเหมือนกัน เหมือนจะเคยอ่านเจอด้วยว่ามีการทำนำเส้นผมของรามเสสที่ 2 ไปทดสอบทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับเรื่อง cell แล้วก็สีผม แต่จำไม่ค่อยได้แล้วค่ะ...

ปล. ง่า...น้อง tumtum ปล่อยมุขใช้มั้ยเนี่ย 555
โดย: Red Berry [21 เม.ย. 55 21:05] ( IP A:183.89.26.169 X: )
ความคิดเห็นที่ 6
   ลืมไปค่ะ สำหรับสูตรรักษาผมร่วงสูตรแรกที่ใช้ไขมันจากสารพัดสัตว์อันนี้คิดว่าคงไม่มีคนคิดลองล่ะ เพราะถึงอยากลองก็คงหาวัตถุดิบไม่ได้

ส่วนสูตรที่ใช้ผักกาดมาโปะหัวนั่นถึงจะไม่มีพิษมีภัย แต่ก็ไม่แน่เหมือนกันเพราะผักเดี๋ยวนี้มีแต่สารเคมี ใครคิดทดลองคงต้องหาเอาจากผักปลอดสารฯ กันหน่อยล่ะค่ะ

ส่วนสูตรที่ 3 ที่ใช้น้ำมันสกัดจากพืชหรือที่ใช้เฮนน่าตามใน Ebers Papyrus ตามที่ท่านเจ้าบ้านเสริมดูจะเป็นไปได้ที่สุด แต่ทางที่ดีเชื่อคำเตือนของท่านเจ้าบ้านจะปลอดภัยที่สุด และแวะไปปรึกษาแพทย์เฉพาะทางดีกว่าค่ะ...
โดย: Red Berry [21 เม.ย. 55 21:16] ( IP A:183.89.26.169 X: )
ความคิดเห็นที่ 7
   ยินดีครับ

จริงๆแล้วสูตรต่างๆ ถึงจะแปลมาถูก และหาวัตถุดิบได้ก็ต้องใช้ในปริมาณที่กำหนดด้วยน่ะครับ ถ้าลองดูจากในปาปิรัสทางการแพทย์ทั้งหลายแหล่ จะมีการบอกปริมาณส่วนผสมด้วยว่าใช้อะไรเท่าไรบ้าง แต่ก็แน่นอนว่ามันบอกไม่ละเอียดหรอกครับ ชาวอียิปต์เองก็ต้องใช้ประสบการณ์และการเรียนรู้จากนักบวชชั้นอาจารย์ด้วย ไม่ได้หมายความว่าอ่านคัมภีร์แล้วจะทำตามได้เลยเสียเมื่อไีร

อีกอย่างก็คงต้องมีอุปกรณ์ ช้อนตักส่วนผสม อะไรแบบนี้ประกอบด้วย ถ้าใช้ผิดสูตรอาจจะผมร่วงมากกว่าเดิมก็ได้นะครับ 555+ ^^
โดย: Detectiveoat13 (เจ้าบ้าน ) [21 เม.ย. 55 21:40] ( IP A:115.87.117.81 X: )
ความคิดเห็นที่ 8
   ดังนั้นวิธีแก้ปัญหาหัวล้านที่ได้ผลและรวดเร็วที่สุดก็คือการหาวิกมาใส่นั่นเอง 555 แต่ยังไม่ทราบว่าวิกผมเริ่มมีใช้ในอียิปต์ตั้งแต่เมื่อไหร่??? รบกวนท่านผู้รู้ทั้งหลายด้วยนะคะ...

เท่าที่ค้นเจอชาวอียิปต์โบราณถือเป็นชนชาติแรก ๆ ที่คิดค้นวิกขึ้นมา ซึ่งวัสดุที่นำมาใช้ทำวิกของผู้มีฐานะจำทำมาจากผมจริง ซึ่งนำมาจากผมของทาสหรือไม่ก็เชลยสงคราม โดยนำมาติดเข้าด้วยกันโดยใช้ขี้ผึ้งหรือไม่ก็ยางไม้ แล้วยังมีที่ทำขึ้นจากขนแกะด้วย ส่วนคนยากจนนั้นวิกของพวกเค้าอาจประดิษฐ์ขึ้นจากเส้นใยของพืช... นอกจากวิกผมแล้วก็ยังมีการต่อผม หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า hair pieces นั่นเอง

แน่นอนว่าวิกผมของชาวอียิปต์โบราณนั้นมีหลากหลายรูปทรง ทั้งผมบ๊อบตรงธรรมดา ผมหยิก ผมถักเปีย ฯลฯ มีกระทั่งวิกผมทรงอัฟโฟรอีกด้วยค่ะ ^ ^ ใครอยากเห็นวิกทรงอัฟโฟรก็เข้า Link ข้างล่างนี้ได้เลยนะจ้ะ

https://wysinger.homestead.com/hair2.html

นอกจากกลัวหัวล้านแล้ว พวกเขาก็กลัวผมหงอกด้วยค่ะ ส่วนวิธีแก้ปัญหาผมหงอก ซึ่งก็มีหลายสูตรอีกเช่นกัน ทั้งแบบที่เป็นไสยศาสตร์โดยการใช้เลือดของวัวตัวผู้สีดำ, เขาสีดำของกวางกาเซลเอามาบด หรือไม่ก็ใช้ตับของลา ด้วยความเชื่อที่ว่าจะช่วงป้องกันผมหงอกได้??? กับแบบธรรมดาหน่อยที่ใช้เฮนน่าย้อมผมค่ะ...

https://www.reshafim.org.il/ad/egypt/timelines/topics/hair.htm
โดย: Red Berry [22 เม.ย. 55 20:02] ( IP A:183.89.25.65 X: )
ความคิดเห็นที่ 9
   ยินดีครับ ^^

เริ่มต้นขอยังไม่พูดถึงวิกแล้วกัน เอาเป็นผมปลอมก่อนนะครับ หลักฐานแรกสุดเกี่ยวกับผมปลอม มาจากนคร Hierakonpolis อายุประมาณ 3400BC เป็นผมแบบ Dreadlock ย้อมสีด้วย Henna ซึ่งใช้ "ผูกต่อ" จากผมจริง จึงไม่ถือว่าเป็นวิกสมบูรณ์ครับ

แต่ "วิก" แรกสุดของอียิปต์โบราณเริ่มต้นเมื่อประมาณ 2000BC ครับ พบในสุสานของนักบวชหญิงนามว่า Amunet ครับผม ^^

ใน Ebers Papyrus เจ้าเก่ามีบันทึกเอาไว้จริงครับเกี่ยวกับสูตรยาประเภท "ปิดผมขาว" ซึ่งจารึกไว้ในย่อหน้าที่ 451-463 ส่วนสูตรยาปลูกผม (ป้องกันหัวล้านผมร่วง) ที่คุยกันไปแล้วอยู่ในย่อหน้าที่ 464-474 ครับ

ส่วนใหญ่แล้วก็อย่างที่คุณ Red Berry บอกมาแหละครับว่า ยาปิดผมขาวสไตล์อียิปต์โบราณมักจะใช้ส่วนประกอบของอะไรก็ตามที่มีสีดำเช่นเลือดของวัวสีดำหรือเขาสีดำของละมั่ง ซึ่งน่าจะเป็นเรื่องของความเชื่อมากกว่าสรรพคุณที่แท้จริง ส่วนตับลานั้นจริงๆแล้วสูตรบอกว่าใช้ "ตับลาบูด" (Putrid) ด้วยนะครับ เอามาผสมกับน้ำมันก่อนที่จะโปะลงไปบนศีรษะ

ก็เลยแนะนำแบบเดิมครับว่า "อย่าลองเลย" ดีกว่า เชื่อผมเต๊อะ 555+ blink
โดย: Detectiveoat13 (เจ้าบ้าน ) [22 เม.ย. 55 20:56] ( IP A:101.109.139.215 X: )
ความคิดเห็นที่ 10
   อ่า...ที่แท้มันคือ "ตับลาบูด" จริง ๆ ด้วย @ @ ทีแรกนึกว่าแปลผิดเลยไม่แน่ใจ เพราะแค่คิดจะเอาตับลา (ไม่ต้องถึงกับบูด) มาโปะหัวก็แย่แล้ว... เอาเป็นว่าสูตรพิสดารนี้ถึงไม่ต้องมีคำเตือนก็คงไม่มีใครคิดทดลองแน่ล่ะพี่ว่า 555 ที่สำคัญถึงอยากลองก็ไม่รู้จะหาตับลามาจากไหน

ขอบคุณท่านเจ้าบ้านสำหรับที่มาเรื่องวิกผมกับผมปลอมด้วยนะคะ... ว่าแต่มี Link ที่บอกเกี่ยวกับเรื่องนี้พอจะแนะนำบ้างไหมคะ พี่จะได้เข้าไปอ่านเพิ่มเติม เพราะที่ค้นเจอไม่มีบอกเกี่ยวกับผมปลอมหรือวิกอันแรกเลยค่ะ... รบกวนอีกครั้ง
โดย: Red Berry [22 เม.ย. 55 21:59] ( IP A:183.89.25.65 X: )
ความคิดเห็นที่ 11
   อ่า พอดีที่ตอบไปเป็นข้อมูลติดหัว (หมายถึงไม่ได้ไปค้นมาตอบ) เลยไม่ได้ลงแหล่งข้อมูลไว้ให้น่ะครับ แหะๆ ขออภัยครับ

ข้อมูลที่ว่า 3400BC กับ 2000BC ผมอ้างอิงมาจากหนังสือเล่มนี้ครับ

The seventy great inventions of the ancient world
https://bibdsl.co.uk/imagegallery2/bds/200443/9780500051306.JPG

เป็นหนังสือเกี่ยวกับสิ่งประดิษฐ์สำคัญๆของโลกโบราณ ส่วนเรื่องวิกเอามาจากบท Adorning the Person: Clothing, Shoes & Wigs ครับผม book
โดย: Detectiveoat13 (เจ้าบ้าน ) [22 เม.ย. 55 22:09] ( IP A:101.109.139.215 X: )
ความคิดเห็นที่ 12
   ขอบคุณมากค่ะสำหรับแหล่งข้อมูล แต่เป็นหนังสือแบบนี้พี่คงไม่ได้อ่าน TT^TT ลองเข้าไป secrch ใน google book ก็ไม่มีหน้าตัวอย่างให้อ่านเสียดายจัง...
โดย: Red Berry [24 เม.ย. 55 18:01] ( IP A:183.89.25.65 X: )


คลิก เพื่อเปลี่ยนกลับไปแสดงความคิดเห็นแบบเดิม

ชื่อไฟล์รูปห้ามมีอักขระพิเศษ เช่น (#),(<),(>),(&) เป็นต้นค่ะ
ชื่อ / e-mail :    แทรกไอคอนน่ารักๆในข้อความ
e-mail :
ส่งอีเมลทุกครั้งที่มีการตอบกระทู้       (ใส่ Email เมื่อต้องการให้ส่ง Email เมื่อมีคนมาโพสในกระทู้)


CAPTCHA code



คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน