ตำนานโมเสสในไบเบิลกับฟาโรห์รามเลสมหาราช
   
โดย: [0 3] ( IP )
Add to Facebook  Add to Twitter  Add to Multiply  Add to Google  Add to Blogger  Add to Live
ความคิดเห็นที่ 1
   กระทู้นี้มิได้มีเจตนาลบหลู่ความเชื่อทางศาสนาใดๆ เป็นการสรุปเนื้อหาจากสารคดีชุดหนึ่ง ที่ผมเห็นว่าน่าสนใจมากๆเท่านั้น

ผมเชื่อว่าทุกคนคงเคยได้ยินตำนานของโมเสส ผู้ได้รับบัญชาจากพระเจ้า ให้นำทาสชาวฮีบรูออกจากอียิปต์ แต่ฟาโรห์ไม่ยอม ทำให้พระเจ้าพิโรธจนบันดาลให้เกิดภัยพิบัติ 10 ประการ ทำลายอียิปต์

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริงหรือไม่ หรืออย่างน้อย...มีเค้ามูลความจริงในแง่ประวัติศาสตร์หรือไม่?

นักวิชาการส่วนใหญ่เชื่อว่า หากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริง ก็ควรจะตรงกับรัชสมัยของฟาโรห์รามเลสมหาราช คำถามคือ...มีหลักฐานรึไม่?

หลักฐานจากบันทึกของอียิปต์ ไม่มีเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย ทั้งๆที่น่าจะเป็นเหตุการณ์ใหญ่โตมาก ตรงนี้มีการสันนิษฐานว่า รามเลสอาจสั่งให้ลบเรื่องนี้ทิ้งออกไป ไม่ให้มีการบันทึกไว้ เพราะเป็นเสื่อมเสียพระเกียรติที่ต้องพ่ายแพ้พวกทาส การไม่มีบันทึกไว้ไม่ได้แปลว่ามันไม่ได้เกิดขึ้น ถ้าเราเชื่อว่าตำนานนี้มีมูลความจริง เพราะก็ไม่ได้มีแค่เรื่องอัศจรรย์ แต่ยังมีเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์หลายอย่างเกี่ยวข้องด้วย ถ้าเราบอกว่าตำนานนี้ "มีมูลความจริง" ก็ต้องมาดูกันว่า...แท้จริงแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

ผมขอสรุปเฉพาะไอเดียสำคัญของสารคดีที่ดูมาให้อ่านกันนะครับ

1 เมืองที่คาดกันว่าคือสถานที่ซึ่งชาวฮีบรูถูกบังคับให้สร้างก็คือ เมืองพีรามเลส คาดว่าน่าจะตั้งอยู่ใกล้กับเมืองอวาริส ปัจจุบันเมืองพีรามเลสไม่เหลือแม้แต่ซากแล้ว เลยพิสูจน์ชัดเจนไม่ได้ แต่ในแง่โลเคชั่นแล้วถือว่้าเป็นไปได้มากที่สุด เพราะอยู่ใกล้กับเส้นทางที่เชื่อว่าเป็นเส้นทางอพยพของชาวฮิบรู

2 ภัยพิบัติ 9 ประการแรก เป็นภัยธรรมชาติและอียิปต์มีปัจจัยเอื้อให้เกิดขึ้นได้จริง อย่างเรื่องแม่น้ำกลายเป็นเลือด แท้จริงน่าจะเป็นดินตะกอนสีแดงจาก...(จำไม่ได้ แถวๆต้นแม่น้ำไนล์น่ะครับ)...ถูกพัดพามามากกว่าปกติ ทำให้สัตว์น้ำตายกันเยอะมาก พูดง่ายๆว่าภัยพิบัติเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้จริง และถ้าเกิดก็คือความซวยของอียิปต์ในช่วงนั้นที่ธรรมชาติเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน (พระเจ้าพิโรธ) เผลอๆอาจเป็นสาเหตุที่พวกฮีบรูอพยพด้วยซ้ำ คือไม่ได้หนีเพราะงานหนัก แต่หนีเพราะเกิดภัยธรรมชาติพวกนี้แหละ

3 ภัยพิบัติข้อสุดท้ายต่างหากที่ท้าทายมาก "พระเจ้าประหารบุตรชายหัวปีของชาวอียิปต์ทุกคน" ลูกชาวบ้านธรรมดาเราคงไม่อาจพิสูจน์ได้ แต่รัชทายาทของรามเลสล่ะ? หลังจากขุดพบกะโหลกของโอรสองค์แรกของรามเลส พิสูจน์โดยกระบวนการทางนิติวิทยาศาสตร์ พบว่าสิ้นพระชนม์ในวัยราว 30 ปี จากการบาดเจ็บที่ศีรษะจนกะโหลกมีรอบบุบเข้าไป อาจเกิดจากอุบัติเหตุ การลอบปลงพระชนม์ หรือการต่อสู้ สรุปได้ว่าภัยพิบัตินี้ไม่ได้เกิดขึ้นจริง หรืออย่างน้อย...ไม่ได้เกิดขึ้นเหมือนในตำนานเป๊ะๆ

4 แต่เดี๋ยวก่อน...โมเลสน่ะมีตัวตนจริงๆหรือเปล่าเหอะ? อันนี้ก็น่าสนใจมาก เราไม่พบหลักฐานหรือบันทึกถึงเจ้าชายหรือบุคคลสำคัญใดที่อาจจะเป็นโมเสสเลย ในแง่ประวัติศาสตร์ถือว่ายังไม่สามารถบอกได้ว่าโมเสสมีตัวตนจริงหรือไม่ แต่หากว่ามีตัวตน ก็น่าจะเป็นเจ้าชายเล็กๆองค์หนึ่งในราชสำนัก (และตำนานก็บอกไว้เช่นนั้น) หากโมเสสมีตัวตนแล้วโตขึ้นมาในวัง เขาไปได้ความคิดเกี่ยวกับ “การมีพระเจ้าเพียงองค์เดียว” มาจากไหนล่ะ? แน่นอน ก็จากฟาโรห์อเคนาเตนอย่างไรเล่า!
โดย: Sundown [7 ก.พ. 52 20:14] ( IP A:58.9.161.116 X: )
ความคิดเห็นที่ 2
   5 อเคนาเตนคือผู้สร้างกระแสเอกเทวนิยมในอียิปต์ จนบัดนี้ก็ยังไม่มีใครบอกได้ว่าฟาโรห์องค์นี้ไปได้ความคิดผ่าเหล่าผ่ากอนี้มาจากไหน เป็นไปได้หรือไม่ที่ทรงได้ไอเดียนี้จากพวกฮิบรูนั่นเอง ได้ไอเดียว่าพระเจ้าจริงแท้ควรมีแค่องค์เดียว และมีการชี้ว่าลัทธิอเตนมีความคล้ายกับพระเจ้าของฮิบรูอย่างมากถึงสองประการด้วยกัน อย่างแรกก็คือการเชื่อว่ามีพระเจ้าแท้จริงแค่องค์เดียว อย่างที่สองคือไม่มีการบูชารูปเคารพใดๆ การบูชาเทพอเตนจะทำต่อดวงอาทิตย์โดยตรง แม้ลัทธิอเตนจะสิ้นสุดลงหลังจากอเคนาเตนสวรรคต แต่ก็เป็นไปได้ว่ามีกลุ่มคนส่วนหนึ่งที่ยังเสื่อมใสต่อๆกันมา

6 ปาฏิหาริย์ ณ ริมทะเลแดง “พระเจ้าบันดาลให้ทะเลแยกออกเป็นทางให้ชาวฮิบรูเดินข้ามทะเลแดง แล้วพอฟาโรห์ยกกองทัพตามลงมา ทะเลก็กลับสู่สภาพเดิม กองทัพอียิปต์พินาศ” เหตุการณ์นี้ไม่มีทางเกิดขึ้นแบบนั้นแน่ๆ เพราะเราพบมัมมี่ของรามเลสแล้ว พิสูจน์ได้ว่าสวรรคตบนบัลลังก์อย่างยิ่งใหญ่ ไม่ได้จมน้ำทะเลตายแต่อย่างใด แต่ตำนานที่เล่าว่าฟาโรห์ยกทัพตามมาก็มีเหตุผล ลองนึกว่าหากโมเสสซึ่งมีฐานะเป็นเจ้าชายนำคนอพยพออกมา ก็คือกบฎดีๆนี่เอง รามเสสไม่มีทางอยู่เฉยโดยไม่ทำอะไร ต้องมีการติดตามแน่ ใครกันล่ะที่ตามมา ใครที่มีศักดิ์สูงเทียบเท่าฟาโรห์ ใครที่สิ้นพระชนม์โดยมีรอยบาดเจ็บที่ศีรษะจากสาเหตุที่ยังไม่ทราบแน่ชัด ก็องค์รัชทายาทนั่นเอง!

7 เส้นทาง “จริง” ที่พวกฮิบรูอพยพนั้น ไม่ได้เดินข้ามทะเลแดง ในแง่วิชาการเชื่อกันว่าน่าจะเป็นเส้นทางออกจากเมืองพีรามเลส แล้วเดินข้ามหนองน้ำขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง (จำชื่อไม่ได้) ซึ่งดูเผินๆจะกว้างมากจนเหมือนเป็นทะเล แต่น้ำไม่ลึก พอเดินลุยผ่านไปได้ เป็นไปได้หรือไม่ว่า...โมเสสที่น่าจะเป็นเจ้าชาย มีการศึกษา จึงรู้ว่าตรงจุดนั้นสามารถเดินลุยผ่านไปได้ และยังช่วยป้องกันทัพของฟาโรห์ได้ เพราะรถศึกไม่สามารถตะลุยผ่านได้ ส่วนพวกฮิบรูที่โตมาในฐานะทาส ย่ิิอมไม่ได้รับการศึกษา อาจไม่รู้จักเส้นทาง แค่พอรู้ว่ามีทะเลคั่น แต่ไม่รู้ว่าตรงไหน ยังไง เมื่อโมเสสพามายังจุดที่เดินลุยผ่านได้ จึงกลายเป็นการช่วยเหลือของพระเจ้าไป?

เหตุการณ์นี้ในไบเบิล ตำนานของโมเสส จึงได้รับการสันนิษฐานในแง่วิชาการว่า หากมีมูลความจริง สิ่งที่ “อาจจะเกิดขึ้นจริงๆ” คือ มีเจ้าชายองค์หนึ่งหรือโมเสส มีศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียว พอได้มาดูงานในเขตก่อสร้าง (ตำนานมีเล่าจุดนี้ไว้ด้วย) สนิทกับพวกฮิบรู เลยกลายเป็นว่าเป็นกลุ่มคนที่มีศรัทธาเหมือนกัน โมเสสจึงต้องการนำพวกฮิบรูออกไปตั้งอาณาจักรใหม่ของตัวเอง พอดีกับช่วงนั้นเกิดภัยธรรมชาติร้ายแรงในอียิปต์ด้วย จึงชักจูงได้ง่าย (สัญญาณจากพระเจ้า) เดินทางไปจนถึงหนองน้ำดังกล่าว องค์รัชทายาทนำทัพไล่ตามมา รถศึกติดหล่มโคลน จนเกิดอุบัติเหตุตกจากรถศึก ศีรษะกระแทก สิ้นพระชนม์ (ถูกประหารโดยหัตถ์ของพระเจ้า) หรือไม่เช่นนั้นก็เกิดต่อสู้กัน แล้วโมเสสสังหารรัชทายาทลงได้ (ถูกประหารในนามของพระเจ้า)

กระทู้นี้เป็นการบอกเล่าในแง่ของการพิสูจน์และสันนิษฐานทางวิชาการนะครับ ไม่ได้จะโต้แย้งหรือกล่าวหาว่าเรื่องราวในพระคัมภีร์บิดเบือนหรืออะไรอย่างนั้น หากใครจะเชื่อว่าเรื่องในไบเบิลเกิดขึ้นตามนั้นจริงทุกตัวอักษร อันนี้ก็เป็นศรัทธาของแต่ละคน กระทู้นี้เีพียงแค่สรุป “เท่าที่ด้านวิชาการ” สามารถหาหลักฐานมาสันนิษฐานได้เท่านั้นเอง อีกหน่อยหากมีอะไรใหม่ๆ ก็อาจเปลี่ยนแปลงได้อีกครับ
โดย: Sundown [7 ก.พ. 52 20:15] ( IP A:58.9.161.116 X: )
ความคิดเห็นที่ 3
   เราเคยดูสารคดีนี้เหมือนกัน เราว่า เค้าวิเคราะห์มานั้น มันสมเหตุสมผลมากที่ว่าเหตุการณ์มันน่าจะเป็นแบบนี้ จริงๆ
โดย: som [7 ก.พ. 52 22:48] ( IP A:125.27.170.254 X: )
ความคิดเห็นที่ 4
   ขั้นแรกครับ สงสัยนิ๊ดด นึง ทำไมคุณ Sundown เรียก Ramses ว่า "รามเลส" ล่ะครับ? พอดีเห็นใช้คำว่ารามเลส บ่อยมาก เลยไม่น่าจะเกิดจากการพิมพ์ผิด??

ขั้นสอง ก็ต้องขอบคุณคุณ Sundown ที่สรุปสารคดีชุดนี้มาให้พวกเราชาวบอร์ดได้ศึกษากันนะครับ ผมคาดว่าสารคดีเรื่องนี้น่าจะออกมาตั้งแต่ปี 2004-2005 แล้วครับ (เพราะผมเคยดูมานานมากๆแล้ว) เนื้อหาเด่นๆที่น่าสนใจคือบอกว่า อาจจะมีการตีความผิดเรื่องทะเลแดง คือประมาณว่าจากที่ถอดความว่า Red Sea จริงๆแล้ว จะเป็น Reed Sea หรือไม่???

ซึ่งถ้าเราจะหาหลักฐานจากบันทึกของอียิปต์ก็ไม่มีอะไรบันทึกไว้เลยครับ น่าเสียดายจริงๆ

นอกเรื่องเสริมให้เล็กน้อยนะครับเกี่ยวกับเรื่องเทพ Aten

จริงๆแล้วเทพ Aten มีตัวตนมาตั้งแต่สมัย Tuthmosis IV แล้วนะครับ แต่ว่าก็เป็นเทพองค์หนึ่ง ในเทพหลายๆองค์ที่ได้รับการบูชา แต่ว่าเรื่องการเริ่มบูชาเทพ Aten เพียงองค์เดียว เริ่มที่ฟาโรห์ Amenhotep III ครับ แต่ว่าไม่เด่นชัดและไม่สำเร็จดีเท่ายุคของ Amenhotep IV หรือ Akhenaten ครับ

ตำราส่วนมากไม่กล่าวถึงเรื่องนี้ ทำให้คนส่วนใหญ่เข้าใจไปว่าเทพ Aten มีมาในยุคของ Akhenaten (คือ Akhenaten เป็นคนคิดเทพ Aten ขึ้นมา ซึ่งไม่จริงครับ เพราะว่าเทพ Aten มีมาตั้งนานแล้วครับ)

จริงๆแล้วประวัติศาสตร์สามารถเปลี่ยนแปลงได้ครับ เมื่อเรามีหลักฐานใหม่ที่สามารถ "ลบล้าง" หลักฐานเก่าๆได้ สำหรับเรื่อง Moes เราก็ทำได้แค่รอหลักฐานใหม่นั้นๆต่อไปครับ ^^

โดย: Detectiveoat13 (เจ้าบ้าน ) [8 ก.พ. 52 10:42] ( IP A:124.120.114.173 X: )
ความคิดเห็นที่ 5
   เคยอ่านมาเหมือนกันนะเรื่อง โมเสส หรือที่อ้างHierogyphic คำว่า ms-s มาหน่ะ ไม่มีหลักฐานใดอ้างอิงได้อย่างสมบูรณ์ด้วยสิ แต่เรื่องเด็กที่ถูกปล่อยให้ลอยมาตามน้ำ แล้วมีเจ้าหญิงแห่งอียิปต์ทรงรับอุปการะไว้ เราก็เคยเจอมาเหมือนกัน และอีกทั้งในยุคนั้นถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าเป็นห้วงเวลาแห่ง Exodus ไม่อยากเสนออะไรมากอ่ะนะ เพราะว่าเคยนั่งหาเรื่องราวของโมเสสมารอบหนึ่งแล้ว .. และต้องขอขอบคุณท่าน Sundown มากที่อุตสานำความรู้มาให้อ่าน เป็นความรู้ใหม่ ๆ สำหรับหลาย ๆ ท่านด้วย

โดย: xzodic [8 ก.พ. 52 10:48] ( IP A:114.128.127.142 X: )
ความคิดเห็นที่ 6
   เป็นเรื่องที่น่าสนใจคับเหมือนเคยดูอยู่เหมือนกัน
เคยคิดเล่นๆนะว่าพวกที่เรียนประวัติศาสร์หรือนักประวัติศาสตร์เนี่ย จะเจอปัญหาบ่อยๆเมื่อ "F" 2ตัว มาเจอกัน
F-Fact มักจะไม่ถูกกันกับ F-Faith เจอกันทีไรตีกันทุ้กที555+
โดย: Imseti [8 ก.พ. 52 11:12] ( IP A:58.9.30.205 X: )
ความคิดเห็นที่ 7
   จากที่ลองไปศึกษาดูเนี่ยคัมภีร์ของคริสต์มีการเปลี่ยนเเปลงขัดเกลาคำอยู่หลายครั้งคับรวมถึงreed seaด้วย เเล้วในคัมภีร์Quranของฮิบรูที่เคร่งครัดเรื่องสาระในหนังสือมาก โดยจะไม่มีการเปลี่ยนเเปลงเเม้เเต่น้อยก็ระบุชัดเจนว่าreed sea..
โดย: Imseti [8 ก.พ. 52 12:35] ( IP A:58.9.36.117 X: )
ความคิดเห็นที่ 8
   ทำไมคุณ Sundown เรียก Ramses ว่า "รามเลส" ล่ะครับ?

อ่า...พิมพ์ผิดจริงๆครับ นึกว่ารามเลส จริงๆต้องเป็น "เสส" ไม่ก็ "เซส" ใช่มั้ยครับ
โดย: Sundown [8 ก.พ. 52 15:26] ( IP A:58.9.160.214 X: )
ความคิดเห็นที่ 9
   ขอบคุณสำหรับความรู้ที่นำมาแบ่งปันนะคะ
โดย: เว [8 ก.พ. 52 23:41] ( IP A:118.172.132.253 X: )
ความคิดเห็นที่ 10
   ขอบคุณครับ
โดย: night [10 มี.ค. 52 17:28] ( IP A:117.47.109.196 X: )
ความคิดเห็นที่ 11
   ขอบคุณสำหรับข้อมูลที่นำมามอบให้ครับ คือผมยังไม่มีความรู้เรื่องอียิปต์ใดๆเลย ผมสงสัยว่าองค์รัชทายาทในข้อ7 ความคิดเห็นที่1คือใครหรอคับ แล้วเขามีประวัติอย่างไรบ้าง..... ขอบคุณครับ
โดย: Samoyed_s99@hotmail.com [13 มี.ค. 52 19:35] ( IP A:125.24.30.19 X: )
ความคิดเห็นที่ 12
   รัชทายาทที่ว่านั้นคือเจ้าชาย Amun-her-shepeshef ซึ่งเกิดกับพระนาง Nefertari กับ ฟาโรห์รามเสส ที่2 เชื่อกับว่าเจ้าชาย Amun-her-shepeshef นี้เป็นบุตรหัวปีของ ฟาโรห์รามเสส 2 และคิดว่า น่าจะได้ครองตำแหน่งสำคัญในอียิปต์ อาทิ เช่น แม่ทัพใหญ่ แล้ว อาจจะได้รับการแต่งตั้งเป็นฟาโรห์ในอนาคต แต่ เสียดายที่พระองค์ สินพระชนม?จากเหตุกาณณ์นี้เสียก่อน เลยอดเป็นฟาโรห์ไป ด้งนั้น ผู้ที่ได้ตำแหน่งต่อจากรามเสส ที่ 2 จึงตกเป็นของ เมอร์เนปตาห์ ซึ่งเป็น บุตร ของ พระนาง Isetnofret ไป
ผิดพลาดยังไง ก็ ช่วยกันแก้ด้วยนะคร๊าบบ ข้าพเจ้ารู้มาแค่นี้แหละ
โดย: som [13 มี.ค. 52 20:46] ( IP A:125.27.183.127 X: )
ความคิดเห็นที่ 14
   ในพระคำภีร์exodus 15:4ใช้คำว่า red seaไม่ใช่ reed sea นะคับ นั่นหมายถึงทะเลแดงจิงๆ ข้อมูลจากไบเบิล
โดย: s [17 มี.ค. 52 13:21] ( IP A:125.27.140.225 X: )
ความคิดเห็นที่ 15
   555ที่อ่านนั้นเป็นnew testamentใช่มั๊ยครับถ้าใช่คงจะหาไม่เจอหรอก
หลังจากการชำระพระคัมภีร์ คำบางคำถูกเกลาเเละดัดเเปลงไป
โดย: imsety [17 มี.ค. 52 13:37] ( IP A:61.90.74.72 X: )
ความคิดเห็นที่ 16
   อ้อลืมไป"คำบางคำถูกเกลาเเละเปลี่ยนไป"โดยเฉพาะREED SEA >RED SEA
ด้วยนะขอรับ เอ๊กโซดัสถูกนำมาจากQuranของยิวเเละเปลี่ยนเปลงคำบางคำไป
โดย: imsety [17 มี.ค. 52 21:16] ( IP A:61.90.74.72 X: )
ความคิดเห็นที่ 17
   อะ เคยอ่านว่าแรงงานชาวอียิปต์โบราณเขาได้รับการจ้างนี่คะ ได้ขนมไวน์เนื้อ บลาๆเป็นการตอบแทน แถมได้รับการรักษาที่ดีด้วยแนวประกันสังคมที่ดี 55 คนอียิปต์โบราณสร้างสิ่งต่างๆเพราะรักกษัตริย์ของตัวเอง
(พอดีเรื่องของโมเสส มัตไม่ถนัดเพราะไม่ค่อยได้อ่านเท่าไหร่ ถนัดแนวศพๆมัมมี่ๆ 55)

เทพอนูบีส ตาเศร้าที่บ้าน

โดย: มัตจัง [20 มี.ค. 52 14:52] ( IP A:58.9.209.113 X: )
ความคิดเห็นที่ 18
   ฟังดูมีเหตุผลดี ขอบคุณสำหรับความรู้ใหม่ๆนะค่ะ. (:
แต่เค้าชอบดูเรื่อง ปริ๊น ออฟ อียิปต์ 5555555555555

มันสนุกดีด้วย > <
โดย: Richy [25 มี.ค. 52 20:45] ( IP A:124.120.52.66 X: )
ความคิดเห็นที่ 19
   อ่าของกล่าวถึงการนับถืออเตนของฟาโรห์ก่อน อเคนาเตนหน่อยครับ
ความจิงการเพิ่มมานับถือเทพมากขึ้นก็เป็นสิ่งดีครับจะได้ถ่วงอำนาจ
นักบวชแห่งอมุนซึ่งมั่งคั่งเป็นอย่างมาก แต่อเคนนาเตนก็อาจทำเกิน
ไปที่อยุ่ดีๆจะยกเลิกการนับถือเทพมากมาย ไปแค่ชัววู่บ ขนาดศาสนาคริสต์จักรพรรดิคอนสแตนติน ทรงอนุญาติให้นับถือคริสต์ได้และ
พยามยามให้คนเข้ารีต ก็คงยังต้องใช้เวลาเกือบร้อยปีกว่าจะสำเร็จจิงๆ
สมัย ทีโอโดซุสที่1
ความจิงๆอเตนเป็นเทพที่ไร้รูปร่าง คนอียิปต์คงไม่ชอบหรอกอยุ่ดีๆมาบูชา สิ่งไร้ตัวตนอย่างแสงอาทิตย์ หลังสมัยอเคนาเตนจึงมีผู้คนต้องการให้พระองหายไปจากประวัติศาสตร์ ด้วยการปฏิวัติศาสนาสายฟ้าแลบและอื่นๆนีเอง -*-
โดย: darkobiwan [18 มิ.ย. 52 23:09] ( IP A:58.8.226.8 X: )
ความคิดเห็นที่ 20
   เสริมอีกนิดนึงครับ เรื่อง Aten ถ้าจะศึกษาเรื่องที่ Akhenaten ยกเลิกการนับถือเทพเจ้าหลายองค์ ให้มานับถือ "Aten แค่องค์เดียว" นั้น จริงๆแล้วเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไปนะครับ

แรกๆเลย Akhenaten ยังอนุญาตให้นับถือเทพ Ra-Horakhty, Maat และ Shu ได้อยู่ (ดูจากพระนามของเทพ Aten ใน Cartouche) แต่หลังจากนั้น พระนามของ Aten ก็เปลี่ยนไป ไม่มีชื่อ 3 เทพนี้อีกแล้ว นั่นคือ เป็นเอกเทวนิยมอย่างแท้จริงครับ

(อย่างไรก็ตาม ใน Cartouche ของเทพ Aten สมัยหลัง ยังมีคำว่า ra อยู่ในชื่อ แต่คาดว่าคำว่า Ra นี้ น่าจะหมายถึง "ดวงอาทิตย์" มากกว่าเทพ Ra ครับ) book
โดย: Detectiveoat13 (เจ้าบ้าน ) [18 มิ.ย. 52 23:18] ( IP A:222.123.110.107 X: )
ความคิดเห็นที่ 21
   ขอบคุณค่ะ สำหรับความรู้ใหม่จ้า แต่ให้นึกถึงโมเสสแน่นอนทะเลแคง ถ้าเป็นช่วงแหวกน้ำทะเลเพื่อข้ามจากที่อ่านมานะ มีกองทัพฟาโรห์ตามมาด้วย เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากภัยพิบัติ 10 ประการ ฉะนั้นประการที่ 10 คือลูกชายหัวปีของฟาโรห์ตาย แล้วคนที่ตามโมเสสเป็นฟาโรห์เอง ฉะนั้นฟาโรห์เองก็คงตายในน้ำ ถ้าเป็นแบบนั้น แล้วมัมมี่ที่ขุดพบใช้ฟาโรห์องค์ที่เป็นพ่อหรือป่าว อันนี้คิดอีกแง่ 1 นะค่ะ อ่านมาถ้าลำดับถูกก็หน้าจะเป็นแบบนั้น ส่วนภัยพิบัติ 10 ประกาศ ทำให้นึกถึงเรื่องเรือโนอาร์ค่ะ เพราะเป็นการลงโทษจากพระเจ้าเหมือนกัน ไบเบิ้ล ระบุว่าอยู่ภูเขาอาระราด ปัจจุบันนี้ก็เจอเรือลำนั้นจริง อันนี้ก็หน้าคิด แถม+กับความคิดของนักวิทยาศาสตร์ที่ผมว่าตะก่อนโลกเคยเกิดน้ำท่วมโลกจริง คิดอีกแง่ 1 อ่ะค่ะไม่รู้ลำดับถูกหรือป่าวแต่ แต่โยงไปโยงมาสรุปถ้าไม่ใช่เรื่องจริงแล้วไบเบิ้ลจารึกมาได้ไง และเหมือนกันเรื่องที่พูดถึงกันจนถึงปัจจุบัน
โดย: gvv [31 ก.ค. 52 12:54] ( IP A:125.24.92.101 X: )
ความคิดเห็นที่ 22
   คำภีร์ไบเบิลก็ถูกแต่งขึ้นมาไง....
อาจจะถูกแต่งขึ้นโดยโมเสสเองก็ได้
ซึ่งในสมัยโบราณคนทั่วไปยังไม่ได้มีความรู้มากมากนัก
และก็ได้เชื่อต่อๆกันมา ซึ่งดูได้ว่าในคำภีร์นั้นได้เขียนออกมาเดิมทีนั้น
มีหลายเล่มเชียว แล้วก็เกิดการดัดแปลงหรือเขียนเพิ่มเติมต่อกัน
จากยิว เป็นคริสต์ และก็ต่อด้วยอิสลาม
ซึ่งเนื้อหาในคำภีร์ก็คล้ายๆกัน ในเมื่อยุคนั้นคนทั่วไปมักเชื่อในตัว
ผู้ที่เป็นใหญ่หรือมหาอำนาจ (เอาง่ายๆคือผู้นำในสมัยนั้นน่ะ)
ยกตัวอย่างท่านมูฮำหมัดน่ะคับ
ในเมื่อคนส่วนใหญ่นั้นได้เชื่อด้วยจิตศรัธทาแล้ว
สมัยนั้นผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นนักวิชาการหรือนักวิทยาศาสตร์คงไม่มี
หรือท่ามี (แล้วใครจะกล้าคัดค้านหรือหาความจริง)
มีหวังได้ตายกันง่ายๆ ที่สำคัญ คำที่ดูเหมือนว่าจะศักดิ์ที่สุด!
ที่คงไม่มีใครกล้า ก็คือในบัณญัติได้บอกไว้ว่า
"อย่าสงสัยในพระเจ้า" เท่านั้นแหละ จบข่าว..........
โดย: ppp@yahoo.com [13 ธ.ค. 52 23:19] ( IP A:124.120.220.215 X: )
ความคิดเห็นที่ 23
   เราเคยอ่านนิยายเรื่องหนึ่งชื่อเรื่องว่ามนตราแห่งทะเลทรายเป็นเรื่องเกี่ยวกับตำนานอียิปต์เกี่ยวกับแม่น้ำไนล์และองค์ฟาโรห์ก็ชื่อรามเลสด้วยคล้าย ๆ กับประวัติศาสตร์ของอียิปต์เลยลองอ่านกันดูสิ
โดย: RAtchatnee@mail.com [2 พ.ค. 53 15:22] ( IP A:61.19.67.147 X: )
ความคิดเห็นที่ 24
   มีคนพยายามขอลบกระทู้นี้ โดยกล่าวอ้างว่าเป็นเหมือนพวก Anti พระเจ้า และบิดเบือนข้อมูล "อันเป็นจริง" แต่ผมอยากฝากคำถามไว้ว่า ท่านทราบหรือครับว่า "อะไรคือความจริงที่เกิดขึ้นจริงๆในอดีต" ท่านย้อนเวลาไปดูมาแล้วหรือครับ?

มันคือสารคดีครับ และมันไม่มีผิด ไม่มีถูกครับ มันเป็นความต้องการนำเสนอข้อมูลเท่านั้น

ความจริงไม่มีใครทราบ ทางที่ดีที่สุดคือ ทราบให้หมดว่าในอดีตเคยมีใครเสนออะไรเอาไว้บ้างครับ ไม่ใช่มัวแต่มาคิดว่าสิ่งที่ "ตัวเองเชื่อ" คือ "ความถูกต้อง"

ขอไม่ลบกระทู้นะครับ เพราะมันเป็น "ข้อมูลทางประวัติศาสตร์" สำหรับนำไปศึกษาได้ครับ book
โดย: Detectiveoat13 (เจ้าบ้าน ) [12 ม.ค. 54 21:57] ( IP A:125.27.67.28 X: )
ความคิดเห็นที่ 25
   เท่าที่ทราบมา ปัจจุบันนี้ชาวคริสต์ก็พยายามศึกษาเรื่องนี้โดยอาศัยหลักฐานทางประวัติศาสตร์อยู่เหมือนกันนะคะ
โดยเชื่อว่าข้อเขียนในคัมภีร์ไบเบิลอาจไม่ได้มีความหมายตรงตามตัวอักษรแต่บันทึกในลักษณะที่เป็นเครื่องหมายหรือสัญลักษณ์เพื่อให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับพระเจ้าอย่างชัดเจน ดังนั้น อาจต้องอาศัยการตีความทางประวัติศาสตร์เพื่อจะได้ทราบข้อเท็จจริง
โดย: titenium@hotmail.com [12 ก.พ. 54 12:23] ( IP A:125.27.218.186 X: )
ความคิดเห็นที่ 26
   เราเองเเทบไม่เชื่อเรื่องของพระเจ้า แต่ทำไมเรือโนอาห์ไปยุบนยอดเขาที่ประเทศตุรกีได้ ช่วยบอกที ทำไมมันมีขนาดตรงกับคัมภีย์ไบเบิล
หลายต่อหลายคนคิดว่าเป็นเรื่องเพ่อเจ้อ แต่นักโบราณสถานตามหาตามที่ไบเบิลบอก หลับไปเจอ และ ข้างในยังมีร่องรอยของไม้ชนิดนั้นที่พระเจ้าทรงสั่งให้โนอาห์ทำ อยากรุมากมาย มันเเค่เพราะเหตุบังเอิญ หรือ มันเคยเกิดขึ้นมากจิงๆ
บอกหน่อยค่ะ อยากรุมากๆ

โดย: patchaya_bay@hotmail.com [27 ก.พ. 54 14:45] ( IP A:180.183.217.51 X: )
ความคิดเห็นที่ 27
   ครับถึงจะตอบช้าไปหน่อย(ช้าไปมากเลยด้วย) แต่ก็เป็นประเด็นที่น่าสนใจที่จะตอบครับ
อย่างแรกคือต้องบอกนะครับว่าการอ้างถึงการค้นพบเรือโนอานั้นมีมานับศตวรรษแล้วล่ะครับ ส่วนมากมักพูดถึงการค้นพบเรือที่เทือกเขาอาราอัตนั่นล่ะ แต่ก็มีกรณีที่บอกว่าเรืออยู่ที่อิหร่านก็มี

แน่นอนครับหากเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงจะเป็นสิ่งที่พลิกโฉมหน้าประวัติศาสตร์ที่ศึกษากันมาแบบบพลิกแผนดินทีเดียว น่าเสียดายที่มัน ไม่จริง และถูกจับเท็จได้หมดครับ
ส่วนกรณีที่คุณ patchaya_bay นำมานั้นเป็นข่าวที่ค่อนข้างใหม่พอสมควรครับ ส่วนการค้นพบนั้นทีมสำรวจอ้างว่าพบในปี 2007-2008 คือประมาน 3-4ปีก่อน ส่วนข้อสงสัยต่อการค้นพบคือ อย่างแรกมันมีเพียงคลิปที่นำมาเปิดเผยครับ ส่วนพิกัดที่ตั้ง ทีมสำรวจอ้างว่าเป็นความลับ ดังนั้นเราจึงได้แต่พิสูจน์จากคำกล่าวอ้างอื่นๆแทน ตามที่คลิปกล่าวมาเขานำไม้มาตรวจรังสีคาร์บอน และบอกว่า มีอายุประมาณ 4800 ปีก่อน ส่วนพิกัดที่ตั้ง ทีมสำรวจอ้างว่าเป็นความลับ ดังนั้นเราจึงได้แต่พิสูจน์จากคำกล่าวอ้างอื่นๆแทน
ตามที่คลิปกล่าวมาเขานำไม้มาตรวจรังสีคาร์บอน และบอกว่า มีอายุประมาณ 4800 ปีก่อน ซึ่งมีคนที่แย้งต่ออายุของไม้ดังกล่าวคือนาย Todd woodนักชีววิทยาชาวมะกันที่กล่าวว่า"If you accept a young chronology for the Earth ... then radiocarbon dating has to be reinterpreted" แปลง่ายๆคือหากว่าคุณเลือกที่จะเชื่อในทฤษฎีที่พระเจ้าสร้างโลกในเวลาสั้นๆจริง(Young chronology of earth theory) ดังนั้นผลที่ได้จากไม้นั้นควรจะตรวจสอบใหม่
เพราะว่าหากเทียบตามพระคัมภีร์ภาคพันธะสัญญาเก่าจริงไม้ควรจะมีอายุย้อนไปไกลกว่านั้นมาก ซึ่งนักเทววิทยาส่วนใหญ่ตั้งอายุของช่วงเวลาน้ำท่วมโลกไว้ประมาน 6000ปีก่อนครับ และเขายังกล่าวไว้อีกว่าหากเหตุการณ์น้ำท่วมโลกเกิดขึ้นจริง เรือโนอาห์ไม่มีวันหาเจอครับ
เอาเป็นว่าเรามาลองนึกกันง่ายๆนะครับหลังน้ำท่วมโลกเป็นเวลา10เดือน(ตามที่กล่าวในพระคัมภีร์) แน่นอนทั้งพืชและสัตว์นอกเรือคงตายแหง๋แก๋ แล้วพอน้ำลดเรือก็ไปค้างเติ่งบนเขาสูงเกือบ4000ฟุต แน่นอนพอคุณลงจากเรือมา แล้วพบว่าคุณจะสร้างบ้านแต่ไม่มีต้นไม้ให้ตัด คุณจะสร้างบ้านยังไงล่ะ ติ๊กต่อกๆ .... แน่นอน!เรือขนาดเบ่อเริ่มของคุณไง ดังนั้นความน่าจะเป็นที่สมเหตุผลมากที่สุด(ยกเว้นกรณีพระเจ้าเนรมิตบ้านพร้อมสระจากุซซี่มาให้)คือการรื้อไม้จากตัวเรือมาสร้างบ้านนั่นเอง จึงมีความเป็นไปได้"มาก"ที่จะไม่เหลือเรือให้เห็นแล้ว
โดย: Pingpong [22 เม.ย. 54 11:24] ( IP A:58.9.35.101 X: )
ความคิดเห็นที่ 28
   กรณีที่สอง อย่าเพิ่งเบื่อนะครับ555 จะได้หายข้อสงสัยไง กรณีที่สองคือถูกสถานที่แต่ภูเขาผิดลูก ครับ หากอ่านตามพระคัมภีร์ภูเขาอาราอัตนั้นกล่าวว่าตั้งอยู่ในดินแดนที่ชื่ออูราตูUrartu อาณาจักรเก่าแก่ทางตะวันออกของตุรกี และ ไม่มีการระบุว่าภูเขาใดคือเขาที่ชื่ออาราอัตจนกระทั่งในช่วงศตวรรษที่ 10ก่อนคศ.ซึ่งเกิดหลังเหตุการณ์ตามคำกล่าวอ้างไปเกือบ2000ปี และจากหลักฐานทางภูมิศาสตร์ไม่พบว่ามีน้ำท่วมใหญ่เกิดในช่วง4000ปีก่อนเลย
โดย: Pingpong [22 เม.ย. 54 11:33] ( IP A:58.9.35.101 X: )
ความคิดเห็นที่ 29
   ดังนั้นหากให้กล่าวตามตรงคือนอกจากที่ว่ามันจะมีแต่คลิปที่นำมาเผยแล้ว หลักฐานหรือคำกล่าวอ้างแทบจะไม่มีมูลเลยครับ

แต่สิ่งที่เราเรียนรู้ได้อย่างหนึ่งคือ God always works in his mysterious way
โดย: Pingpong [22 เม.ย. 54 11:36] ( IP A:58.9.35.101 X: )
ความคิดเห็นที่ 30
   ขอแก้ในคห.27หน่อยนะครับ การอ้าง"ส่วนมาก"นั้นจับเท็จได้เกือบหมดครับ แต่บางส่วนยังพิสูจน์ไม่ได้เพราะข้อมูลน้อยเกินไปครับ
โดย: Pingpong [22 เม.ย. 54 12:01] ( IP A:58.9.35.101 X: )
ความคิดเห็นที่ 31
   ขอบคุณสำหรับทุกความเห็นและคำตอบนะครับ แต่ถ้าอยากรู้ให้จริงไปเลยนั้น คงจะต้องปิดสารคดี แล้วไปสำรวจให้เห็นด้วยตาตัวเองครับ smile
โดย: Detectiveoat13 (เจ้าบ้าน ) [22 เม.ย. 54 19:41] ( IP A:124.122.96.217 X: )
ความคิดเห็นที่ 32
   อยากรู้ตำนานของเทพเจ้าอียิปต์อ่าค่ะ เช่น เทพรา เทพอาเตน อะไรอย่างนี้น่ะค่ะ ช่วยหน่อยนะคะ

โดย: x-ray.kizz-@hotmail.com [5 พ.ค. 54 23:12] ( IP A:49.48.22.197 X: )
ความคิดเห็นที่ 33
   ผมว่าสิ่งที่คุณบอกนั้นน่าสนใจนะ แต่การสรุปเลยนั้นผมว่าคุณจะต้องคิดให้รอบคอบนะคับ เพราะถ้าผมเชื่อคุณ ก็เท่ากับว่าความเชื่อของผมทั้งชีวิตเป็นเรื่องเหลวไหล ไม่มีความจริง ผมก็กลายเป็นคนโกหก รวมทั้งคนทั้งโลกที่เป็นคริสเตียนก็จะกลายเป็นคนโกหก ใครที่อ้างถึงความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า ก็จะเป็นคนโกหกทั้งหมด คิดดูครับว่าศาสนาจอมปลอมอย่างงี้จะสามารถหลอกคนมาเป็นพันๆปีเลยเหรอ และยังมีคนที่โง่พอที่จะเชื่ออีหรอ ทั้งราชินี ทั้งประธานาธิปดี ผู้มีชื่อเสียง ก้อจะกลายเป็นคนหลอกลวงในสายตาของคุณหมดนะครับ ผมแค่มาออกความคิดเห็นนะครับหวังว่าถ้าเรามีความเชื่อที่ต่างกันเราจะอยู่ร่วมกันได้
โดย: Donal [20 พ.ค. 54 14:38] ( IP A:58.10.125.93 X: )
ความคิดเห็นที่ 34
   ประเด็นคิอมันเป็นสารคดีครับคุณ Donal นั่นคือต่างฝ่ายต่างหาหลักฐานของตัวเองมานำเสนอ ศาสนาคือความเชื่อ ถ้าคุณเชื่อ มันก็เป็นจริงอย่างที่คุณเชื่อ ไม่มีอะไรที่เหลวไหล ไม่มีอะไรที่เป็นหรือไม่เป็นความจริง

กระทู้นี้ เพียงแค่แชร์ข้อมูลจากสารคดีให้ได้รับรู้กัน ไม่ใช่การสรุปว่ามันถูกต้องหรอกครับ... tv
โดย: Detectiveoat13 (เจ้าบ้าน ) [20 พ.ค. 54 23:43] ( IP A:110.169.197.132 X: )
ความคิดเห็นที่ 35
   สำหรับคนที่ว่าตนนั้นนับถือศาสนาคริสต์ ผมว่าการที่คุณจะโยงผลงานของพระเจ้าเป็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือเหตุผล ผมว่าคุณกำลังดูหมิ่นพระองค์อยู่นะครับ

ถ้าจะให้ตอบถึงประเด็นนี้จริงๆผมฝากไว้ประโยคนึงครับ
Ιωάννην 1:1 “ο Θεός ήταν ο Λόγος.” ...
โดย: Pingpong [23 พ.ค. 54 14:28] ( IP A:115.87.182.242 X: )
ความคิดเห็นที่ 36
   และสิ่งที่ผมตอบไปนั้นเพราะมีคนตั้งคำถามครับ ผมไม่ได้บอกว่าเหตุการณ์น้ำท่วมโลกนั้นไม่มีจริง แต่ผมต้องการบอกว่าสิ่งที่คนบางคนเอามาออกข่าวนั้นมีความเป็นไปได้ที่จะหลอกลวง
ผมว่าเชื่อคุณคงไม่อยากลดเกรดศรัทธาของคุณมาเทียบเท่าศาสนาบางอย่างที่นับถือสัตว์พิการกะต้นไม้กลายพันธุ์นะครับ ที่ไม่ว่าอะไรๆก็ห้ามลบหลู่ไปหมด
โดย: Pingpong [23 พ.ค. 54 14:39] ( IP A:115.87.182.242 X: )
ความคิดเห็นที่ 37
   น้องไม่เชื่อไม่เปนไรครับแต่น้องรู้มั้ยว่า พระเจ้ามีจริงนะครับ และพระเจ้าองค์นี้รักน้องด้วย พระเจ้าองค์นี้เต็มไปด้วยการอภัย และความรัก ครับ ขอพระเจ้าอวยพรนะครับ
โดย: heart [22 ต.ค. 54 3:16] ( IP A:58.181.157.122 X: )
ความคิดเห็นที่ 38
   ขอบคุณครับ ผมก็เป็นคนเชื่อในพระเจ้านะครับแต่ผมก็เชื่อว่าพระเจ้าให้สติปัญญากับสมองมาอย่างมีเหตุผลด้วย
โดย: pingpong [7 พ.ย. 54 10:46] ( IP A:27.130.136.238 X: )
ความคิดเห็นที่ 39
   ศาสนาคือศรัทธาครับ การที่คุณ heart เชื่อว่าพระเจ้ามีจริงนั้นไม่ใช่เรื่องที่ผิด และในขณะเดียวกันถ้าใครสักคนจะไม่เชื่อว่าพระเจ้ามีจริงก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดอีกเหมือนกัน

มนุษย์เกิดมายาวนานนับล้านปีแล้ว ความเชื่อหรือศาสนานั้นก็แตกต่างกันออกไป เริ่มมาจากการนับถือแบบธรรมชาติเทวนิยม เชื่อว่ามีพระเจ้าสิงสถิตในธรรมชาติต่างๆ แม่น้ำ ภูเขา สายฝน ฟ้าแลบ ฯลฯ

ถ้ามองอย่างศาสนาพุทธที่เป็น "อเทวนิยม" คือไม่เชื่อว่ามีพระเจ้าสร้างโลก ซึ่งขัดกับที่คุณ heart บอกมาอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นศาสนาคือความเชื่อและความศรัทธาครับ เราศรัทธาอย่างไรก็ศรัทธาอย่างนั้น ถ้าคนอื่นศรัทธาในสิ่งอื่นที่ไม่เหมือนเรา เราจะไป "เปลี่ยน" ให้เขาศรัทธาเหมือนเรา หรือเชื่อเรา ก็คงจะเป็นไปไม่ได้

ไม่ว่าใครจะเชื่ออย่างไร ผมแค่ขอให้ทุกคน คิดดี พูดดี ทำดี เท่านี้สังคมก็มีความสุขแล้วครับ ^^
โดย: Detectiveoat13 (เจ้าบ้าน ) [7 พ.ย. 54 18:12] ( IP A:125.27.15.6 X: )
ความคิดเห็นที่ 40
   คุณไม่ผิดที่จะเชื่อใน ศาสนาใด แต่เราเชื่อในพระ คุณเอาศาสนาของเราไปพูดเล่น หมิ่น และถ้าเราทำกับศาสนาของท่านบ้าง ท่านจะรู้สึกอย่างไร
โดย: mintty_123@hotmail.com [6 ม.ค. 55 18:38] ( IP A:124.120.75.184 X: )
ความคิดเห็นที่ 41
   ผมไม่ทราบว่าคุณ คห.40 หมายถึง คห. ใดโดยเฉพาะหรือไม่ หรือหมายถึงเนื้อหาของกระทู้โดยรวม แต่ถูกแล้วครับ เรามีสิทธิที่จะศรัทธาในความเชื่อของเรา โดยไม่ไปรบกวนศาสนาและความเชื่ออื่น

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น โบราณคดีและวิทยาศาสตร์ ก็สามารถที่จะไป "รบกวน" ศาสนาทางอ้อมได้เช่นกัน ความเชื่อใดที่บอกว่ามีพระเจ้าสร้างโลก ถ้านักวิทยาศาสตร์ค้นพบอนุภาคพระเจ้าจากเครื่องเร่งอนุภาคได้สำเร็จ และรู้ว่าแท้ที่จริงแล้วโลกไม่ได้เกิดจากการรังสรรค์ของพระเจ้า แบบนี้ถือว่าวิทยาศาสตร์ดูหมิ่นศาสนาหรือเปล่า?

เมื่อถึงเวลานั้น มันก็ขึ้นกับมุมมองของแต่ละคนแล้วล่ะครับ... book
โดย: Detectiveoat13 (เจ้าบ้าน ) [6 ม.ค. 55 21:03] ( IP A:125.27.18.76 X: )
ความคิดเห็นที่ 42
   ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาที่แท้จริง อยากให้ทุกคนศึกษาและ ปฏิบัต ตามที่ อัลลอฮ ทรงสั่งไว้ในอัลกรุอ่าน ซึ่งได้บอกเรื่องราวมากมายในตอนนี้ เช่น หญิง กลาย เป็น ชาย ชาย กลายเป้นหญิง นี่คือตัวอย่างของวันกิยามะห์ หรือ วันสิ้นโลก ทุกถ้อยคำในอัลกรุอ่านมีคนยอมรับมากขึ้นอย่าง เช่น นบีมูฮำหมัด ได้แสดง มัวะญิซาต โดยการผ่าดวงจันทร์ เพราะ พวกปฏิเสธในตอนนั้นได้ท้าว่า ถ้าหาก พระเจ้ามีจริง ให้ท่านตัดดวงจันทร์ให้เป็น 2 ท่อน แล้วท่านนบีก็ตัดดวงจันทร์เป็น 2 ท่อน ซึ่งใครๆอาจจะไม่เชื่อ แต่นักวิทยาศาสตร์ปัจจุบันได้พบว่า ดวงจันทร์มีรอยผ่า ทั้งที่นักวิทยาศาสตร์พึ่งรู้ แต่ในคุมภีอัลกรุอ่านมีบอกตั้นหลาย พันปี อยากให้ท่านศึกษา ศาสนาอิสลามให้ดีแล้วท่านจะพบกับหนทางที่ถูกต้อง
โดย: jasmin [18 ม.ค. 55 22:08] ( IP A:110.168.107.254 X: )
ความคิดเห็นที่ 43
   คุณครูเราเปิดซีดีให้ดูเรื่อง 'บัญญัติ10ประการ' (มั้ง) จากที่อ่านมาทั้งหมดแล้ว ในซีดีนั้น ลามิซิส(ฟาไรห์) ไม่ได้ตายในน้ำ แต่กองทัพของลามิซิสตายเกลี้ยง ลามิซิสกลับไปที่พระราชวังคนเดียวหมายจะฆ่าภรรยา ที่ลามิวิสไม่ได้ตาย เพราะลามิซิสยืนดูเหตุการณ์อยู่ห่างๆค่ะ และจากที่เราพอจะจำได้และสรุปออกมาภัยพิบัติที่เกิดกับอียิปต์ (โมเสสทำอัศจรรย์) มีดังนี้ 1. โมเสสไปช่วยพวกฮิบรูโดยแสดงอัศจรรย์ วางไม้เท้ากลายเป็นงูเห่า 2. โมเสสนำไม้เท้าจุ่มลงไปในแม่น้ำไนล์ทำให้น้ำกลายเป็นเลือด ทำให้ผู้คนไม่มีน้ำกินไป7วัน 3.ลูกเห็บตกลงมาเป็นไฟ และจะไม่เห็นพระอาทิตย์ไป3วัน 4. โมเสสแหวกทะเลแดง เราจำได้เท่านี้แหละค่ะ ถ้าข้อมูลผิดพลาดก็ขออภัยด้วยนะค่ะ
โดย: EVIT [14 ก.พ. 55 22:56] ( IP A:49.49.84.125 X: )
ความคิดเห็นที่ 44
   ภัยพิบัติที่ว่ามาก็มีทั้งหมด 10 ประการครับผม ซึ่งประการสุดท้ายก็คือสังหารลูกชายหัวปีทั้งหมดบนแผ่นดินอียิปต์ นั่นหมายความว่าถ้า Ramses II เป็นฟาโรห์แห่ง Exodus จริงๆ โอรสคนแรกของพระองค์ก็ควรที่จะสิ้นพระชนม์แต่เยาว์วัยด้วย แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะ Amenhirkhepeshef ก็ยังมีชีวิตอยู่ได้ถึงอายุประมาณ 30 ปี นั่นหมายความว่าภัยพิบัติไม่ได้เกิดขึ้นจริงเช่นนั้นหรือ ก็ตอบได้ยากครับ

เรื่องพวกนี้คือ "ศาสนา" มันคือ "ศรัทธา" ครับ คุณจะเชื่อยังไงก็ได้ตามที่คุณจะเชื่อ จะเชื่อว่าบนดวงจันทร์มีรอยผ่าจริงก็ได้ แต่ถ้าเมื่อใดที่นักบินอวกาศและองค์การ NASA มีภาพถ่ายที่ชัดเจนที่บ่งบอกได้ว่ารอยผ่านั้นแท้ที่จริงแล้วคืออะไรกันแน่ และเป็นรอยผ่าจากท่านนบีจริงหรือไม่ ท่านทั้งหลายก็ควรที่จะต้อง "ยอมรับ" ความจริงตรงนี้ด้วยเช่นกันนะครับ

ศรัทธาได้ ไม่ผิดแต่ควรที่จะต้องศรัทธาอยู่ในกรอบของเหตุและผล และควรที่จะต้องน้อมรับสิ่งที่อธิบายได้จริงทางวิทยาศาสตร์ด้วยนะครับ ^^
โดย: Detectiveoat13 (เจ้าบ้าน ) [14 ก.พ. 55 23:15] ( IP A:101.51.128.181 X: )
ความคิดเห็นที่ 45
   กลับมาอ่านอีกทีผมก็ยอมรับนะครับว่าตอนนั้นคึกคะนองไปมาก สำหรับความเห็นบางอันที่กระทบกระเทือนความเชื่ออะไรไป ผมขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย ขอโทษจริงๆครับ
โดย: Pingpong [2 เม.ย. 55 23:55] ( IP A:58.9.216.36 X: )
ความคิดเห็นที่ 46
   ดีครับ ผมนับถือ คาทอลิก ศาสนาคริสต์(นิกายดั้งเดิม) มีหลายอย่างที่วิทยาศาสตร์ พิสูจน์ไม่ได้ แต่ไม่ใช่ว่าสิ่งเหล่านั้นไม่มีตัวตน หรือไม่มีอยู่จริง เพราะถึงแม้วิทยาศาสตร์ก้าวหน้าสักเพียงใด แต่มีหลายเรื่องที่วิทยาศาสตร์เข้าไม่ถึง นอกจากจะใช้ใจสัมผัส แต่เหนืออื่นใด ทุกศาสนา สอนให้คนทำดี หนีชั่ว นอกเสียจากว่า คนคนนั้นจะรับเอาศาสนาไปใช้ในทางที่ผิด ทุกศาสนาดีเท่ากันหมดครับ
โดย: kkgthai@gmail.com [6 เม.ย. 55 10:15] ( IP A:180.183.19.24 X: )
ความคิดเห็นที่ 47
   จริงครับ :)
โดย: Pingpong [6 เม.ย. 55 12:37] ( IP A:115.87.135.217 X: )
ความคิดเห็นที่ 48
   สนับสนุน คห. 46 ด้วยคนครับ ทุกศาสนาสอนให้คิดดู พูดดี ทำดี แค่เราไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น เท่านี้โลกก็สงบสุขครับ angel
โดย: Detectiveoat13 (เจ้าบ้าน ) [6 เม.ย. 55 16:19] ( IP A:124.120.33.88 X: )
ความคิดเห็นที่ 49
   สนับสนุนด้วยคนครับ ทุกศาสนาบนโลกนี้ (ไม่ว่าจะตายไปแล้วหรือมีชีวิตอยู่) ล้วนเท่ากัน
และก็สอนให้ทำความดีครับ ถ้าเป็นดั่งที่คุณโอ๊ตพูด ผมว่าเราคงสะกดคำว่า "ทุกข์" หรือ "ความรุนแรง" ไม่เป็นกันเลยละครับ :)
โดย: tumtum [6 เม.ย. 55 21:38] ( IP A:171.97.17.206 X: )
ความคิดเห็นที่ 50
   แต่ศาสนาของชาว Aztecs บางทีก็อาจจะทำให้เกิดความทุกข์และใช้ความรุนแรงเหมือนกันนะครับ 555+

https://clio.missouristate.edu/chuchiak/aztecs40.gif

เอาเป็นว่าตอนนี้ คิดดี ทำดี พูดดี ไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่นก็พอครับ ^^
โดย: Detectiveoat13 (เจ้าบ้าน ) [6 เม.ย. 55 22:22] ( IP A:124.120.33.88 X: )
ความคิดเห็นที่ 51
   กะแล้วต้องเป็นภาพ aztec sacrifice 555+
โดย: tumtum [7 เม.ย. 55 11:35] ( IP A:58.9.203.20 X: )
ความคิดเห็นที่ 52
   แหม ผมเกริ่นนำก่อน link รูปเสียขนาดนี้ จะให้ไม่ใช่ได้ยังไงล่ะคร๊าบบ ^^
โดย: Detectiveoat13 (เจ้าบ้าน ) [7 เม.ย. 55 17:00] ( IP A:110.168.100.181 X: )
ความคิดเห็นที่ 54
   สติปัญญาของมนุษย์ก็แตกต่างกัน ความเชื่อความเข้าใจก็ต่างกัน ถ้าเราสนใจประวัติวัติศาสตร์ เราก็เชื่อประวัติศาสตร์ ถ้าเราศึกษาเรื่องวิทยาศาสตร์เราก็เชื่อวิทยาศาสตร์ ถ้าคุณอยากรู้ว่าพระเจ้ามีจริงหรือไม่ก็ให้ไปที่ๆเขาเชื่อว่ามีพระเจ้าจริง ลองดูสักปีก็ได้ คุณอาจจะพบกับสิ่งที่ไม่เคยทราบก็ได้
โดย: sam [3 ก.ค. 55 23:45] ( IP A:182.53.61.77 X: )
ความคิดเห็นที่ 55
   ผมว่านะ การที่คนเราจะคิดอะไร จะเชื่ออะไร ศรัททราอะไร มันก็แล้วแต่คนครับ คนเราเกิดมาก็ต้องมีบางสิ่งเป็นที่พึ่ง ซึ่งแม้แต่ผมก็ยังมี อย่างที่ คห. 46 บอกน่ะแหละครับ ศาสนาสอนเราครับ และมันยังเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจแต่ละคนด้วย ส่วนเรื่องลบหลู่นั้น ในความคิดบางคนอาจคิดว่า สิ่งนี้มันคือการลบหลู่ แต่บางคนอาจคิดว่าไม่ ซึ่งจริงๆแล้วในความคิดของผมนั้น การทำผิดไม่ผิด บางสิ่งมันสรุปตัดสินยาก สิ่งที่จะทำให้รู้ว่าสิ่งไหนถูกมันคือความคิดครับ ซึ่งอย่างที่เคยอ่านๆกันมา โบราณคดีมันไม่มีอะไรเที่ยงแท้ครับ มันมีหลักฐานชิ้นใหม่มาเรื่อยๆ ซึ่งในความคิดของผมนะ

(ในความคิดของผมอีกนะ)สำหรับเรื่องโมเสสที่เป็นที่ถกเถียงอยู่มันเป็นอะไรไม่สำคัญ แต่หลักฐานที่มีอยู่ก็ทำให้รู้ว่าเค้ามีอยู่จริงๆ แค่นั้นผมคิดว่าพอแล้วหละ ่วนเรื่องวิเศาอะไรที่เขาเป็นคนทำ เรื่องนั้นก็แล้วแต่จะคิดหรือจะเชื่อ เพราะคนเราก็ไม่สามารถที่จะบังคับให้คนนี้เชื่อตามคนนี้ได้
(รู้สึกว่าผมจะพูดเยอะไปหน่อยนะครับ)
โดย: อย่ารู้เลย [11 ก.ค. 55 15:04] ( IP A:65.49.68.189 X: )
ความคิดเห็นที่ 56
   ผมเป็นคริสเตียน และผมเชื่อว่าเป็นเรื่องจริงๆ ข้อความในพระคัมภีร์ทั้งหมดเป็นเรื่องจริง อย่าสงสัยเลยครับ อย่าพยายามหาเหตุผลมาหักล้างเลย เรื่องจริงก็คือเรื่องจริง ผมว่าคุณ Sundown ไปศึกษาคัมภีร์ bible ดีกว่าครับ เรื่องโมเสสพาอิสราเอลข้ามทะเลแดง เรื่องพระเจ้าสร้างโลก เรื่องเรือโนอา เป็นเรื่องจริงทั้งหมด ถ้าชีวิตนี้คุณ Sundown ไม่เชื่อ เมื่อตายไปพระเจ้าถามว่าทำไมเจ้าไม่เชื่อเรา ทำไมไม่เชื่อใน bible มันจะสายไปนะครับ ขอเตือนด้วยความจริงใน bible
โดย: Jack [27 ก.ย. 55 9:38] ( IP A:202.12.118.61 X: )
ความคิดเห็นที่ 57
   ก็เหมือนคนที่เกลียดกัน จะไม่เห็นสิ่งดีดีของกันและกัน แต่พระเจ้าทรงเป็นความรัก ต่อให้คุณมองไม่เห็นสิ่งดีดีในพระองค์ พระเจ้าก็ยังทรงรักคุณ ความจริงจะปรากฏเมื่อคุณได้สัมผัสความรักของพระเจ้าจริงๆๆ
โดย: toonmananya@live.com [22 พ.ย. 55 10:55] ( IP A:115.67.132.167 X: )
ความคิดเห็นที่ 58
   ส่วนตัวผมเป็นคริสเตียน(ก็ค่อนข้างน่ะนะ เอาเป็นว่า เป็นละกัน) และเป็นแกะที่ค่อนข้างหัวดื้อซะด้วยสิ :)
สำหรับตัวผมนั้น มองว่าไบเบิ้ลก็เป็นบันทึกเล่มนึงเท่านั้นที่เขียนด้วยมือของคน ไม่ได้มีความศักดิ์สิทธิ์แต่อย่างใด(Holy) (แถมยังแปลงออกไปอีกสารพัด บางคำแปลคนละความหมายอีกตังหาก ตีความไม่เหมือนกันด้วย) ย่อมมีความผิดพลาดและคลาดเคลื่อนได้เสมอๆ สิ่งเหล่านี้ควรจะใช้สติปัญญาในการพิจารณาถึงข้อเท็จจริงใดๆจากหนังสือด้วยครับ และคิดว่าเราควรสนับสนุนความคิดอย่างวิทยาศาสตร์เพื่อให้เกิดการตกผลึกทางความคิดต่อสิ่งที่เรายึดถือในใจ จะเป็นการดีกว่า

ปล. ผมไม่ค่อยชอบวิธีการใช้ความกลัวต่ออำนาจบางอย่างมาหยุดการตั้งคำถามด้วยครับ และไม่คิดว่านั่นจะเป็นวิธีการของพระผู้สร้างพวกเราใช้ด้วย ขอบคุณครับ
โดย: Black_cat1991@hotmail.com [6 ธ.ค. 55 10:30] ( IP A:124.122.149.57 X: )
ความคิดเห็นที่ 59
   คือว่า เรื่องอียิปนี้น่ะครับ เราสามารถวาดแผนที่ได้หลายๆแบบ และถ้าท่านอ่านไบเบิล ท่านก็จะเห็นว่ามีหลายๆเหตุการณ์ที่ท่านไม่ได้กล่าว ภัยพิบัติ 10 ประการ ศพต้องคำสาบตุตันคาเมน การแยกทะเลแดง เรื่องพวกนี้มีมากมาย ท่านรู้ไหม โมเซแยกทะเลแดงตรงไหน ท่านรู้ไหมทำไมโมเสส ค้องแยกทะเลแดงเพื่อหนี วิ่งหนีไม่ได้หรอ จุดที่ทะเลแดงแยกนั้นเป็นจุดพิเศษเฉพาะ นั้นคือ อ่าวอาคะบ้า จุดชื่อเนบิวลา นั้นเป็นจุดที่โมเสสแยกและเมื่อข้ามจุดนั้นแล้ว จะ ทำให้ พ้นเขตอียิปต์ไม่ไช่แยกแม่น้ำสายเล็กๆ ตื้น 2 เมตร แต่มัน ลึก 100 -200 เมตร เรื่องราวในไบเบิลสอดคล้องกันเสมอ ไบเบิลเขียนชัดเจน กว่าหลักฐานที่มนุษย์ไปขุดเจอและมาสันนิฐาน ไบเบิลเล่าประวัติศาสตร์ได้ตรงไปตรงมา ไม่ไช่นิยายที่แต่งให้กษัตริย์องค์ใดๆ ว่ายิ่งใหญ่ ไบเบิลเขียนด่าว่ากษัตริย์มากมายซึ่งถ้าเป้นมนุษย์เขียนหนังสือนี้คงโดนทำลายไปแล้ว พิสูจน์ไบเบิล เป็นเรื่องที่ต้องพยายาม แต่ไบเบิลพิสูจน์ความจริงทุกอย่างได้
โดย: kafuse [2 ก.พ. 56 4:50] ( IP A:180.183.168.187 X: )
ความคิดเห็นที่ 60
   

แพทย์ฝรั่งเศษ Bucaille

معجزة للهلله
عز وجل في
فرعون
สิ่งมหัศจรรย์ที่แสดงความมี
เดชานุภาพของอัลลอฮฺ
กรณีศพฟาโรห์์์์

faroah1

 

قصة جثة فرعون .. وإسلام العالم الفرنسي ( موريسبوكاي )
بسببها.. Dr.Maurice Bucaille
􀂃 เ รื่ อ ง ร า ว ข อ ง มั ม มีี่
ฟ า โ ร ห์ แ ล ะ ก า ร
ประกาศอิสลามของ
แพทย์ผู้โด่งดังชาว
ฝรั่งเศส ชื่อ มอริส
บูกายย์ Dr.Maurice
Bucaille

 

فَالْيَوْمَ نُنَجِّيكَ ببَدَنكَ لِتَ ُ كو َ ن لِمَنْ خَلَْفكَ آيًَة وَإنَّ
ً ُ
ِ ِ ِ
كَثِيرًا مِّنَ النَّا ِ س عَنْ آيَاتِنَا َلغَافِلُو َ ن يونس 92
ดังนั้น วันนี้เราจะให้ร่างของเจ้ารอดพ้นจาก
ทะเล เพื่อจักได้เป็นสัญญาณแก่ชนรุ่น
หลังจากเจ้า และแท้จริงสว่ นใหญ่ของมนุษย์
เฉยเมยตอ่อสัญญาณตา่าง ๆ ของเรา
(ยูนุส / 92)

 

عندما تسلم الرئيس الفرنسي الراحل فرانسوا ميتران زمام الحكم
فيفي فرنسا عام 1981 : طلبت فرنسا من مصر فيفي ﻧﻬﻧﻬاية
الثمانينات استضافة مومياء الفرعون لإجراء اختبارات
وفحوصات أثرية عليه وترميمه … فتم نقل جثمان أشهر
طاغوت عرفته الأرض

faroah2

 

 

 

 

 

 

ฟรองซัวส์ มิตเตอร์รองด์
อดีตประธานาธิบดีผรั่งเศส
ดำตำแหน่งตั้งแต่ปี 2524-2538

 

 

ช่วงที่นายฟรองซัวส์ มิตเตอร์รองด์ ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี
ป ทั่ง ศปี 1981 ั บาลฝ ั่ง ศได้ดำ นินกา ดารงตานตแตป ระเทศฝ รเศสในป รฐรเศสไดดาเนรขอ
อนุญาตจากรัฐบาลอียิปต์ให้ส่งมัมมี่ฟาโรห์ไปยังประเทศ
ฝรั่งเศสเพื่อทำการชันสูตรและบำรุงรักษา หลังจากนั้นก็มีการ
เคลื่อนยา้ายศพจอมอหังการที่สุดเทา่าที่โลกเคยรู้จัก

 

وهناك وعند سُلَّم الطائرة :
اصطف الرئيس الفرنسي منحنياً هو ووزراؤه وكبار الملمسؤولين الفرنسيين
ليستقبلوا فرعون استقبال الملوك وكأنه مازال حيا !..وكأنه إلى
الآلآن يصرخ على أهل مصر أنا ربكم الألأعلى
ที่ฝรั่งเศส …ขณะที่ขบวนเคลื่อนย้ายมัมมี่ฟาโรห์ลงจากบันได
เครื่องบิน ประธานาธิบดีพร้อมด้วยคณะรัฐมนตรีและเจ้าหน้าทีั
ระดั่บสูงของประเทศฝรัั่งเศสได้้เข้้าแถวต้อ้ นรับมัมมี่ฟาโรห์์และ
คณะอย่างยิ่งใหญ่สมเกียรติ !!! เสมือนกับพิธีต้อนรับพระราชา
และเสมือนว่าฟาโรห์ยังมีชีวิตอยู่ และกำลังร้องตะโกนแก่ชาว
อียิปต์ว่า ข้าคือพระเจ้าที่สูงส่งของพวกเจ้า

 

وعندما انتهت مراسم الإستقبال الملكي لفرعون
على أرض فرنسا .. حُملت مومياء
الطاغوت بموكب لا يقل حفاوة عن استقباله
.. وتمتم نقله إلى جناح خاص في مركز الآثار
الفرنسي ليبدأ بعدها أكبر علماء الآثار في
فرنسا وأطباء الجراحة والتشريح دراسة تلك
الم ا اك شاف أ ا ا

المومياء واكتشاف أسرارها..

faroah3หลังจากพิธีต้อนรับเสร็จสิ้นลง… ศพจอมอหังการก็ถูก
เคลื่อนย้ายด้วยขบวนรถอยา่างยิ่งใหญซ่ซึ่งไมด่ดอ้อยกวา่าพิธีตอ้อนรับ
จากนั้นศพมัมมี่ถูกนำไปยังศูนย์พิพิธภัณฑ์แห่งชาติ เพื่อทำ
การชันสูตรโดยคณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

 

ترون بالأسفل صورة قريبة للفرعون 􀂃
่ ้ رمسيس الثانيني .. وقد تمتم فيها ضم يديه
إلى صدره..وكان رئيس الجراحين
والمسؤول الأول عن دراسة هذه المومياء
ภาพที่ท่านเห็นด้านล่างนี้
คือภาพถ่ายระยะใกล้ของ .. هو البروفيسور موريس بوكاي
ฟาโรห์โรเมสิสที่สอง
สังเกตได้้ว่่ามือทั้งสองข้้าง
อ ยู่ ใ น ส ภ า พ ก อ ด อ ก
แพทย์ผู้เป็นห้วหน้าทีม
ของการชันสูตรศพในครั้ง
นี้คือ ศ.นพ.มอริส บูกายย์

 

كان المعالجون مهتمين بترميم المومياء .. بينما كان اهتمام موريس
هو محاولة أن يكتشف : كيف مات هذا الملك الفرعوني..!!!
ทีมแพทย์ชันสูตรต่างกุลีกุจอตรวจรักษาศพ
มัมมี่เป็นการใหญ่ ในขณะที่ศ.นพ.
มอริส ใจจดใจจ่อที่จะพิสูจน์ว่า จอม
ราชันย์์ผู้โอหังองค์น์ ี้เสียชีวิตได้อย่างไร

 

فجثة رمسيسالثاني ليستكباقي جثثالفراعين التي تم تحنيطها من قبل..
فوضعية ( الملموت ) عنده غريبة جدا .. وقد فوجيء الملمكتشفون ( عندما قاموا بفك
أربطة التحنيط ) بيده اليسرى تقفز فجأة للأمام !!!!!.. أي أن من قاموا بتحنيطه ( أجبروا )
يديه على الإلإنضمام لصدره كباقي الفراعينين الذين ماتوا من قبل !!!!!… فما السر يا ترى ؟؟..
􀂃 ศพของโรเมสิสที่สองนี้ มีสภาพที่แตกตา่างจากศพฟาโรห์อื่นๆ ที่มีการ
ชันสูตรก่อนหน้านี้ เพราะลักษณะการสิ้นชีวิตของฟาโรห์องค์นี้แปลก
พิสดารมาก ขณะที่ทีมแพทย์์แกะผ้้าพันศพออก พวกเขาต้้อง
ตระหนกตกใจเมื่อมือซ้ายของมัมมี่นี้ได้ยื่นออกอย่างรวดเร็ว คล้าย
กับว่าผู้ที่ห่อศพได้ออกแรงดันให้มือทั้งสองข้างชิดแนบอกเหมือนศพ
ฟาโรห์องค์อื่นที่สิ้นชีวิตก่อนหน้านี้ ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ ????

 

وفي ساعة متأخرة من الليل .. ظهرت النتائج النهائية للبروفيسور 􀂃
موريس.. لقد كانت بقايا الملح العالق في جسد فرعون

faroah4

ช่วงดึกของคืนหนึ่ง
ศ.นพ.มอริสได้พิสูจน์
ผลการทดสอบครั้ง
สุดท้าย ซึ่งค้นพบว่า มี
เกร็ดเกลือติดอยู่กับศพ
ฟ า โ ร ห์

 

مع صورة عظامه المكسورة بدون تمزق الجلد .. والتي
أظهرﺗﻬا أشعة إكس .. كان ذلك أكبربر دلالائل على أن
الفرعون مات غريقا !!!!.. و أنه قد تكسرت عظامه
دون اللحم بسبب قوة انضغاط الملماء !!!!!.. وأن جثته
استخرجت من البحر بعد غرقه فورا..
หลังจากมีการเอ็กซ์เรย์เขายังพบอีกว่า กระดูกของศพได้หักเป็นท่อน ๆ
ในขณะที่ผิวหนังไม่มีร่องรอยการฉีกขาดเลย สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นการยืนยันว่า
ฟาโรห์องค์นี้จมน้ํ้าตายอย่างแน่นอน เนื่องจากถูกกระแทกด้วยน้ํ้าอย่าง
รุนแรงทำให้กระดูกหัก แต่ผิวหนังไม่ฉีกขาด หลังจากเสียชีวิต ศพฟาโรห์
องค์นี้ถูกเคลื่อนย้ายออกจากทะเลโดยทันที

 

ثم أسرعوا بتحنيط جثته لينجو بدنه..!!!!!
หลังจากนั้นประชาชนได้้เร่ง
รีบหอ่อศพเปน็นมัมมี่เพื่อ
ปอ้องกันจากเนา่าเปอื่อย

 

والغريبأﻧﻬم استطاعوا أيضا تفسير الوضعية الغريبة ليده اليسرى ..
وذلك أنه كان يمسك لجام فرسه أو السيف بيده اليمنى .. ودرعه باليد
اليسرى .. وأنه فيفي وقت الغرق
􀂃สิ่งที่แปลกกว่านี้ ทีมแพทย์สามารถอธิบาย
เกี่ยวกับมือซ้าย ซึ่งฟาโรห์องค์นี้กำาลังถือ
เชือกบังคับม้าหรือดาบด้วยมือขวา ในขณะ
ที่มือซ้ายถือโล่ห์ และเป็นช่วงที่พระองค์
จมน้ำตายพอดี

 

ونتيجة لشدة الملمفاجأة وبلوغ حالالاته العصبية لذروﺗﻬﺗﻬا ساعة الملموت
ودفعه الملماء بدرعه..فقد تشنجت يده اليسرى وتيبست على
هذا الوضع !!!.. فاستحالت عودﺗﻬﺗﻬا بعد ذلك لملمكاﻧﻬﻧﻬا مرة أخرى
كما هو معروف طبيا
􀂃 เนื่องจากอยู่ในอาการตกใจสุดขีด ในขณะที่มือซ้าย
กำาลังปกป้องการโหมกระหน่ำาของน้ำาทะเลอย่างสุด
ชีวิต ทำให้พระองค์ต้องจบชีวิตในลักษณะนี้ ซึ่งใน
วงการแพทย์แล้วเป็นที่ทราบกันว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะ
ดึงมือให้แนบอกอีกครั้ง

 

أي أن ذلك يشابه تماما ما يعرفه الطبيب الشرعي
من حالة تيبس يد الضحية وإمساكها بشيء من
القاتل .. كملالابسه مثلالا
􀂃อาการของศพในลักษณะนี้ เป็็นทีี่ทราบกันดีใน
วงการแพทย์ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อเหยื่อหรือผู้ตายอยู่
ในอาการปกป้องชีวิตแบบสุด ๆ เช่นกำาลังคว้า
เสื้อฆาตกรหรือส่วนอื่น ๆ ในทำนองนี้

 

لكن أمرًا غريبًا مازال يحيرير البربروفيسور
موريس .. ألا وهو:
แต่สิ่งหนึ่งที่สร้างความ
ป ร ะ ห ล า ด ใ จ แ ก่่
ศ.ดร.มอริส คือ …….

 

كيف بقيت هذه الجثة أكثر سلامة من غيرها رغم
أﻧﻬا استُخرجت من البحر ؟؟؟..!!!
􀂃ทำ ไมศพฟาโรห์องค์นี้มีสภาพที่
สมบูรณ์กว่าศพฟาโรห์องค์อื่น ๆ
ทั้ง ๆ ที่ศพฟาโรห์องค์นี้ถูกนำมาจาก
ท้้องทะเล

 

كان موريسبوكاي يعد تقريرًا ﻧﻬﻧﻬائيا عما كان يعتقده ( اكتشافاً جديدًا )
.. في انتشال جثة فرعون (من البحر) .. وكان يحلم بسبق صحفي كبير
نتيجة هذا الالاكتشاف..!!!
􀂃 มอริส บูกายย์ได้ตระเตรียมเขียนรายงานชิ้นสุดท้าย
เกี่ยวกับสิ่งใหม่ที่ตนเองคน้นพบ นั่นคือฟาโรห์องค์นี้
จมตายในทะเลก่อนที่จะถูกนำขึ้นบก เขาวาดฝันว่า
สื่อทุกแขนงคงให้ความสนใจกับสิ่งที่ตนเองค้นพบ
อยา่างแนน่นอน

 

حتىتى همهمسأحدهم فيفي أذنه قائلالا : لالا تتعجل مستر
موريس…. فإن المسلمين يعرفون بالفعل (( غرق هذه المومياء )) !!!!!!
فقرآﻧﻬﻧﻬم منذ 14 قرنا يخيخبرهم بذلك..!!!
􀂃 จนกระทั่งหนึ่งในทีมแพทยช์ชันสูตรได้กระซิบกับเขา
ว่า ท่านจะรีบร้อนไปทำไม ชาวมุสลิมรู้เรื่องฟาโรห์
จมทะเลตายมาก่อนแล้ว อัลกุรอานของพวกเขาไดื
เล่าเรื่้องนี้มาตั้งแต่ 14 ศตวรรษที่ผ่านมาแล้้ว

 

فتعجب البروفيسور من هذا الكلام .. واستنكر بشدة هذا الخبر
واستغربه…!!!! فمثل هذا الإكتشاف لا يمكن معرفته
إلا بتطور العلم الحديث وعبر أجهزة حاسوبية حديثة بالغة الدقة..
􀂃คำาพูดนี้ทำาให้ศ.นพ. มอริสแปลกใจมาก เขา
จึงปฏิเสธอย่างแข็งขันวา่า ไม่มีทางที่อัลกุรอาน
จะค้นพบสิ่งเร้นลับนี้ได้ เว้นแต่ต้องอาศัย
อุปกรณ์อันทันสมัยและเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มี
ศักยภาพสูงมาก

 

ثمثم ( وهو الأهم ) أن المومياء تمتم اكتشافها
!!!!.. أصلا عام 1898

faroah5

􀂃ยิ่งไปกว่านั้น มัมมี่
อ ง ค์นี้ได้รับ ก า ร
ค้นพบครั้งแรกเมื่อ
ป  1898

 

فازداد البربروفيسور ذهولالا وأخذ يتساءل : كيف
يستقيم في العقل هذا الكلام ؟؟؟..
ศ.นพ.มอริส รู้สึกแปลกใจยิ่งขึ้น และ
ถามตนเองว่า ไม่มีทางที่ปัญญาของ
มนุษย์จะยอมรับคำบอกเล่าของ
อัลกุรอานในเรื่องนี้ได้

 

والبشرية جمجمعاء وليس العرب فقط لملم يكونوا يعلمون شيئا عن
قيام قدماء الملمصريينين بتحنيط جثث الفراعنة أصلالا
إلالالالا قبل عقود قليلة فقط من الزمان…!!!!
􀂃มนุษย์์ทั้งมวลซึ่งไม่่เพียงแต่่ชาวอาหรับเทา่่านั้น
ต่่างก็ไม่่รู้้ด้้วยซ้ำาว่่าชาวอียิปต์์ยุคก่่อนรู้้วิธีรักษา
ศพด้้วยการห่่อศพเป็็นมัมมี่ เว้้นแต่่ก่่อนหน้้านี้
เพียงไม่ก่กีี่ร้อ้อยปีีเท่่านั้น

 

جلس موريس بوكاي ليلته محدقا بجثمان فرعون .. وهو
يسترجع في ذهنه ما قاله له صاحبه من أن قرآن المسلمين :
يتحدث عن نجنجاة هذه الجلجثة بعد الغرق..!!!
􀂃ศ.ดร.มอริส นั่งเพ่งพินิจศพฟาโรห์ทั้งคืน
ในขณะที่มันสมองของเขาหวนคิดคำพูดของ
เพื่อน ๆ ว่า อัลกุรอานของชาวมุสลิมได้พูดถึง
ศพฟาโรห์ที่ถูกนำาออกจากทะเลหลังจาก
จมน้ำ

 

بينما كتاﺑﻬم المقدس : يتحدث فقط عن غرق فرعون أثناء
مطاردته لسيدنا موسى عليه السلام دون أن يتعرضلمصير
جثمانه ….
ในขณะที่คัมภีร์ไบเบิลได้เล่าเพียงการ
จมน้ำาตายของฟาโรห์ช่วงที่ไล่ล่านบี
มูซาเท่านั้น โดยไม่มีการพูดถึงว่าศพ
ฟาโรห์ได้ถูกนำ ณ ที่ใดบ้าง

 

وأخذ يقول في نفسه : هل يُعقل أن يكون هذا المحنط
أمامي هو فرعون الذي كان يطارد موسى بالفعل ؟؟..
􀂃เขาพูดกับตัวเองว่า เป็นไปได้
หรือไม่ว่ามัมมี่ที่อยู่ตรงหน้านีื
คื้อฟาโรห์ท์ ี่เคยไล่ล่ ่า่ นบีมูซา

 

وهل يُعقل أن يعرف محمدهم هذه الحقيقة قبل
أكثر من ألف عام ؟؟..!!!!
􀂃เปน็นไปไดห้หรือที่มูฮัมมัดของ
พวกเขารับทราบความจริงนีั
มาตั้งแตพัั่นกวา่ ปีีแล้้ว

 

لملم يستطع موريس أن ينام ليلتها .. وطلب أن
يأتوا له بالتوراة ( العهد القدي.. فأخذ
يقرأ في التوراة قوله:
􀂃ในคืนนั้น ดร.มอริสไม่สามารถหลับตา
นอนได้เลย เขาได้สั่งให้ผู้ช่วยของเขานำ
คัมภีร์์โตราห์์ และเขาได้้อ่านตอนหนึ่ง
ความว่่า

 

‘فرجع الماء وغطى مركبات وفرسان جميع جيش فرعون الذي
دخل وراءهم في البحر.. ولم يبق منهم ولا أحد ‘ ..
􀂃“และแล้วน้ำาก็ได้โถมเขา้าใส่ ทำาให้
เหล่าทหารม้าของฟาโรห์จมใต้
ทะเล ไม่มีใครรอดชีวิตแมเ้เพียงคน
เดียว”

 

وبقي موريس بوكاي حائرًا .. فحتىتى الإلإنجنجيل لملم يتحدث عن
نجاة هذه الجثة وبقائهاسليمة .. لا التوراة ولا الإنجيل ذكر
مصير جثة فرعون..!!!!
􀂃ดร.มอริส ยังคงแปลกใจอยู่่ว่่า แม้้กระทัั่ง
ไบเบิลก็ไม่เคยพูดถึงศพของฟาโรห์ว่าถูก
รักษาไว้อย่างดี คัมภีร์โตราห์ก็เช่นเดียวกัน
ไม่ได้้กล่าวถึงรายละเอียดจุดจบของศพ
ฟาโรหเ์ ลย

 

بعد أن تمت معالجة جثمان فرعون
.. وترميمه أعادت فرنسا لمصر المومياء
􀂃หลังจากการตรวจชันสูตรสำเร็จ
ไปด้วยความเรียบร้อย รัฐบาล
ฝรั่งเศสก็ส่งคืนมัมมี่ฟาโรห์
กลับคืนไปยังอียิปต์

 

ولكن موريس لملم يهنأ له قرار ولملم يهدأ له بال
منذ أن هزه الخبر الذي يتناقله المسلمون عن
سلامة هذه الجثة
􀂃แต่ความรู้สึกของดร. มอริสยังคงว้าวุ่น
กระวนกระวาย หลังจากที่เขาทราบว่าชาว
มุสลิมรู้มาก่อนหน้านี้ว่าศพฟาโรห์ถูกเก็บ
รักษาอย่างปลอดภัย

 

فحزم أمتعته وقرر السفر لبلاد المسلمينين
لمقابلة عدد من علماء التشريح المسلمينين..
􀂃เขาจึงจัดแจงสัมภาระและตัดสินใจ
เดินทางไปยังประเทศมุสลิมเพื่อขอ
พบกับบรรดาศัลยแพทยม์มุสลิม

 

وهناك كان أول حديث تحدثه معهم عما اكشتفه من
نجاة جثة فرعون بعد الغرق !!!!… فقام أحدهم
وفتح له الملمصحف وقرأ له قوله تعالىلى :
􀂃 ณ ที่นั่น เขาได้มีโอกาสพบปะพูดคุยกับศัลยแพทย์มุสลิม
พร้อมทั้งเล่าสิ่งที่เขาค้นพบเกี่ยวกับศพฟาโรห์ที่ถูกเก็บ
รักษาไว้เป็นอย่างดีหลังจากจมน้ำตาย หนึ่งในศัลยแพทย์
มุสลิมได้้ลุกขึึ้น พร้้อมเปิิดอัลกุรอานและอ่่านพจนารถ
ของอัลลอฮฺว่า

 

فَفالْليَوْمَ نُنَجِّيكَ ِببَدَِنكَ لِتَكُ كونَ لِمَنْ خَلْلفَفكَ آيَةً وَِإنَّ كَ كثِيريرًا
مِّنَ النَّاسِ عَنْ آيَاتِنَا َلغَافُِلو َ ن يونس 92
“ดังนั้น วันนี้เราจะให้ร่างของเจ้ารอดพ้น
จากทะเล เพื่อจักได้เป็นสัญญาณแก่ชนรุ่น
หลังจากเจ้า และแท้จริงส่วนใหญ่ของ
มนุษย์เฉยเมยตอ่ สัญญาณตา่ ง ๆ ของเรา”
(ยูนุส / 92)

 

كان وقع الآية عليه شديدا .. ورجت له نفسه رجة
جعلته يقف أمام الحضور ويصرخ بأعلى صوته : لقد
دخلت الإلإسلالام وآمنت ﺑﻬﺑﻬذا القرآن ..!!!!
􀂃 อายะฮฺนี้ทำให้เขาต้องตะลึงแน่นิ่ง หัวใจเต้นระรัว
ด้วยความประหลาดใจ เขาได้ลุกขึ้นยืนท่ามกลาง
สายตาผู้คน พร้อมป่าวตะโกนเสียงก้องว่า ฉันขอ
ประกาศรับอิสลาม และฉันศรัทธาต่ออัลกุรอานนี้

 

ثمثم رجع موريس بوكاي إلىلى فرنسا بغيرير
الوجه الذى ذهب به..!!!
􀂃ดร. มอริส บูกายย์ ได้กลับสู่
ประเทศฝรั่งเศสในสภาพที่ต่างจาก
ช่วงที่เขาออกมาอย่างสิ้นเชิง

 

وهناك مكث عشر سنوات ليس لديه شغل يشغله
سوى دراسة: مدى تطابق الحقائق العلمية
والملمكتشفة حديثا مع القرآن الكريم…!!!!
􀂃 หลังจากนั้น เขาจึงได้ทุ่มเทเวลานานนับสิบปี
ศึกษาวิจัยความสอดคลอ้ งของวิทยาการและการ
ค้นพบทางวิชาการยุคใหม่กับเนื้อหาที่ปรากฏ
ในอัลกุรอาน

 

بل واجتهد فيفي البحث عن تناقضعلمي واحد
…. مما يتحدث به القرآن فلم يجد
􀂃นอกจากนี้ เขายังใช้ความพยายามค้นหา
ข้อผิดพลาดทางวิชาการที่อาจมีอยู่ใน
อัลกุรอาน แต่เขาก็ไม่เจอะเจอ แม้เพียง
เรื่องเดียว

 

فخرج بعدها بنتيجة قوله تعالىلى:
َلا يَأْتِيهِ اْلبَاطِ ُ ل مِن بَيْنِ يَدَيْهِ وََلا مِنْ خَلْفِهِ
ٌ
ِ
( تَ ِ تريلٌ مِّنْ حَكِي ٍ م حَمِيدٍ ( فصلت: 42
􀂃 และแล้้ว เขาก็ต้้องยอมจำนนกับพจนารถของอัลลอฮฺที่ได้้
ดำรัสความว่า
“ความเท็จจากข้างหน้าและจากข้างหลังจะไม่สามารถย่าง
เข้้าไปสู่อัลกุรอานได้้ (เพราะ) เป็็นการประทานจากพระผู้้
ทรงปรีชาญาณ ผู้ทรงได้รับการสรรเสริญ”

 

فكانت ثمرة هذه السنوات التي قضاها الفرنسي موريس :
أن خرج بتأليف كتاب عن القرآن الكريم هز الدول
الغربية كافة .. ورج علماؤ ها رجا !!!!..
􀂃 ผลพวงจากความทุ่มเทตลอดระยะเวลาสิบปีนี้ ทำให้
ดร.มอริสสามารถผลิตผลงานชิ้นเอกที่พูดถึงความ
มหัศจรรย์ของอัลกุรอาน ซึ่งได้รับการกล่าวขาน
อย่่างกว้้างขวางในประเทศยุโรป และทำให้้วง
วิชาการทั่วโลกต้องสั่นสะเทือน

 

لقد كان عنوان الكتاب
التوراة والإنجيل :
والقرآن والعلم
ตำราที่ท่านได้เขียน
ไว้้มีชื่อว่่า “คัมภีร์ 
ไบเบิล คัมคีร์กุรอาน
และวิทยาศาสตร์”

The Bible The Qur’an and Science

 

โดย: maam [29 ม.ค. 58 10:12] ( IP A:180.183.47.168 X: )
ความคิดเห็นที่ 61
   

อ่านมานานมาก ยังคงคิดว่าจริงหรือไม่จริง สิ่งที่เกิดขึ้นเราไม่ได้อยู่ในยุคนั้นเราก็ไม่สามารถรับรู้ได้ ยุคนั้นคนจะมาจดบันทึกก็ไม่มี แต่สิ่งที่น่าเหลือเชื่อในพระคำภีร์มีอะไรจะจดไว้เยอะและหลายเหตุการณ์จนทำให้คนรุ่นสมัยใหม่ค้นศึกษา อีกอย่างทำไมพระคำภิร์ถูกเขียนขึ้นหลายท่านมารวมกันในเล่มนี้ ถ้าให้เพ้อเขียนขึ้น คนอะไรจะใจตรงกัน นี่คือข้อสงสัย และดิฉันเองสงสัยตลอดว่าเราเกิดมาได้ไง หาเท่าไหร่ไม่มีคำตอบเจอในพระคำภีร์นี้เล่มเดียว ช่วยตอบทีว่าคนเกิดขึ้นได้อย่างไร ใครเป็นคนสร้าง หรือมีพระเจ้าจริงๆที่สร้าง ขอบคุณค่ะ

โดย: miffmiff93@outlook.co.th [10 มี.ค. 58 17:50] ( IP A:203.114.109.46 X: )
ความคิดเห็นที่ 62
   ผมเป็นชาวพุทธที่เปลี่ยนใจมาเชื่อในพระเจ้าครับ ผมเคยเอนตี้ศาสนาอื่นมากนอกจากพุทธ
แต่ตอนนี้ผมกับเปลี่ยนความเชื่อเพราะผมมีโอกาสเรียนรู้และเปิดใจศึกษามากขึ้น ผมไม่เก่งเรื่องประวัติศาสตร์ และไม่เก่งวิทยาศาสตร์ แต่สิ่งที่ผมเรียนรู้ในทางศาสนาคือ พระเจ้าก็คือวิทยาศาสตร์ครับบางครั้งเมื่อเราได้ค้นพบความรู้ใหม่ๆเราก็มักจะเอามาหักล้างอำนาจของพระเจ้า ทั้งที่จริงแล้วเป็นสิ่งที่พระองค์รู้และทำได้ แต่เราแค่เพิ่งจะเรียนรู้ได้เท่านั้นเอง ในความเชื่อของผม เราทุกคนบอนโลกคือลูกๆทางวิญญาณของพระองค์และเรามาบนโลกนี้เพื่อที่จะเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพของตนเองครับ
โดย: [29 ก.ค. 58 12:12] ( IP A:49.48.249.169 X: )
ความคิดเห็นที่ 63
   

เรื่องบางเรื่อง รู้แต่ไม่อยากพูดมาก

ขอรับคำปรึกษาได้ที่

ทาง LINE: @atbanana 
คลิก https://line.me/ti/p/%40atbanana

โดย: ธรรเต้ [8 ธ.ค. 58 19:57] ( IP A:171.99.3.148 X: )
รายละเอียด :
ชื่อ / e-mail :    แทรกไอคอนน่ารักๆในข้อความ
e-mail :
ส่งอีเมลทุกครั้งที่มีการตอบกระทู้       (ใส่ Email เมื่อต้องการให้ส่ง Email เมื่อมีคนมาโพสในกระทู้)
รูปประกอบ :
.jpg .bmp .gif < 100K
จัดตำแหน่งรูป :
ชิดซ้าย
กึ่งกลาง
ชิดขวา
เสียงประกอบ : .wav .mp3 .wma .ogg < 300K
คลิปวีดีโอ (Youtube) :
ตัวอย่าง : http://www.youtube.com/watch?v=k_ufqno7NaE


CAPTCHA code



คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน