เปิดตำนานไอยคุปต์ II
    II. การเดินทาง 12 ชั่วโมงของเทพรา

ในช่วงที่เทพ รา กลับไปสวรรค์ โลกมนุษย์ถูกกั้นอาณาเขตโดยภูเขาซึ่งช่วยพยุงท้องฟ้าไว้ ทุกวันดวงอาทิตย์หรือเทพ รา จะขึ้นภูเขา มานู ( Manu ) ทางทิศตะวันออก จากนั้นก็จะเริ่มเดินทางข้ามผ่านท้องฟ้าเรียกว่า การเดินทางของเรือ มันเจต ( Manjet ) โดยมีเหล่าเทพเจ้าเป็นเสมือนลูกเรือติดตามมาด้วย รวมถึงเทพ เกบ เทพ ธอธ ( Thoth ) และบุคลาธิฐานจากพลังสุริยะมากมายเช่น ฮู ( Hu ) เสียงทรงอำนาจ ซึ่งได้แก่คำบัญชาจากสวรรค์ สิอา ( Sia ) ความฉลาด และ ฮิเค ( Hike ) มายิก บางครั้งเทพ ฮอรัส ( Horus ) จะร่วมในการเดินทางด้วย โดยจะยืนอยู่หัวเรือเพื่อทำลายศัตรูของเทพ รา

ขณะที่แล่นเรือผ่านฟากฟ้า เทพ รา จะสวมมงกุฎ 2 ชั้น ซึ่งเป็นสัญลักษณ์การรวมไอยคุปต์ตอนบนและล่างเข้าด้วยกัน มงกุฎสีแดงคือไอยคุปต์ตอนล่าง สีขาวคือไอยคุปต์ตอนบน ส่วนฟาโรห์จะมีมงกุฎที่มีรูปงู อูรายอุส ( Uraeus ) อยู่ข้างหน้าและพ่นไฟออกมาเพื่อไล่ศัตรู

หัวหน้างูใหญ่ศัตรูของเทพ รา คือ อาโปฟิส ( Apophis ) ซึ่งอาศัยอยู่ในแม่น้ำแห่งเทพ นุน ทุกวันมันจะคอยขัดขวางเรือสุริยะไม่ให้แล่นไป มีเรื่องเล่าว่า อาโปฟิส เป็นสุริยะเทพแรกเริ่ม แต่ถูกละทิ้งก่อนที่เทพ รา จะสร้างโลก ซึ่งทำให้มันไม่พอใจในการเดินทางของเทพ รา มันมักจะพ่ายแพ้ต่อเทพ รา เสมอเวลาที่รบพุ่งกัน ในครั้งที่รบกันรุนแรงเทพ เสต ( Set ) จะมายืนอยู่หัวเรือเพื่อสู้กับ อาโปฟิส ถ้าครั้งใดที่ อาโปฟิส มีชัยชนะจะเกิดพายุ หรือเชื่อว่าการเกิดคราสต่างๆนั้นหมายถึงว่า อาโปฟิส ได้กลืนเรือสุริยะเข้าไป

ผู้คอยปกป้องเทพ รา และเทพ โอซิริส ( Osiris ) ในโลกแห่งความตายก็คือ อิมเซติ ( Imseti ) ผู้พิทักษ์ตับของผู้วายชนม์ ฮาปิ ( Hapi ) ผู้พิทักษ์ปอดของผู้วายชนม์ ดูอามูเตฟ ( Duamutef ) ผู้พิทักษ์กระเพราะอาหารของผู้วายชนม์ และ กีเบห์เซนูฟ ( Qebehsenuf ) ผู้พิทักษ์ลำไส้ของผู้วายชนม์

เทพ รา จะแล่นเรือไป มตภพดูอัต (Duat) 12 ชั่วโมง หรือ 12 ฉาก เริ่มการเดินทางที่ทิศตะวันตก
โดย: khamare [11 ต.ค. 51 21:08] ( IP A:124.120.171.38 X: )
Add to Facebook  Add to Twitter  Add to Multiply  Add to Google  Add to Blogger  Add to Live
ความคิดเห็นที่ 1
    เมื่อเข้าถึงฉากแรกหรือชั่วโมงที่ 1 เทพ รา จะมีพระเศียรเป็นแกะ บนเรือสุริยะมีเทพ 2 องค์ประทับอยู่บนหัวเรือชื่อว่า ผู้เปิดทางจิต มีเทวีแห่งเรือสุริยะเทพ สวมเขาวัวและวงสุริยะ พระเศียรเป็นเหยี่ยวยืนประทับอยู่ด้วย ที่หางเสือมีเทพ 4 องค์ พระนาม วัวแห่งความจริง ผู้รอบรู้ ผู้มุ่งหมาย และ ผู้นำทางเรือ มีลิงบาบูน 18 ตัว เปิดประตูให้พระองค์และร้องเพลงขณะที่เรือแล่นเข้ามาใน มตภพ และเทวีงูใหญ่ 12 องค์ เป็นผู้จุดไฟให้แสงสว่าง

มาถึงชั่วโมง 2 จะมีงูพ่นไฟคอยเฝ้าอยู่ประตูอยู่ แต่เทพที่อยู่บนเรือสุริยะสามารถสั่งให้ประตูเปิดออกได้ เป็นดินแดนของเทพเจ้าและกษัตริย์อยู่รวมกันอย่างสงบสุข

ชั่วโมงที่ 3 เทพ รา จะชุบชีวิตเทพ โอซิริส โดยการดลบันดาลจิต ซึ่งพลังในการตัดสินใจและการกระทำแด่เทพ โอซิริส

ชั่วโมงที่ 4 จะเป็นทางลาดเอียง มีประตูเปิดอยู่ 2 ประตู มีงูเฝ้าประตูอยู่ บางตัวก็มีหัวเป็นมนุษย์และมีขาสั้น 4 ขา หรือมีหัวเป็นงูและปีก 2 ปีก งูเหล่านี้ไม่สามารถทำอันตรายเทพ รา ได้ ทางลาดเอียงนี้คือ ทางสู่มตภพ เรียกว่า ประตูเข้า-ออก ถ้าผ่านเส้นทางนี้ไปได้จะเข้าถึงร่างของ เสเคร์ ( Seker ) เทพสุสานแห่งเมืองเมมฟิสและหลุมฝังศพของเทพ โอซิริส

ชั่วโมงที่ 5 เป็นชั่วโมงที่สำคัญของการเดินทาง เรือสุริยะได้เดินทางมายังดินแดนแห่งเสเคร์ เทพ เสเคร์ มีเศียรเป็นเหยี่ยวยืนอยู่บนหลังงูใหญ่ที่มีหัวเป็นมนุษย์ และยังทรงพบเทวี ไอซิส ( Isis ) และ เทวี เนฟทิส ( Nephthys ) ในรูปนกเหยี่ยวขนาดเล็กอยู่ใกล้กับเนินดินที่เป็นสัญลักษณ์ของสุสานในทะเลทรายแห่งโอซิริส โดยมีหัว 4 หัวคอยพ่นไฟเฝ้าประตูทางเข้าอยู่ จากนั้นเรือสุริยะจะมาหยุดต่อหน้าเทพ ธอธ

ชั่วโมงที่ 6 เทพ ธอธ จะอยู่ในรูปของลิงบาบูนกำลังอุ้มนกช้อนศักดิ์สิทธิ์อยู่

ชั่วโมงที่ 7 จะพบกับวิญญาณชั่วที่คอยดึงเชือกลากเรือไม่ให้แล่นต่อไป กระนั้นศัตรูก็จะถูกจับและถูกสังหาร งูอาโปฟิส พยายามที่จะกลืนกินเรือสุริยะ แต่เทวีแมงป่อง เสร์เคต ( Serket ) และเทพที่มีพระนามว่า เจ้าแห่งความมืด จะจับหัวและหาง อาโปฟิส เอาไว้จากนั้นจะใช้ใบมีดแทงที่หัวและตัวของมัน

ชั่วโมงที่ 8 เทพ รา จะพบกับเหล่าเทพต่างๆ บ้างก็อยู่ในรูปของมัมมี่ บ้างก็เป็นมนุษย์นั่งอยู่ บ้างก็มีศีรษะเป็นวัว แพะ หนู พังพอน จระเข้ หรือ ฮิปโปโปเตมัส และอยู่ในรูปของงูเห่า เทพเหล่านี้จะตอบสนองเสียงเรียกของเทพ รา ขณะที่เรือสุริยะแล่นผ่าน

ชั่วโมงที่ 9 เทพ รา จะพบกับงูเห่าพ่นไฟ 12 ตัว ซึ่งเป็นผู้คุ้มกันเทพ โอซิริส และจะดื่มเลือดผู้ที่มันฆ่าเป็นอาหาร และยังแล่นเรือผ่านเหล่าเทพที่ถือคทากิ่งปาล์มซึ่งเป็นเทพที่รับผิดชอบในการแกะสลักต้นไม้หรือพืช

ชั่วโมงที่ 10 เป็นสัญลักษณ์การกลับมาเกิดของเทพเจ้าในรุ่งอรุณ แมลงสคารับ ( Scarab ) กำลังยึดไข่ ซึ่งจะปรากฎในฟากฟ้าฝั่งตะวันออกต่อไป และวงสุริยะ 2 วง พร้อมที่จะถูกดุนขึ้นไปบนท้องฟ้า ด้านหน้าเรือสุริยะมีกองทัพเทพเจ้า 12 องค์ คอยเป็นผู้คุ้มกันให้เรือสุริยะถึงฟากฟ้าฝั่งตะวันออกอย่างปลอดภัย

ชั่วโมงที่ 11 ศัตรูของเทพ รา จะถูกโยนลงไปในบ่อไฟ ซึ่งแต่ละบ่อจะมีเทวีคอยพ่นไฟใส่อยู่

เมื่อมาถึงฉากที่ 12 เรือสุริยะจะถูกลากเข้าไปในหางงูใหญ่ ซึ่งเทพ รา จะละร่างตอนที่อยู่ใต้โลกและออกมาทางปากงู เทพ รา จะเป็นแมลงสคารับ โดยพระเศียรจะอิงอยู่บนพระเศียรของเทพ ชู ( Shu ) จากนั้นพระองค์จะแล่นเรือขึ้นไปยังทิศตะวันออกเช่นเดิม
โดย: khamare [11 ต.ค. 51 21:09] ( IP A:124.120.171.38 X: )
ความคิดเห็นที่ 2
   ว่าจะเข้ามาเสริมให้นานมากๆแล้วครับ แต่ว่าไม่มีเวลาเลย กลัวว่าถ้าเสริมแล้วมันจะเยอะมากๆ เหมือนผมเขียนใหม่เลยยังไงยังงั้น

เอาเป็นว่าผม Credit ให้ว่าตรงนี้คุณ khamare เอามาจากหนังสือ เทพแห่งไอยคุปต์ (Ancient Egypt's God) ของคุณ สมฤทธี บัวระมวล สนพ. คุ้มคำ หน้า 27-31 ครับ

ตรงนี้ผมคาดว่าเป็น Book of Amduat ซึ่งเทพ Ra ในร่างของแกะได้เดินทางไปยังโลกใต้บาดาล เป็นเวลา 12 ชม. (ชั่วโมง) และได้ไปเผชิญเหตุการณ์ต่างๆครับ เท่าที่อ่านของคุณสมฤทธีแล้ว เหมือนว่าเป็นการรวบรวมอย่างหยาบๆ (มากๆ) ซึ่งเนื้อหาในแต่ละ ชม. ก็บอกไม่ละเอียดและไม่กระจ่างเอาเสียเลย เพราะว่าจริงๆแล้วมีอะไรมากกว่านั้นอีกมากมายครับ

เช่น ชม. ที่ 1 ที่บอกว่า มีลิงบาบูน 18 ตัว และมีงูใหญ่ 12 ตัวนั้น จริงๆ Amduat ชม.ที่ 1 ไม่ได้จำเป็นต้องมีลิงบาบูน 18 ตัวนะครับ แต่ถ้าวิเคราะห์จากผนังสุสานใน KV34 และ KV35 จะพบว่ามีลิงบาบูน 18 ตัวจริงๆ อยู่คนละฟากฝั่งของแม่น้ำที่เรือสุริยะเดินทางไป จริงๆแล้วเรือใน ชม.ที่ 1 นี้บางครั้งก็มี 2 ลำเรียกว่า Day Bark กับ Night Bark แต่ว่าของคุณสมฤทธีก็ไม่ได้กล่าวถึงแต่อย่างใด หรือเรื่องของจำนวนลิงบาบูน ถ้าไปวิเคราะห์จาก KV62 ของ Tutankhamun แล้ว จะมีลิงบาบูนเพียง 12 ตัวเท่านั้นครับ
จุดประสงค์ของ ชม.ที่ 1 คือการต้อนรับเรือสุริยะเข้าสู่ดินแดน Duat นั่นเองครับ

ชม.ที่ 2 ผมหางูพ่นไฟไม่เจอ ไม่ทราบว่าคุณสมฤทธีเห็นมาจากไหน??? ทำไมผมหาแล้วไม่เจอเลย?? ผมอาจจะผิดพลาดก็ได้ครับ ชม.ที่ 2 นี้เรียกว่า Fields of the Blessed ซึ่งเป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยน้ำ ครอบครองโดยชาวนานามว่า Wernes แม้จะไม่มีกษัตริย์อยู่ในภาพของ ชม.ที่ 2 แต่ว่าก็ดูเป็นชม.แห่งความสงบสุข ชม. หนึ่งครับ

ชม. 3 เต็มไปด้วยน้ำเช่นเดิม เป็น ชม.ที่ Ra และ Osiris เผชิญหน้ากัน แต่ไม่ทราบว่ามีการชุบชีวิตให้กันจริงหรือไม่?? เพราะเท่าที่ผมเห็นไม่ได้บอกไว้ครับ

ชม. 4 ที่บอกว่าเป็นทางลาดเอียง จริงๆแล้วทางนั้นคือ Path of Fire ซึ่งกั้นไว้ไม่ให้เรือสุริยะผ่านไป ส่วนที่เหลือก็โอเคครับ เพราะว่าผ่านทางนี้ไป จะได้เข้าไปสู่ Cave of Sokar

ชม. 5 คือ Cave of Sokar สำหรับที่คุณสมฤทธีว่ามา ไม่มีปัญหาครับ แต่ผมไม่ทราบว่าที่บอกว่าเรือไปหยุดหน้าเทพ Thoth นั้น จริงหรือไม่ เนื่องจากผมไม่เห็นว่าจะมีเรือที่จอดหน้าเทพ Thoth แต่อย่างใด

ชม. 6 ผมว่าแปลกมากๆ เท่าที่ผมดูมา ไม่มีทั้งเทพ Thoth และไม่มีนกช้อนอะไรนั่นด้วย ชม.ที่ 6 คือชม.ที่เรือสุริยะเดินทางถึงจุดต่ำสุด (เพราะเป็นชม.ตรงกลางพอดี) และเป็นจุดที่ Re กับ Osiris รวมกัน เพื่อเตรียมเกิดใหม่ในวันต่อไปครับ

ชม. 7 ของคุณสมฤทธีโอเคครับ เป็นชม.ที่ Apophis ถูกฆ่า แต่เรื่องเจ้าแห่งความมืด คุณ khamare ตีความผิดครับ จริงๆต้องเป็น "เจ้าแห่งมีด" ครับ

ชม. 8 โอเคครับ คร่าวๆก็ประมาณนั้น เป็นชม.ที่เกี่ยวกับการเดินทางไปถึงสุสานแห่งหนึ่ง ซึ่งมีมัมมี่ยืนอยู่เรียงราย

ชม. 9 เป็นการ "พักผ่อน" ของเหล่าลูกเรือของสุริยะเทพครับ จุดนี้ไม่มีศัตรูของเทพ Ra ออกมาอีกแล้ว รวมทั้งมีงูเห่า 12 ตัวคอยพ่นไฟให้แสงสว่างแก่เรือสุริยะเทพครับ

ชม. 10 เป็นชม.ที่คล้ายๆ Book of Gates ในชม.ที่ 9 ซึ่งจะมีภาพของ "คนจมน้ำ" ซึ่งสื่อถึงการชำระล้างบาป แล้วก็ได้เกิดใหม่นั่นเองครับ แต่ตรงนี้คุณสมฤทธีไม่ได้กล่าวถึงเลย ซึ่งผมคิดว่าเป็นจุดสำคัญของ ชม. 10 เลยทีเดียวครับ ส่วนเรื่องอื่นๆโอเคครับ

ชม. 11 มีเทวีพ่นไฟจริงๆ แต่ว่าคุณสมฤทธี ยังบอกไม่หมดครับ เพราะว่ายังมีภาพคน 12 คนถืองูไว้บนหัว เดินนำหน้าเรือสุริยะเทพด้วย ซึ่งก็เป็นการเตรียมพร้อมเพื่อให้สุริยเทพขึ้นสู่ท้องฟ้าครับ

ชม. 12 ชม.สุดท้ายโอเคครับ เรือสุริยะ (คาดว่าเดินทางเข้าไปทางหาง และออกมาจากปากของงูใหญ่ตัวหนึ่ง อย่างที่คุณสมฤทธีว่ามา) แล้วก็ได้ออกมาสู่ท้องฟ้าวันใหม่ครับ

ผมคาดว่าหลายๆท่านอาจจะได้มุมมองที่ใหม่ขึ้น หรืออาจจะงงอยู่ เนื่องจาก Book of Amduat ถ้าเอาจริงๆ (และมีเวลาจริงๆ) มันสามารถนั่งวิเคราะห์และเขียนบรรยายความหมายออกมาได้เป็นหนังสือเล่มนึงเลยครับ ซึ่งเยอะกว่าที่บรรยายมานี้ยิ่งนัก ท่านที่จะเข้าใจได้ จะต้องเคยเห็นภาพทั้ง 12 ชม.ก่อน จึงจะร้องอ๋อ เพราะว่า Book of Amduat มันยังเกี่ยวข้องกับ Book of Gates และพวก Book of Caverns รวมทั้ง Book of Earth ด้วย ซึ่งต้องใช้เวลาศึกษามากทีเดียวครับ กว่าจะเข้าใจคัมภีร์พวกนี้ทั้งหมด

ผมเองก็ยังมึนๆเลยครับ เกี่ยวกับ "Book of ..." พวกนี้ทั้งหลายแหล่
ไม่เข้าใจก็ลองถามไว้ได้ครับ เพราะผมเข้าใจว่าอธิบายยากจริงๆเรื่อง Book of Amduat นี่ sadcom

โดย: Detectiveoat13 (เจ้าบ้าน ) [25 ต.ค. 51 17:18] ( IP A:124.120.116.58 X: )
ความคิดเห็นที่ 3
   ขอรวมหัวข้อตำนาน 1-2 ไปในหัวข้อ รา ที่บล็อกนะคะ (แต่ตอนนี้ยังไม่ทำ มาเก็บข้อมูลก่อน) พอดีหัวข้อใกล้เคียงกับข้อมูลที่กำลังจะย้ายพอดีเลยค่ะ ขอบคุณค่ะ
โดย: lilypixel [3 พ.ย. 51 14:09] ( IP A:124.120.221.41 X: )
ความคิดเห็นที่ 4
   ผู้คอยปกป้องเทพ รา และเทพ โอซิริส ( Osiris ) ในโลกแห่งความตายก็คือ อิมเซติ ( Imseti ) <<<<<<< เพิ่งรู้ที่มาของชื่อ Imseti *0*
โดย: lilypixel [3 พ.ย. 51 14:14] ( IP A:124.120.221.41 X: )
ความคิดเห็นที่ 5
   5555+
โดย: Imseti [3 พ.ย. 51 16:55] ( IP A:58.9.25.154 X: )


คลิก เพื่อเปลี่ยนกลับไปแสดงความคิดเห็นแบบเดิม

ชื่อไฟล์รูปห้ามมีอักขระพิเศษ เช่น (#),(<),(>),(&) เป็นต้นค่ะ
ชื่อ / e-mail :    แทรกไอคอนน่ารักๆในข้อความ
e-mail :
ส่งอีเมลทุกครั้งที่มีการตอบกระทู้       (ใส่ Email เมื่อต้องการให้ส่ง Email เมื่อมีคนมาโพสในกระทู้)


CAPTCHA code



คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน