ทำไมอียิปต์จึงสลักภาพต่างๆในแบบแข็งๆ?
   ใช่เพราะว่า มันแสดงถึงความ
มั่นคง แข็งแกร่ง อะไรแบบนี้หรือเปล่าคะ ?



หรือว่ายังไง ใครคิดยังไง
เชิญ ออกความเห็นกันได้เลยคะ :)

ปล.ตอนนี้ก็ทำรายงานเรื่องศิลปะอีปต์อยู่
เลยอยากจะถามความเห็นจากหลายๆคน ^^

โดย: Richy [16 ม.ค. 52 13:20] ( IP A:124.121.236.219 X: )
Add to Facebook  Add to Twitter  Add to Multiply  Add to Google  Add to Blogger  Add to Live
ความคิดเห็นที่ 1
   ภาพที่ถูกสลักหรือวาดขึ้นนั้นเป็นไปตามคติของสมมุติเทพคับภาพสลักจะเเบ่งเป็นสองส่วนที่เห็นชัดๆคือศิลปะทั่วไปดูได้จากสุสานรหัสTTส่วนใหญ่ ถ้าหากจะดูพวกศิลปะหลวงอันนี้เราดูได้จากตามวิหารหรือศาสนสถานต่างๆหรือไม่ก็สุสานหลวงก็ได้ เเต่จะมีสุสานบางเเห่งของพวกคนที่ไม่ใช่เชื้อพระวงศ์ที่ใช้ศิลปะหลวงดูจากสุสานข้าราชการในช่วงAmenhotep IIIอย่างสุสานของราโมส
ส่วนในเรื่องที่ทำไมภาพสลักเเละรูปปั้นจึงไม่อ่อนช้อย อันนี้หากพูดก็ไม่ถูกนักเนื่องจากว่าจะมีในช่วงปฎิรูปศาสนาสมัยอมานาร์ที่รูปภาพต่างๆดูอ่อนช้อยขึ้นมาก สาเหตุหลักๆที่อียิปต์มีคติศิลป์ในเเบบที่ดูเเข็งเกร็งนั่นอาจเป็นเพราะต้องการให้เทพเเละฟาโรห์ดูเเตกต่างหรือมีลักษณะที่เหนือคนธรรมดาน่ะคับ ในช่วงเเรกๆของอารยธรรมกรีกก็มีการนำคติศิลป์ของอียิปต์ไปใช้เช่นกันคับ ดูได้จากรูปสลักอพอลโลในยุคเเรกๆ
ส่วนที่ภาพอียิปต์เป็นมุมมองในด้านข้างนั้นเป็นไปได้สองอย่าง อย่างเเรกงนักวิชาการคาดว่าเพราะเป็นมุมมองที่ดู"สมมาตร"คับอียิปต์จะชื่นชอบทำอะไรที่ดูสมมาตร นอกนั้นนักวิชาการคิดว่าที่ต้องวาดเเบบนี้เพื่อให้เห็นทุกส่วนของร่างกายคับเนื่องมาจากความเชื่อเป็นหลัก
อีกสาเหตุหนึ่งซึ่งก็ง่ายๆเลยคือการเเสดงภาพเเบบนี้เขาคือว่ามันเป็นความงามในเเบบคตินิยมตามสมัยคับ เหมือนที่สมัยนี้ชอบภาพABSTRACT!!!ทั้งที่ถ้าถามว่าสวยไหม....ไม่อะ ดูรู้เรื่องไหม...ไม่อะ
เรื่องนี้ต้องถามพี่โอ๊ตตัวเเม่คับ5555+(ญาติของอาร์ตตัวเเม่)
ปล.หนังสือส่วนใหญ่ไม่ค่อยกล่าวถึงเกี่ยวศิลปะเท่าไหร่บางส่วนผมลองวิเคราะห์เองดูนะคับ หากผิดยังไงเสริมให้ด้วยเน้อ
โดย: Imseti [16 ม.ค. 52 14:48] ( IP A:58.9.28.185 X: )
ความคิดเห็นที่ 2
   อ้อคำถามมหาโหดมาอีกเเล้วคราวนี้ไม่ถามยากเกินไปเเค่ถามว่านี่ในรูปบนสุดคือฟาโรห์ที่ชื่อว่า!?
โดย: Imseti [16 ม.ค. 52 14:55] ( IP A:58.9.28.185 X: )
ความคิดเห็นที่ 3
   น่าน มาอีกแล้วไง
เหอะๆๆๆ
โดย: key [16 ม.ค. 52 15:58] ( IP A:117.47.33.181 X: )
ความคิดเห็นที่ 4
   

โดย: Imseti [16 ม.ค. 52 16:22] ( IP A:58.9.28.185 X: )
ความคิดเห็นที่ 5
   ที่แข็งๆๆก็เพราะเวลาสลักกับหิน มันแข็งไงค่ะ อาจจะ สลักได้ง่ายกว่า ที่จะประดิษฐ์เป็นลายที่อ่อนช้อยกว่า ด้วยอาจจะความไม่พร้อมทางอุปกรณ์และเครื่องมือ แต่หรืออาจะเป็น เพราะว่า ศิลปะอียิปต์ ก็อาจจะเป็นมาแบบนี้อยู่แล้ว ตั้งแต่ตน อาจจะเป็นหลักทางจิตว่าแบบแข็งๆอย่างนี้ จะทำให้คนดูมีพลังแห่งชีวต หรืออาจจะเพื่อให้มความมั่นคง
คือ แบบแข็งๆๆนี้ รู้สึกไหมค่ะ ว่ามันดูเข็มแข็ง แบบว่าฟาโรห์แต่ละพระองค์ดูทรงพลัง พร้อมที่จะฟันคอศัตรูให้พินาจ คือมันดูน่าเกรงขามอะค่ะ

แต่อันนี้เราก็สงสัยเหมือนกันว่า ทำไมจึงแข็ง? เหอๆๆ

งานนี้ก็อย่างที่ท่านอิมเซติบอก ถามท่านโอ๊ตตัวแม่ ดูนะค่ะ
ส่วนคำถามของท่านอิมเซติ นั้น ขอตอบว่า รามเสส แล้วกัน มั่วอีกเช่นเคย 555+
โดย: som [16 ม.ค. 52 20:44] ( IP A:125.27.181.93 X: )
ความคิดเห็นที่ 6
   จริงๆ ถ้าจะให้เสริมเรื่องนี้ ก็อยากบอกว่าให้อ้างอิงจากคุณ Imseti และคุณ som ได้เลยครับ ความเห็นของคุณ som ในคห.5 นั้นค่อนข้างตรงกับที่ผมจะตอบทีเดียว 555+

จากที่ผมเคยอ่านมาเกี่ยวกับศิลปะอียิปต์นะครับ ไม่ค่อยมีตำราใดบอกละเอียดว่าทำไมภาพจึงเป็นแบบแข็งๆ แต่ว่าเท่าที่พอจับใจความมาได้ คือ การเคลื่อนไหวและองค์ประกอบของการสลักรูปภาพต่างๆอยู่ในกรอบบังคับของศาสนาและวัตถุที่ใช้สลักซึ่งเป็นหินแข็ง แล้วก็ยังขึ้นอยู่กับอิทธิพลบังคับของสถาปัตยกรรมด้วย ซึ่งจะขึ้นกับกฏที่เรียกว่า Frontal Law คือกฏด้านหน้า ซึ่งเน้นการมองจากด้านหน้าเป็นหลัก (เด่นชัดในพวกรูปปั้น) ซึ่งจะแสดงให้เห็นถึงความสง่าผ่าเผย และมีความสัมพันธ์กับความเป็นปึกแผ่นของสถาปัตยกรรม ก็เลยจะมีรูปแบบเป็นแท่ง และไม่เคลื่อนไหว

จุดเด่นของงานประติมากรรมแบบอียิปต์คือมีลักษณะ แข็ง ไม่หลากหลาย เป็นแบบจำเจน่าเบื่อ ตามกฏเกณฑ์ที่วางไว้ในเรื่องที่เกี่ยวกับร่างกายและท่าทางของคน คือรูปบรรดาเทพเจ้าและกษัตริย์จะต้องอยู่ในท่าน่าเกรงขามและสง่างาม การยืนจะแสดงด้วยการปล่อยแขนตามตัว หรืออาจจะใช้แขนขวาถือไม้ประจำตำแหน่งในท่ายกขึ้น ก้าวเท้าซ้ายล้ำออกมา ศีรษะมองตรงไปข้างหน้า แม้ว่าจะอุ้มลูกอยู่ ก็ต้องมองไปข้างหน้า เพราะว่าเป็นกฏเกณฑ์ของงานประติมากรรมอียิปต์ ร่างกายคนต้องบอบบางได้สัดส่วน หน้าตาเป็นหนุ่มเป็นสาวตลอดเวลา พูดง่ายๆคือจะไม่มีรูปคนแก่ให้เห็นเลย และจะสังเกตได้ว่า หน้าตาของเทพเจ้า และกษัตริย์จะคล้ายๆกัน คือสง่างามเหมือนกันครับ

ที่กล่าวมานี้ไม่นับศิลปะแบบ Amarna เนื่องจากว่ามีความอ่อนช้อยอยู่แล้วนะครับ

จริงๆเรื่องความสมมาตรก็เกี่ยว อย่างที่คุณ Imseti ว่ามาเลย ถ้าอยากอ่านเรื่องการวิเคราะห์ทางสถาปัตยกรรม ลองหาอ่านผลงานเกี่ยวกับอียิปต์ของ อ.อภิชา ดูครับ เล่มที่ตอนนี้เห็นชัดๆคือ หนังสือเรื่อง Hatshepsut นั่นเองครับ

ซึ่งรูปแบบศิลปะแบบที่เราเห็นอยู่นี้ ก็มีมาตั้งแต่สมัย Early Dynastic Period แล้วครับ ตั้งแต่จานสีของ Narmer ซึ่งก็ได้ดัดแปลงจนมาเป็นภาพที่เราคุ้นตากันมากที่สุดคือสมัย New Kingdom ครับ

หวังว่าคงได้ความรู้ไปบ้างนะครับ... ^^

อ้อ... เรื่องคำถามที่ว่าฟาโรห์ชื่ออะไรผมคงไม่ต้องตอบมั้งครับ หุหุ

แล้วผมยังมีคำถาม มหาโหด ของแท้ มาถามด้วยครับว่า เทพเจ้าองค์ที่ 2 จากขวามือ ในรูปที่น้องริชโพสต์คือเทพเจ้าที่มีชื่อว่าอะไรครับ???

อยากให้ตอบพร้อมคำอธิบายด้วยครับ ไม่เอาคำตอบเดี่ยวๆ อยากให้เพื่อนๆในบอร์ดฝึกวิเคราะห์กัน ไม่อยากให้ใช้ความจำอย่างเดียวครับ ลองดูครับ ^^ book
โดย: Detectiveoat13 (เจ้าบ้าน ) [17 ม.ค. 52 9:31] ( IP A:124.120.120.159 X: )
ความคิดเห็นที่ 7
   ในที่สุดหลังจากที่เเทบเดี้ยงก็ได้คำตอบคับ ยอมรับว่าโหดมากถึงมากที่สุดอยากให้พีโอ๊ตใบ้เหมือนกันคับ
โดย: Imseti [17 ม.ค. 52 19:25] ( IP A:58.9.225.252 X: )
ความคิดเห็นที่ 8
   T_T !
โดย: som [17 ม.ค. 52 19:41] ( IP A:125.27.170.206 X: )
ความคิดเห็นที่ 9
   เทพไรหว่า เทพองค์ไหนดีน่าไม่มีเทพองค์ไหนช่วยเราเลยเนี้ยยยยยยยยยยยย TT TT

โดย: Xzodic [18 ม.ค. 52 18:14] ( IP A:117.47.172.70 X: )
ความคิดเห็นที่ 10
   เทพ Seth หรือเปล่านะ เหมือนตัวกินมด

โดย: Xzodic [18 ม.ค. 52 18:24] ( IP A:117.47.172.70 X: )
ความคิดเห็นที่ 11
   Isis / Hathor มั่วก้าบบบบบบบบบ

โดย: Xzodic [18 ม.ค. 52 18:25] ( IP A:117.47.172.70 X: )
ความคิดเห็นที่ 12
   ในที่สุดก็หาเจอแต่ไม่ตอบ เพราะตอบมั่วไปแย้ว ยึดหลักไม่รู้ดีกว่า คนอื่นหาต่อไปนะคร้าบบบบบบบบบ เอาใจช่วย (ปิดหน้าหนีตายดีกว่า )

โดย: Xzodic [18 ม.ค. 52 19:04] ( IP A:114.128.120.173 X: )
ความคิดเห็นที่ 13
   โอเคครับ คุณ Imseti กับ xzodic ได้คำตอบไปแล้ว... จากการติดต่อกันหลังไมค์ ก็โอเคครับ ตอบถูกทั้งคู่ smile

คำถามนี้ ยากเกินไปจริงๆครับ ยากมากๆ ไม่ประเทืองปัญญา แถมไม่ได้ประโยชน์ด้วย หึหึ

ผมเฉลยเลยแล้วกัน แล้วคิดว่าผมคงไม่ตั้งคำถามพวกนี้อีกแล้วอ่ะนะ เพราะว่าไม่มีคนตอบ ไม่มีคนสานต่อ ไม่มีคนสนใจเลย มันเลยดูเป็นคำถามที่ไร้ประโยชน์ไปทันที cry

คำตอบคือเทพี Weret Hekau ครับ

เพื่อเป็นการไถ่โทษกับคำถามไร้สาระอันนี้ ผมเอารายละเอียดของเทพีองค์นี้มาให้แล้วกันนะครับ

เทพี Weret Hekau แปลตรงตัวว่า "The Great One of Magics" พระองค์ถูกนับถือเป็นผู้ดูแลองค์ฟาโรห์ ไม่ค่อยเจอภาพของพระองค์บ่อยนัก แต่ว่าที่เห็นอีกก็คือนางถูกจารึกไว้ในบรรดาสมบัติของ Tutankhamun

พระองค์ถูกแสดงด้วยศีรษะเป็นสิงโต คล้ายๆ Sekhmet แต่ว่าไม่ใช่ซะทีเดียว บางครั้งนางถูกแสดงในร่างของงูที่มีศีรษะเป็นสตรี และนางยังเป็นมเหสีของเทพ Re-Horakhty ด้วยครับ

จริงๆแล้วคำว่า Weret Hekau หรือบางแหล่งจะใช้คำว่า Urthekau (weret = urt) เป็นคำที่ใช้ต่อท้ายเหล่าเทพีองค์ต่างๆ ทั้ง Isis, Sekhmet และเทพีอื่นๆด้วย เพื่อสือว่าเป็นเทพีที่เกี่ยวกับ Magics ดังนั้นจึงมีนักวิชาการให้แนวคิดว่าจริงๆแล้วเทพี Weret Hekau อาจจะเป็นเพียง "ร่างหนึ่ง" ของเทพี Isis ก็ได้ครับ

รายละเอียดคร่าวๆก็ประมาณนี้ ใครทราบมากกว่านี้ก็เสริมได้ ปิดท้ายด้วยพระนาม Weret Hekau เป็น Hieroglyphs ครับ book

โดย: Detectiveoat13 (เจ้าบ้าน ) [18 ม.ค. 52 19:18] ( IP A:114.128.62.55 X: )
ความคิดเห็นที่ 14
   ถ้างั้นผมเฉลยของผมเลยละกันเซงงงง ตอบเซติที่1นะคับ
ตั้งคำถามโหดๆต้องทำจายยยยค้าบพี่โอ๊ต เอ้อลองให้คนอื่นตั้งคำถามดูมะ
โดย: Imseti [18 ม.ค. 52 19:32] ( IP A:58.9.35.241 X: )
ความคิดเห็นที่ 15
    ไงก็ขอกล่าวเรื่องศิลปะที่ติดค้างไว้แล้วกันช่วงนี้ไม่ได้ตอบกระทู้ไหนเลย ปล่อยให้เจ้าบ้านทำคนเดียวก็น่าสงสารอยู่ เข้ามาช่วยนิดหน่อยแล้วกัน แต่อันที่เจ้าบ้านบอกไปก็เป็นประโยชน์เยอะเลยทุกท่าน เอาเป็นว่ามาเสริมให้อีกหน่อยแล้วกันความจริงแล้วเกี่ยวกับศิลปะเนี้ยจะเรียกว่า ด้านที่เราชอบเลยก็ได้ แต่ทำยังไงก็ไม่เก่งขึ้นซะที he he he he (> . <) !ขอเข้าเรื่องเลยแล้วกัน ความจริงภาพจารึกส่วนใหญ่ของอียิปต์ ( เราจะลองให้ทุกท่านสังเกดจากภาพด้านล่าง ) ผู้วาดภาพจารึกส่วนใหญ่จะวาดร่างกายให้มี 2 แขน 2 ขา เสมอ ๆ และเหตุผลนี้อาจเกิดขึ้นเพราะความเกี่ยวเนื่องกับศาสตร์แห่งการใช้เวทมนต์ด้วย เพราะคิดว่าการทำเช่นนั้นคือการที่จะได้มี 2 แขน 2 ขาไว้ใช้ไปตลอดกาล ทำให้ศิลปะอียิปต์เป็นสิ่งที่ไม่เหมือนจริงในสายตาของชาวตะวันตก แต่ถ้าใช้หลักของ การเขียนแบบทัศนียภาพ หรือ ทัศนมิติ หรือ เพอร์สเปกทีฟ (perspective) การเขียนเช่นนี้คือการเขียนภาพให้ปรากฏออกมาในลักษณะที่เหมือนการมองเห็นจริง โดยปกติมักจะใช้เพื่อการนำเสนอภาพจำลองของแนวความคิดในการออกแบบผลงาน เช่นภาพงานอาคารในงานสถาปัตยกรรม ภาพการตกแต่งภายในสำหรับงานมัณฑนศิลป์ เป็นต้น และในการวาดภาพอาจทำให้อาถรรพ์ของร่างกายลดน้อยลง เมื่อศิลปินไม่มีข้อกำหนดของอาถรรพ์ เขาจึงวาดร่างกายของมนุษย์ได้อย่างแม่นยำ และนี่มีมาก่อนรูปปั้นกรีกราว 2,000 ปี ทุกอย่างเน้นออกไปในด้านของความตายการทำมัมมี่หรือหลุมศพ แต่ทั้งหมดนี้ก็มิได้หมายความว่าชาวอียิปต์มีแต่ความเศร้าหรือคิดถึงแต่เรื่องความตาย แต่ชาวอียิปต์ต้องการแสดงให้เห็นถึงชีวิตและชีวิตที่ต้องดำเนินต่อไปหลังความตาย เพราะชาวอียิปต์มีความเชื่อในชีวิตในโลกหน้า การเกิดใหม่ เชื่อว่ามนุษย์ประกอบด้วยร่างกายวิญญาณและสามารถนำไปได้ด้วย ขอกล่าวคราว ๆ แล้วกัน ความจริงศิลปะอียิปต์ (Egypt Art) ถูกแบ่งออกเป็น 3 สมัย คือ


สมัยอาณาจักรเก่า (Old Kingdon )
สมัยอาณาจักรกลาง (Middle Kingdon )
สมัยอาณาจักรใหม่ (New Kingdon )
หลังจาก 525 BC. ถูกครอบครองโดยชาวเปอร์เชี่ยนส์
และ ตั้งแต่ 332BC. ถูกครอบครองโดยกษัตริย์อเล็กซานเดอร์มหาราช

โดย: xzodic [31 ม.ค. 52 17:04] ( IP A:222.123.220.50 X: )
ความคิดเห็นที่ 16
   อาณาจักรอียิปต์โบราณ มีช่วงระยะเวลายาวนานกว่า 2500 ปี ซึ่งนานกว่าระยะเวลาของ คริสต์ศักราช จากเริ่มต้น จนถึงปัจจุบัน โดยเริ่มประมาณ 3000 ปี ก่อนคริสต์ศักราช แม้ศิลปกรรมของอียิปต์ จะแบ่งออกเป็น 3 ยุคสมัย แต่ลักษณะการดำรงอยู่ของสังคมก็มิได้ มีความแตกต่างกันเท่าไรนัก กล่าวคือ สังคมอียิปต์มีการ แบ่งฐานะระดับของคนไว้ตั้งแต่สูงสุด ถึงต่ำสุด คือตั้งแต่ ครอบครัวฟาโรห์ พระ ขุนนาง พ่อค้า ช่าง ชาวนา จนกระทั่งถึงทาส หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ ฟาโรห์เป็นผู้มีอำนาจรัฐสูงสุด และเป็นผู้ควบคุมเศรษฐกิจ การเมือง การทหาร ศิลปวัฒนธรรมไว้ในมือ ด้วยลักษณะ สังคมเช่นนี้ จึงทำให้ผลงานทางด้านศิลปะ พัฒนาเหนือขึ้นไปจากสังคมก่อนประวัติศาสตร์ เช่นในด้านรูปแบบมีความละเอียดประณีต มีเทคนิคสูงขึ้น มีความยิ่งใหญ่น่าเกรงขาม ส่วนเนื้อหาก็เน้นเรื่องราวความสำคัญของฟาโรห์ ความเชื่อที่มีต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ( อันนี้ก็คล้าย ๆ กับบ้านเราที่ให้เคารพต่อองค์พระมหากษัตริย์ )


ชาวอียิปต์เชื่อในเรื่องโลกหน้า สวรรค์ นรก และการกลับฟื้นคืนชีพมาใหม่ เชื่อว่าคนที่ตายไปแล้ว วิญญาณหรือ Ka จะออกจากร่าง ไปให้สุริยะเทพพิพากษา เมื่อหมดเวรกรรมแล้ว วิญญาณ จะกลับมาเข้าร่างเดิมใหม่ จึงเกิดประเพณีการรักษาศพ (Mummy) เพื่อรอรับวิญญาณ และเชื่อว่าฟาโรห์เป็นตัวแทนของเทพเจ้า เชื่อในลัทธิวิญญาณนิยม เชื่อในเทพเจ้าหลายองค์ โดยมีเทพ สูงสุดคือ รา หรือ เร เป็นสุริยะเทพ รูปลักษณะ ของเทพเจ้าแต่ละองค์ แตกต่างกัน ส่วนใหญ่ มีลักษณะผสม ระหว่างมนุษย์กับสัตว์ สถาปัตยกรรมในยุคแรกคือปิรามิดแบบขั้นบันได (Stepped Pyramid) และกลายมาเป็นปิรามิด อีกหลายองค์ในเวลาต่อมา

โดย: xzodic [31 ม.ค. 52 17:06] ( IP A:222.123.220.50 X: )
ความคิดเห็นที่ 17
    สำหรับทางด้านประติมากรรมก็มีลักษณะเช่นเดียวกับจิตรกรรม และสถาปัตยกรรม ที่เน้นหนักไปยังคนชั้นสูงของราชวงศ์ และมีแบบแผนของความงาม มีรูปทรงที่ให้ความงามทางด้านหน้า (Low of Frontallity) ส่วนมากจะมีลักษณะมองไปตรงหน้า ขนานกับพื้นไม่ว่าก้มหรือเงย แนวคางขนานกับพื้นตั้งฉากกับลำตัว ที่มีลักษณะเช่นนี้ก็เพราะว่า วิธีการแกะสลักหินมีส่วน บังคับให้ศิลปินต้องสลักเช่นนั้นจึงทำให้รู้สึกของความทึบต้น (Massive) แข็งแรงปราศจาก ความเคลื่อนไหว แม้ว่าประติมากรรมจะแสดงรายละเอียดของกล้ามเนื้อ หรือเน้นกายวิภาค มากเพียงใดก็ตาม มักจะเป็นท่าทางคงที่เสมอ (Static Posture)

โดย: xzodic [31 ม.ค. 52 17:06] ( IP A:222.123.220.50 X: )
ความคิดเห็นที่ 18
   ส่วนงานด้านจิตรกรรม Fresco มักนิยมใช้สีจากธรรมชาติ (ดิน) ผสมยางไม้ น้ำ พู่กันขนสัตว์ นิยมใช้สีแดง เหลือง น้ำเงิน เขียว ดำ ขาว มีลักษณะแบนเป็น 2 มิติ ไม่แสดงอารมณ์บนใบหน้าที่สำคัญก็คือมีอักษรประกอบภาพ (Hieroglyphic)ประกอบด้วย ( ขโมยรูปน้อง Imseti มาชัด ๆ เลย 5555+)

โดย: xzodic [31 ม.ค. 52 17:09] ( IP A:222.123.220.50 X: )
ความคิดเห็นที่ 19
   พูดถึงการเรียงลำดับของอาณาจักรอียิปต์โบราณ ก็เอารูปมาให้ดูเสียเลย อิ อิ อิ อยากอยู่บนยอดสูงสุดจังเลย 555 ( ได้แค่ฝัน he he he he ) อย่าถือสาข้าพเจ้านะทุกท่าน

โดย: xzodic [31 ม.ค. 52 17:11] ( IP A:222.123.220.50 X: )
ความคิดเห็นที่ 20
   ดังนั้น สาเหตุที่รูปศิลปะอียิปต์ออกมาดูแข็งๆๆ ก้องหินก็มีส่วนใช่ไหมค่ะ
โดย: som [31 ม.ค. 52 21:40] ( IP A:125.27.179.0 X: )
ความคิดเห็นที่ 21
   เพราะว่าก้อนหินนั้นแข็งจึงได้บังคับให้การสลัก รูปสลัก เป็นไปในลักษณะที่ดูแข็งๆ แบบว่าเพ่ง ตรงไปข้างหน้าอะไรอย่างงี้ใช่เปล่าค่ะ
โดย: som [31 ม.ค. 52 21:41] ( IP A:125.27.179.0 X: )
ความคิดเห็นที่ 22
   อืมมเป็นไปได้ๆ
โดย: Imseti [31 ม.ค. 52 22:23] ( IP A:58.9.33.21 X: )
ความคิดเห็นที่ 23
   ถะ ถถถถถถ ........ ถูกต้องแล้วคร้าบบบบบบบบบบบบบบบ การที่มนุษย์สลักภาพหรือจารึกลงบนก้อนหินหรือสร้างประติมากรรมจากก้อนหิน ลักษณะของภาพจะมีลักษณะคล้ายกับทฤษฎีการเขียนแบบทัศนียภาพ หรือ ทัศนมิติ หรือ เพอร์สเปกทีฟ (perspective)

โดย: xzodic [1 ก.พ. 52 9:29] ( IP A:222.123.220.50 X: )
ความคิดเห็นที่ 24
   อืมมม---ก็ไม่ได้จะขัดความคิดเห็นนะคับเห็นว่าเเน่วเเน่กะทฤษฎีวัสดุเลยไม่กล้าจะเเย้ง เเต่รูปปั้นบางอย่างหรือส่วนใหญ่นั้นสร้างจากหินปูนซึ่งง่ายต่อการสลักมาก ส่วนบางอย่างนั้นสร้างจากทองเเดงไม้เเละทอง ดังนั้นการที่วัสดุจากเป็นตัวกำหนดท่าทางจึงไม่น่าจะมีส่วนนะคับเพราะช่างชาวอียิปต์มีทักษะเเละประสบการณ์ไม่ใช่น้อยๆการที่เขาสร้างออกมาเเข็งๆเพราะเรื่องความเชื่อเเละความงามเฉพาะตัวคล้ายเมโสโปเตเมียอะคับ

---คนโบราณมีกึ๋นมากกว่าสมัยนี้จะคิดได้นะค้าบ
ปล.รูปที่เอามา ยุคอาจไม่ตรงกับช่วงอียิปต์นะคับ

โดย: Imseti [1 ก.พ. 52 10:21] ( IP A:58.9.32.77 X: )
ความคิดเห็นที่ 25
   ก็จริงนะ
อาจจะเป็นเพราะช่างและศิลปะของแต่ละที่ด้วยหรือเปล่า ที่มีส่วน ทำให้ศิลปะ แตกต่างกันไปในแต่ละท้องที่
โดย: som [1 ก.พ. 52 11:29] ( IP A:125.27.178.9 X: )
ความคิดเห็นที่ 26
   อืมมเเต่อย่างน้อยมันก็ทำให้เรามีสถานที่ท่องเที่ยวยั่วน้ำลายอะนะ555+
โดย: Imseti [1 ก.พ. 52 11:33] ( IP A:58.9.32.77 X: )
ความคิดเห็นที่ 27
   อ่ะนะ 5555+
โดย: som [1 ก.พ. 52 15:01] ( IP A:125.27.173.81 X: )
ความคิดเห็นที่ 28
   น้อง Imseti คิดจะไปเที่ยวอย่างเดียวเลย he he he he ( ปล.พี่ได้ด้วยแด่ะ )

โดย: xzodic [1 ก.พ. 52 15:18] ( IP A:222.123.220.50 X: )
ความคิดเห็นที่ 29
   5555+
โดย: Imseti [1 ก.พ. 52 16:36] ( IP A:58.9.32.77 X: )
ความคิดเห็นที่ 30
   ท่าน xzodic วัวท่านน่ารักมาก 555+
และนี่คือศิลปะอย่างหนึ่ง 555+
โดย: som [9 ก.พ. 52 11:37] ( IP A:125.27.172.68 X: )
ความคิดเห็นที่ 31
   ถูกต้องแล้วคร้าบคุณ Som ปีนี้ปีฉลู ชงโดยตรงกะปีมะแม นะคร้าบบบ

โดย: xzodic [9 ก.พ. 52 17:01] ( IP A:114.128.127.142 X: )
ความคิดเห็นที่ 32
   เราว่าเพราะมันทำยากแน่เลยแต่ก็ต้องสลักไว้เพื่อให้รู้เรื่องราวในประวัติศาสตร์ก็เลยต้องสลักไปแบบง่ายๆคือแบบแข็งๆและในสมัยก่อนไม่มีเครื่องมืออะมั้งมันก็เลยทำได้ดีที่สุดแค่นี้อะ
โดย: *-* [16 มิ.ย. 52 19:50] ( IP A:118.172.231.176 X: )
ความคิดเห็นที่ 33
   ศิลปะเป็นสิ่งที่สวยงามและละเอียดอ่อน
ส้มคิดว่า ศิลปะที่ เป็นของโบราณนั้นดูสวย และ ดูยิ่งใหญ่ และ มีค่ามากกว่าศิลปะที่ทำกันในสมัยนี้มากมาย แต่ยังไงเราจะมาวัดเรื่องความสวยงามไม่ได้

ต้องบอกก่อนว่า แบบศิลปะ แบบอียิปต์นั้น ไม่ได้ทำออกมาง่ายๆๆเลยนะค่ะ การทำภาพนูนสูง หรือ นูน ต่ำ ไม่ใช่ศาสตร์การทำที่ง่ายเลย เครื่องไม่เครื่องมือ คนอียิปต์โบราณก็น่าจะมีพร้อมนะค่ะ(แต่ก็ไม่แน่ใจ) แต่เพราะว่า ขนาดพีระมิด เค้ายังตัดออกมาได้ เฉียบตรงขนาดนั้น แต่คิดว่าที่มันดูแข็งๆ น่าจะทำเพื่อนให้เป็นศิลปะ แบบเฉพาะตัวมากกว่า
ภาพศิลปะ แบบอียิปต์นั้น เป็น ศิลปะที่ดูงดงามมาก ศิลปิน เข้าใจใน ลักษณะของคน การก้าวเดินได้อย่างดี เข้าใจในการสร้างภาพให้รู้ว่ากำลังจะเดินนะ หรืออะไรก็แล้วแต่ ส้มว่าศิลปะอียิปต์นั้นสุดยอด แล้วมาดูที่การใช้สี สีสันสวยงามมาก ดูสดใสมีชีวิตชีวา ทุกอย่างทำได้ลงตัว และดูมีชีวิต สุดยอดค่ะ เยี่ยม angel
โดย: som [16 มิ.ย. 52 21:01] ( IP A:125.27.182.112 X: )
ความคิดเห็นที่ 34
   ครับเหมือนอย่างที่หลายคนพูดมาก โดยเฉพาะคุณส้มศิลปะอียิปต์และอาณาจักรโบราณอื่นๆนั้นดูมีเอกลักษณ์เสน่ห์น่าค้นหา เป็นของตัวเองทั้งนั้นครับ ศิลปะสมัยใหม่ที่บอกสวยๆกันผมเองยังดูไม่รู้เรื่องเลย 55

ศิลปะอียิปต์ต้องมีแบบแผนมาตรฐานความสมมาตร ดูมีความน่าเกรงคร้ามครับ ทุกภาพปกติจะมีสีด้วยแต่ก็ลบเลื่อนไปตามกาลเวลา
สังเกตมั้ยครับว่าพวกชนต่างชาติหรือศัตรูของอียิปต์จะมีรูปวาดบิดเบี้ยวงอมืองอเท้าไม่ได้สัดส่วนแถวตัวเล็กอีก นั่นคือการที่อียิปต์บงบอกว่าเค้าแข็งแกร่ง ดูองอาจมากกว่าชนชาติอื่นด้วยครับ

เทพี Weret Hekau ผมไม่เคยได้ยินมาก่อนที่แรกที่ภาพแรกนึกว่าเป็นเซคเม็ทเหมือนมาก ไม่น่าเชื่อว่าผมจะผลาดเทพีที่เปนเมหสีของรา-โฮรัสเต้จิงๆ ขอบคุนทุกคมากครับ-*-
โดย: darkobiwan [16 มิ.ย. 52 23:09] ( IP A:58.8.226.54 X: )


คลิก เพื่อเปลี่ยนกลับไปแสดงความคิดเห็นแบบเดิม

ชื่อไฟล์รูปห้ามมีอักขระพิเศษ เช่น (#),(<),(>),(&) เป็นต้นค่ะ
ชื่อ / e-mail :    แทรกไอคอนน่ารักๆในข้อความ
e-mail :
ส่งอีเมลทุกครั้งที่มีการตอบกระทู้       (ใส่ Email เมื่อต้องการให้ส่ง Email เมื่อมีคนมาโพสในกระทู้)


CAPTCHA code



คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน