80 เรื่องของในหลวงที่เรา (อาจ) ไม่เคยรู้ เมื่อทรงพระเยาว์
   1. ทรงพระราชสมภพเวลา 08.45น.
2. นายแพทย์ผู้ทำคลอดชื่อ ดับลิว สจ๊วต วิตมอร์ มีน้ำหนักแรกประสูติ 6 ปอนด์
3. พระนาม”ภูมิพล”ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7
4. พระยศเมื่อแรกประสูติ คือ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า ภูมิพลอดุลยเดช
5. ทรงมีชื่อเล่น ว่า เล็ก หรือ พระองค์เล็ก
6. ทรงเคยเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนมาแตร์เดอี เพราะช่วงพระชนมายุ 5 พรรษา ทรงเคยเข้าเรียนที่ โรงเรียนแห่งนี้ 1 ปี มีพระนามในใบลงทะเบียนว่า “H.H Bhummibol Mahidol”หมายเลขประจำตัว 449
7. ทรงเรียกสมเด็จพระราชชนนีหรือสมเด็จย่า อย่างธรรมดาว่า”แม่”
8. สมัยทรงพระเยาว์ ทรงได้ค่าขนม อาทิตย์ละครั้ง
9. แม้จะได้เงินค่าขนมทุกอาทิตย์ แต่ยังทรงรับจ้างเก็บผักผลไม้ไปขาย เมื่อได้เงินมาก็นำไปซื้อเมล็ดผัก มาปลูกเพิ่ม
10. สมัยพระเยาว์ทรงเลี้ยงสัตว์หลายชนิดทั้งสุนัข กระต่าย ไก่ นกขุนทอง ลิง แม้แต่งูก็เคยเลี้ยง ครั้ง หนึ่งงูตายไปก็มีพิธีฝังศพอย่างใหญ่โต
11. สุนัขตัวแรกที่ทรงเลี้ยงสมัยพระเยาว์เป็นสุนัขไทย ทรงตั้งชื่อให้ว่า”บ๊อบบี้”
12. ทรงฉลองพระเนตร (แว่นสายตา) ตั้งแต่พระชันษายังไม่เต็ม 10 ขวบ เพราะครูประจำชั้นสังเกต เห็นว่าเวลาจะทรงจดอะไรจากกระดานดำจะต้องลุกขึ้นบ่อยๆ
13. สมัยพระเยาว์ทรงซนบ้าง หากสมเด็จย่าจะลงโทษ จะเจรจากันก่อนว่า โทษนี้ควรตีกี่ที ในหลวงจะ ทรงต่อรอง 3 ที มากเกินไป 2ทีพอแล้ว
14. ระหว่างประทับอยู่ สวิตเซอร์แลนด์ โดยระหว่างพี่น้องจะทรงใช้ภาษาฝรั่งเศส แต่จะใช้ภาษาไทย กับสมเด็จย่าเสมอ
15. ทรงได้รับการอบรมให้รู้จัก”การให้”โดยสมเด็จย่าจะทรงตั้งกระป๋องออมสินเรียกว่า”กระป๋องคน จน”หากทรงนำเงินไปทำกิจกรรมแล้วมีกำไร จะต้องถูก”เก็บภาษี”หยอดใส่กระปุกนี้ 10% ทุกสิ้นเดือน สมเด็จย่าจะเรียกประชุมเพื่อถามว่าจะเอาเงินในกระป๋องนี้ไปทำอะไร เช่น มอบให้โรงเรียนตาบอด มอบให้เด็กกำพร้า หรือทำกิจกรรมเพื่อคนยากจน
16. ครั้งหนึ่ง ในหลวงกราบทูลสมเด็จย่าว่าอยากได้รถจักรยาน เพราะเพื่อนคนอื่นๆเขามีจักรยานกัน สมเด็จย่าก็ตอบว่า”ลูกอยากได้จักรยาน ลูกก็ต้องเก็บค่าขนมไว้สิ หยอดกระป๋องวันละเหรียญ ได้มาก ค่อยเอาไปซื้อจักรยาน”
17. กล้องถ่ายรูปกล้องแรกของในหลวง คือ Coconet Midget ทรงซื้อด้วยเงินสะสมส่วนพระองค์ เมื่อพระชนม์เพียง 8 พรรษา
18. ช่วงเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ทรงปั่นจักรยานไปโรงเรียนแทนรถพระที่นั่ง พระอัจฉริยภาพ
19. พระอัจฉริยภาพของในหลวง มีพื้นฐานมาจาก”การเล่น”สมัยพระเยาว์ เพราะหากอยากได้ของเล่น อะไร ต้องทรงเก็บสตางค์ซื้อเอง หรือ ประดิษฐ์เอง ทรงเคยหุ้นค่าขนมกับ พระเชษฐาซื้อชิ้นส่วนวิทยุที ละชิ้นๆ แล้วเอามาประกอบเองเป็นวิทยุ แล้วแบ่งกันฟัง
20. สมเด็จย่าทรงสอนให้ในหลวงรู้จักการใช้แผนที่และภูมิประเทศของไทย โดยโปรดเกล้าฯให้ โรงเรียนเพาะช่างทำแผนที่ประเทศไทยเป็นรูปตัวต่อ เลื่อยเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็กๆเพื่อให้ทรงเล่นเป็น จิ๊กซอว์
21. ทรงเครื่องดนตรีได้หลายชนิด เช่น เปียโน กีตาร์ แซกโซโฟน แต่รู้หรือไม่ เครื่องดนตรีชิ้นแรกที่ ทรงหัดเล่นคือ หีบเพลง (แอกคอร์เดียน)
22. ทรงสนพระทัยดนตรีอย่างจริงจังราวพระชนม์ 14-15 พรรษา ทรงซื้อแซกโซโฟนมือสองราคา 300 ฟรังก์มาหัดเล่น โดยใช้เงินสะสมส่วนพระองค์ครึ่งหนึ่ง และอีกครึ่งหนึ่งสมเด็จย่าออกให้
23. ครูสอนดนตรีให้ในหลวง ชื่อ เวย์เบรชท์ เป็นชาว อัลซาส
24. ทรงพระราชนิพนธ์เพลงครั้งแรก เมื่อพระชนม์พรรษา 18 พรรษา เพลงพระราชนิพนธ์แรกคือ”แสง เทียน” จนถึงปัจจุบันพระราชนิพนธ์เพลงไว้ทั้งหมด 48 เพลง
25. ทรงพระราชนิพนธ์เพลงได้ทุกแห่ง บางครั้งไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องดนตรีช่วย อย่างครั้งหนึ่งทรง เกิดแรงบันดาลพระทัย ทรงฉวยซองจดหมายตีเส้น 5 เส้นแล้วเขียนโน้ตทำนองเพลงขึ้นเดี๋ยวนั้น กลาย เป็นเพลง”เราสู้”
26. รู้ไหม...? ทรงมีพระอุปนิสัยสนใจการถ่ายภาพเหมือนใคร : เหมือนสมเด็จย่า และ รัชกาลที่5
27. - - - -
28. นอกจากทรงโปรดการถ่ายภาพแล้ว ยังสนพระทัยการถ่ายภาพยนตร์ด้วย ทรงเคยนำภาพยนตร์ส่วน พระองค์ออกฉายแล้วนำเงินรายได้มาสร้างอาคารสภากาชาดไทย ที่ รพ.จุฬาฯ โรงพยาบาลภูมิพล รวม ทั้งใช้ในโครงการโรคโปลิโอและโรคเรื้อนด้วย
29. ทรงพระราชนิพนธ์เรื่อง”นายอินทร์”และ”ติโต” ทรงเขียนด้วยลายพระหัตถ์ แล้วให้เสมียนพิมพ์แต่ พระมหาชนก ทรงพิมพ์ลงในเครื่องคอมพิวเตอร์
30. ทรงเล่นกีฬาได้หลายชนิด แต่กีฬาที่ทรงโปรดเป็นพิเศษได้แก่ แบดมินตัน สกี และเรือใบ ทรงเคย ได้เหรียญทองจากการแข่งขันเรือใบประเภทโอเค ในกีฬาแหลมทอง (ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น”กีฬา ซีเกมส์”) ครั้งที่ 4 ปี พ.ศ.2510
31. ครั้งหนึ่ง ทรงเรือใบออกจากฝั่งไปได้ไม่นานก็ทรงแล่นกลับฝั่งตรัสกับผู้ที่คอยมาเฝ้าฯว่า เสด็จฯกลับ เข้าฝั่งเพราะเรือแล่นไปโดนทุ่นเข้า ซึ่งในกติกาการแข่งเรือใบถือว่าฟาวส์ ทั้งๆที่ไม่มีใครเห็น แสดงให้ เห็นว่าทรงยึดกติกามากแค่ไหน
32. ทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกของโลกที่ได้รับสิทธิบัตรผลงานประดิษฐ์คิดค้นเครื่องกลเติม อากาศที่ผิวน้ำหมุนช้าแบบทุ่มลอย หรือ “กังหันชัยพัฒนา” เมื่อปี 2536
33. ทรงเป็นผู้ริเริ่มการพัฒนาเชื้อเพลิงน้ำมันจากวัสดุการเกษตรเพื่อใช้เป็นพลังงานทดแทน เช่น แก๊ส โซฮอล์, ดีโซฮอลล์ และ น้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ ต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 20ปีแล้ว
34. องค์การสหประชาชาติ ได้ถวาย รางวัลความสำเร็จสูงสุดด้านการพัฒนามนุษย์ แด่ในหลวงเมื่อ วัน ที่ 26 พฤษภาคม 2549 เพื่อสดุดีพระเกียรติคุณพระราชกรณียกิจด้านการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของ ประชาชนชาวไทย โดยมี นายโคฟี อันนัน เลขาธิการสหประชาชาติ เดินทางมาถวายรางวัลด้วยตนเอง เรื่องส่วนพระองค์
35. พระนามเต็มของในหลวง : พระบาทสมเด็จพระปรมินทรามหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามา ธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร
36. รักแรกพบ ของในหลวงและหม่อมสิริกิติ์เกิดขึ้นที่สวิสเซอร์แลนด์ แต่เหตุการณ์ครั้งนั้น สมเด็จพระ บรมราชินีนาถฯทรงให้สัมภาษณ์ว่า”น่าจะเป็น เกลียดแรกพบ มากกว่า รักแรกพบ เนื่องเพราะรับสั่งว่า จะเสด็จถึงเวลาบ่าย 4 โมง แต่จริงๆแล้วเสด็จมาถึงหนึ่งทุ่ม ช้ากว่าเวลานัดหมายตั้งสามชั่วโมง
37. ทรงหมั้นกับ ม.ร.ว.สิริกิติ์ กิติยากร เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2492 และจัดพระราชพิธีราชาภิเษก สมรส ที่วังสระปทุม เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2493 โดยทรงจดทะเบียนสมรสเหมือนคนทั่วไป ข้อความใน สมุดทะเบียนก็เหมือนคนทั่วไปทุกอย่าง ปิดอากรแสตมป์ 10 สตางค์ เสียค่าธรรมเนียม 10 บาท
38. หลังอภิเษกสมรส ทรง”ฮันนีมูน”ที่หัวหิน
39. ทรงผนวช ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง เมืองวันที่ 22 ตุลาคม 2499 และประทับจำพรรษา ณ วัดบวรนิเวศวิหาร เป็นเวลา 15 วัน
40. ระหว่างทรงผนวช พระอุปัชฌาย์และพระพี่เลี้ยง คือ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช
41. ของใช้ส่วนพระองค์นั้นไม่จำเป็นต้องแพง ต้องแบรนด์เนม ดังนั้นการถวายของให้ในหลวงจึงไม่จำ เป็นจะต้องเป็นของแพง อะไรที่มาจากน้ำใจจะทรงใช้ทั้งนั้น
42. เครื่องประดับ : ในหลวงไม่ทรงโปรดสวมเครื่องประดับ เช่น แหวน สร้อยคอ ของมีค่าต่างๆ ยก เว้น นาฬิกา
43. พระเกศาที่ทรงตัดแล้ว : ส่วนหนึ่งเก็บไว้ที่ธงชัยเฉลิมพลเพื่อมอบแก่ทหาร อีกส่วนหนึ่งเก็บไว้สร้าง วัตถุมงคล เพื่อมอบแก่ราษฎรที่ทำคุณงามความดีแก่ประเทศชาติ
44. หลอดยาสีพระทน ทรงใช้จนแบนราบเรียบคล้ายแผ่นกระดาษ โดยเฉพาะบริเวณคอหลอด ยังปรากฏ รอยบุ๋มลึกลงไปจนถึงเกลียวคอหลอด ซึ่งเป็นผลจากการใช้ด้ามแปรงสีพระทนช่วยรีด และ กดเป็นรอยบุ๋ม
45. วันที่ในหลวงเสียใจที่สุด คือวันที่สมเด็จย่าเสด็จสวรรณคต มีหนังสือเล่าไว้ว่า วันนั้นในหลวงไปเฝ้า แม่ถึงตีสี่ตีห้า พอแม่หลับจึงเสด็จฯกลับ ถึงวัง ทางโรงพยาบาลก็โทรศัพท์มาแจ้งว่า สมเด็จย่าสิ้นพระชนม์ แล้ว ในหลวงรีบกลับไปที่โรงพยาบาล เห็นแม่นอนหลับตาอยู่บนเตียง ในหลวงคุกเข่าเข้าไปกราบที่อกแม่ ซบหน้านิ่งอยู่นาน ค่อยๆเงยพระพักตร์ขึ้นมาน้ำพระเนตรไหลนอง งานของในหลวง
46. โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จนถึงปัจจุบันมีจำนวนกว่า 3,000 โครงการ
47. ทุกครั้งที่เสด็จฯไปยังสถานต่างๆจะทรงมีสิ่งของประจำพระองค์อยู่ 3 สิ่งคือ แผนที่ซึ่งทรงทำขึ้นเอง (ตัดต่อเอง ปะกาวเอง) กล้องถ่ายรูป และดินสอที่มียางลบ
48. ในหลวงทรงงานด้วยพระองค์เองทุกอย่างแม้กระทั่งการโรเนียว กระดาษที่จะนำมาให้ข้อราชการที่ เข้าเฝ้าฯถวายงาน
49. เก็บร่ม : ครั้งหนึ่งเมื่อในหลวงเสด็จฯเยี่ยมโครงการห้วยสัตว์ใหญ่ เมื่อเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งมา ถึง ปรากฏว่าฝนตกลงมาอย่างหนัก ข้าราชการและราษฎรที่เข้าแถวรอรับเปียกฝนกันทุกคน เมื่อทรงเห็น ดังนั้น จึงมีรับสั่งให้องครักษ์เก็บร่ม แล้วทรงเยี่ยมข้าราชการและราษฎรทั้งกลางสายฝน
50. ทรงศึกษาลักษณะอากาศทุกวัน โดยใช้ข้อมูลที่กรมอุตุนิยมวิทยานำขึ้นทูลเกล้าฯร่วมกับข้อมูลจากต่าง ประเทศที่หามาเอง เพื่อป้องกันภัยธรรมชาติที่อาจก่อความเสียหายแก่ประชาชน
51. โครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา เริ่มต้นขึ้นจากเงินส่วนพระองค์จำนวน 32,866.73 บาท ซึ่ง ได้จากการขายหนังสือดนตรีที่พระเจนดุริยางค์ จากการขายนมวัว ก็ค่อยๆ เติบโตเป็นโครงการพัฒนามา จนเป็นอย่างที่เราเห้นกันทุกวันนี้
52. เวลามีพระราชอาคันตุกะเสด็จมาเยี่ยมชมโครงการฯ สวนจิตรลดา ในหลวงจะเสด็จฯ ลงมา อธิบายด้วยพระองค์เอง เนื่องจากทรงรู้ทุกรายละเอียด
53. ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช กราบบังคมทูลถามว่า เคยทรงเหนื่อยทรงท้อบ้างหรือไม่ ในหลวงตอบว่า “ความจริงมันน่าท้อถอยอยู่หรอก บางเรื่องมันน่าท้อถอย แต่ว่าฉันท้อไม่ได้ เพราะเดิมพันของเรานั้นสูง เหลือเกิน เดิมพันของเรานั้นคือบ้านเมือง คือความสุขของคนไทยทั่วประเทศ
54. ทรงนึกถึงแต่ประชาชน แม้กระทั่งวันที่พระองค์ทรงกำลังจะเข้าห้องผ่าตัดกระดูกสันหลังในอีก 5 ชั่วโมง (20 กรกฎาคม 2549) ยังทรงรับสั่งให้ข้าราชบริพารไปติดตั้งคอมพิวเตอร์เดินสายออนไลน์ไว้ เพราะกำลังมีพายุเข้าประเทศ พระองค์จะได้มอนิเตอร์ เผื่อน้ำท่วมจะได้ช่วยเหลือทัน ของทรงโปรด
55. อาหารทรงโปรด : โปรดผัดผักทุกชนิด เช่น ผัดคะน้า ผัดถั่วงอก ผัดถั่วลันเตา
56. ผักที่ไม่โปรด : ผักชี ต้นหอม และตังช่าย
57. ทรงเสวย ข้าวกล้อง เป็นพระกระยาหารหลัก
58. ไม่เสวยปลานิล เพราะทรงเป็นผู้เลี้ยงปลานิลคนแรกในประเทศไทย โดยใช้สระว่ายน้ำในพระ ตำหนักสวนจิตรลดาเป็นบ่อเลี้ยง แล้วแจกจ่ายพันธุ์ไปให้กรมประมง
59. เครื่องดื่มทรงโปรด : โปรดโอวัลตินเป็นพิเศษ เคยเสวยวันหนึ่งหลายครั้ง
60. ทีวีช่องโปรด ทรงโปรดข่าวช่องฝรั่งเศสของยูบีซี เพื่อทรงรับฟังข่าวสารจากทั่วโลก
61. ทรงฟัง จส.100 และเคยโทรศัพท์ไปรายงานสถานการณ์ต่างๆใน กทม.ไปที่ จส.100 ด้วย โดย ใช้พระนามแฝง
62. หนังสือที่ในหลวงอ่าน : ตอนเช้าตื่นบรรทม ในหลวงจะเปิดดูหนังสือพิมพ์รายวันทั้งไทยและเทศ ทุก ฉบับ และก่อนเข้านอนจะทรงอ่านนิตยสารไทม์ส นิวสวีก เอเชียวีก ฯลฯ ที่มีข่าวทั่วทุกมุมโลก
63. ร้านตัดเสื้อของในหลวง คือ ร้านยูดลย เจ้าของชื่อ ยูไลย ลาภประเสริฐ ถวายงานตัดเสื้อ ในหลวงมาตั้งแต่ปี 2501 เมื่อนายยูไลยเสียชีวิต ก็มี ลูกชาย นายสมภพ ลาภประเสริฐ มาถวายงานต่อ จนถึงตอนนี้ก็เกือบ 50 ปีแล้ว
64. ห้องทรงงานของในหลวง อยู่ใกล้ห้องบรรทม บนชั้น 8 ของตำหนักจิตรลดาฯเป็นห้องเล็กๆ ขนาด 3x4 เมตร ภายในห้องมีวิทยุ โทรทัศน์ โทรศัพท์ โทรสาร คอมพิวเตอร์ เครื่องบันทึกเสียง เครื่อง พยากรณ์ แผนที่ ฯลฯ
65. สุนัขทรงเลี้ยง นอกจากคุณทองแดง สุวรรณชาด สุนัขประจำรัชกาล ที่ปัจจุบันอยู่ที่พระราชวังไกล กังวล แล้ว ยังมีสุนัขทรงเลี้ยงอีก 33 ตัว รู้หรือไม่?

66. ในหลวง เกิดจากคำที่ชาวเหนือใช้เรียกพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ว่า “นายหลวง” ภายหลัง จึงเปลี่ยนเป็น ในหลวง
67. ทรงเชี่ยวชาญถึง 6 ภาษา คือ ไทย ละติน ฝรั่งเศส อังกฤษ เยอรมัน และ สเปน
68. อาชีพของในหลวง เมื่อผู้แทนพระองค์ไปติดต่อเอกสารสำคัญใดๆ ทรงโปรดให้กรอกในช่อง อาชีพ ของพระองค์ว่า “ทำราชการ”
69. ในหลวงทรงพระเนตรเทียมข้างขวา เป็นผลจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่เมืองโลซานน์ สวิสเซอร์แลนด์ รถพระที่นั่งชนกับรถบรรทุกอย่างแรง ทำให้เศษกระจกเข้าพระเนตรข้างขวา ตอนนั้นมี อายุเพียง 20 พรรษา และทรงใช้พระเนตรข้างซ้ายข้างเดียว ในการทำงานบำบัดทุกข์บำรุงสุข ประชาชนชาวไทยมาตลอดกว่า 60 ปี
70. ครั้งหนึ่งหนังสือพิมพ์อเมริกันลงข่าวลือเกี่ยวกับในหลวงว่า แซกโซโฟนที่ทรงอยู่เป็นประจำนั้นเป็น แซกโซโฟนที่ทำด้วยทองคำเนื้อแท้บริสุทธิ์ ซึ่งได้มีพระราชดำรัสว่า”อันนี้ไม่จริงเลย สมมติว่าจริงก็จะหนัก มาก ยกไม่ไหวหรอก”
71. ปีหนึ่งๆ ในหลวงทรงเบิกดินสอแค่ 12 แท่ง ใช้เดือนละแท่ง จนกระทั่งกุด
72. หัวใจทรงเต้นไม่ปกติด ในหลวงเคยประชวรหนักจนหัวใจเต้นไม่ปกติ เนื่องจากติดเชื้อ ไมโครพลาสม่า ขณะขึ้นเยี่ยมราษฎรที่อำเภอสะเมิงติดต่อกันหลายปี
73. รู้หรือไม่ว่า ในหลวงเป็นคนประดิษฐ์รูปแบบฟอนต์ภาษาในคอมพิวเตอร์ที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้อย่าง ฟอนต์ จิตรลดา ฟอนต์ภูพิงค์
74. ในนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี จัดขึ้นที่อิมแพ็ค มีประชาชนเข้าชมรวม 6ล้านคน
75. ในหลวงเริ่มพระราชทานปริญญาบัตรครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2493 จน 29 ปีต่อมาจึงมีผู้คำนวณว่า เสด็จพระราชทานปริญญาบัตร 490 ครั้ง ประทับครั้งละ 3 ชม. ทรงยื่นพระหัตถ์พระราชทาน 470,000 ครั้ง น้ำหนักปริญญาบัตรฉบับละ 3 ขีด รวมน้ำหนักทั้งหมด 141 ตัน
76. ดอกไม้ประจำพระองค์ คือ ดอกดาวเรือง
77. สีประจำพระองค์คือ สีเหลือง
78. นั่งรถหารสอง : ทรงรับสั่งกับข้าราชบริพารเสมอว่า การนั่งรถคนละคันเป็นการสิ้นเปลือง ให้นั่ง รวมกัน ไม่โปรดให้มีขบวนรถยาวเหยียด
79 - - - -
80. พระราชประวัติในหลวง ฉบับการ์ตูน
โดย: ตั้ม [11 ม.ค. 51 17:06] ( IP A:125.27.71.155 X: )
Add to Facebook  Add to Twitter  Add to Multiply  Add to Google  Add to Blogger  Add to Live
ความคิดเห็นที่ 1
   ขอบคุณน้องตั้มสำหรับเรื่องประทับใจ เกี่ยวกับพระองค์ท่าน ค่ะ
โดย: เจ้าบ้าน [12 ม.ค. 51 15:26] ( IP A:79.196.191.174 X: )
ความคิดเห็นที่ 2
   ในหลวงท่านยังชอบใช้แมคอินทอชคอมพิวเตอร์ด้วยครับ อ่าน https://www.prdnorth.in.th/The_King/king_it_02.php

ภาพจาก https://www.freemac.net/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=20848&highlight=

โดย: โก๋ [15 ม.ค. 51 13:05] ( IP A:88.88.53.142 X: )
ความคิดเห็นที่ 3
   ขอบคุณน้องตั้มและพี่โก๋ ที่เอามาแบ่งปัน
อ่านแล้วยิ่งรักในหลวงค่ะ
โดย: เหมียว (Meaw ) [15 ม.ค. 51 20:00] ( IP A:213.112.213.55 X: )
ความคิดเห็นที่ 4
   แมคอินทอช ได้กลายเป็น iMac และ Macbook คลิก https://www.apple.com/

โดย: Go-Norway [16 ม.ค. 51 4:20] ( IP A:88.88.53.142 X: )
ความคิดเห็นที่ 5
   คัดลอกมาจาก หนังสือ เรื่อง หยุด ความชั่วที่ไล่ล่าตัวคุณ
ของ พ.อ.(พิเศษ) ทองคำ
กษัตริย์ยอดกตัญญู
ลูก ๆ ทุกคน...ก็ได้รู้กันแล้วว่า ความหวังของแม่ .ที่มีต่อลูก 3 หวังคือ
ยามแก่เฒ่า หวังเจ้า เฝ้ารับใช้
ยามป่วยไข้ หวังเจ้า เฝ้ารักษา
เมื่อถึงยาม ต้องตาย วายชีวา หวังลูกช่วย ปิดตา เมื่อสิ้นใจ
ทีนี้...มาดูตัวอย่างบ้าง..บุคคลที่เป็นยอดกตัญญู ที่ประทับใจอาจารย์มากที่สุด คือใคร
ทราบไหม? คือคนในภาพนี้..ในหลวงของเรา...
ในหลวง...นอกจากจะเป็น
ยอดพระมหากษัตริย์ของโลก เป็น THE KING OF KINGS แล้ว
ในหลวงของเรายังเป็นกษัตริย์ยอดกตัญญูด้วย
ความหวังของแม่...ทั้ง 3 หวัง ในหลวงปฏับติได้ครบถ้วน ... สมบูรณ์
เป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด ให้แก่พวกเรา
ในหลวงทำกับแม่ยังไง ?
ตามอาจารย์มา...อาจารย์จะฉายภาพให้เห็น....
หวังที่ 1. ยามแก่เฒ่า..หวังเจ้า..เฝ้ารับใช้...
ใครเคยเห็นภาพที่... สมเด็จย่า เสด็จไปในที่ต่าง ๆ แล้วมีในหลวง..ประคองเดินไปตลอดทาง...เคยเห็นไหม...?
ใครเคยเห็น...กรุณายกมือให้ดูหน่อย...ขอบคุณ...เอามือลง ตอนสมเด็จย่าเสด็จไปไหนเนี่ย.. มี คนเยอะแยะ...
มีทหาร...มีองครักษ์ ...มี พยาบาล.. ที่คอยประคองสมเด็จย่า อยู่แล้ว แต่ในหลวงบอกว่า..."ไม่ต้อง.... คนนี้...เป็นแม่เรา
...เรา ประคองเอง
ตอนเล็ก ๆ แม่ประคองเรา..สอนเราเดิน หัด ให้เราเดิน... เพราะฉะนั้น..
ตอนนี้แม่แก่แล้ว...เราต้องประคองแม่เดิน เพื่อเทิดพระคุณท่าน... ไม่ต้องอายใคร...
เป็นภาพที่...ประทับใจมาก... เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน ท่านกตัญญูต่อแม่.. ประคองแม่เดิน
ประชาชนที่มาเฝ้ารับเสด็จ ... สองข้างทาง ฝั่งนี้ 5,000 คน ฝั่งนู้น.....8,000 คน
ยกมือขึ้น...สาธุ แซ่ซ้อง..สรรเสริญ "กษัตริย์ยอดกตัญญู..."
ในหลวง..เดินประคองแม่.. คนเห็นแล้ว ...เขาประทับใจ
ถ่ายรูป...เอามาทำปฏิทิน ... เอาไปติดไว้ที่บ้าน
เพื่อแสดงความเคารพ...กราบไหว้...
ลองหันมาดูพวกเรา...ส่วนใหญ่เวลาออกไปไหนแต่งตัวโก้...ลูกชาย..แต่งตัวโก้... ลูกสาว..แต่งตัวสวย... แต่เวลาเดิน...
ไม่มีใครประคองแม่ กลัวไม่โก้...กลัวไม่สวย
ข้าราชการ...แต่งเครื่องแบบเต็มยศ...ติดเหรียญตรา...เหรียญกล้าหาญ...เต็มหน้าอก...แต่เวลาเดิน...ไม่กล้าประคองแม่
กลัวไม่สง่า...กลัวเสียศักดิ์ศรี... ประคองแม่ .... เป็นเรื่องของ...คนใช้ หลายคน...ให้ประคองแม่.. ไม่กล้าทำ อาย...
เวลาทำดี..ไม่กล้าทำ...อาย เวลาทำชั่ว...กล้า ....ไม่อาย...
ใครเห็นภาพนี้ที่ไหน...กรุณาซื้อใส่กรอบ...
แล้วเอาไปแขวนไว้ที่บ้าน...เอาไว้สอนลูก
เห็นภาพชัดเจนไหมครับ? เท่านั้น ...ยังน้อยไป...มาดูภาพที่ชัดเจนกว่านั้น...
หลังงานพระบรมศพสมเด็จย่า...เสร็จสิ้นลงแล้ว
ราชเลขา..ของสมเด็จย่า... มาแถลงในที่ประชุม...ต่อหน้าสื่อมวลชน...ว่า...
ก่อนสมเด็จย่า จะสิ้นพระชนม์..ปีเศษ...ตอนนั้นอายุ 93
ในหลวง..เสด็จจากวังสวนจิตร.. ไปวังสระปทุมตอนเย็นทุกวัน
ไปทำไมครับ....?
ไปกินข้าวกับแม่...ไปคุยกับแม่...ไปทำให้แม่..ชุ่มชื่นหัวใจ..พอเขาแถลงถึงตรงนี้
อาจารย์ตกตะลึง.. โฮ้โห....ขนาดนี้เชียวหรือในหลวงของเรา
เสด็จไปกินข้าวมื้อเย็นกับแม่... สัปดาห์ละกี่วัน...ทราบไหมครับ ?
พวกเราทราบไหมครับ...สัปดาห์ละกี่วัน ?
5 วัน......
มีใครบ้างครับ....?
ที่จะอยู่คนละบ้านกับแม่ แล้วไปกินข้าวกับแม่ ...สัปดาห์ละ 5 วัน
หายาก......... ในหลวงมีโครงการเป็นร้อย...เป็นพันโครงการ...
มีเวลาไปกินข้าวกับแม่..สัปดาห์ละ 5 วัน
พวกเรา ซี 7 ซี 8 ซี 9 ร้อยเอก..พลตรี...อธิบดี..ปลัดกระทรวง
ไม่เคยไปกินข้าวกับแม่....บอกว่า...งานยุ่ง
แม่บอกว่า...ให้พาไปกินข้าวหน่อย.. บอกว่า ไม่มีเวลา จะไปตี กอล์ฟ...
ไม่มีเวลาพาแม่ไปกินข้าว... แต่มีเวลาไปตีกอล์ฟ...เห็นตัวเองหรือยัง ..?
พ่อแม่..พอแก่แล้ว ก็เหมือนไม้ใกล้ฝั่ง...ฝนตก...น้ำเซาะ..อีกไม่นานโค่น...
พอถึงวันนั้น...เราก็ไม่มีแม่ให้กราบแล้ว...
ในหลวงจึงตัดสินพระทัย... ไปกินข้าวกับแม่สัปดาห์ละ 5 วัน
เมื่อตอนที่สมเด็จย่าอายุ...93
สัปดาห์หนึ่งมี 7 วัน
ในหลวงไปกินข้าวกับแม่ 5 วัน อีก 2 วัน ไปไหนครับ ....?
ดร.เชาว์ ณ ศีลวันต์...องคมนตรี บอกว่า....
ในหลวง...ถือศีล 8 วันพระ ถือศีล 8
นี่ยังไง...? ต้องงดข้าวเย็น...
เลยไม่ได้ไปหาแม่...วันนี้เพราะ ถือ ศีล
อีกวันหนึ่งที่เหลือ... อาจจะกินข้าวกับพระราชินี..กับคนใกล้ชิด แต่ 5 วัน....ให้แม่
เห็นภาพชัดแล้วใช่ไหม...?
ตอนนี้เราขยับเข้าไปใกล้ ๆ หน่อย ไปดูตอนกินข้าว...
ทุกครั้ง...ที่ในหลวงไปหาสมเด็จย่า... ในหลวงต้องเข้าไปกราบ ที่ตัก...
แล้วสมเด็จย่า...ก็จะดึงตัวในหลวง... เข้ามากอด..กอดเสร็จก็หอมแก้ม...
ใครเคยเห็นภาพสมเด็จย่า..หอมแก้มในหลวงบ้าง...?
ภาพนี้...ถ้าใครมี...ต้องเอาไปใส่กรอบ
เป็นภาพความรักของแม่...ที่มีต่อลูก..อย่างยอดเยี่ยม
ตอนสมเด็จย่า..หอมแก้มในหลวง...อาจารย์คิดว่า
แก้มในหลวง...คงไม่หอมเท่าไร ..เพราะ ไม่ได้ใส่น้ำหอม
แต่ทำไม...สมเด็จย่าหอมแล้ว...ชื่นใจ... เพราะท่านได้กลิ่นหอม... จากหัวใจในหลวง
หอมกลิ่นกตัญญู ไม่นึกเลยว่า...ลูกคนนี้ จะกตัญญูขนาดนี้ จะรักแม่มากขนาดนี้
ตัวแม่เองคือ สมเด็จย่า...ไม่ได้เป็นเชื้อพระวงศ์ เป็นคนธรรมดา...สามัญชน...เป็นเด็กหญิงสังวาลย์
เกิดหลังวัดอนงค์...เหมือนเด็กหญิงทั่วไป... เหมือนพวกเราทุกคนในที่นี้
ในหลวงหน่ะ... เกิดมา เป็นพระองค์เจ้า เป็นลูกเจ้าฟ้า
ปัจจุบันเป็นกษัตริย์...เป็นพระเจ้าแผ่นดินอยู่เหนือหัว
แต่ในหลวง..ที่เป็นพระเจ้าแผ่นดิน....
ก้มลงกราบ..คนธรรมดา..ที่เป็นแม่
หัวใจลูก...ที่เคารพแม่... กตัญญูกับแม่อย่างนี้ หาไม่ได้อีกแล้ว...
คนบางคน...พอเป็นใหญ่เป็น โตไม่กล้าไหว้แม่....เพราะแม่มาจากเบื้องต่ำ...เป็นชาวนา....เป็นลูกจ้าง...
ไม่เคารพแม่....ดูถูกแม่......
แต่นี่...ในหลวง เทิดแม่ไว้เหนือหัว...นี่แหละ ครับความหอม
นี่คือเหตุที่สมเด็จย่า...หอมแก้มในหลวงทุกครั้ง...
ท่านหอมความดี...หอมคุณธรรม...หอมกตัญญู..ของในหลวง
หอมแก้มเสร็จแล้ว...ก็ร่วมโต๊ะเสวย...
ตอนกินข้าวนี่...ปกติ...แค่เห็นลูกมาเยี่ยม...ก็ชื่นใจแล้ว...
นี่ลูกมากินข้าวด้วย...โอย...ยิ่งปลื้มใจ
แม่ทั้งหลาย..ลองคิดดูซิ... อะไรอร่อย ๆ ในหลวงจะตักใส่ช้อนแม่...
อันนี้อร่อย...แม่ลองทาน... รู้ว่าแม่ชอบทานผัก...หยิบผักมาม้วน ๆ ใส่ช้อน
แม่.....เอ้าแม่...แม่ทานซะ...ของที่แม่ชอบ แทนที่จะกินแค่ 3 คำ 4 คำ
ก็เจริญอาหาร...กินได้เยอะ เพราะมีความสุข ที่ได้กินข้าวกับลูก
มีความสุขที่ลูกดูแล....เอาใจใส่...
กินข้าวเสร็จแล้ว...ก็มานั่งคุยกับแม่...
ในหลวงดำรัสกับแม่ว่าไง...ทราบไหม...?
ตอนในหลวงเล็ก ๆ...แม่เคยสอนอะไรที่สำคัญ... "อยากฟังแม่สอนอีก" เป็นยังไงบ้าง...?
เป็นกษัตริย์...ปกครองประเทศ... อยาก ฟังแม่สอนอีก...
พวกเรา เป็นยังไง...?
เราคิดว่า...เรารู้มาก...เราเรียนสูง... เรามีปริญญา...แม่จบ ป.4
เวลาแม่สอน....ตะคอกแม่...ตวาดแม่...กระทืบเท้าใส่แม่...เบื่อจากตายอยู่แล้ว...รำคาญ....
พูดจาซ้ำซาก...เมื่อไหร่จะหยุดพูดซะที...
เราเหยียบย่ำ หัวใจแม่......
พอสมเด็จย่าสอน...
ในหลวงจะเอากระดาษ มาจด...
มีอยู่เรื่องหนึ่ง...ที่จำได้แม่น..
สมเด็จย่า...เล่าว่า ตอนเรียนหนังสือที่ Swiss
ในหลวงยังเล็กอยู่...เข้ามาบอกว่า..อยากได้รถจักรยาน
เพื่อน ๆ เขามีจักรยานกัน
แม่บอกว่า...ลูกอยากได้จักรยาน... ลูกก็เก็บสตางค์...ที่แม่ให้ไปกินที่โรงเรียนไว้ซิ...
เก็บมาหยอดกระปุก..วันละเหรียญ...สองเหรียญ พอได้มากพอ...ก็เอาไปซื้อจักรยาน...
นี่คือสิ่งที่แม่สอน...
แม่สอนอะไร..ทราบไหมครับ...?
ถ้าเป็นพ่อแม่บางคน...
พอลูกขอ...รีบกดปุ่ม ATM ให้ เลย ประเคนให้เลย..ลูกก็ ฟุ้งเฟ้อ...ฟุ่มเฟือย...
เหลิง...และหลงตัวเอง พอโตขี้น...ขับรถเบนซ์ชนตำรวจ...ก็ได้...
ยิงตำรวจ...ยังได้..เพราะหลงตัวเอง..พ่อกูใหญ่
เห็นไหม.....? ตามใจเทิดทูน จนเสียคน...
แต่สมเด็จย่านี่...เป็นยอดคุณแม่..
สร้างคุณธรรมให้แก่ลูก..
ลูกอยากได้..ลูกต้องเก็บสตางค์ที่แม่ให้...ไปหย่อนกระปุก...
แม่สอน 2 เรื่อง คือ...ให้ประหยัด....ให้ยืนอยู่บนขาของตัวเอง
"ความประหยัด...เป็นสมบัติของเศรษฐี"
ใครสอนลูกให้ประหยัดได้..
คนนั้นกำลังมอบความเป็นเศรษฐีให้แก่ลูก
พอถึงวันปีใหม่..สมเด็จย่าก็บอกว่า...
"ปีใหม่แล้ว...เราไปซื้อจักรยานกัน.."
เอ้า...แคะกระปุก..ดูซิว่ามีเงินเท่าไร...?
เสร็จแล้ว...สมเด็จย่าก็แถมให้...
ส่วนที่แถมนะ...มากกว่าเงินที่มีในกระปุกอีก...
มีเมตตา...ให้เงินลูก...
ให้...ไม่ได้ให้เปล่า...สอนลูกด้วย...สอนให้ประหยัด
สอนว่า...อยากได้อะไร...ต้องเริ่มจากตัวเรา...
คำสอนนั้น...ติดตัวในหลวงมาจนทุกวันนี้....
เขาบอกว่า..ในสวนจิตรเนี่ย...
คนที่ประหยัดที่สุด...คือ...ในหลวง...
ประหยัดที่สุด..ทั้งน้ำ..ทั้งไฟ...
เรื่องฟุ้งเฟ้อ..ฟุ่มเฟือย...ไม่มี...
เป็นอันว่า...ภาพนี้..ชัดเจน..
หวังที่ 2.
ยามป่วยไข้...หวังเจ้า..เฝ้ารักษา
ดูว่าในหลวง ทำกับแม่ ยังไง...?
สมเด็จย่า..ประชวร อยู่ทีโรงพยาบาลศิริราช..
ในหลวงไปเยี่ยม..ตอนไหนครับ..?
ไปเยี่ยมตอน ตี 1 ตี 2 ตี 4 เศษ ๆ..จึงเสด็จกลับ..
ไปเฝ้าแม่วันละหลายชั่วโมง...
แม่...พอเห็นลูกมาเยี่ยม..ก็หายป่วยไปครึ่งหนึ่งแล้ว..
ทีมแพทย์ ที่รักษาสมเด็จย่า..
เห็นในหลวงมาเยี่ยม มาประทับ
ก็ต้องฟิต...ตามไปด้วย ต้องปรึกษาหารือกันตลอด
ว่า..จะให้ยายังไง...จะเปลี่ยนยาไหม..?
จะปรับปรุงการรักษายังไง...ให้ดีขึ้น...
ทำให้สมเด็จย่า..ได้รับการดูแลที่ดีขึ้น...
เห็นภาพไหม...? กลางคืน .... ในหลวงไปอยู่กับสมเด็จย่า...
คืนละหลายชั่วโมง..ไปให้ความอบอุ่นทุกคืน
ลองหันมาดูตัวเราเองซิ...
ตอนพ่อแม่ป่วย..โผล่หน้าเข้าไปดูหน่อยนึง
ถามว่า...ตอนนี้..อาการเป็นยังไง....?
พ่อแม่...ยังไม่ทันตอบเลย
ฉันมีธุระ งานยุ่ง ต้องไป แล้ว....
โผล่หน้าไปให้เห็น... พอแค่เป็นมารยาท..แล้วก็ กลับ..
เราไม่ได้ไปเพราะความกตัญญู...
เราไม่ได้ไปเพื่อทดแทนพระคุณท่าน........น่าอายไหม...?
ในหลวง...เสด็จไปประทับกับแม่...
ตอนแม่ป่วย....ไปทุกวัน...ไปให้ความอบอุ่น...
ประทับอยู่วันละหลายชั่วโมง...นี่คือ...สิ่งที่ในหลวงทำ
คราวหนึ่ง...ในหลวงป่วย...สมเด็จย่า...ก็ป่วย..
ไปอยู่ศิริราช..ด้วยกัน..อยู่คนละมุมตึก..
ตอนเช้า..ในหลวงเปิดประตู...แอ๊ด......ออกมา...
พยาบาลกำลังเข็นรถสมเด็จย่า...ออกมารับลมผ่านหน้าห้องพอดี
ในหลวง..พอเห็นแม่.. รีบออกจากห้อง..มาแย่งพยาบาลเข็นรถ
มหาดเล็ก ...กราบทูลว่า
ไม่เป็นไร.. ไม่ต้องเข็น มีพยาบาลเข็นให้อยู่แล้ว
ในหลวงมีรับสั่งว่า.....แม่ของเรา....
ทำไมต้องให้คนอื่นเข็น.... เราเข็นเองได้...
นี่ขนาดเป็นพระเจ้าแผ่นดิน...เป็นกษัตริย์....ยังมาเดินเข็นรถให้แม่
ยังมาป้อนข้าว...ป้อนน้ำให้แม่...ป้อนยาให้แม่
ให้ความอบอุ่นแก่แม่....เลี้ยงหัวใจแม่...
ยอดเยี่ยมจริง ๆ... เห็นภาพนี้แล้ว.....ซาบซึ้ง.....
มาตามดูต่อ.....
หวังที่ 3.
เมื่อถึงยาม...ต้องตาย...วายชีวา...
หวังลูกช่วย..ปิดตา.......เมื่อสิ้นใจ...
วันนั้น... ในหลวง..เฝ้าสมเด็จย่า
อยู่จนถึงตี 4 ตี 5 เฝ้าแม่อยู่ทั้งคืน...
จับมือแม่..กอดแม่...ปรนนิบัติแม่...
จนกระทั่ง.."แม่หลับ..." จึงเสด็จกลับ...
พอไปถึงวัง...
เขาโทรศัพท์มาแจ้งว่า...สมเด็จย่าสิ้นพระชนม์...
ในหลวง..รีบเสด็จกลับไป..ศิริราช...
เห็นสมเด็จย่า..นอนหลับตาอยู่บนเตียง..
ในหลวงทำยังไงครับ......?
ในหลวงตรงเข้าไป....คุกเข่า....
กราบลงที่หน้าอกแม่....
พระพักตร์ในหลวง...ตรงกับหัวใจแม่...
"ขอหอมหัวใจแม่...เป็นครั้งสุดท้าย......"
ซบหน้านิ่ง....อยู่นาน...
แล้วค่อย ๆ...เงยพระพักตร์ขึ้น....
น้ำพระเนตรไหลนอง......
ต่อไปนี้....จะไม่มีแม่ให้หอมอีกแล้ว....
เอามือ...กุมมือแม่ไว้ มือนิ่ม ๆ ...ทีไกว
เปลนี้แหละ ที่ปั้นลูก...จนได้เป็น กษัตริย์...
เป็นที่รักของคนทั้งบ้านทั้งเมือง...
ชีวิตลูก...แม่ปั้น...
มองเห็นหวี....ปักอยู่ที่ผมแม่....
ในหลวงจับหวี...ค่อย ๆ หวีผมให้แม่... หวี...หวี...หวี....
หวี...ให้แม่สวยที่สุด....
แต่งตัวให้แม่...ให้แม่สวยที่สุด...
ในวันสุดท้ายของแม่....
เป็นภาพที่ประทับใจอาจารย์ที่สุด....
เป็นสุดยอดของลูกกตัญญู...
หาที่เปรียบไม่ได้อีกแล้ว....
กษัตริย์...ยอดกตัญญู
*** ขอพระองค์จงทรงพระเจริญ***
โดย: zen3013@gmail.com [13 ม.ค. 53 11:46] ( IP A:125.26.249.136 X: )
คลิก เพื่อเปลี่ยนกลับไปแสดงความคิดเห็นแบบเดิม

ชื่อไฟล์รูปห้ามมีอักขระพิเศษ เช่น (#),(<),(>),(&) เป็นต้นค่ะ
ชื่อ / e-mail :    แทรกไอคอนน่ารักๆในข้อความ
e-mail :
ส่งอีเมลทุกครั้งที่มีการตอบกระทู้       (ใส่ Email เมื่อต้องการให้ส่ง Email เมื่อมีคนมาโพสในกระทู้)


CAPTCHA code



คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน