payaban-pladthin.pantown.com
Let`s chat <<
กลับไปหน้าแรก
แนะนำสถานที่ปฏิบัติธรรม
ขอถือโอกาสนี้เล่าเรื่อง ที่ไปปฏิบัติธรรม มาเป็นของฝาก จากเมืองแพร่ ก็แล้วกันค่ะ
วันที่ 1 มกราคม นั้งรถทัวร์จากเชียงใหม่ ไปลง ตรงกาดแลง(ตลาดนัด ตอนเย็น)ที่อำเภอร้องกวาง ได้นัดกับคุณไนท์ไว้ ว่าคุณไนท์ ไปถึงวัดก่อนแล้วจะขับรถออกมารับ พอดีทางวัดบอกว่าให้คนขับรถสองแถวออกมารับจะสะดวกกว่า และก็รู้สึกดี เพราะหากเรียกรถสองแถวไปวัดเอง คงจะน่ากลัว เพราะตอนไปถึงมืดแล้ว มองไม่เห็นบ้านคนเลย สองข้างทางมีแต่ป่า
ถึงวัด แพร่แสงเทียน(เป็นวัดแห่งเดียว ในภาคเหนือ ที่สอนการเจริญสติ ตามแนวทางที่หลวงพ่อเทียน จิตตสุโภ สอน) คุณป้าพิกุล มโนเจริญ ผู้สอนธรรมะ และดูแลผู้มาปฏิบัติธรรมทุกอย่าง รวมทั้งเป็นแม่ครัวใหญ่ด้วย ให้เขียนใบสมัคร อ่านระเบียบการ สอนการเจริญสติ ในท่านั่งโดยการเคลื่อนไหวมือ(นั่งสร้างจังหวะ) การเดินจงกรม แล้วพาไปที่กุฎิ
กิจวัตรประจำวันมีดังนี้
เสียงระฆังปลุกตั้งแต่ตีสาม ไปรวมกันที่ศาลา เพื่อสวดมนต์ทำวัตรเช้า (แปล) เดินจงกรม นั่งภาวนา(เจริญสติ) จนถึงหกโมง แล้วออกไปดื่มเครื่องดื่มร้อนๆ พร้อมของว่างเล็กๆน้อยๆ เช่นกล้วย ขนม มันต้ม หลังจากนั้น ทำธุระส่วนตัวแล้ว ไปเดินจงกรม ซึ่งอยู่ด้านหลังทิวไม้ไผ่ ในสวน เป็นทางเดินลาดซีเมนต์ มีหลังคา ปูพื้นด้วยกระเบื้อง เพื่อความสะดวกสบายในการเดิน ยาวประมาณสิบเมตร แต่หากใครอยากเดิน ทางเดินบนพื้นดินก็ได้
เก้าโมง เสียงระฆังเป็นสัญญาณว่าถึงเวลารับประทานอาหาร ผู้ชายประเคนอาหารถวายพระ รับพรจากพระ แล้วก็ร่วมกันรับประทานอาหาร หลังจากนั้นช่วยกันล้างจาน หม้อ ไห ภาชนะในการทำครัวต่างๆ แล้วก็แยกย้ายกันไปทำธุระส่วนตัว หลังจากนั้นก็ปฏิบัติต่อ ที่ศาลาเล็ก (ที่เดินจงกรม)ของแต่ละคน
คุณป้า จะมาคอยดูแล เป็นระยะ หากใครมีปัญหา หรือข้อสงสัยก็ไต่ถามได้ ตลอดเวลาบ่าย ใครจะเดินจงกรม หรือนั่งสร้างจังหวะ เพื่อเจริญสติก็ได้ แต่ห้ามพูดคุยกัน หรือกลับไปนอนในกุฏิ แม้ว่าจะไม่สบายก็ไม่มีข้อยกเว้น คุณป้าบอกว่ากินยาได้ แต่ไม่ให้ขาดการปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง
เสียงระฆังตีครั้งที่สามเวลา 16 นาฬิกา เพื่อให้ร่วมกันทำกิจกรรม งานหลักคือกวาดใบไม้ จนถึงเวลา17 น. แยกย้ายกันไปอาบน้ำ ซักเสื้อผ้า เสร็จแล้วมีเครื่องดื่มบริการที่ห้องครัว ที่ไม่เรียกว่าน้ำปานะ เพราะบางวันเป็นซุปข้าวโพดข้นๆ (ทำจากข้าวโพดสดๆ) ซุปฟักทอง(อร่อยมาก)
18 น.เสียงระฆังตีครั้งสุดท้าย เพื่อร่วมกันสวดมนต์ (สวดมนต์ ภาษาบาลีแล้วแปลเป็นไทย แต่ละวันจะเปลี่ยนบทสวด แล้วแต่พระอาจารย์จะบอกให้สวดหน้าไหน ทำให้ได้ความรู้ไปด้วย เช่นการพิจารณาปัจจัยสี่ สติปัฏฐานสี่) ฟังพระธรรมเทศนา จากพระอาจารย์ เจ้าอาวาส หรือดูวีซีดี ธรรมะ ของหลวงพ่อเทียน หรือฟังซีดีธรรมะ เจริญสติร่วมกัน จนถึงเวลาประมาณสามทุ่ม จึงแยกย้ายกันกลับกุฏิ
ตลอดระยะเวลาเก้าวัน ที่อยู่ในวัดนี้ รู้สึกว่าเป็นเวลาที่ได้เติมพลังให้ตนเอง (ได้ให้อาหารและวิตามินแมวทอมอย่างเต็มที่) ได้ปิดสวิตช์ตนเองจากโลกภายนอก และรู้สึกประทับใจ คุณป้า พิกุล ที่อบรมสั่งสอน ให้ผู้ปฏิบัติมีความเพียรในการปฏิบัติ อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการดูแลเรื่องความเป็นอยู่ อาหารการกิน ดูคุณป้ามีความสุขที่ได้ทำอาหารอร่อยให้ผู้ที่มาปฏิบัติธรรม จะเห็นได้จาก คุณป้าจะเดินไปเก็บผักผลไม้ ในสวน มาทำอาหารเหนืออร่อยๆ เช่นแกงแค แกงขนุน ส้าผัก(ยำใบมะม่วงอ่อน) และเชิญชวนให้พวกเราตักอาหาร และจะคอยอธิบายว่าเป็นผักปลอดสารพิษ ท่านเล่าว่าแม่ครัวสามคน(รวมทั้งคุณป้าด้วย) ทำงานอาสาสมัครเพื่อพระพุทธศาสนา ทำอาหารอย่างสุดฝีมือ สะอาด ประณีต และถูกอนามัย
วันสุดท้าย มีการสนทนาธรรม แนะนำตัวและแสดงความคิดเห็น จึงมีโอกาสเล่าเรื่องเหตุจูงใจของตน ที่เลือกมาปฏิบัติธรรมที่นี่ ว่าเนื่องมาจากการอ่านหนังสือธรรมะและเข้าดูในอินเทอร์เน็ต เห็นว่าแนวการสอนของหลวงพ่อเทียน น่าจะถูกกับจริตของตนเอง ประกอบกับการที่เคยเข้าอบรมกับอาจารย์ศุภวรรณที่สอนให้ฝึกสติอย่างต่อเนื่อง(ทู่ซี้ พาตัวใจกลับบ้าน) แต่อยู่ที่บ้าน มักลืม ทำได้ไม่เต็มที่ จึงอยากมาฝึกสติทั้งวันแบบนี้
คุณป้าพิกุล บอกว่าท่านก็เคยอ่านหนังสือชื่อ อวดอุตริฯ นับว่าเป็นเรื่องเซอไพรส์มากๆ เพราะไม่คิดว่าคุณป้า ที่ออกตัวว่าความรู้น้อย จบแค่ประถมสี่ ไม่ค่อยได้อ่านหนังสือ และอยู่แต่ในวัดป่า จะทันสมัย อ่านหนังสือของอาจารย์ด้วย
ตอนท้าย ท่านยังบอกว่ายินดีต้อนรับ หากอาจารย์และทีมงานอยากจะไปปลีกวิเวก (มีบ้านพักสำหรับผู้ที่อยากไปพักผ่อน ปลีกวิเวก ที่ไม่ต้องการไปเข้าคอร์ส คือเพียงถือศีลห้า ปฏิบัติธรรมแต่เพียงลำพังเงียบๆ)
บรรยากาศที่นี่ เป็นธรรมชาติ เงียบสงบ เพราะอยู่ในป่า มีเนื้อที่ทั้งหมดสี่สิบไร่ อากาศบริสุทธิ์ แถมมีดนตรีธรรมชาติ คอยบรรเลงตลอดวันตลอดคืน นั่นคือเสียงนก เสียงกา จักจั่นเรไร (แถมด้วยเสียงจิ้งจก ตุ๊กแก สลับเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง)เสียงกิ่งไม้ใบไม้ที่ไหวปลิวไปตามลมพัด นอกจากนี้ ยังมีกลิ่นหอมของดอกไม้โชยมาตามสายลม เช่นดอกสารภี ลำดวน กระดังงา กุฏิแต่ละหลังก็มีชื่อเชิญชวนให้เข้าไปพัก เช่น ร่มลิ้นจี่ รักษาสติ ร่มสารภี ท้ายไร่ ไผ่หวาน
คติเตือนใจ จากคุณป้า พ้นทุกข์ได้ ด้วยความเพียร
และจากพระอาจารย์ อุปสรรคของการปฏิบัติธรรมคือความขี้เกียจ
โดย: พิกุล ไฟลค์ (Pigun
) [27 ม.ค. 53 9:36] ( IP A:118.172.95.162 X: )
ความคิดเห็นที่ 1
อนุโมทนาบุญด้วยค่ะ อ่านแล้วสัมผัสได้ถึงความสุขของความสงบ
โดย: ช้างไทย [31 ม.ค. 53 20:36] ( IP A:90.231.39.179 X: )
ความคิดเห็นที่ 2
สาธุอนุโมทนาด้วยจ้ะ
โดย: คนแพร่ [5 ก.ค. 54 13:19] ( IP A:223.207.0.200 X: )
คลิก เพื่อเปลี่ยนกลับไปแสดงความคิดเห็นแบบเดิม
ชื่อไฟล์รูปห้ามมีอักขระพิเศษ เช่น (#),(<),(>),(&) เป็นต้นค่ะ
ชื่อ / e-mail :
แทรกไอคอนน่ารักๆในข้อความ
e-mail :
ส่งอีเมลทุกครั้งที่มีการตอบกระทู้
(ใส่ Email เมื่อต้องการให้ส่ง Email เมื่อมีคนมาโพสในกระทู้)
คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน