ถ้าเราไม่ได้ภาษาเลยจะทำงานได้ไหม
|
ความคิดเห็นที่ 1 งานพยาบาล ใช้การสื่อสาร สำคัญที่สุดคือ ภาษาค่ะ เริ่มเรียนภาษาของประเทศที่จะไป ศึกษาข้อมูลการทำงานของประเทศนั้นๆ สอบถามจากสถานทูต หาข้อมูลก้อนค่ะ ว่าจะไปทำอะไร ไปไหน ทำอย่างไร จึงจะได้งาน งานนั้นขาดแคลนหรือเปล่า หรือคนล้น แล้ว เขาต้องการแรงงานต่างชาติหรือไม่ หรือโซนภาษาอังกฤษ ก็ต้องสอบผ่านระดับที่เขายอมรับเราเข้าทำงานค่ะ | โดย: CH [5 ธ.ค. 50 22:09] ( IP A:90.231.33.76 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 2 ขอบคุณค่ะ น้อง CH ที่มาให้ข้อมูลร่วม | โดย: เจ้าบ้าน [6 ธ.ค. 50 2:32] ( IP A:79.196.235.138 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 3 ภาษาคือประตูสู่ความสำเร็จค่ะ การพูดภาษาได้ ใช้ภาษาเป็นโดยใช้ถูกกาละเทศะ นั้นจะมีประโยชน์กับตัว
พี่ยังย้ำเหมือนเดิมว่า ภาษานั้นสำคัญ หากต้องการความก้าวหน้า หากใครเป็นพยาบาล คงเข้าใจว่า บ่อยครั้้งเราต้องอธิบายคนไข้ก่อนที่จะแคร์ อาทิ บอกคนไข้ว่าจะต้องใส่สายสวนกระเพาะ หากบอกคนไข้ไม่เป็น ไม่ถูก คนไข้จะเครียดและไม่เชื่อถือ
มีเคสหนึ่งที่เคยเจอ พยาบาลต่างชาติฝึกงาน ใส่สายสวน ปัสสาวะ คนไข้บอกว่า แพ้พวกยางลาเท็ค พยาบาลฟังไม่รู้เรื่อง ดันใส่ Foley Cath ที่เป็นลาเท็ค ไม่ใช่ ซิลิโคน เข้าไป อัณฑะ และลึงค์บวมใหญ่ โดนฟ้อง
อย่างเวลา พี่ทำแผลให้คนไข้ แผลลึกๆ ตามออร์เด้อร์หมอให้ คนไข้บางรายคว้ากล้องดิจิตอล ถ่ายรูปแผลของเขา ในขณะที่พี่ทำแผล ห้ามไม่ได้ มันเป็นสิทธิที่ถูกต้องของเขา แล้วเขาถาม ถึงคุณสมบัติของวัตุถุทางการแพทย์ที่ใช้ทำแผล น้ำยาต่างๆ เราจะบอกให้เขาไปถามหมอไม่ได้ เราต้องรู้ว่า สิ่งที่เราใช้แคร์มี คุณสมบัติอย่างไร หากเราทำได้นะคะ เขาจะเชื่อมั่นเราขึ้นมาก หากเราไม่รู้เขาจะไม่ยอม ไม่อยากให้เราทำ เคยมี คนไข้บางคนบอก วันนี้ฉันไม่ยอมให้ พยาบาลคนนี้ทำแผลนะ เพราะ ไม่ได้รู้ประสีประสาเลย
แต่การให้ข้อมูลว่าแผลเป็นอย่างไร ดีขึ้นไหม หมอจะเป็นผู้บอก หรือเมื่อเกิด ปัญหา ความเข้าใจผิดในวงงาน คุณจะได้อธิบายสาเหตุได้ และแก้ปัญหาได้
เคยมีความรู้สึกอึดอัดบ้างไหมคะ ที่อยากจะบอกอะไรกับคนต่างชาติ แล้วบอกไม่ได้ อึดอัด หากต้องแคร์คนไข้แล้วพูดภาษาไม่ได้ คงจะอึดอัดมากกว่า
หากคุณพูดภาษาเขาได้ เขาก็จะเริ่มยอมรับคุณได้เหมือนกัน
ภาษานั้นเรียนได้ค่ะ บางคนหากความุ่งมั่นสูง ฉลาด มีพรสวรรค์ และมีเวลาเรียนอย่างเต็มที่ | โดย: เจ้าบ้าน [6 ธ.ค. 50 2:50] ( IP A:79.196.235.138 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 4 ตอนพี่เข้ามาทำงานใหม่ๆ พี่เนี๊ยสะดุ้งทุกที เวลาโทรศัพท์ดัง มองซ้ายมองขวาว่ามีใครอยู่ใกล้ๆหรือปล่าว กลัวว่าจะฟังหมอไม่รู้เรื่อง ขนาดอยู่กันซึ่งๆหน้ายังไม่ค่อยรู้เรื่อง ทางโทรศัพท์เสียงยิ่งเบลอใหญ่ | โดย: เล็ก [6 ธ.ค. 50 5:24] ( IP A:79.196.143.162 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 5 ภาษานี่เป็นหลักใหญ่เลยค่ะ ที่เราต้องใช้ งานพยาบาลเนี่ยรับรองว่าพวกเราทำได้ดีไม่แพ้ฝรั่งชาติไหนอยู่แล้ว แต่การที่จะไปทำงานในประเทศนั้นๆได้ เราต้องพูด อ่าน เขียน ภาษาบ้านเขาให้ได้ ถึงแม้จะไม่เก่ง แต่ก็ต้องพูด คุย และสื่อสารกันรู้เรื่อง ถ้าเข้าใจผิด และทำไปแบบผิดๆ เกิดปัญหาแน่นอนค่ะ โดยเฉพาะการให้ยา ถ้างานเกิดพลาดพลั้งไปถึงขั้นร้ายแรง มีโทษถึงโดนปรับ และโดนยึดใบประกอบโรคศิลป์ ไปเลยค่ะ ถ้าจะทำงานต่างประเทศ ขอแนะนำว่าเลือกไปประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษดีกว่าค่ะ อย่างน้อยเราก็เรียนภาษาอังกฤษกันมาตั้งแต่เด็ก มาฝึกฝน และเรียนเพิ่มเติมหน่อย โอกาสที่จะทำงานก็ง่ายขึ้น แต่ถ้ามาอยู่ประเทศที่มีภาษาของเค้า เราก็ต้องเรียนกันนาน กว่าจะได้รู้เรื่องและทำงานก็ใช้เวลานานค่ะ | โดย: เหมียว [8 ธ.ค. 50 16:00] ( IP A:213.112.213.55 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 6 แล้วอย่างที่ว่าถ้าจะไปทำงานที่เดนมาร์คหล่ะค่ะ เราต้องฝึกภาษาเยอะไหม เพราะเราไม่ได้ภาษาของประเทศเขาเลย | โดย: จั๊กจั๋น [9 ธ.ค. 50 20:05] ( IP A:203.172.53.120 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 7 น้องจั๊กจั่น (ชื่อน่ารักจัง)
ดูคำแนะนำของพี่เหมี่ยวที่ความเห็นที่ 5 นะคะ เพราะพี่เหมียวตอบได้ตรงคำถามของน้องมากเลย
แต่หากจะถามว่าใช้เวลาเรียนนานไหมกว่าจะใช้ภาษาแดนิชได้คล่องแคล่ว ก็ขอตอบว่ามันแล้วแต่คนค่ะ บางคนหัวไวก็ไปได้เร็ว บางคนช้าหน่อยก็ใช้เวลานานหน่อยกว่าจะสื่อสารได้คล่องแคล่ว | โดย: nokDK [10 ธ.ค. 50 3:42] ( IP A:80.199.178.246 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 8 ไม่ว่าจะเป็นภาษาไหน ถ้าเราไม่มีพื้นฐานภาษานั้นมาก่อนก็ต้องใช้เวลามากทั้งนั้นแหละค่ะ เอาแบบพอพูดได้เท่าที่จำเป็น แบบพี่เรียนภาษาเยอรมันเช้ายันเย็น ก็6เดือน กว่าจะกล้าทำงานก็1ปี กว่าจะหายอึดอัดก็ 2ปี กว่าจะเถียงคนเป็นก็3ปี กว่าจะหายคิดถึงบ้านก็5ปี 55555555 พูดไปตามประสพการณ์พี่เล็กนะคะ ไม่ใช่มาตรฐาน
อย่างพี่นกว่า น้องบางคน สมองไวกว่าพี่ ก็อาจใช้เวลาน้อยกว่านั้นอีก ขอให้พยายามเท่านั้นแหละค่ะ อะไรก็ไม่ยากกว่าแรงทั้งสิ้น | โดย: เล็ก [10 ธ.ค. 50 16:20] ( IP A:79.196.148.115 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 9 เอาประวัติพี่มาเล่าให้น้องจั๊กจั่น และน้องnanataeoฟังคร่าวๆนะคะ เมื่อ15ปีมาแล้ว พี่มาเยอรมันใหม่ๆ พยาบาลขาดแคลนมาก พี่สาวพี่ซึ่งเป็นพยาบาลอยู่ที่เยอรมัน รับประกันว่าได้งานแน่ เพราะนิสัยของพี่ไม่ใช่คนชอบเสี่ยง พี่รับราชการอยู่ศ้ร้ราช แผนกไอซียู ทำพาสไทมเอกชนที่มีชื่อ แผนกไอซียูและTransplantation เงินเดือนก็ดีพออยู่ได้ เพราะตัวคนเดียวไม่ลำบาก แล้วเราจะเสี่ยงมาทำไม หากไม่แน่ใจว่าจะได้งาน แต่ความอยากรู้อยากเห็นโลกกว้าง คงเหมือนกับน้องๆหลายคน เลยตัดสินใจเดินทางใหม่ คุณพ่อคุณแม่เสียใจมาก คิดว่าไม่คุ้ม แต่โลกของเรากับของท่านมันไม่เหมือนกัน ตอนมาใหม่ๆ ไม่รู้ภาษา ก็ทำงานไม่ได้ ใครเขาจะมาเสี่ยงจ้างเรา .. ก็ต้องมาลงทุนเรียนภาษาก่อน เรียนพิเศษเช้า กลับมาอ่านด้วยตัวเองยันเย็นยันค่ำทุกวัน 1เดือน 2 เดือน 3เดือน ยิ่งเรียน ก็มีความรู้สึกยิ่งโง่ อยู่มาเป็นเดือนๆยังฟังเค้าไม่รู้เรื่องสักกะที พอรู้คำนี้ก็มีคำใหม่มาอีกแล้ว เมื่อไรเราจะคล่องสักทีนะ.. ช่วงนี้พี่ร้องไห้มากที่สุด เราตัดสินใจถูกรึปล่าวนะเนี่ย อยู่ดีๆไม่ชอบ เกิดความท้อถอยขึ้นมา อยากจะกลับก็กลับไม่ได้ จะไปมองหน้าทางบ้านยังไง จะไปเริ่มต้นหางานที่ไหน.. ตัดสินใจลุยต่อ 6 เดือนผ่านไป เรารู้สึกไม่มีอะไรดีขึ้นเลย จะไปสมัครงาน เราก็ยังฟังภาษาชาวบ้านพอได้บ้าง ไม่ได้บ้าง แล้วภาษาการแพทย์ฉันคงตายแน่ๆ ดีไม่ดีคนไข้ตายด้วยอีกแนะ... ช่วงนั้นย้ายไปอยู่ทางเ้หนือ แถบนี้ขาดแคลนพยาบาลมากว่า แค่เราไปลองถามที่ฝึกงานไว้ก่อน เค้าก็เสนอให้เราทำได้ทันที พี่เล็กก็คิดหนัก เอาไงดีนะลุยดีมั๊ย ฝึกงานที่นี่ไม่ได้เงินเดือน แต่ได้ประสบการณ์ ลองทำดูดีกว่า เพื่อถือโอกาสเอามาเทียบวุฒิด้วย เลยตกลง พี่ได้อยู่แผนกโรคหัวใจ ส่วนมาเป็นคนไข้หลังใส่Cardiac-Cath พยาบาลไทยเก่งอยู่แล้ว เรื่องงานไม่มีปัญหา แต่ในวอร์ดพี่มีเพื่อนชาวโปแลนด์คนนึง เค้าไม้พอใจที่พยาบาลไทยไม่ต้องมาเรียนใหม่แบบเค้า ชอบมาลองภูมิเราต่อหน้าเพื่อนคนอื่น พี่ละอึกอัดใจจะขาด เพราะเราเถียงมันไม่ได้ ถ้าเรื่องทำงานไม่มีปัญหา พี่เลยเดินหนีลูกเดียว กลับบ้านร้องไห้ทุกวันว่าทำไมภาษามันถึงยากแบบนี้นะ โชคดีที่เพื่อนคนอื่นเค้าน่ารักกันทั้งนั้น พี่พยายามใช้ความตรงเวลา ความมีน้ำใจ ความขยัน รอยยิ้ม และความเสมอต้นเสมอปลาย เวลาทำงาน ไม่มีใครรู้ว่าในใจเราเนี่ย กลัวนะ อึดอัดนะ แต่เวลากลับมาบ้านพี่นั้งร้องไห้ทุกวัน จดทุกอย่างที่เราทำผิดลงไป พรุ่งนี้จะได้ไม่ผิดอีก เครียดมาก นี่ขนาดเราเป็นแค่ลูกทีมนะ ไม่ได้รับออเดอร์หมอเอง 1ปีผ่านไป พี่ได้วุฒิพยาบาลที่เทียบแล้ว โรงพยาบาลขาดพยาบาลแผนกศัลป์กระดูก พี่ย้ายไปอยู่ที่นั่น เริ่มรับออเดอร์หมอ เจอเพื่อนร่วมงานดีหมอดี ใจเย็นทั้งนั้น ทำได้3เดือนพี่ได้งานที่เมือง Bad Driburg สัญญาถาวร พี่เลยตัดสินใจย้ายมาที่รพ.ปัจจุบัน งานที่นี่ต่างกับงานที่เก่ามาก การแบ่งทีมแบ่งงาน มั่วมาก ความที่เราอยู่ในวงการพยาบาลมานาน เลยอยากเสนอความคิดเห็นเพื่อปรับปรุงวอร์ด เวลาประชุมวอร์ด พี่ใช้เวลาพูดนานหน่อย หัวหน้าวอร์ดก็รำคาญ ตัดบทหน้าตาเฉย พี่เล็กคนไทยขี้น้อยใจอยู่แล้ว ก็เลยเอามานั่งคิดอีก คิดเป็นอาทิตย์ว่าหัวหน้าไม่ชอบเรา ขนาดจนว่าจะลาออก เพราะได้งานสบายๆที่โรงพยาบาลพักฟื้น พอดีโชคดีได้เจอหัวหน้าแผนกไอซียูโดยบังเอิญ เราเล่าความในใจให้ฟังว่าจะลาออกแล้ว ไม่ไหวแล้ว เค้าเลยบอกให้มาทำที่ไอซียูมั๊ย เพราะเค้ารู้ว่าพี่มีประสบกรณ์มาจากเมืองไทย และเค้าอ่านใบประเมิณงานแล้ว เค้าว่าพี่เข้ากับคนในวอร์ดเค้าได้
พี่คิดหนักมาก ดีใจนะที่มีโอกาสเข้าทำในไอซียู โดยที่ไม่ต้องดิ้นรนอะไร แต่อีกใจนึง ไม่เก่งภาษาแล้วเราจะไปทำอะไรได้นะ คิดไปคิดมา พี่ก็ลุยดีกว่า โอกาสแบบนี้คงไม่มีมาอีกแล้ว สมัครเรียนภาษาต่อด้วย ทำงานไปด้วย รู้สึกตั้งแต่มาอยู่เอยอรมัน เกือบ3ปี ไม่มีวันไหนที่ผ่อนคลายสบายใจได้เลย การปรับตัว พี่พยายามวิเคราะห์ตัวเอง เราเครียดมากไปรึปล่าว เราเอาจริงเอาจังกับงาน กับชีวิตมากไปรึปล่าว เราคิดว่าคนอื่นเค้าเป็นแบบนี้ แต่จริงๆแล้ว ไม่ใช่สักหน่อย หลายๆเรื่องเราคิดไปเองหรือปล่าว วัฒนธรรมมันต่างกัน นิสัยใจคอคนเรามันเลยต่างกัน ตลอดเวลาเราเอาตัวเองเป็นหลัก โกรธเค้า งอนเค้า เลยเดินหนีมา3-4วัน -ไทยชัดๆ เพื่อนคนเยอรมัน เค้าลืมไปตั้งนานแล้วว่าพูดอะไร
กว่าพี่จะคิดได้ก็หลายปี หลังจากนั้นเลยลองทำตัวใหม่ ไม่เอามาคิด ไม่พอใจเค้า ก็บอกทันทีว่าอย่าทำได้มั๊ย ฉันไม่ชอบ หรืออย่าพูดได้มั๊ย คนไทยเค้าว่าดูถูก.. พอพูดตรงๆเค้าก็ไม่โกรธ เราก็สบายใจ | โดย: เล็ก [10 ธ.ค. 50 17:48] ( IP A:79.196.148.115 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 10 พี่มาเริ่มกล้าที่จะพูดเมื่อคิดได้นี่แหละ ภาษาไม่รู้เรื่องก็บอกเค้าว่าฟังไม่รู้เรื่อง อย่าเดาหรือทำเป็นเข้าใจเด็จขาด เพราะผลที่ตามมาอาจร้ายแรงได้ พี่เคยกลัวโทรศัพท์ เดินหนีจนเพื่อนๆบ่น แถมแกล้งให้เรารับอีก ตอนหลังพี่แก้โดยการนั่งเฝ้า คอยรับโทรศัพท์ เพราะเพื่อนเต็มใจช่วยตอบคำถามถ้าเราเต็มใจทำ ไม่เก็บมานั่งคิดว่าเค้าแกล้งให้ปวดสมองเหมือนเมื่อก่อน
พอปรับตัวได้อะไรมันก็ดีขึ้น เพราะฉะนั้น หากน้องๆมาเริ่มต้นใหม่ ไม่ว่าจะเป็นประเทศไหนก็แล้วแต่ ควรมองปัญหาหลายๆด้าน ทั้งภาษาแลวัฒนธรรมม ความคิดและจิดใจของเจ้าของประเทศควบคู่กันไป วันนี้พี่เวรบ่าย ต้องจบแล้วค่ะ พี่ๆหลายคงอาจมาอะไรมาเสริม ด้วยความห่วงใยค่ะ | โดย: เล็ก [10 ธ.ค. 50 18:02] ( IP A:79.196.148.115 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 11 ของพี่เรียน 6 เดือนทำงานเลย อิๆ ไม่ได้เก่งนะ ตอนนั้นพี่คล่องภาษาอังกฤษมาก หน.พยาบาล มาจากอเมริกา เขาเทรนพี่ดีมาก เรียนเช้า ทำงานบ่าย พอหกเดือนสอบเทียบวุฒิผ่าน
สรุป ได้เทรนเน่อร์ดี หัวไว ใจรัก มันก็ช่วยได้มากค่ะ | โดย: เจ้าบ้าน [10 ธ.ค. 50 23:57] ( IP A:79.196.200.175 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 12 สาธุ พี่เจ้าบ้านขอบุญของพี่เจ้าบ้านส่งมาให้หนูบ้างนะ คิดแล้วท้อเลย หนูนะตรงกันข้ามกับพี่ทุกอย่าง ยกเว้นใจรักที่เหมือนกัน มีแต่พยายามกับพยายามเท่านั้น ที่คอยเตือนใจ โอมเพี้ยง | โดย: บุญเหลือน้อย [21 ธ.ค. 50 15:22] ( IP A:125.26.241.62 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 13 สาธุ พี่เจ้าบ้านขอบุญของพี่เจ้าบ้านส่งมาให้หนูบ้างนะ คิดแล้วท้อเลย หนูนะตรงกันข้ามกับพี่ทุกอย่าง ยกเว้นใจรักที่เหมือนกัน มีแต่พยายามกับพยายามเท่านั้น ที่คอยเตือนใจ โอมเพี้ยง | โดย: บุญเหลือน้อย [21 ธ.ค. 50 15:22] ( IP A:125.26.241.62 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 14 อิอิ ... น้องบุญเหลือน้อย พี่ตกข่าวมานาน พี่อ่านชื่อหนูแล้ว ก็เหี่ยวทันที
พี่ให้ได้แต่กำลังใจ.. ก่อนอื่น เรามาเปลี่ยนชื่อกันก่อนดีกว่า เพื่อสร้างพลังใจใหม่ รับรอง พี่ๆี่ไม่ปล่อยให้หนูท้อถอย มีอะไรเขียนมาถามได้เลยค่ะ | โดย: lek [24 ม.ค. 51 2:50] ( IP A:79.196.154.63 X: ) |  |
|