ขอความคิดเห็นจากพี่ๆพยาบาลหน่อยค่ะ
|
ความคิดเห็นที่ 1 น้องเปิ้ลคะ ่ก่้อนอื่นพี่ขอยินดีกับการที่น้องเปิ้ลกำลังมีทายาทตัวน้อยร้อยความรัก และขอขอบคุณที่น้องเปิ้ล ส่งข่าวนี้มาให้อ่านต่อนะคะ
สำหรับความเห็นของพี่
สงสาร พ่อเด็ก และ ทารกที่พึ่งคลอดออกมา ได้อยู่กับแม่ไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องสูญเสียแม่ไป ความหวังและความฝันในการสร้างครอบครัวก็ถูกทำลายแบบฉับพลัน
เรื่องนี้ อ่านดูหลายคนอาจจะโทษแพทย์ แต่จริงๆแล้ว ต้องคอยดูหลักฐานก่อน สตรีมีครรภ์บางคนอาจจะมีภาวะโรคหัวใจแทรกซ้อน แบบตนเองไม่ทราบมาก่อนก็ได้ มีโีรคด้านโลหิต ภาวะอื่นๆแทรกซ้อนมาอีกซึ่งอาจจะไม่ทราบได้เถึงแม้จะมาฝากท้องเป็นประจำและสม่ำเสมอ ก็ตาม
พี่อยู่สูติ ก่อนคลอด และหลังคลอดมา 6 ปี ที่เยอรมนี มีเคสเดียว ที่แม่เสียลูกเสียด้วย แบบตายทั้งกลม ตอนนั้นเศร้ามาก เลย เพราะวัด CTG ให้เขาตลอด แม้แต่หมอก็ซึม เขาเสียทีบ้าน และลูกคนโต อายุ 3 ขวบเอง พูดถึงอัตราการเสียชีวิต ของแม่หลังคลอดในยุโรปนั้นน้อยนะเมื่อเทียบกับเมืองไทย คงเป็นเพราะ การนัดตรวจครรภ์นั้นดำเนินโดยสมำ่เสมอ และสวัสดิการณ์ต่างๆ บริษัทประกันจ่ายให้ หากรายไหนภาวะแทรกซ้อนมาก หมอจะดูแลจริงๆ ให้แอ็ดมิทเสียเลย บางคนอยู่ รพ. เป็นเดือนก่อนคลอด
เมืองไทยใครจะไปสู้ราคาไหว หมอบางคนวิ่งรอก ทำงานมันหลายๆ รพ. เพื่อปรับระดับมาตรฐานชีวิตของเขาเองให้สูงขึ้น พวกสตรีมีครรภ์ซึ่งยึดมั่นตัวหมอก็จะตามไปคลอดกับหมอ
หมอก็คือ คน หากไม่ระวัง และประมาท ก็พลาดได้
สมัยเรียนพยาบาลใกล้จะจบ ไม่อยากอยู่สูติ เพราะกลัวมากๆ การฝากท้องของแม่ๆไทยก็ใช่ว่าจะสม่ำเสมอ บางทีมีโรคแทรกซ้อนอีก ใครจะไปตรัสรู้ได้ว่า การคลอดจะดำเนินไปโดยราบรื่นทุกรายหรือไม่ บรรยากาศในห้องคลอดนั้นเต็มไปด้วยความกลัว สตรีที่คลอดก็กลัวเจ็บบ้าง กลัวลูกไม่สมประกอบบ้าง พยาบาลก็กลัวว่าจะมี complication บ้่่าง ไม่แปลก ว่า พยาบาลห้องคลอด จะเป็นพวกที่มีระเบียบ วินัย และเคร่งมาก เพราะความรับผิดชอบของพวกเขานั้นสูง และ พลาดไม่ได้เลย
การไปคลอดเมืองไทยใช่ว่าจะไม่ดี เพราะบริการใน รพ.เอกชนนั้้นดีมาก แต่ค่าบริการก็สูงตามไปด้วย คนไทยหลายคนบินไปคลอดที่เมืองไทย
พี่คลอดลูกคนแรกที่เยอรมัน ปรกติ ไม่ผ่าออก ได้อยู่ รพ. 5 วัน คนที่สอง สามวันเอง บริการดีมาก เพราะหมอตำแย เป็นเพื่อนร่วมงาน
แต่คิดดู หากเราไม่เป็นพยาบาล และคลอดลูกคนแรก ไม่มีประสบการณ์คงแย่แน่ๆ แต่ ดีที่มีผดุงครรภ์มาเยี่ยมบ้าน 10 วัน คอยแนะนำ น้องเปิ้ล ไม่ต้องกลัวนะคะ ที่อังกฤษ พี่ว่าคงมาตรฐานเดียวกับเยอรมัน และเขาจะมีมาตรฐานการพยาบาล ที่ดีแน่นอน น้องสาวที่เยอรมนี ตอนท้อง เป็นมดลูกเกาะต่ำ หมอนัดตรวจบ่อยมาก ตอนนี้ตาหนู 6ขวบแล้ว หากถามพี่ว่า คิดอย่างไร พี่บอกได้ว่า เป็นเรื่องของชะตาชีวิตค่ะ พี่เคยมีเพื่อน เขาบอก ทำงานเหนื่อยขอตัวไปนอน และ หลับไปชั่วนิจนิรันดร์ ตอนหลังมาทราบว่าเขาเป็นโรคหัวใจแบบแฝง ไม่ทราบด้วยซ้ำ
ทางที่ดี มองโลกให้สดใส อย่ากลัวอะไรมากมาย ไม่ประมาท ไปหาหมอสูติตามเวลานัด ใช้ชีวิตกับคนที่เรารักให้เป็นสุขะคะน้องเปิ้ล
| โดย: มพถ [12 มี.ค. 51 22:08] ( IP A:79.196.199.86 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 2 พี่ใหญ่และพี่ๆน้องๆช่วยเข้าไปตอบใน https://www.thailand-sussex.com หน่อยนะคะ หัวข้อ ขอแสดงความยินดีค่ะ | โดย: GungUK [13 มี.ค. 51 3:48] ( IP A:195.93.21.100 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 3 กุ้งจ๊ะ พี่เข้าไปตอบไม่ได้ ต้องวานเจ้าเล็กก๊อปไปแปะ แบบคราวที่แล้ว
พี่อัดและตั้ง โปรแกรมต่างๆ มาก จนมันตีกัน อิๆ มันคงไปบล๊อกอะไรเข้า กุ้งก๊อปไปใส่ ตอบให้พี่ก็แล้วกันนะ | โดย: มพถ [13 มี.ค. 51 3:57] ( IP A:79.196.199.86 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 4 ขอบคุณพี่ใหญ่ มพถ มากๆค่ะ ก่อนท้องเปิ้ลก็ไม่คิดว่ามันจะน่ากลัวขนาดนี้ค่ะ อีกอย่างเคยหลุดไปแล้วรอบนึง มิดไวด์ก็บอกว่าหลุดไปแล้วก็ไม่ใด้หมายความว่าจะหลุดอีก ตอนนี้ห้าเดือนแล้วก็ค่อยโล่งใจหน่อยค่ะ แฟนก็อยากมีมาก ถึงขนาดยอมเลิกบุหรี่ ตอนรู้ว่าหลุดครั้งแรกก็เครียดสูบหนักขึ้นไปอีก เปิ้ลก็เลยบอกว่าถ้าเปิ้ลท้องมีลูกไม่อยู่ด้วยนะ ขี้เกียจนั่งดมควันบุหรี่ เขาก็เลยหักดิบไม่สูบเลยค่ะ ตอนนี้ก็พยายามอ่านข่าวดูค่ะว่ามีอะไรบ้าง เพราะไม่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องท้องเลย ไม่เคยคิดมาก่อนค่ะว่าคนท้องจะมีโรคแทรกซ้อนเยอะ รกเกาะต่ำมั่ง ความดันต่ำ เสียเลือดเยอะ อะไรต่อมิอะไรอีกเยอะแยะ เฮ้อ ก็ใด้แต่ภาวนาให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดีค่ะ | โดย: แอ๊ปเปิ้ล [13 มี.ค. 51 4:12] ( IP A:86.146.91.67 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 5 น้องแอ๊ปเปิ้ลค่ะพี่ตูนว่าเราควรมาจำคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ท่านได้ตรัสไว้ว่า เรารู้ได้แต่วันที่เราเกิด แต่วันที่เราจะจากโลกนี้ไป นั้นจะมาเมื่อไหร่ไม่มีใครรู้ได้ เป็นชะตาชีวิของแต่ละคน เพราะพรมลิขิตจะกำหนดชีวิเราเอง และเรื่องนี้พี่คิดว่าเป็นมูลความจริง
พี่ตูนอยากให้น้องทำใจให้สบายอย่าเครียด และนำเอาสิ่งที่เกิดขึ้นกับคนอื่น มาเปรียบเทียบกับตัวเราเองเพราะร่างกายของเราและเขาคนนั้นไม่เหมือนกัน ต่างจิตต่างใจ ต่างสถานที่และความเป็นอยู่ก็แตกต่างกัน
การดูแลเอาใจใส่ของสามีที่น้องได้รับก็ย่อมได้ไม่เหมือนกัน ความรักและทนุถนอมก็ย่อมแตกต่างกัน พี่เดาได้ว่าสามีน้องมีทั้งรักและทนุถนอมเราและลูกที่อยู่ในครรภ์ เฝ้าเอาใจใส่เหมือนไข่ในหิน
อย่าคิดมากเลยค่ะ เพราะการตั้งครรภ์ของสตรีนั้น จะมีการเปลี่ยนแปลงทุกอย่างในร่างกายของเรา และจากการที่มีรูปร่างที่สวยก็กลายเป็นท้วม บวม จะเดินจะเหินก็ลำบาก เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย หงุดหงิดได้ง่าย เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เพราะฮอร์โมนในร่างกายของเราเป็นตัวกำหนดในช่วงที่เราตั้งครรภ์อยู่ บางครั้งกลุ้มนอนไม่หลับ หงุดหงิด กระสับกระส่าย พอท้องโตขึ้นมากๆใกล้คลอด ลูกในท้องเตะเราอีกต่างหากเพราะเขาจะไม่อยู่นิ่ง เดี๋ยวหลับ เดี๋ยวดิ้นทำให้เราตกใจเป็นบางครั้ง นอนไม่หลับยังไม่พอ อาการบวมน้ำยังตามมารางควาญอีกต่างหาก เสื้อผ้าเบอร์น้อยๆ สะเอวกิ่วๆ ใส่ไม่ได้แล้วต้องหาเบอร์ช้างมาใส่ เออนี่ก็เป็นเพียงช่วงที่ท้องเพราะร่างกายเราเกิดการเปลี่ยนแปลงไป ไม่ต้องเครียดและคิดมาก ทำใจให้สบาย
เราเครียดลูกในท้องเขาสัมผัสได้ เพราะเราเชื่อมโยงกันอยู่ ใจน้องสงบเขาก็สงบ และลูกที่จะเกิดมาก็เป็นเด็กที่สงบไปด้วย
โชคดีที่น้องอยู่ที่อังกฤษ การดูแลคนท้องของผดุงครรภ์และหมอก็มีอยู่อย่างใกล้ชิด เขาจะมีการนัดหมายและดูแลเอาใจใส่น้องอย่างใกล้ชิด ยิ่งถ้ามีอะไรที่ผิดปรกตินิดหนึ่งเขายิ่งให้การนัดหมายที่ต้องติดตามอยู่บ่อยๆ เพราะคนท้องและเด็กในครรภ์สำคัญมาก ทั้งแม่และเด็กในท้องจะได้รับการดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี
พี่เองปากมดลูกแคบมากคลอดเองไม่ได้ ผ่าออกทั้ง ๓ คนแข็งแร็งไม่มีปัญหาอะไรเลย
ตอนที่ท้องเดือนแรกๆเหนื่อย และเบื่ออาหาร นานๆไปนอนไม่ค่อยหลับแต่เหนื่อย กลุ้มใจบ้าง เพราะเราควบคุมไม่ได้เพราะฮอร์โมนในร่างกายเกิดการเปลี่ยมแปลง ลูกคนแรก เกิดอาการบวมน้ำมาก น้ำหนักเพิ่มเกือบแปดสิบ พอคลอดวันนั้นน้ำหนักก็ลดไปเป็นสิบกว่าโล เออแปลกจริงร่างกายคนเรานี่
ตอนใกล้คลอดลูกในท้องเริ่มดิ้นมาก นอนก็นอนลำบากเพราะท้องโย้และโตอืดอัด แต่ก็สบายใจ ลูกดิ้นมากเปิดเพลงดังลั่นให้ลูกได้ยิน เขาหยุดดิ้นเพราะได้ยินเสียงเพลงมากล่อมแทน เออ เข้าท่าแฮะ
เวลาอยู่คนเดียวร้องเพลงกล่อมลูกในท้องเขาได้ยิน เขาสัมผัสได้ เวลาที่เกิดมาร้องเพลงเดิมให้ฟัง จนเขาจำได้และร้องได้
ช่วงท้องทำใจให้สบายอย่าคิดมาก อย่าเครียด คิดในสิ่งที่ดี ทำนั่นทำนี่ให้เพลิน แล้วทุกอย่างก็จะดีเอง ลูกที่เกิดมาก็จะนอนหลับไม่งอแงในตอนกลางคืน เพื่อลูก เพื่อตัวเอง รักลูก รักตัวเอง รักสามี มองโลกในทางที่ดีและสวยงาม และทุกอย่างก็จะสวยงามตามเราไปด้วย
พี่ๆขอแสดงความยินดีกับการตั้งครรภ์ของน้องค่ะ และขอให้เรากับลูกจงมีแต่ความสูขและมีอายุมั่นขวัญยืน ไร้โรคภัยใดๆเข้ามาเบียดเบียนค่ะ | โดย: พี่ตูน /ลำพา [13 มี.ค. 51 7:25] ( IP A:83.88.130.42 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 6 น้องเปิ๊ลคะ ยินดีด้วยนะคะสำหรับชีวิตน้อยๆในครรภ์ รักษาสุขภาพนะคะ
สำหรับเรื่องจากหนังสือพิมพ์ ที่น้องเปิ๊ลนำมาให้อ่าน พี่คิดว่า แพทย์ส่วนมาก(ปัจจุบัน) พยายามทำทุกอย่างดีที่สุดตามตำราและหลักการ เพราะการฟ้องร้องในปัจจุบันเพิ่มขึ้นมาก แพทย์จึงต้องระวังอย่างหนัก จากกรณีนี้ ตามความคิดเห็นของพี่ พี่คิดว่าในตอนแรกแพทย์คงจะพยายามรักษามดลูกไว้ เพราะเห็นว่าคนไข้ยังอายุไม่มากนัก และเป็นลูกคนแรก อาจจะต้องการมีลูกอีก ถึงแม้ว่าคนไข้มีเลือดออกจากการบีบรัดตัวมดลูกไม่ดี ก็อาจจะให้ยาช่วยในการบีบรัดตัวของมดลูก และให้เลือดให้สารน้ำตามจำนวนของการเสียเลือด ซึ่งจะเห็นได้ว่าพยาบาลเข้ามาดูคนไข้บ่อยๆเพราะเขาทราบว่าคนไข้นี้ต้อง สังเกตอาการอย่างใกล้ชิด ในที่สุดการหดรัดของมดลูกก็ยังไม่ดีขึ้น เลือดยังออกมากอย่างต่อเนื่อง คนไข้ shock ซึ่งการตัดสินใจสุดท้ายก็คือตัดมดลูก รักษาชีวิต แต่คนไข้ที่่ shock ต้องผ่าตัด มันก็เสื่ยงสุดๆอยู่แล้ว แต่พี่คิดว่าแพทย์ก็พยายามสุดความสามารถที่จะรักษาชีวิตคนไข้ แต่ในที่สุดก็ไม่สามารถยื้อชีวิตไว้ได้
แพทย์และพยาบาลเอง ก็คงไม่ได้สบายใจ และคงไม่ได้หลับไม่ได้นอนกันตลอดช่วงเวลา ที่ช่วยกันตี shock ในเคสนี้เหมือนกัน พี่มีประสบการณ์ตรงตอนที่พี่อยู่ ICU เคยมีคนไข้ในกรณีคล้ายๆกับ คนไข้เลือดออกมากจากการหดรัดตัวมดลูกไม่ดี ให้เลือดมากกว่า 20 ยูนิต เรียกว่าเลือดหมดในห้องเลือด ระดมญาติไปบริจาคเลือด ส่งไปผ่าตัดมดลูก ไม่ดีขึ้น ตีshock ไม่ขึ้น ตลอดเวลาแพทย์เจ้าของคนไข้อยู่กับคนไข้ตลอด จากเวรเช้า วันวาน จนถึงเช้าตรู่อีกวัน พยาบาลยังได้เปลี่ยนเวร แต่แพทย์ไม่ได้เปลี่ยนเวรต้องนอนห้องพักเวรใกล้ๆไอซียู เพื่อรับรายงานคนไข้ ให้การรักษาตลอด ให้เลือด ปัํมหัวใจ adrenalin bicarb. defrib. ครั้งแล้วครั้งเล่า ในที่สุดเราก็ไม่สามารถยื้อชีวิตคนไข้จากท่านยมฑูตไว้ได้ ทุกคนหมดแรงไปตามๆกัน ทั้่งแพทย์ พยาบาล ญาติ เจ้าหน้าที่ห้องเลือด และเจ้าหน้าที่อื่นๆที่เกี่ยวข้อง | โดย: พี่อ้อย [13 มี.ค. 51 14:40] ( IP A:80.198.35.166 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 7 ขอบคุณข้อคิดดีๆจาก พี่ตูน และพี่อ้อยอย่างมากค่ะ อ่านแล้วเห็นด้วยกับพี่ตูนนะคะ เพราะตรงกับเปิ้ลทุกอย่างเลยค่ะ ขี้หงุดหงิดโมโหง่าย บางทีแฟนนั่งดูทีวีอยู่เฉยๆ ก็ยังพาลไปโมโหเขาก็มีค่ะ อิ อิ อิ บางทีก็เกือบมีมวยค่ะโชคดีใด้กรรมการอย่างพี่กุ้งมาเคลียให้ บางเวลาก็เหมือนบ้าๆอยากอยู่เงียบๆไม่อยากจะคุยกับเขาก็มีค่ะ ก็เป็นไปทั่วค่ะ เพิ่งเข้าใจก็ตอนท้องนี่แหล่ะค่ะ แต่ช่วงนี้ก็เหมือนจะเริ่มปรกติหน่อยๆค่ะ ตอนนี้ก็กำลังคิดๆอยู่ว่าเกเรอะไรกับพ่อกับแม่ใว้บ้างเพราะเดี๋ยวคงโดนแบบเดียวกันค่ะ อิ อิ อิ พี่ตูนเก่งจังเลยค่ะ มีน้องตั้งสามคนแน่ะ เลี้ยงแบบว่าน้ำหนักลดฮวบๆเลยใช่ใหมคะ??วิ่งใล่จับกันทั้งวันแน่ๆเลย กรณีคนไข้ของพี่อ้อยก็น่าเห็นใจนะคะ เพราะช่วยเหลือกันอย่างเต็มที่ทั้งหมอและพยาบาล แต่ในที่สุดก็รั้งชีวิตใว้ไม่ใด้ หมอและพยาบาลนี่จิตใจต้องเข้มแข็งจริงๆนะคะ ต้องเห็นคนเจ็บคนป่วยคนตายอยู่ตลอด ขนาดเปิ้ลไปเยี่ยมญาติที่โรงพยาบาลแค่เห็นผ่านๆก็แข่งขาอ่อน หมดแรง แต่หมอกับพี่ๆพยาบาลนี่ต้องเห็นตลอดเวลา บับถือมากๆค่ะอาชีพนี้ | โดย: แอ๊ปเปิ้ล [13 มี.ค. 51 23:03] ( IP A:86.146.91.67 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 8 หญิงไทยเราน่ะชอบเป็นเจ้าแง่เจ้างอน พี่หรั่งเขาไม่ค่อยเข้าใจนิสัยของเราเท่าไหร่นัก เพราะธรรมดาเวลาที่เขาไม่เข้าใจกันเขาจะถามกันหรือบอกกันตรงๆ แต่คนไทยเงียบไม่พูด หรือ งอนป่องไปเลย นิสัยเหล่านี้เราต้องพยายามที่จะเอาไปทิ้งไว้ที่ไทยเรา เพราะจะเป็นอุปสรรคของชีวิตคู่ได้ และยิ่งมีลูกด้วยแล้ว ต้องพยายามเข้าใจเขาด้วย เพราะเราต่างชาติ ต่างวัฒนธรรมกัน เราเรียนเขา เขาเรียนเราค่ะ เดี๋ยวเราก็มีชีวิตคู่ที่เป็นสูข การชวนทะเลาะบ่อยๆมักเป็นนิสัยที่ติดตัวไปตลอดเพราะจะเลิกไม่ได้ ถ้าได้ทำแล้ว ก็จะเลิกยากค่ะ
ระงับอารมณ์สักนิดหนึ่ง หัดพูดกันฉันเพื่อนที่สนิท และเคารพในการเป็นสามีของเขา และขณะเดียวกันเขาก็เคารพเราด้วย ผู้ชายเขาไม่คิดมากเหมือนผู้หญิง และคิดไม่ไกล ไม่วกวน ถึงทำให้สาวๆอารฒณ์ บ่ จอยตลอดเพราะพี่ท่านไม่ได้คิดมากเหมือนพวกเราซึ่งเป็นหญิง
เวลาเครียดมาก จะอาละวาดเขา มีอ่างอาบน้ำที่บ้านเติมน้ำลงอุ่นลงไปให้เต็มอ่าง อาบน้ำอุ่นไปด้วย แช่มันให้เป็นชั่วโมง อ่านหนังสือไปด้วยมันก็ช่วยได้มากในเรื่องอารมณ์ที่เครียด เพราะเป็นการรักษาทางอารมณ์เครียดในช่วงการตั้งครรภ์ค่ะ
อย่าใส่ใจเรื่องร่างกายว่าไม่น่ารัก หรือเป็นอย่างไร การเปลี่ยนแปลงต้องเปลี่ยนไปเพราะเราจะเป็นแม่คน ร่างกายเป็นสิ่งที่อยู่นอกกาย แต่ด้านในนั้นลูกเราสัมผัสได้ ว่าแม่เป็นอย่างไร น้องอารมณ์ดีตอนท้อง สงบเรียบง่าย ลูกก็จะเป็นแบบเราด้วย แต่ถ้าเราเครียดและ อาละวาด อารมณ์เขาก็จะเหมือนเรานั่น แหละค่ะ เพราะลูกเราในท้องเขาอยู๋ในร่างกายเรา เราคิด เราสำนึกเขาสัมผัสได้ค่ะ
แม่ที่ดีอย่าเครียด อย่าอาละวาด หาวิธีที่ดีเข้าแก้ไข เครียดมากก็ออกเดินเที่ยว หรือทำในสิ่งที่ตนสบายใจออกไปดูหนัง หรืออยู่บ้าน ร้องเพลงให้ลูกฟัง เขาได้ยินค่ะแต่ตอบไม่ได้เฉยๆ
ช่วงตั้งครรภ์ดื่มนมไปด้วยจะขาดแคลเซี่ยมได้ง่ายเพราะลูกดูดเอาไปหมด ต้องทานวิตามีนด้วยเพราะจะได้รักษาระดับของ แคลเซี่ยมในร่างกายไว้ได้ ถ้าเผลอเรอร่างกายเรา กระดูกสามารถ ผุหรือกร่อนได้ง่าย ฟันก็จะผุได้ง่ายด้วยค่ะ
ลูกคลอดออกมา ให้นมลูกตลอดเวลา นมโต นมเล็กไม่ใช่เรื่องที่จะนำมาตัดสินว่าน้ำนมไม่มี หรือมี การคลอดบุตรใหม่ๆนมจะคัด ให้ลูกดื่มไปเถอะค่ะน้อง เดี๋ยวน้ำนมมาเองค่ะ พุ่งไม่หยุด ให้เขาดื่มกับนมแม่ อยู่ใกล้แม่ ที่หน้าอกแม่ ได้ยินเสียงหายใจแม่ มันมีแต่สูข เขาโตไม่งอแง และจะไม่ป่วยเลย ว่านอนสอนง่าย ให้นมลูกไปด้วย นอนไปด้วย เดี๋ยวแม่กับลูกก็มีแต่สูข
ช่วงขณะที่ให้นมลูกอย่า เผลอไปคิดเรื่องอืน ทำใจให้สบายเบนความสนใจทุกอย่างมาที่ลูกคนเดียว เพราะเขารู้ว่าเราไปสนใจที่อื่นถ้าเราไม่ทำ เขาสัมผัสได้เพราะสายสะดือของเราทั้งสองยังไม่ตัดจากกัน และลูกก็จะไม่ร้องไห้ รบกวนตอนกลางคืน เขาจะหลับพ่อก็ไม่ตื่น ทั้งแม่และพ่อช่างมีสุข เพราะลูกไม่งอแง ทั้งนี้ทั้งนั้น อยู่ที่แม่ค่ะว่าจะเลือกทำแบบไหน
ให้นมลูกนานๆเท่านานที่เขาไม่ยอมดื่มเอง เพราะภูมิต้านทานทุกอย่างมาจากแม่ โรคภัยไข้เจ็บจะไม่ถามหาเลยค่ะเพราะเราให้ภูมิเขาไปชั่วชีวิตเขา ถึงป่วยก็ป่วยได้ไม่นาน เดี๋ยวก็หาย ภูมิแพ้ก็ไม่เป็น เออ เลือกเอานะคะ นี่คือประสบการณืในการเลี้ยงลูกของพี่ค่ะ และพี่ก็ให้นมลูกๆ ๒ ปีทุกคนค่ะ
พี่ตูนขอให้น้องมีแต่สูขในช่วงตั้งท้องและหลังคลอดนะคะ | โดย: พี่ตูน /ลำพา [14 มี.ค. 51 20:49] ( IP A:83.88.130.42 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 9 น้องเปิ๊ลคะ ขอโทษนะคะที่พี่ใช้ศัพท์ทางการแพทย์มากเกินไปในความคิดเห็นที่ 6 เพราะพี่คิดว่าน้องเปิ๊ลเป็นพยาบาลด้วยกัน ขอโทษอีกครั้งค่ะ )พี่เพิ่งดูรายการจับเข่าคุย ซึ่งเชิญสามีคนไข้ที่เสียชีวิต(คุณสราวุธ) มาในรายการ และเชิญอาจารย์หมอศุภชัย มาให้ความคิดเห็นในกรณีนี้ด้วย ซึ่งจากที่ฟังสัมภาษณ์คุณสราวุธ ในขั้นตอนทั้งหมด
ประมาณ 15.00 น. น้ำ(คร่ำ)เดิน และเริ่มมีอาการปวดท้องเป็นระยะ ประมาณ 23.00 น. คนไข้ไปโรงพยาบาล และเปลี่ยนเสื้อผ้า รอผ่าตัด คนไข้และญาติต้องการผ่าคลอดเวลา 01.34 และญาติต้องการถ่ายวีดีโอขณะผ่าท้องคลอด
แต่แพทย์ผ่าตัด เวลา 01.30 โดยไม่บอกญาติก่อน ญาติไม่มีโอกาสได้ถ่ายวีดีโอ ประมาณ 01.45คนไข้ออกมาจากห้องผ่าตัดและต้องอยู่ห้องพักฟื้นสองชั่วโมง ประมาณ 03.45 น.คนไข้ออกจากห้องพักฟื้นเข้าห้องพัก ช่วงนั้นยังพูดคุยรู้เรื่อง แต่ซีด พยาบาลเข้ามาวัด สัญญาณชีพเป็นระยะๆ แต่ไม่อธิบายให้สามีคนไข้ทราบว่าทำไม ประมาณ 04 กว่าๆพยาบาลเข้ามาบ่อยขึ้น และเข้ามาเจาะเลือด ช่วงนั้นคนไข้พอรู้สึกตัว ถามตอบรู้เรื่อง ประมาณ 05.00 น.หลังจากนั้นพยาบาลบอกสามีว่าคนไข้ตกเลือด อาการไม่ดีต้องเข้า ICU ช่วงนั้นคนไข้หายใจหอบมาก ญาติไม่ได้คุยหรือเจอแพทย์เลย ญาติจะได้รับข้อมูลจากพยาบาลตลอด แต่ไม่ใช่จากแพทย์ ประมาณ เกือบแปดโมงเช้า แพทย์โทรหาสามีคนไข้และบอกว่าคนไข้เสียเลือดมาก จากรกเกาะต่ำ เลือดไม่แข็งตัว การหดรัดตัวของมดลูกไม่ดี ต้องตัดมดลูก หลังจากนั้นคนไข้เข้าผ่าตัดมดลูก แพทย์มาคุยกับญาติหลังผ่าตัดและเอามดลูกที่ตัดออกมาให้ดู คนไข้หลังจากออกจากห้องผ่าตัดยังไม่รู้สึกตัว ต้องใส่ท่อช่วยหายใจ ให้เลือด ให้สารน้ำ ให้ยาเพิ่มความดันและอยู่ใน ICU ตลอด และญาติบอกว่าคนไข้หัวใจหยุดเต้นอยู่ใน ICU และปั๋มหัวใจครั้งหนึ่งแล้ว ก่อนที่จะผ่าตัด และหัวใจหยุดเต้นอีกครั้งประมาณ 20.00 น. ปั๋มหัวใจขึ้นมาอีกครั้ง ญาติตัดสินใจที่จะไม่ทรมารคนไข้ โดยการถอดสายช่วยหัวใจและคนไข้เสียชีวิตเวลาประมาณ 21.00 น.
จากที่ฟังมาทั้งหมดจะพี่คิดว่า แพทย์ได้รับบทเรียนจากกรณีนี้มากมาย พี่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์แต่จากประสบการณ์ที่คล้ายกัน พี่คิดว่า ในกรณีนี่แพทย์อาจจะช้า ประมาท เหนื่อย วิ่งรอกทำงานหลายโรงพยาบาล ทั้งโรงพยาบาลรัฐและเอกชน ไม่เฝ้าดูอาการคนไข้อย่างใกล้ขิด หลังผ่าตัดก็คงจะประมาณตีสอง ก็ง่วงนอน กลับบ้านเลย โดย สั่งการรักษาเอาไว้และรอรับรายงานเป็นระยะๆ โดยให้พยาบาลสังเกตสัญญาณชีพเป็นระยะๆ ซึ่งจะเห็นได้ว่าพยาบาลรายงานแพทย์เป็นระยะๆตลอดเพราะ ตีห้าพยาบาลย้ายคนไข้เข้า ICU ซึ่งแน่นอน คนสั่งให้ย้ายเข้า ICU ก็คือแพทย์ ช่วงตีห้า ที่คนไข้อาการไม่ดี ซึ่งอาจจะได้รับรายงานก่อนตีห้าด้วยซ้ำ แต่แพทย์ไม่มาดูคนไข้(อาจจะเพราะเหนื่อย ง่วง หรือคิดว่าคนไข้คงรอได้ถึงแปดโมงเช้า) เพราะถ้าแพทย์มาดูญาติก็ต้องเจอแพทย์ ก็คงนอนรอรายงานที่บ้านและสั่งการรักษาทางโทรศัพท์ไปเรื่อยๆ จนคนไข้หัวใจหยุดเต้นปั๊มหัวใจ แพทย์จึงตัดสินใจมาดูคนไข้และ ตัดสินใจผ่าตัด ซึ่งมันก็คงช้าไปแล้ว คนไข้ ช็อค หยุดหัวใจหยุดเต้นไปครั้งหนึ่งแล้ว การจะกลับมาปกติอีกครั้งหนึ่งก็คงจะยากแล้ว เพราะอวัยวะต่างๆในร่างกาย ก็จะรวนไปหมดแล้ว ถ้าแพทย์มาดูอาการคนไข้ตั้งแต่ตอนก่อนจะย้ายเข้า ICU และตัดสินใจผ่าตั้งแต่ตอนนั้น ก็อาจจะไม่เสียชีวิตก็ได้ (แต่ตอนนั้นแพทย์อาจจะเหนื่อยและง่วงมาก ก็อาจรักษาซึ้อเวลาให้ถึงเช้า ให้นอนพักก่อนค่อยมาผ่าตัด หรือว่า คนไข้ ช็อค แพทย์ต้องการรักษาอาการช็อคให้ดีก่อนผ่า ก็อาจจะเป็นได้) อีกอย่างก็คือแพทย์ไม่เห็นความสำคัญของการให้ข้อมูลทั้งหมดแก่ญาติคนไข้ และไม่เห้นความสำคัญของญาติ ซึ่งเป็นข้อเสียมากอย่างหนึ่งของแพทย์ไทย พยาบาลต้องเป็นคนให้ข้อมูลแก่ญาติแทนแพทย์เสมอๆ โดยเฉพาะพยาบาล ICU บางครั้งรายงานไปว่าคนไข้อาการแย่มากแล้วนะ หัวใจจะหยุดเต้นแล้ว แพทย์ยังไม่มาเลยก็มี พยาบาลต้องปั๊มหัวใจ ใส่ท่อช่วยหายใจเอง คนไข้ฟื้นแพทย์ก็ค่อยมารักษาต่อ บางครั้งก็ฟื้นขึ้นมาแบบเป็นผักเป็นปลาก็มี บางคนไม่ฟื้นเสียชีวิตไปเลย ก็พยาบาลอีกนั่นแหละต้องออกไปอธิบาย กับญาติว่าคนไข้อาการหนักมากนะคะ เรา(เราในทีนี้ ญาติก็คิดว่าแพทย์มาช่วยปั๊มหัวในด้วย แต่เปล่าหรอก แพทย์ไม่มา ง่วงนอน)ได้ช่วยอย่างเต็มที่แล้ว แต่ก็ไม่ดีขึ้น ขอแสดงความเสียใจกับคุณด้วยนะคะ อย่างนี้ก็มีมาก
ประสบการณ์กับแพทย์ พี่มีมากมายหลายแบบ ทั้งแบบดีมาก แบบดีน้อย และแบบไม่มีดีเลยก็มี เฮ้อ ...เหนือยจัง
ปล.ถ้าเหนื่อยที่จะอ่านก็ขออภัยด้วยนะคะ | โดย: อ้อย :( [15 มี.ค. 51] ( IP A:80.198.35.166 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 10 พี่ตูนหวังว่าประสบการณ์เหล่านี้ คงทำให้น้องแอ๊ปเปิลมีจิตใจที่ดีขึ้นที่มาอยู่ในประเทศที่เขาเห็นคุณค่าของชีวิตมนุษย์มากกว่า เพราะที่นี่คนไข้ และญาติจะทันสมัยมากรู้เรื่องสิทธิเสรีภาพของตนเองในฐานะที่เป็นคนไข้ และส่วนราชการตรงไหนที่ทำหน้าที่ช่วยเหลือญาติพี่น้องของคนไข้ที่ได้รับการกระทำที่ไม่ถูกต้อง จะมีเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายที่มาให้คำแนะนำกับญาติและคนไข้
และพี่ตูนก็หวังว่าประสบการณ์เหล่านี้ที่น้องอ้อยได้ประสบมาด้วยตนเองจากเมืองไทย พี่หวังว่าน้องอ้อยคงสายตาสว่างมากขึ้น เมื่อมาเป็นพยาบาลที่นี่และอยากนำระบบที่เดนมาร์กเอาไปใช้บ้างที่เมืองไทย เพื่อชนชาวไทยเราไม่ว่าจนหรือรวยจะได้รับการกระทำหรือการปฏิบัติตอบที่ดีจากเจ้าหน้าที่สาธารณะสุขที่เมืองไทยเรา ไงพี่ตูนก็ดีใจที่น้องได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของสังคมเดนมาร์ก และจากการประเมินเหตุการณ์ของน้อง มีทั้งเหตุและผลที่เข้ามาสอดคล้องกัน นี่แหละค่ะที่เขาเรียกว่า น้องไม่ได้มาเป็นพยาบาลที่เปล่าประโยชน์เพียงแค่หาเช้ากินค่ำ แต่น้องพัฒนาตัวเองได้ดีและมากขึ้น พี่ดีใจด้วยนะคะ
และน้องแอ๊ปเปิ๊ลก็อย่าเครียดมาก อย่าเอามาคิดเลยค่ะเพราะชีวิตคนละชีวิต ถึงคราวเคราะห์และหมดอายุขัยของพี่เขาแล้วเราหยุดไม่ได้ นอกจากเราจะขออุทิศส่วนกุศลให้เขาได้ไปสู่ที่สุขคติเท่านั้น
พี่ขออวยพรให้น้องมีสุขภาพร่างกายที่สมบูรณ์ค่ะ พร้อมทั้งทารกในครรภ์ด้วยนะคะ หยุดสักนิดนั่งสมาธิสักหน่อยก็จะดี นะคะ | โดย: พี่ตูน /ลำพา [15 มี.ค. 51 4:35] ( IP A:83.88.130.42 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 11 พี่ตูนหวังว่าประสบการณ์เหล่านี้ คงทำให้น้องแอ๊ปเปิลมีจิตใจที่ดีขึ้นที่มาอยู่ในประเทศที่เขาเห็นคุณค่าของชีวิตมนุษย์มากกว่า เพราะที่นี่คนไข้ และญาติจะทันสมัยมากรู้เรื่องสิทธิเสรีภาพของตนเองในฐานะที่เป็นคนไข้ และส่วนราชการตรงไหนที่ทำหน้าที่ช่วยเหลือญาติพี่น้องของคนไข้ที่ได้รับการกระทำที่ไม่ถูกต้อง จะมีเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายที่มาให้คำแนะนำกับญาติและคนไข้
และพี่ตูนก็หวังว่าประสบการณ์เหล่านี้ที่น้องอ้อยได้ประสบมาด้วยตนเองจากเมืองไทย พี่หวังว่าน้องอ้อยคงสายตาสว่างมากขึ้น เมื่อมาเป็นพยาบาลที่นี่และอยากนำระบบที่เดนมาร์กเอาไปใช้บ้างที่เมืองไทย เพื่อชนชาวไทยเราไม่ว่าจนหรือรวยจะได้รับการกระทำหรือการปฏิบัติตอบที่ดีจากเจ้าหน้าที่สาธารณะสุขที่เมืองไทยเรา ไงพี่ตูนก็ดีใจที่น้องได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของสังคมเดนมาร์ก และจากการประเมินเหตุการณ์ของน้อง มีทั้งเหตุและผลที่เข้ามาสอดคล้องกัน นี่แหละค่ะที่เขาเรียกว่า น้องไม่ได้มาเป็นพยาบาลที่เปล่าประโยชน์เพียงแค่หาเช้ากินค่ำ แต่น้องพัฒนาตัวเองได้ดีและมากขึ้น พี่ดีใจด้วยนะคะ
และน้องแอ๊ปเปิ๊ลก็อย่าเครียดมาก อย่าเอามาคิดเลยค่ะเพราะชีวิตคนละชีวิต ถึงคราวเคราะห์และหมดอายุขัยของพี่เขาแล้วเราหยุดไม่ได้ นอกจากเราจะขออุทิศส่วนกุศลให้เขาได้ไปสู่ที่สุขคติเท่านั้น
พี่ขออวยพรให้น้องมีสุขภาพร่างกายที่สมบูรณ์ค่ะ พร้อมทั้งทารกในครรภ์ด้วยนะคะ หยุดสักนิดนั่งสมาธิสักหน่อยก็จะดี นะคะ | โดย: พี่ตูน /ลำพา [15 มี.ค. 51 4:35] ( IP A:83.88.130.42 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 12 พี่ใหญ่ขา พี่ตูนกลัวคนเขาไม่ได้อ่านน่ะค่ะเลยส่งสองครั้งเสียเลย อิอิ พี่ใหญ่ช่วยลบให้พี่ตูนด้วยได้ไหมคะพี่ ขอบคุณค่ะ
ไงพี่ใหญ่ก็รักษาสุขภาพด้วยนะคะอย่าทำงานหนักนักนะคะ | โดย: พี่ตูน /ลำพา [15 มี.ค. 51 4:38] ( IP A:83.88.130.42 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 13 ขอบคุณเคล็ดไม่ลับจาก พี่ตูนค่ะ ปรกติเปิ้ลก็ไม่ค่อยเป็นนะคะ เพิ่งมาเป็นช่วงท้องค่ะ ตอนแรกที่เปิ้ลยังไม่ใด้ตรวจก็ยังไม่ทราบใช่ใหมคะว่าท้อง ก็เลยไปซื้อที่ตรวจมาตรวจค่ะ ตรวจแล้วตรวจอีก กลัวว่าจากสองขีดจะลดลงมาเหลือขีดเดียวค่ะ ก็ใด้ปรึกษาพี่กุ้ง พี่กุ้งบอกว่าฮอโมนในร่างกายมีการเปลี่ยนแปลง แต่บอกตามตรงว่าตอนแรกที่ยังไม่รู้ว่าท้องก็งงมากๆว่าทำไมอารมณ์ปรวนแปรขี้โมโหสารพัดค่ะ พอตอนนี้เริ่มอยู่ตัวแล้วย่างเข้าหกเดือนแล้วค่ะ ก็อารมณ์ดีขึ้นค่ะพี่ตูน ฟังเพลงลูกทุ่งเกือบทุกวัน อยากให้เขาใด้ฟังภาษาไทยค่ะ นี่ก็กังวลอยู่ว่าออกมาจะมีดั้งมาด้วยหรือเปล่า !!! อีกอย่างต้องขอบคุณข่าวสารอัพเดตจากพี่อ้อยค่ะ เสียดายจังเปิ้ลไม่ใด้ดูค่ะ เปิ้ลว่าหมอกับพยาบาลคงผ่าตัดกันเหนื่อยนะคะ ในระยะเวลาใกล้ๆกันเลยค่ะ รอบสองนี่ตีห้าเกือบจะเช้าแน่ะ จากที่ดูข่าวพี่อ้อยว่าญาติเขาจะฟ้องหรือเปล่าคะ?? ถ้าฟ้องเนี่ยพี่อ้อยว่าเขาจะชนะใหมคะ?? เปิ้ลไม่ใด้เป็นพยาบาลหรอกค่ะ พี่กุ้งพยาบาลใจดีเขาแนะนำเวบนี้ให้ค่ะ ชอบเข้ามาอ่านดูมีความรู้ดีค่ะ  | โดย: แอ๊ปเปิ้ล [15 มี.ค. 51 20:14] ( IP A:86.146.91.67 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 14 สวัสดีค่ะน้องเปิ๊ล คนไข้ผ่าตัดครั้งที่สอง ประมาณเกือบแปดโมงเช้่าค่ะไม่ใช่ตีห้า (ถ้าผ่าตั้งแต่ตีห้า คนไข้อาจจะไม่เสียชีวิตก็ได้ แต่ก็ไม่แน่เหมือนกัน เพราะเราไม่ได้อยู่ในสถานการณ์จริงๆขณะนั้น) แพทย์ พยาบาล ก็คงต้องเหนื่อยล่ะคะ แต่ถึงเหนื่อยก็ต้องเหนื่อยเพื่อรักษาชีวิตคนไข้ แต่ก็น่าเห็นใจแพทย์เหมือนกันเพราะถ้าทั้งเหนื่อย ทั้งง่วงก็คงอยากพักผ่อน แต่่ชีวิตคนไข้ก็ต้องมาก่อน พี่ทราบแต่ว่าญาติร้องเรียนให้แพทยสภาตรวจสอบว่าแพทย์ท่านนี้ ทำงานด้วยความประมาทเป็นเหตุให้คนไข้เสียชีวิตหรือเปล่า แต่ไม่ทราบว่าญาติฟ้องแพทย์ด้วยหรือเปล่า พี่ก็ไม่ทราบชัดค่ะ เพราะไม่เห็นเค้าพูดในรายการ แต่ในกรณีนี้ก็ทั้งกระทรวงสาธารณสุข และแพทยสภา ส่งผู้เชี่ยวชาญลงมาตรวจสอบ และให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย ถ้าฟ้องพี่ก็เดาไม่ถูกเหมือนกันค่ะว่าใครจะชนะ ถ้าแพทย์มีเหตุผลและให้การรักษาอย่างครอบคลุมสมเหตุสมผล ก็อาจจะชนะความไปถือว่าเป็นเหตุสุดวิสัยไป เพราะบางกรณีแพทย์ ก็รักษาอย่างเต็มที่ตามหลักการทุกอย่าง การสูญเสียก็ยังเกิดขึ้น ก็สุดวิสัยเหมือนกัน..
พี่ตูนที่รัก.. เรืองตาสว่างนั้น หนูคิดว่าวงการสาธารณสุขเมืองไทยตาค่อยๆสว่างมาเกินกว่า 10 ปีแล้วและพยายามพัฒนาตัวเองเรื่อยมา เท่าที่ทำงานอยู่ในวงการนี้ มากกว่า 17 ปี หนูคิดว่าเจ้าหน้าที่ต่างๆของกระทรวงสาธารณสุข ทั้งแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่อื่่นๆ เราทำงานหนักมาตลอดทั้งเรื่องการรักษา การพยาบาล การดูแลคนไข้ การให้ข้อมูลและอื่นๆ พัฒนาเทคนิคการรักษาพยาบาลให้ก้าวหน้าและทันสมัยอยู่เสมอ รวมทั้งการพูดจา ปฏิบัติกับผู้ป่วยและญาติ แต่ก็นั่นแหละค่ะ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในเมืองไทยมีมาก คนมีจิตสำนึกก็มาก คนไร้จิตสำนึกที่คิดว่าตัวเองเป็นนายประชาชนก็มากเหมือนกัน หนูขอยืนยันนั่งยันกับพี่ตูน ณ.ที่นี้ว่า ตลอดเวลาที่หนูทำงานพยาบาลทีเมืองไทยมา หนูทำงานด้วยใจรัก ด้วยจิตสำนึกที่ดีและปฏิบัติกับผู้ป่วยดุจญาติมิตรตลอดมา และไม่ใช่เพิ่งคิดจะพัฒนาตัวเองหรือเพิ่งตาสว่างเมือมาอยู่เดนมาร์ก แต่พยาบาลหรือเจ้าหน้าที่ท่านอื่น หนูไม่สามารถไปยืนยันแทนเค้าได้ และหนูคิดว่าวิชาชีพพยาบาลไทยเราพัฒนาตัวเองตลอดเวลา และไม่ได้ด้อยกว่าพยาบาลเดนมาร์กเท่าไรนัก บางอย่างพยาบาลไทยเก่งกว่าพยาบาลเดนมาร์กหลายเท่าทีเดียว จริงๆไม่ได้โม้.. | โดย: อ้อย [15 มี.ค. 51 23:45] ( IP A:80.198.35.166 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 15 พี่รู้ค่ะว่าอ้อยเป็นพยาบาลที่ทำด้วยใจรัก พี่อาจจะเขียนไปแล้วทำให้อ้อยเข้าใจผิดคิดว่าบ้านเราไม่ได้พัฒนา ไม่ใช่พี่หมายความเช่นนั้นค่ะ พี่รู้ว่าบ้านเรากระเตื้องเรื่องนี้ แต่ก็ยังมีน้อยอยู่เพราะอิทธิพลทางการเงิน และศักดินายังมีนักที่บ้านเรา ที่พี่หมายถึงนั้นพี่ต้องการให้อ้อย นำไปบุมให้มากที่บ้านเราเพราะเราเคยเป็นพยาบาลที่ไทยมา เพื่อนฝูงมากมายเล่าสู่กันฟังได้ พี่รู้ว่าอ้อยทำคนเดียวไม่ได้ แต่ถ้าเริ่มที่อ้อยแล้วพี่ก็ตามก็คงไม่เสียหลาย ถึงจะใช้เวลานานก็ตามเถิด สักวันก็คงประสบความสำเร็จ พี่ดีใจที่ได้อ้อยมาเป็นเพื่อนร่วมพยาบาลที่เดนมาร์ก พี่รู้ตลอดว่าพยาบาลไทยเราเก่งมาก และไม่เถียงน้องเลยแม้แต่นิด เราเป็นเลือดนักสู้กัน ก็เพราะการเป็นพยาบาลที่มีนำใจและคุณธรรมนี่แหละที่คนไข้รักพยาบาลไทยนัก และก็จะชื่นชมตลอด ถ้าไม่เพราะว่าพยาบาลไทยเป็นพยาบาลที่เก่งและโอบอ้อมอารี พี่คงไม่กล้าลงทุนตั้งบริษัทเพื่อพี่ๆน้องๆพยาบาลที่จะได้มีโอกาสได้มาเป็นพยาบาลที่นี่หรอก เพราะพี่รู้และประทับใจนี่แหละพี่ถึงได้ทำ
พี่บางครั้งเขียนอะไรไป ไม่ได้คิดอย่างนั้นคนอ่านอาจเข้าใจผิดไป พี่ขอโทษ ถ้าทำลายน้ำใจน้องแต่ที่พูดไปเพราะชื่นชมในตัวน้องจริงๆค่ะ เพราะอ้อยไม่ได้อยู่เฉยๆ ดิ้นรนตลอดเพื่อการศึกษาและเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของที่นี่ และเพื่อพี่ๆน้องๆอีกหลายคนที่กำลังจะมาและอยู่ที่นี่แล้ว
ส่วนน้องแอ๊ปเปิ้ล เมื่อเจ้าตัวน้อยออกมาดูโลกแล้วส่งข่าวให้พี่ๆทราบด้วยนะคะ | โดย: พี่ตูน /ลำพา [16 มี.ค. 51 3:11] ( IP A:83.88.130.42 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 16 สวัสดีตอนเช้าวันอาทิตย์ค่ะพี่ตูน
หนูชี่นชมความเป็นนักสู้ของพี่ตูนมาตลอดมาตั้งแต่รู้จักพี่ตูนและตอนนี้ก็ยังชี่นชมอยู่ แต่บอกตามตรงค่ะว่าเมือวาน เมื่อได้อ่านคำว่าตาสว่างของพี่ตูนแล้วรู้สึกเจ็บ เป็นความเจ็บปวดที่บรรยายไม่ถูก ผิดหวัง และเสียใจ อยากจะยกโทรศัพท์ไปคุยกับพี่ตูน แต่คิดว่าเขียนตรงนี้ดีกว่า เผื่อท่านอื่นที่มีโอกาสได้มาอ่านกระทู้นี้ได้รับรู้ว่า พยาบาลไทยคนหนึ่งรู้สึกยังไง มีคนไทยหลายคน ที่ได้มีโอกาสมาอยู่เมืองนอก หลายปี มองเมืองไทยว่าเป็นเมืองด้อยพัฒนา ไร้การพัฒนา แต่วันนี้ได้มาอ่านความคิดเห็นของพี่ตูน ก็ดีใจว่าอย่างน้อย ไม่ใช่พี่ตูน(ที่่เราชื่นชม) มองเมืองไทยแบบนั้น เพียงแต่ว่าเข้าใจความหมายของคำไม่เหมือนกันเท่านั้น
หนูคิดว่าสิ่งที่นำไปพัฒนาได้เลยที่เมืองไทยในตอนนี้ก็คือ การให้ข้อมูลคนไข้ในด้านการรักษา(โดยแพทย์) เพราะแพทย์เป็นผู้ให้การรักษา เล่าให้คนไข้และญาติฟังว่าแพทย์plan อย่างไรกับคนไข้ และการรักษาจะดำเนินไปอย่างไร คาดว่าจะนอนโรงพยาบาลกี่วัน ซึ่งตอนนี้ก็เริ่มทำกันแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ดี เพราะแพทย์ไม่มีเวลา ไม่เจอญาติหรือไม่ให้ความสำคัญก็เป็นได้ ซึ่งตอนนี้คนที่รับภาระให้ขัอมูลคนไข้ส่วนใหญ่ก็ยังเป็นพยาบาลอยู่ และอีกอย่างคื่อ ความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน โดยเฉพาะกับแพทย์และพยาบาล เพราะที่นี่แพทย์มองพยาบาลเป็นเพื่อนร่วมงาน สามารถคุยกันปรึกษาหารือกันเพื่อหาแนวทางในการรักษาพยาบาลคนไข้ได้ดีและเหมาะสมที่สุด เพราะพยาบาลเป็นผู้ที่อยู่กับคนไข้มากที่สุด แต่ที่เมืองไทยพยาบาลมีหน้าที่ดูแลคนไข้ และรายงานอาการคนไข้เมือแพทย์มาตรวจ ไม่มีสิทธิ์ออกความคิดเห็นในการรักษาคนไข้ ไม่มีสิทธิ์บอกแพทย์ให้ยาตัวนั้นดีมั้ย หรือบางครั้งไม่มีสิทธิ์ถามด้วยซ้ำว่าทำไมแพทย์ให้ยาตัวนั้นแก่คนไข้ ไม่มีสิทธ์ถามว่าทำไม..(หรืออาจจะทำได้แต่ต้องทำอย่าระมัดระวัง นอบน้อมถ่อมตน) เพราะแพทย์บางท่านมองเจตนาพยาบาลว่าเป็นการก้าวก่ายการรักษาหรือเป็นการตรวจสอบการรักษา และพาลโกธรพยาบาลไปเลยก็มีมาก แต่พยาบาลถามเพื่อพัฒนาความรู้ของตัวเองเท่านั้นเอง ถ้าเราเปลี่ยนตรงนี้ได้ เราสามารถพัฒนางานรักษาพยาบาลไปได้มาก แต่ใครเล่าจะเปลี่ยน ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่วิชาชีพพยาบาล ปัญหาอยู่ที่แพทย์ ว่าจะยอมรับฟังความคิดเห็นและเปลี่ยนตัวเองได้แค่ไหน ดูอย่างกรณีที่น้องเปิ๊ลยกมาถาม ถ้าแพทย์และพยาบาลสามารถคุยกันได้อย่างเพื่อนร่วมงานในระดับเดียวกันอย่างในเดนมาร์ก พยาบาลก็๋คงเสนอไปตั้งแต่คนไข้ เริ่มหายใจหอบ ความดันเริ่มต่ำลง เปอร์เช็นต์เลือดต่ำลง มดลูกไม่หดรัดตัว แล้วล่ะว่าคุณหมอไม่มาดูคนไข้ก่อนเหรอคะ คนไข้น่าจะได้รับการผ่าตัดเอามดลูกออกนะคะ หรือถ้าคุณหมอเหนื่อย ก็ไม่ consult คุณหมอท่านอื่นมาช่วยดู มาช่วยผ่าตัดคนไข้เหรอคะ การสูญเสียก็อาจจะไม่เกิดขึ้นก็ได้
หนูคิดว่าระบบหลายอย่างในโรงพยาบาลไทยไม่ได้ด้อยจากเดนมาร์กเลยตอนนี้ เพียงแต่ว่าเราไม่มีเครื่องมือที่ทันสมัย ไม่มีบุคคลากรที่พอเพียงเหมือนเค้าเท่านั้น แต่เราก็ทำงานกันจนล้นมือ และทำมากกว่าคนที่นี่หลายสิบเท่า ยกตัวอย่างปีนี้ ตอนกลับเมืองไทยหนูมีโอกาส ไปทำงานเป็นพยาบาลจิตอาสา(อาสาสมัคร) ที่้คลีนิคตา ที่คลีนิคตานัดคนไข้อย่างน้อยวันล่ะ 80 คนมาตรวจตา ก่อนพบแพทย์ พยาบาลก็ต้องวัด V/A ความดันตา ความดันโลหิต ชั่งน้ำหนัก แพทย์มาตรวจประมาณ 10.00 น. พยาบาลเริ่มทำงานตั้่งแต่ 08.00 น. เพื่อเตรียมคนไข้ให้ได้มากที่สุด ก่อนแพทย์เริ่มตรวจ เพราะแพทย์ตรวจคนไข้คนหนึ่งเร็วกว่าพยาบาลต้องวัดค่าต่างๆมากนัก แล้วคนไข้แต่ละคน อายุมาก ตามองไม่ชัด หูไม่ได้ยิน พยาบาลต้องใช้เวลาในการตรวจคนไข้แต่ละคนเกือบ 10-15 นาที พยาบาลในห้องตรวจตามีทั้งหมดแค่ 3 คน เครื่องวัดความดันตา 1 เครื่อง คิดดูว่าต้องใช้ความสามารถกันขนาดไหน ที่เรานัดคนไข้มามากเพราะคนไข้มาก และไม่ต้องการให้คนไข้รอนาน เพราะบางคนถ้ารอนานมากก็อาจถึงตาบอดรักษาไม่ได้เลยก็มี ที่เดนมาร์ก นัดคนไข้ไม่เกินวันละ 20 คน พยาบาลมากมาย เครื่องมือมากมาย ซึ่งจะเห็นได้ว่าคนไข้ที่เดนมาร์กบางครั้งต้องรอนัดตรวจตา 4-5 เดือนก็มี ถ้าไม่ใช่่กรณีฉุกเฉิน
หนูเคยอยู่แผนกอายุรกรรมผู้สูงอายุที่นี่ คนไข้ 24 คน เจ้าหน้าที่ให้การพยาบาลทั้งหมด 8-10 คน ไม่รวมนักกายภาพบำบัดและนักอาชีวบำบัด ในตึกต่างหาก มีเครื่องยกคนไข้หนัก เจาะเลือดโทรเรียกเจ้าหน้าที่ห้องแล็ป แทงน้ำเกลือ โทรเรียกแพทย์ หัวใจหยุดเต้น โทรเรียกหน่วยปั๊มหัวใจ ที่เมืองไทย คนไข้ 40 คน เจ้าหน้าที่ให้การพยาบาล 4-5 คน ทำทุกอย่างตั้งแต่อาบน้ำคนไข้ เช็ดอุจจาระ ปัสสาวะ เจาะเลือด แทงน้ำเกลือ หัวใจหยุดเต้น พยาบาลใส่ท่อช่วยหายใจเอง(เพราะถ้ารอแพทย์ สมองคนไข้ขาดออกชิเจนนาน ตื่นมาแต่ร่างกายสมองไม่ทำงาน ก็เป็นผัก นอนลืมตาบนเตียงได้อย่างเดียว) ปั๊มหัวใจ เอง เวลายกคนไข้ต้องใช้เจ้าหน้าที่ช่วยกันยกอย่างน้อย 2 คน หลัง ไหล่ กระดูกกระเดี้ยว ไม่ต้องพูดถึง แต่เราทำได้ค่ะ เพื่อคนไข้เราทำได้เสมอ หลายครั้งเราได้รับคำชมจากญาติและคนไข้ แต่ก็อีกหลายครั้งที่เราได้รับคำตำหนิ แต่เรายินดีรับทุกอย่างเพื่อพัฒนางานของเรา ไม่ให้โดนเรียกว่า โรงฆ่าสัตว์ นางพยามาร ...หรือ สามสิบบาทตายทุกโรค จบจดหมายรักฉบับวันอาทิตย์ ด้วยรักและจริงใจ พยาบาลไทย หัวใจทรนง | โดย: อ้อย [16 มี.ค. 51 16:23] ( IP A:80.198.35.166 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 17 สวัสดีค่ะน้องเปิ้ลเจ้าของกระทู้ ยินดีนะคะที่จะเป็นคุณแม่ในเร็วๆนี้ พี่เล็กขออวยพรให้ทุกสิ่งทุกอย่างราบรื่นไปด้วยดีค่ะ
พี่ตูนที่รัก พี่ใหญ่ลาพักร้อน เดี๋ยวมาค่ะ เรื่องลบคห. แต่ละอัน ลบไม่ได้ค่ะ ถ้าจะลบ ต้องลบทั้งกระทู้เลย เลยปล่อยให้น้องๆอ่านกันสองครั้งให้ลึกซึ้งดีกว่านะคะ พี่อ้อยที่น่ารักของน้องๆ เล็กอ่านความคิดเห็นพี่แล้วอยากเข้ามาลงลายเซ็นต์ค่ะ ปัญหาการทำงานร่วมกันระหว่างแพทย์และพยาบาล รับรองว่าพยาบาลไทยทุกท่าน ไม่ว่าจะระดับไหน ตำแหน่งไหนต่างก็รู้ซึ้งทุกคนว่า เราถูกจัดเกรดให้ต่ำกว่าแพทย์ขนาดไหน แม้เล็กจะมีประสพการณ์ในการทำงานที่เมืองไทยมาไม่นานนัก แต่ก็ยังประทับใจ ไม่เคยลืม หัวหน้าวอร์ดที่เคยอยู่ เป็นผู้หญิงที่เก่งมาก พูดเก่ง ทำเก่ง ไม่กลัวใครน้องๆที่จบใหม่รู้สึกอุ่นใจที่พี่ๆในวอร์ดต่างก็มีความเชื่อมั่นในตัวเอง นักเรียนแพทย์ที่มาฝึก ที่มีเหตุผลส่วนมากก็ยอมรับฟังความคิดเห็นของพยาบาลเรา(ซึ่งมีประสพการณ์มากกว่า) ในเรื่องการทรีทคนไข้ อยู่มาปีนึงมาเจอนักเรียนแพทย์หัวหมอ นึกว่าตัวเองฉลาดพอ ขัดแย้งกับรุ่นพี่ในวอร์ดตลอดเรื่องสั่งออเดอร์ จนเป็นเรื่องขึ้นมา พี่เราดันถูกแผนกพยาบาลและอาจารย์หมอเรียกไปเตือนทั้งที่โดยความถูกต้องแล้ว พี่ไม่ผิด บรรยากาศในการทำงานเลยแย่ลง มีการลาออกเป็นทีมๆไปอยู่เอกชนทั้งที่รับราชการมานานปี ก็ดูเอา เราเด็กใหม่เลยรู้สึกว่า ใครอยากอยู่ ต้องเอาใจหมอ นี่ขนาดโรงพยาบาลมหาวิทยาลัย มีแผนกการพยาบาลใหญ่มาก ยังไม่แข็งพอที่จะปกป้องคุ้มครองสิทธิเหล่าพยาบาลของเราได้ ซึ่งจะโทษผู้บริหารแผนกพยาบาลเราทีเดียวก็ไม่ได้ เพราะระบบนี้ มันถูกปลูกฝังมานานแล้ว ตำแหน่งผู้บริหารที่สำคัญๆต่างๆก็ตกอยู่ในวงการแพทย์ทั้งนั้น แล้วพยาบาลคนไหนเล่า จะปีกกล้าขาแข็งมาต่อล้อต่อเถียงผู้บริหารได้ พยาบาลบางท่าน รู้ก็รู้อยู่เต็มอกว่าขอบเขตุการทำงานของพยาบาลเรามีแค่ไหน แต่ก็พยายามปรับตัวให้เข้ากับระบบ เป็นทั้งแม่บ้าน(เสริพชากาแฟ) และพยาบาลไปในตัว ที่ทำไปก็เพื่อบรรยากาศที่ดีในการทำงานร่วมกัน (ไม่ได้กล่าวถึงเจตนาอื่นนะคะ) เห็นแล้วเศร้า
ที่เล็กเล่ามานี้ เป็นเรื่องที่ผ่านมามากกว่าสิบปีแล้ว แต่เท่าที่ฟังๆน้องๆพี่ๆเล่า ก็ดูไม่เห็นจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย อย่างที่พี่อ้อยว่า ปัญหาอยู่ที่แพทย์ ว่าจะเห็นความสำคัญของวิชาชีพพยาบาลมากแค่ไหน | โดย: lek [16 มี.ค. 51 23:45] ( IP A:79.196.128.226 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 18 น้องอ้อยที่รัก
ที่พี่ตูนใช้คำพูดว่า ตาสว่าง น่ะ ไม่ได้หมายถึงการดูถูกในเรื่องที่ว่าน้องโง่ มาที่นี่แล้วตาสว่าง หรือฉลาดขึ้นบ้างหรือยัง เมื่อมาอยู่ที่เดนมาร์กแล้ว พี่ยืนและก็ยันอย่างน้องนั่นแหละค่ะ ว่าพี่ตูนไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น พี่ไม่ได้หมายความว่าการรักษาที่บ้านเมืองเราด้อยพัฒนา พี่ไม่ได้พูดเกี่ยวกับเรื่องเครื่องมือเครื่องใช้ที่โรงพยาบาลที่เมืองไทยเราด้อยพัฒนา พี่ไม่ได้พูดว่าพยาบาลไทยเราแย่และห่วย พยาบาลไทยเราเก่งมากทางด้านวิชาการและเทคนิคและก็เก่งกว่าพยาบาลที่เดนมาร์กเป็นหลายร้อยเท่าเพราะเราฝึกมาหมดทุกด้าน แต่ขาดอย่างเดียวเรื่องการวางขอบเขตกับแพทย์เพื่อให้แพทย์เคารพในขอบเขตวิชาการพยาบาลของเราว่าเราเป็นเพื่อนร่วมงานของเขาเพื่อที่จะช่วยแก้ไขอาการเจ็บป่วยของคนไข้ให้ดีขึ้น และพวกเขาพยาบาลเหล่านั้นทำได้ ถ้าพวกเราพยาบาลมีโอกาสและได้รับการสนับสนุนในสิ่งที่เราทำลงไป นี่แหละค่ะคำพูดคำเดียวสามารถทำลายความรู้สึก หรือทำให้หลายสิ่งมองผิดไปในความหมาย
พี่ตูนน่ะถ้าเป็นพี่ตูนเมื่อสมัย ๒๐ ปีที่แล้วที่ใช้คำว่า ตาสว่าง น่ะ กับน้องก็คือด่า หรือก้าวร้าวว่าน้องโง่ เป็นพยาบาลที่แย่ไม่มีการพัฒนาเลย เพราะพี่ตอนนั้นยังมีความคิดและความเข้าใจแบบคนไทยอยู่ และก็จะรู้ว่าการใช้คำพูดนั้นที่พูดออกไปเพื่อต้องการที่จะทำลายน้ำใจน้องจริงๆ
แต่พี่ตูนคนนี้ และตอนนี้เป็นพี่ตูนคนละคน ที่อาจจะเรียกว่าโง่ ตามคำพูดที่ตัวเองพูดไป ไม่ทันคิกและก็ไม่ได้เข้าใจความหมายเช่นนั้น เพราะไม่ได้คิดเล็กคิดน้อย ที่พูดว่าตาสว่างที่นี้พี่หมายถึงก็คือ ทำให้พี่เห็นการตอบโต้ด้านวิชาการพยาบาลของพยาบาลที่เมืองนอกเขาเป็นตัวของตัวเอง ไม่ว่าที่ไหนก็ตามสหรัฐ หรือยุโรป เพราะเขารู้จักขอบเขตในการเป็นพยาบาลของเขาในเรื่องที่เป็นผู้ที่ให้การเป็นทนายแทนคนไข้ ตอบโต้แทนคนไข้ได้อย่างมีเหตุและผล เขามีจุดยืนในการเป็นพยาบาลของเขาเพราะเขามีพลังในการตอบโต้ที่มีเหตุและผล และอีกอย่างเขามีสภาพยาบาลของเขาที่ให้การสนับสนุนให้พวกเขาเป็นคนกล้าไม่กลัวที่จะยืนและยันเรื่องวิชาการของตัวเอง เพราะเขามีความรู้ในด้านวิชาการพยาบาลของเขาเหมือนกัน และเรารู้ว่าเราอยู่จุดไหนของการเป็นพยาบาล เพื่อรักษาการเป็นนักวิชาการของเรา และในขณะเดียวกันแพทย์ก็ต้องเคารพในการเป็นนักวิชาการของเรา ฟังเราที่ให้เหตุให้ผลโดยที่ไม่โกรธ แต่แน่นอนการที่เราจะทำให้แพทย์เชื่อมั่นในคำพูดเราได้ก็ต่อเมื่อวิชาการที่เรานำมาโต้แย้งอย่างมีเหตุและผลนั้นเป็นวิชาการที่เราสามารถนำมาอ้างอิงได้จากทฤษฏี และประสบการณ์ในการออฟเสริฟที่ผ่านมามากในการเป็นพยาบาลของเรา
พี่อยากให้ตัวอย่างเช่น คนไข้เป็นโรคตับโคม่า ซึ่งอวัยวะตับอยู่ในสภาวะที่ล้มเหลวทำงานแทบไม่ไหวแล้ว คนไข้มีอาการไข้สูง แทรกซ้อนขึ้นมา ส่วนแพทย์เองเพราะทำงานมากอย่างที่น้องอ้อยว่า ต้องวิ่งรอก เหนื่อยประสิทธิภาพในการทำงานก็ลดน้อยลงเพราะเหนื่อยร่างกายไม่ได้รับการพักผ่อนไม่เพียงพอ คิดไม่ออกและลืมคิดไปว่าสิ่งที่ตัวเองสั่งออกไปนั้นเป็นผลเสียร้ายแรงต่อคนไข้เช่นไร แพทย์เห็นว่าอาการไข้ขึ้นสูง สั่งยาพาราเซทตามอลให้คนไข้ ๑๐๐๐ มิลลิกรัม ทุก ๔ ชั่วโมง และ ๖ ครั้ง/ วัน น้องคิดดูอาการคนไข้จะเป็นอย่างไร และการหลั่งของเลือดจะมีมากน้อยเพียงใด ในเมื่อตับแทบวายแล้วหมอยังดันมาสั่งยาตัวนี้ให้คนไข้ แน่นอนพยาบาลเมืองนอกเขาจะนั่งกรานยืนกรานกับแพทย์ว่ายาตัวนี้จะเป็นอันตรายสำหรับคนไข้ จะทำให้คนไข้เกิดอาการหลั่งเลือดขึ้นมาได้เพราะตับไม่ทำงาน และยิ่งจะทำให้อาการของตับพังลงไปอีก มันเป็นการให้โทษมากกว่าให้คุณ
ถ้าแพทย์เขารู้ว่าเขาเหนื่อยและลืมคิดไป เขาก็จะขอบใจพยาบาลที่เตือนสติเขาเพราะพยาบลให้เหตุและผล และการเพิ่มอันตรายให้อาการคนไข้ทรุดมากกว่าเดิม ก็สามารถป้องกันได้ หมอก็จะไม่สั่งยาตัวนี้ให้คนไข้ นี่คือการเคารพในสิทธิการเป็นพยาบาลของแพทย์ ที่เคารพพยาบาลตรงที่ว่าเขาทำงานอย่างรอบคอบและมีเหตุและผล และสามารถเอาทฤษฏี มาอ้างอิงได้ เขาก็จะเคารพและนับถือในตัวเรา และไม่ก้าวก่ายวิชาชีพการพยาบาลของเรา และจะยอมรับในการเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดีของเราและเสมอภาพกับเขา เคารพในสิทธิและขอบเขตของการเป็นพยาบาลของเรา
แต่ถ้าเกิดพยาบาลคนนั้นไปเจอแพทย์ที่มีทิฐิ และถือว่าตัวเองถูก หรือว่าทั้งที่รู้ว่าตัวเองผิดแต่ไม่ยอมรับผิด เพราะกลัวเสียหน้าที่พยาบาลมาแหกหน้าตัวเอง เพราะทิฐฐิที่มีอยู่แพทย์ไม่ยอมลบล้าง ออรเดอร์ และยืนกรานให้พยาบาลปฏิบัติตามคำสั่งของตนเอง ทั้งที่รู้ว่าจะเป็นอันตรายต่อคนไข้ แต่เพื่อที่ต้องการที่จะเอาชนะพยาบาลเพราะกลัวเสียหน้านั้นพยาบาลบางคนอาจจะทำตามแพทย์สั่งเพราะไม่อยากมีปัญหากับแพทย์นั้นๆ แต่พยาบาลบางคนที่เขาเป็นตัวของตัวเองและรู้จุดยืนของตัวเอง เขาจะขัดคำสั่งของแพทย์ และก็จะไม่ยอมรับออรเดอร์ของแพทย์ เพราะเขารู้ว่าเมื่อทำไปแล้วจะมีผลเสียต่อคนไข้ เขาจะปฏิเสททันที และถ้าหมอยังดื้อดันทุรังที่จะให้ พยาบาลคนนั้นที่มีหัวใจเป็นพยาบาลและเป็นนักสู้เขาจะขัดคำสั่งแพทย์ และถ้าพยายามหลายครั้งเพื่อให้เหตุผลกับแพทย์ไปแล้วในที่สุดแพทย์ยังยืนกรานคำเดิมคือคนไข้ต้องได้ยาตัวนี้ พยาบาลสามารถบอกปัดไม่ให้ยาได้ และจะโต้ไปที่แพทย์ว่า ถ้าแพทย์จะให้ยาตัวนี้กับคนไข้ แพทย์อยากให้ก็ให้เอง และในขณะเดียวกันพยาบาลก็จะลงบรรทึกลงไปในชาร์ทว่าตัวเองขัดคำสั่งแพทย์ในการให้ยา เพราะตนเล็งเห็นได้ว่ายาตัวนี้จะทำให้คนไข้เกิดอาหลั่งของเลือดมากขึ้นเพราะตับคนไข้ล้มเหลวอยู่แล้ว
ในกฏหมายที่เมืองนอกได้บัญญัติไว้ว่า การที่ใครก็ตามที่เป็นคนให้ยาคนไข้ หรือนำยานั้นๆไปใส่ปากให้คนไข้ทาน คนนั้นจะต้องถูกลงโทษและเพิกถอนใบประกอบวิชาชีพได้ถ้าเกิดการค้นพบได้ว่า เจ้าหน้าที่คนนั้นๆไม่ได้ใช้ความรอบคอบของตัวเองในการดูแลและเอาใจใส่คนไข้ และถ้าคนไข้เกิดเป็นอะไรขึ้นมา ถ้าพยาบาลกลัวแพทย์โกรธ และทำตามแพทย์สั่ง พยาบาลคนนั้นๆก็จะถูกดำเนินการ ตามทางกฏหมายและเพิกถอนใบประกอบวิชาไป แต่ถ้าแพทย์เป็นบุคคลที่ให้ยา แพทย์ก็จะถูกเพิกถอนใบประกอยวิชาชีพ ไม่ใช่พยาบาลเพราะ พยาบาลคนั้นๆขัดคำสั่งของแพทย์ เหตุผลเพราะเราเห็นได้ว่าเมื่อให้ยาตัวนี้กับคนไข้ไปแล้วจะเกิดอันตรายกับคนไข้ได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องมีเอกสารอ้างอิงคือการลงบันทึกรายงานการพยาบาลของเราวันนั้นวันที่เกิดเหตุ ถ้าเรื่องถึงศาลเราก็สามรถเอาตัวรอดได้ เพราะเรามีหลักฐานให้ทางศาลดู ฉะนั้นแพทย์เขารู้ว่าทางพยาบาลพวกนี้เขาเอาจริง แพทย์ก็ไม่สามารถทำอะไรพยาบาลได้ จะฟ้องร้องพยาบาลที่ขัดคำสั่งตนก็ไม่ได้ หรือจะแกล้งพยาบาลนั้นๆให้ออกงานก็ไม่ได้ เพราะเขามีเอกสารอ้างอิงกัน และรู้ได้ว่าไม่มีใครที่จะมาเข้าข้างตัวเองถ้าตัวเองทำผิด และยังดันทุรังทำตามที่ใจตนต้องการ
ตัวอย่างอยู่ไม่ไกลจากตัวพี่หรอกค่ะน้องเพราะพี่ต่อสู้เรื่องนี้มาแล้วกับแพทย์บางคนที่โรงพยาบาลในตัวจังหวัดที่พ่อพี่ไปเสียชีวิตมาแล้ว เพราะแพทย์ยืนกรานในการให้ยาอย่างเดียว พยาบาลให้เหตุผลแล้ว แต่ก็ขัดแพทย์ไม่ได้ เพราะเป็นคำสั่ง กว่าจะต่อสู้เรื่องเหตุเรื่องผลกับแพทย์คนนั้นๆได้ก็ต้องใช้ความอดทนและอดกลั้นมากอธิบายครั้งแล้วครั้งเล่าท่านก็ไม่ฟัง และแถมท้ายยังพูดกับพี่ว่าคุณเป็นใคร แล้วมาอวดรู้ดีกว่าหมอได้อย่างไร
นี่แหละค่ะน้องที่พี่ใช้คำว่าตาสว่าง ก็คือการยืนกระต่ายขาเดียวของพยาบาลเราค่ะ ว่าสิ่งที่เราพูดออกไปมาจากประสบการณ์และตำราที่เราเรียนมา และถ้าแพทย์อยากให้เราทำตามเราก็สามรถใช้ตัวบทกฏหมายที่ปกป้องตัวเราในการรักษาใบประกอบวิชาชีพของเราได้ และหรือสิทธิในการขัดคำสั่งแพทย์ถ้าเห็นว่าคำสั่งนั้นเป็นคำสั่งที่ สามรถทำให้อาการของคนไข้อยู่ในขั้นอันตรายได้ และไม่กลัวที่ต้องออกจากการงานที่เราทำอยู่เพราะเรารู้ว่าสิ่งที่เราทำไปนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง
ไงพี่ตูนหวังว่าน้องอ้อยคงเข้าใจความหมายที่พี่เขียนมาว่าพี่หมายความว่าอย่างไร พี่อยู่ที่นี่มานานเป็นคนที่ไม่ค่อยได้คิดเล็กคิดน้อยแล้วค่ะ และก็อย่าถือโทษโกรษพี่เลยค่ะเ พราะพี่ไม่ได้ดูหมิ่นวิชาการพยาบาลไทยเรา และพี่ก็เป็นคนที่ยากจนมาก่อน และก็ไม่เคยลืมเรื่องนี้ และยิ่งมาดูถูกบ้านเมืองเราว่าด้อยพัฒนานั้นยิ่งไม่มีเลย
พี่ตูนเคยไปเป็นวิทยากรให้กับวิทยาลัยพยาบาลเกื้อการุณย์มาแล้วค่ะเมื่อ ๑๓ ปีที่แล้วมา อาจารย์ผู้อำนวยการท่านเชิญไปค่ะ เพราะต้องการให้พี่พูดเกี่ยวกับการเรียกร้องเรื่องสิทธิของการเป็นตัวเองของพยาบาล เพื่อให้แพทย์เคารพในขอบเขตทางด้านวิชาการของเรา มีอาจารย์และพยาบาลหลายท่านเข้าฟังและกระตือรือร้นมาก พร้อมทั้งยากที่จะเอามาปฏิบัติกัน แต่พวกเราก็ได้แต่คิดค่ะ เพราะชนชั้นระหว่างแพทย์ และพยาบาลยังมีอยู่
สุดท้ายพี่ตูนอยากให้พวกเราพยาบาลทั้งหลายมาตอบโต้ด้านวิชาการกันดีกว่าอย่างมีเหตุและผล อย่างที่เราทำกันอยู่นี้ และอย่าคิดมากหรือนำเอามาเป็นความโกรธ หรือเสียใจหรือคับแค้นใจ เพราะพี่ไม่ได้ตั้งใจที่จะทำร้ายจิตรใจน้องๆหรือพี่ๆเช่นนั้น ถ้าพี่ผิดพี่ยอมให้ว่ากล่าวตักเตือนพี่อย่างรุนแรงได้ และก็จะไม่โกรธด้วยซ้ำเพราะ การเป็นนักโต้ตอบที่ดีเราต้องมีใจนักกีฬาในการโต้ตอบ ห้ามโกรธ ห้ามโมโห และในขณะเดียวกันเราก็ยอมรับในสิ่งที่เราทำผิดหรือพลาดไป อย่างที่พี่เป็นอยู่ในขณะนี้
อ้อยอย่าลืมนะว่าอ้อยเคยสอนพี่ว่าอย่างไร การโกรธพี่น่ะไม่ได้ทำให้อ้อยดีขึ้น ยิ่งทำให้อ้อยหงุดหงิดมากขึ้น และคนที่นอนไม่หลับเพราะหงุดหงิดก็คืออ้อย ส่วนพี่จะไปรู้อะไรล่ะเพราะโง่และไม่ได้คิดเลยเถิดว่าน้องจะเสียใจมากถึงขนาดนี้ อย่าเสียใจเลยนะคนดี โกรธพี่น่ะ ก็เหมือนกับโกรธคนเซ่อๆซ่าๆคนหนึ่งเท่านั้นเอง ที่เดินไม่ดูตาม้าตาเรือดันเดินไปแกว่งเท้าน้องเข้านี่ ดีนะที่น้องไม่เตะให้เด้งเอาก็บุญแล้ว
เออ คุยเรื่องท้องของน้อง ดันไปพ้องกับเรื่องสิทธิของการเป็นพยาบาลเราเน๊าะ ก็ดีเหมือนกันเพราะการต่อสู้เรื่องสิทธิการเป็นพยาบาลของพวกเราจะได้กระเตื้องมากขึ้นกว่าเดิมอีกเยอะ และดีกว่าเดิมอย่างที่เป็นอยู่นี้ | โดย: พี่ตูน /ลำพา [17 มี.ค. 51 7:12] ( IP A:83.88.130.42 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 19 วันที่ คิดถึง เดือนที่ คนึงหา พศ.ที่รอเวลาเจอ
พีตูนที่รักและเคารพ..
แวะเข้ามายืนยันและนั่งยันต่อว่า ไม่ได้ โกธรพี่ตูนเลย ก็เลยขออนุญาตยกเอาความคิดเห็นที่ 16 เมื่อวันวาน มายืนยันกับพี่ตูนอีกครั้งนะคะ ว่าเข้าใจในความปราถนาดีของพี่ตูน อย่างยิ่งยวด...
ความคิดเห็นที่ 16 สวัสดีตอนเช้าวันอาทิตย์ค่ะพี่ตูน
หนูชี่นชมความเป็นนักสู้ของพี่ตูนมาตลอดมาตั้งแต่รู้จักพี่ตูนและตอนนี้ก็ยังชี่นชมอยู่ แต่บอกตามตรงค่ะว่าเมือวาน เมื่อได้อ่านคำว่าตาสว่างของพี่ตูนแล้วรู้สึกเจ็บ เป็นความเจ็บปวดที่บรรยายไม่ถูก ผิดหวัง และเสียใจ อยากจะยกโทรศัพท์ไปคุยกับพี่ตูน แต่คิดว่าเขียนตรงนี้ดีกว่า เผื่อท่านอื่นที่มีโอกาสได้มาอ่านกระทู้นี้ได้รับรู้ว่า พยาบาลไทยคนหนึ่งรู้สึกยังไง มีคนไทยหลายคน ที่ได้มีโอกาสมาอยู่เมืองนอก หลายปี มองเมืองไทยว่าเป็นเมืองด้อยพัฒนา ไร้การพัฒนา แต่วันนี้ได้มาอ่านความคิดเห็นของพี่ตูน ก็ดีใจว่าอย่างน้อย ไม่ใช่พี่ตูน(ที่่เราชื่นชม) มองเมืองไทยแบบนั้น เพียงแต่ว่าเข้าใจความหมายของคำไม่เหมือนกันเท่านั้น...
หนูไม่เคยโกธรพี่ตูนเลย เพียงแต่เสียใจ น้อยใจในชั่วข้ามคืน แต่หลังจากมาอ่านความคิดเห็นของพี่ตูนอีกครั้ง ความเสียใจก็มลายหายไปสิ้น เป็นเช่นนั้นจริงๆค่ะ
พี่ตูนคะ การจะยืนเป็นกระต่ายขาเดียวในทันที หนูคิดว่ามันคงลำบาก การหักด้ามพร้าด้วยเข่านั้น ทั้งจะหักไม่ได้และคนเจ็บเข่าหรือเข่าแตกนั้นคือตัวเรา หนูคิดว่าเราคงต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไป แต่ก็อย่างว่าสังคมไทย กว่าจะรุดหน้าทันคนอื่น ก็อาจต้องตายแล้วเกิดใหม่อีกหลายๆรอบ (พี่ตูนอาจจะคิดว่า ก็เพราะมีคนที่คิดช้าๆเหมือนหล่อนนะสิ..) ในตอนแรกเราอาจยืนกระต่ายขาเดียวกับอีกสี่นิ้ว วันหลังเราก็ยืนกระต่ายขาเดียวกับอีกสามนิัว สองนิัว หนึ่งนิัว และจนกระทั่งยืนกระต่ายขาเดียวได้อย่างไม่มีปัญหาในการทำงานร่วมกัน และแพทย์ก็จะเริ่มตาสว่างขึ้น ว่าที่พยาบาลพูดมาวันนั้น(ยืนกระต่ายขาเดียวกับสี่นิัว) จนกระทั่งวันนี้ (พยาบาลยืนกระต่ายขาเดียว ) มันมีเหตุผลจริงๆ แต่มันจะใช้เวลาเท่าไรนั้น ข้าน้อยก็ไม่อาจคาดเดา แต่ถ้าจะใช้เวลาน้อยก็คือพยาบาลเราต้องรวมตัวกันอย่างเข้มแข็ง ไม่ใช่ไปเอาใจแพทย์ และผู้ที่พาเริ่มก็คือผู้มีอำนาจและได้รับความเชื่อถือ แต่ส่วนใหญ่ท่านเหล่านี้ก็มีแพทย์เป็นสามี ก็เลยอ่อนปวกเปียกประหนึ่งเทียนโดนความร้อนเช่นนี้แล
พี่ตูนไม่ได้โง่ค่ะ เพราะถ้าพี่ตูนโง่แล้วหนูจะไม่ท้้งโง่เง่าและเต่าตุ่นไปเลยเหรอคะ ไม่มีใครโง่ในความหมายของคำหรอกค่ะ โดยเฉพาะภาษาไทยแปลไปได้หลายแง่นัก ทั้งในด้านลบและด้านบวก เพียงแต่เมื่อเราทำความเข้าใจกัน ทุกอย่างก็ไม่มีปัญหาค่ะพี่
ด้วยรักและเคารพเสมอ อ้อยเอง | โดย: อ้อย [17 มี.ค. 51 15:02] ( IP A:80.198.35.166 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 20 สวัสดีค่ะน้องเล็ก
จากประสบการณ์ที่อยู่ ไอซียู มา 12 ปี พี่เจอแพทย์ มากมายหลายประเภท แต่พี่มีหัวหน้าพยาบาล ไอซียู ที่เข้มแข็ง เข้าใจและรับฟังน้องพยาบาลด้วยกันเสมอเมื่อมีเกิดปัญหากับแพทย์ ทำให้ทุกคนกล้าที่จะต่อสู้กับแพทย์ด้วยหลักการ และมีเหตุมีผล พี่ชอบทีมไอซียูที่พี่อยู่ ไม่มีใครเลยสักคนที่จะเอาใจหมอ หรืออาจมีอยู่คนสองคน ซึ่งไม่ได้รับความสนใจนัก พี่เป็นอีกคนหนึ่งที่ไม่เคยเอาใจแพทย์ ถ้าแพทย์ทำไม่ถูก เราก็จะทักท้วง ถ้าไม่เปลี่ยนออเดอร์เราก็ไม่ทำตาม เคยมีปัญหาใหญ่กับแพทย์หนึ่งครั้ง ซึ่งภรรยาแพทย์ท่้านนั้นก็เป็นพยาบาลรุ่นน้อง เธอพูดกับเพื่อนพี่ว่าสามีเธอจะไปฟ้องผู้อำนวยการ หัวหน้าพี่ถาม พี่ก็เล่าทุกอย่างให้ฟัง และพี่บอกหัวหน้าว่า พี่ไม่กลัวโดนเรียกไปสอบ หรือไล่ออก เพราะว่าทุกอย่างที่พี่ทำ พี่มีเหตุผลและทำตามหลักการ แต่ทุกอย่างก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีใครโดนไล่ออก ไม่มีใครโดนเรียกไปสอบ เพียงแต่เมื่อแพทย์คนนั้นมาตรวจคนไข้ พี่จะไม่ไปตาม Round ให้คนอื่นไปแค่นั้น ซึ่งเราก็ไม่ได้มีความสุขนักในลักษณะนี้ แต่ทำไงได้ แต่เมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 3 ปี เมื่อเดินผ่านกันก็เริ่มยิ้มให้กัน เริ่มจากยิ้มที่มุมปาก ครึ่งปากและจนยิ้มเต็มปาก และหลังจากนั้น เราก็เริ่มคุยกันเหมือนดั่งเดิม ทุกอย่างก็จบลงด้วยดี
จบแล้วจ้า รัก พี่อ้อย
ปล.น้องเปิ๊ล เข้ามาอ่านอาจจะงง ว่าเกิดอะไรขึ้นในกระทู้ฉันเนี่ย ไม่มีอะไรค่ะน้องเปิ๊ล พวกพี่ๆพยาบาลเข้ามายืมกระทู้เปิ๊ลสนทนาธรรม เรื่องงานพยาบาลแค่นั้นเองค่ะ และขอบคุณน้องเปิ๊ลที่เอาตัวอย่างคนไข้ มาให้เราได้อภิปรายกัน รักษาสุขภาพนะคะ ตัวเล็กในท้องจะได้แข็งแรง ขอให้มีสุขภาพสมบูรณ์ทั้งแม่และลูกค่ะ | โดย: อ้อย [17 มี.ค. 51 15:33] ( IP A:80.198.35.166 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 21 วันนี้ว่าง (เพราะคนที่มีเดทด้วยเค้าไม่ว่างที่จะเจอเรา อิอิ) ก็เลยมีเวลาเข้ามาฟังพี่ๆพยาบาลคุยกัน ไม่ขอแจมด้วยนะคะ เพราะไม่รู้ว่าการทำงานพยาบาลที่เมืองไทยเป็นอย่างไร เพราะเคยแต่เป็นครูที่เมืองไทย แต่หากคุยกันเรื่องระบบการเรียนการสอนขั้นมัธยมทั้งต้นและปลายที่บ้านเราเมื่อไรก็จะมาร่วมออกความเห็นด้วยค่ะ
วันนี้เข้ามาฟังเพื่อเก็บเกี่ยวความรู้ในฐานะนักเรียนพยาบาล (ชอบคำนี้จัง ฟังดูเท่กว่านักศึกษาพยาบาลเยอะ แต่ไม่รู้นะว่าคำไหนถูกต้อง ใครทราบก็ช่วยบอกหน่อยค่ะ) อ่านที่พี่ตูนและพี่อ้อยคุยกันแล้วได้ความรู้มาประดับสมองหลายอย่างเลยค่ะ
อ้อ อยากออกความเห็นนิดนึงว่าเรื่องระบบศักดินาอะไรนี่ ที่เดนมาร์กนี้มีน้อยมากเลยจนแทบจะไม่มีเลยที่จะเจอคนที่พูดทำนองว่า "คุณเป็นใคร มาอวดรู้ดีกว่าฉันได้อย่างไร" คือที่เคยประสบมานะคะ ในฐานะ PN ที่ทำงานเป็นตัวแทน (vikar) ที่วอร์ดต่างๆใน รพ. เจอคนมากมายหลายแบบ ทั้งหมอและพยาบาล (ทั้ง RN และ PN) เวลามีอะไรที่เขาทำผิดพลาดกัน เราบอกเราเตือนเขาได้ เขาไม่โกรธ มีแต่จะขอบคุณขอบใจ (ตัวอย่างเช่นคนไข้ที่เราดูแลต้องอดน้ำอดอาหาร เพราะเขานอนคอยเวลาผ่าตัด แต่พยาบาล RN อีกคนก็คอยวิ่งเอาน้ำเอาอาหารเสริฟคนไข้ตลอด ทั้งๆที่ป้าย Faste ก็ห้อยแดงโร่อยู่ที่เตียงคนไข้ ดีว่าเราตาไว รีบดึงอาหารและน้ำออกก่อนที่คนไข้จะกินอะไรเข้าไป สุดท้ายต้องไปตามตัว RN คนนั้นแล้วแจ้งให้เขาทราบ คือไม่ได้ว่าอะไรเขาหรอก แต่บอกดีๆว่าคนไข้ faste นะเธอ อย่าให้น้ำและอาหารเขาเวลาที่เขาร้องขอ RN เขาก็หน้าซีดไปเลยนะเพราะเขารู้ดีว่าที่เขาทำไปนั้นมันไม่ถูกต้องและเขาขาดความระมัดระวังในการทำงาน) บางทีเราไม่รู้มากมายอะไรนักเพราะเพิ่งทำงานมาไม่นาน แต่กับคนไข้ที่เราคุ้นเคยและดูแลติดๆกันสองสามวัน เราก็รู้จักเขาดีมากกว่าหมอหรือ RN ที่เพิ่งเข้ามาเจอคนไข้ คือสรุปว่าเขาฟังเราดีค่ะ ไม่มีการมาดูถูกดูหมิ่นทำนองว่าเป็นแค่ PN ไม่รู้อะไรมากมายนักแล้วยังจะเสนอหน้ามาบอก อะไรทำนองนั้น
สรุปสั้นๆว่าคนที่นี่เขาให้เกียรติกันค่ะ ให้เกียรติกันทุกคนตั้งแต่คนทำความสะอาดไปยันหมอใหญ่ เพราะทุกคนมีความสำคัญทั้งนั้น งานดูแลรักษาจะไม่เดินหากขาดคนใดคนหนึ่งไป และทุกคนมีสิทธิที่จะออกความเห็น ทุกคนมีสิทธิมีเสียงเท่ากันไม่ว่าจะเป็นใคร ตำแหน่งอะไร บางทีก็ความเห็นตรงกัน บางทีก็โต้แย้งกันเพราะความเห็นไม่ตรงกัน แต่ก็ไม่มีใครโกรธกัน เพราะเรารู้กันดีว่าเรามีจุดหมายเดียวกัน คือทำทุกอย่างเพื่อคนไข้ค่ะ
ขอตัวไปดูแลลูกก่อนนะคะ ขอให้ทุกคนมีความสุขในวันจันทร์นี้ค่ะ | โดย: nokDK [17 มี.ค. 51 15:56] ( IP A:80.199.178.246 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 23 ขอบคุณมากๆค่ะพี่อ้อยที่ช่วยแนะนำและแก้ไขความเข้าใจ นกก็งงๆนะเรื่องเทียบวุฒิเนี่ย ถามคนที่นี่ส่วนมากเขาก็ไม่รู้กัน ก็เลยพยายามทำความเข้าใจเอาเอง แต่สรุปว่า TN นี่คือขั้นอนุปริญญาตามที่นกเข้าใจใช่ไหมคะพี่อ้อย
สงสัยต้องท่องใหม่แล้วว่า social- og sundhedsassistent นี้คือ TN (พาลพาให้คิดไปถึง TNT ได้ไงน่ะ อิอิ)
นกไม่ได้คิดเรื่องแบ่งแยกระดับตามระบบศักดินาหรอกค่ะ แต่นกคิดเรื่องแบ่งแยกระดับตามหน้าที่รับผิดชอบต่างหากค่ะพี่อ้อย คือเรื่องนี้มันสำคัญและต้องรู้นะคะ หากไม่รู้หรือไม่สนใจจนไปทำงานเกินเลยหน้าที่ขอบข่ายรับผิดชอบของตัวเองนี่มันจะยุ่งเอาน่ะสิ ดีไม่ดีจะถูกถอนใบอนุญาตประกอบอาชีพเลยด้วย
หมวกสวยและเท่ดีค่ะ น่าเสียดายที่ที่เดนมาร์กนี่เค้าไม่ใช้กันเนอะ เห็นพยาบาลที่เมืองไทยใส่หมวก(เรียกว่าหมวกรึเปล่า? ไม่ค่อยแน่ใจ)แล้วนึกในใจว่าเท่ชะมัด แต่ไม่รู้นะว่าใส่ลำบากหรือเปล่า เพราะไม่เคยใส่น่ะ เคยแต่ใส่เครื่องแบบชุดขาวของข้าราชการ แต่มันก็ไม่มีหมวกสวยๆให้ใส่แบบพวกพยาบาลเค้า
เรื่องพี่ไม่ว่างนั้น ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ได้แซวด้วยนะพี่ อย่าเพิ่งเข้าใจผิด :) เอาไว้เราว่างพร้อมๆกันก็ค่อยนัดเจอกันนะพี่อ้อยนะ นกคอยพี่ได้เสมอค่ะ (แน่ะ ปากหวานอีกแล้ว อิอิ)
ฝากสวัสดีคุณเพียร์ด้วยนะคะ | โดย: nokDK [17 มี.ค. 51 17:25] ( IP A:80.199.178.246 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 24 ขอโทษน้องแอปเปิ้ลเจ้าของกระทู้ด้วยค่ะที่พี่ไม่ได้ทัก มัวแต่คุยกับพี่อ้อยเพลินจนลืม น้องไม่งอนนะคะ :)
ขอแสดงความยินดีด้วยค่ะที่จะมีตัวเล็ก พยายามทำใจให้สบายๆ ทานอาหารครบทุกหมู่ หมั่นออกกำลังกายเช่นด้วยการเดินชมธรรมชาติ พยายามหาเสพสื่อที่ทำให้สบายใจ พาเพลงเพราะๆฟัง สิ่งไหนอ่านแล้วทำให้เครียด เช่นข่าวที่น้องยกมาเล่าให้ฟัง ก็พยายามละเว้น อย่าอ่านเลยค่ะ จะพลอยพาให้ไม่สบายใจเสียเปล่าๆ เมื่อแม่สุขภาพดี ร่างกายแข็งแรง ลูกในท้องก็จะมีสุขภาพที่ดีไปด้วยค่ะ
พี่เองก็มาท้องลูกทั้งสองคนตอนอายุมากแล้ว มีคนช่วยกังวลมากมายจนตัวพี่เองก็งงว่าเค้าจะกังวลอะไรกันนักหนา แต่ทุกอย่างก็เป็นไปด้วยดี คลอดเองแบบธรรมชาติทั้งสองคน เลี้ยงลูกเองทั้งสองคน และให้นมลูกจนลูกอายุเกินขวบทั้งสองคน ตอนนี้ลูกพี่คนโตอายุเจ็ดขวบ คนเล็กสองขวบครึ่ง สองคนนี้มีสุขภาพดีและมีการเจริญเติบโตพัฒนาการทางด้านต่างๆที่ดีและเหมาะสมกับวัยทั้งคู่ค่ะ
น้องเปิ้ลพยายามใช้เวลาตอนนี้ตักตวงความสุขแบบสองคนกับสามีให้มากๆนะคะ เพราะพอลูกคลอดมาแล้ว ชีวิตมันจะเปลี่ยนไปมากเลยค่ะ จากที่เคยมีกันสองคน ก็จะมีคนสำคัญเพิ่มมาอีกคน ต้องหมั่นแบ่งเวลาให้กันและกันนะคะ เพราะเมื่อพ่อแม่มีความสุข ลูกก็จะมีความสุขด้วยค่ะ :) | โดย: nokDK [17 มี.ค. 51 17:39] ( IP A:80.199.178.246 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 25 ขอแสดงความคิดเห็นหน่อยนะคะเรื่องของพี่ตูนและพี่อ้อยหนูเป็นคนหนึ่งที่ติดตามอ่านพยาบาลพลัดถิ่นอยู่เสมอในความฝันของหนูอยากไปทำงานในเมืองนอกถามว่าเพื่ออะไรความก้าวหน้าในชีวิตที่ในเมืองไทยไม่มีให้เราพี่คิดเหมือนหนูไหมคะแต่ที่เมืองนอกให้เราไม่ได้คือความรักมันอาจจะมีแต่ความต้องการของเราคือความรักของคนไทยความรักของแผ่นดินไทยที่เรากำเนิดเกิดมาแต่เรื่องของพี่สองคนที่ฟังแล้วเป็นเพียงแค่คำไม่กี่คำทำให้ความรู้สึกที่ดีๆที่มีต่อกันมันมีรอยแผลเป็นมันรักษายากอย่าทำให้เป็นแผลเป็นเลยนะคะคนเราความรักเป็นสิ่งที่สำคัญมันทำให้เรามีพลังที่จะทำงานต่อไปที่สำคัญเราเป็นคนไทยด้วยกันหนูเป็นคนที่สามที่ได้อ่านการตอบโต้ของพี่ทั้งสอง พี่ตูนเป็นคนพูดตรงๆแต่ไม่ได้คิดเป็นอื่นแล้วแต่คนคิดเป็นบวงหรือลบหนูคิดว่าพี่ตูนมีความจริงใจให้พี่อ้อยนะไม่งั้นคงไม่แคร์ความรู้สึกของพี่ ส่วนพี่อ้อยเองก็รักและเคารพที่ตูนอยู่มากรักมากแคร์มากก็ย่อมมีความรู้สึกแคร์ในคำบางคำที่คนอื่นฟังแล้วก็ไม่รู้สึกอะไร เชื่อหนูเถอะนะคะโทรคุยกันเถอะคะเพื่อว่าความรู้สึกที่เราคิดไปเองจะกระจ่างขึ้น ที่เขียนในครั้งนี้ไม่มีอะไรมากไม่อยากให้คนไทยไม่รักกันทั้งอยู่ในอาชีพเดียวกันอีกทุกครั้งที่เข้ามาในห้องพยาบาลพลัดถิ่นหนูรู้สึกอบอุ่นทุกครั้งแต่หากเข้ามาแล้วญาติผู้ใหญ่ไม่เข้าใจกันรู้สึกไม่สบายใจ ในเรื่องนี้ไม่มีใครโง่อย่างที่พี่พูดกันพี่ทั้งสองเป็นคนฉลาด ไปได้ถึงขนาดนี้ไม่ธรรมดา มีคนคนหนึ่งเคยบอกหนูว่าอย่าดูถูกตัวเองหนูเองยังจำคำสอนของพี่สาวคนหนึ่งอยู่เสมอ | โดย: ไม่ขอออกนาม [17 มี.ค. 51 18:14] ( IP A:118.173.224.254 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 26 เรียกว่าหมวกถูกแล้วค่ะนก พี่คิดว่าพยาบาลทุกคนมีความภาคภูมิใจในหมวกพยาบาลของตัวเองมาก เพราะเป็นส่วนหนึ่งที่เป็นสัญลักษณ์ของวิชาชีพ พยาบาล พี่ยังจำความรู้สึกของวันที่ได้รับหมวกพยาบาลเป็นครั้งแรกไม่ลืม นักเรียนพยาบาลปีหนึ่งเทอมสุดท้ายก่อนจบปีหนึ่ง จะมีพิธีรับหมวก ในวันฟลอเรนไนติเกล ทุกคนตื่นเต้น มีความสุข และภาคภูมิใจในหมวกพยาบาลของตัวเอง ถ่ายรูปไว้คนละหลายๆโหล ยังเคยล้อกันเล่นเสมอว่าหมวกพยาบาลกันฝนก็ไม่ได้ กันแดดก็ไม่ได้ แต่เราก็ภาคภูมิใจ คนสวยหรือไม่สวยพอใส่หมวกพยาบาลแล้วสวยทุกคน ใส่หมวกในตอนแรกใช้เวลานานเหมือนกัน กว่าจะเก็บผมรวบผม พอใส่หมวก ผมดันหมวกเผยอออกมาอีก ต้องใช้กิ๊ปเป็นโหลๆเลย พอใส่บ่อยๆก็คล่องขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งตอนนี้มีกิ๊ปรวบผมไว้ข้างล่างหมวก แถมสวยและใส่ง่ายอีกต่างหาก
น้องไม่ขอออกนามที่รัก ขอบคุณในความหวังดีของน้อง พี่ขอยืนยันว่าพี่ไม่ได้โกธรพี่ตูนเลย และเราก็ไม่ได้ผิดใจกัน เพียงแต่แปลความหมายของคำไปคนละทางแค่นั้น ซึ่งตอนนี้พี่ก็เข้าใจเป็นอย่างดี ความรู้สึกที่มีกับพี่ตูนก่อนนั้นเป็นยังไง ตอนนี้ก็ยังเป็นเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงและไม่มีบาดแผลใดๆในระหว่างเราจริงๆค่ะ ฉะนั้นมันเมื่อมันไม่มีแผล มันก็ย่อมไม่มีแผลเป็นเกิดขึ้นแน่นอน พี่ให้สัญญาค่ะ ขอบคุณน้องมากที่เป็นหว่ง ในห้องพยาบาลพลัดถิ่นยังมีความอบอุ่นให้น้องได้แวะเข้ามาเสมอค่ะ พี่จะโทรหาพี่ตูนแน่นอนค่ะ แต่ไม่ใช่เพื่อปรับความเข้าใจกัน เพราะเราไม่มีอะไรผิดใจกัน ก็คงโทรคุยกันตามปกติ ขอบคุณอีกครั้งในความหวังดีที่มีให้ ขอบคุณจริงๆค่ะ คนไทยเราไม่ว่าอยู่ที่ไน อาชีพอะไร มีความรักและปราถนาดีต่อกันเสมอค่ะ พี่รู้สึกและหวังเช่นนั้นจริงๆ
| โดย: อ้อย [17 มี.ค. 51 20:09] ( IP A:80.198.35.166 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 27 อย่าเป็นห่วงเลยนะคะน้อง เพราะการที่เราจะเข้าใจกันได้เราก็ต้องมีอุปสรรคก่อน สิ่งไหนที่ไม่มีอุปสรรคหรือการเข้าใจที่ผิดเพี้ยนกันไปนิดหนึ่ง ก็จะไม่ทำให้เราเป็นนักวิชาการหรือนักโต้ตอบที่ดีได้ มีหลายสิ่งที่เราต้องปรับตัวเข้าหากัน และการปรับตัวเข้าหากันนั้นต้องใช้เวลาและการเข้าใจ และนี่ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้พี่อ้อยและพี่เข้าใจและรักกัน
พี่ขอบคุณน้องไม่ออกนามมากค่ะที่เข้ามาในกระทู้นี้ เออ กระทู้เรื่องท้องของน้องเขาน่ะค่ะ แต่ขอยืมของน้องแอปเปิ้ลมาใช้หน่อย อิอิ คือฮอร์โมนพี่ๆใกล้หมดกันน่ะโดยเฉพาะของพี่ตูน เลยต้องเอาออกมาใช้นิดหนึ่ง และขอยารักษาจากพี่อ้อยน่ะ อิ อิ เผื่อน้องแอปเปิ้ลอาจจะเขียนมาขอความคิดเห็นเรื่องฮอร์โมนหมดไปในอนาคตข้างหน้าอีกหลายสิบปีที่จะมาถึง ถามพี่นะน้องเดี๋ยวเล่าให้ฟัง อิ อิ
ส่วนพี่อ้อยพี่ตูนอ่านแล้วแทบสำลักกาแฟที่กำลังดื่มอยู่ ไม่แทบแล้วสำลักแล้วด้วย เพราะขำและหัวเราะตัวพี่เองที่จะตอบเรา อย่างที่เราแซวพี่มา พี่หัวเราะจนหายใจแทบไม่ทันน่ะ พี่ขำตรงที่เราพูดว่า ก็มีคนที่คิดช้าอย่างหล่อนนะซิ เดาใจพี่ออก ถ้าไม่บอกว่าเป็นน้องรักแล้วจะว่าไงกันน่ะ ฮาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ไม่ต้องรอชาตินี้หน้าหรอกค่ะน้อง ชาตินี้แหละแต่ใช้เวลาหน่อยถึงจะนานแต่ก็เห็นผลได้ ไม่ผิดอะไรกับดิกชินนารี่ที่พี่ทำนั่นแหละค่ะ เพราะเคยปราถนาที่จะทำให้คนไทยได้ใช้กันทั่วหน้า และตอนนี้ก็เห็นได้ชัดแล้วสิ่งที่เราปราถนามาถึงแล้ว เพราะพี่ๆน้องๆได้ใช้กันอย่างที่เราตั้งใจเอาไว้ ถึงแม้กาลเวลาจะผ่านไปเกือบ ๒๐ ปีก็ตาม เมื่อนึกไปก็เหมือนกับวันวานนี้เอง
ส่วนน้องนกพี่เอาใจช่วยนะคะ เรียนหนักหน่อย เดี่ยวก็ถึงเส้นชัยค่ะ ช้าๆได้พระเล่มงาม และคำว่านักเรียนพยาบาลน่ะ ที่เดนมาร์กเขายกเลิกใช้คำนี้ไปแล้วค่ะในปี ๑๙๙๒ น่ะค่ะเพราะพี่จำได้ว่า พี่เป็นนักศึกษาพยาบาลรุ่นแรกที่เขาเรียกว่านักศึกษาเพราะเขาเปลี่ยนระบบใหม่ด้านการศึกษาพยาบาล แหมพี่นกเนี่ยยังเชยอยู่นะคะ ที่เรียกตัวเองว่านักเรียนนะค่ะ พี่ต้องเรียกตัวเองว่า นักศึกษาพยาบาล ค่ะถึงจะถูก ไงตั้งใจเรียนนะคะ พี่ๆน้องๆเอาใจช่วยกันค่ะ แต่ไม่ขอเข้าสอบด้วยนะเพราะหนักหมองมานานแล้วค่ะ และ พี่ก็ดีใจกับตัวเองที่รอดตายมาได้ อิอิ เรียนหนักมากค่ะแต่พอจบมาแล้วก็สบายใจมากเพราะเราเรียนรู้หลายๆอย่าง และก็เป็นอาชีพที่ตกงานได้ไม่เกิน ๒ ชั่วโมง | โดย: พี่ตูน /ลำพา [17 มี.ค. 51 20:13] ( IP A:83.88.130.42 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 28 สวัสดีค่ะ พี่อ้อย พี่เล็ก พี่ตูน พี่นก และ พี่ๆที่ไม่ใด้ออกนามทุกๆคนค่ะ เจ้าตัวเล็กหรือลิงน้อย ก็คงแข็งแรงดีค่ะ ดูจากแรงดิ้นนะคะ สงสัยกำลังซ้อมมวยไทยอยู่ ทั้งศอก ทั้งเข่า กระทุ้งซะเป็นว่าเล่นค่ะ ก็รู้สึกแปลกๆค่ะ เพราะยังไม่คุ้น บางทีนั่งอ่านหนังสืออยู่ก็เล่นถองจนเปิ้ลตกใจ กำลังเงียบๆนั่งอยู่คนเดียวไงค่ะ ปรกติก็จะดิ้นก่อนหน่อยๆให้รู้ตัวก่อนนี่จู่ๆก็เล่นศอกเลยค่ะ อิ อิ อิ พี่ตูนคะ รับรองว่าถ้าออกมาแล้ว คงมีรูปมาฝากพี่ๆทุกคนค่ะ อย่าเพิ่งรีบฝันร้ายกันก่อนนะคะ อิ อิ อิ เดี๋ยววันพรุ่งนี้ไปสแกนคงรู้ซะทีค่ะว่าผู้หญิงหรือว่าผู้ชาย แต่เห็นวัยรุ่นเด็กผู้หญิงฝรั่งที่นี่ ก็อยากตัดใจให้เป็นผู้ชายไปซะเลยค่ะ แต่ถ้าผู้ชายก็จะมีปัญหาอีกแบบนึง เฮ้อ เปิ้ลก็รอลุ้นอยู่ค่ะ พี่อ้อยคะ เปิ้ลไม่งงหรอกค่ะ คนเราก็ต้องมีบางสิ่งบางอย่างที่อาจจะเข้าใจผิดกันบ้าง ทะเลาะวันละนิดจิตแจ่มใส ทะเลาะมากไปน้ำหนักจะลดลง อุ้ย เกี่ยวกันใหมนี่ อย่างงี้ต้องมีชนแก้วค่ะ  พี่นกคะ งอนจนหายงอนแล้วค่ะ อิ อิ อิ ล้อเล่นค่ะ ขอบคุณเคล็ดไม่ลับดีๆจากพี่นกด้วยค่ะ//exclim พี่นกเก่งจังคลอดเองแบบธรรมชาติทั้งสองคนเลย มีรูปน้องเอามาโพสแบ่งให้เปิ้ลดูมั่งซิคะ อยากเห็นจังเลย ส่วนเรื่องข่าวก็พยายามลดๆลงบ้างแล้วค่ะ แต่บางทีไปเจอข่าวเกี่ยวกับเรื่องท้องๆ ก็อดที่จะอ่านไม่ใด้ค่ะ กลัวก็กลัวอยากรู้ก็อยากรู้ค่ะ พอใด้อ่านก็เลยเริ่มเข้าใจว่า กว่าที่พี่ๆทุกคนจะประสบความสำเร็จใด้ มันยากลำบากนัก งานรักษาคนไข้ก็หนักพอแล้ว ยังมีหลายๆปัญหาให้ต้องปวกหัวอีก ในฐานะที่เปิ้ลเป็นคนไทยคนนึง ก็รู้สึกภูมิใจกับพี่ๆคนไทยทุกคนค่ะ ทุกวันนี้ยังจำวันแรกๆที่มาอังกฤษใด้เลค่ะ เปิ้ลต้องไปโรงพบาลบ่อยมาก และใด้รู้จักพี่กุ้ง ครั้งแรกที่เจอพี่กุ้งก็ที่โรงพยาบาลเลยค่ะ พี่แกเดินเข้ามาหากับเครื่องแบบพยาบาลเต็มยศเลยค่ะ โอ้โห เปิ้ลงี้อึ้งเลยค่ะ เท่ห์มากๆอธิบายไม่ถูก ดีใจที่เห็นคนไทยเก่งๆน่าภูมิใจออกค่ะ ยังไงเปิ้ลก็ขอเป็นกำลังใจให้พี่ๆพยาบาลทุกคนนะคะ | โดย: แอ๊ปเปิ้ล [17 มี.ค. 51 20:26] ( IP A:86.146.91.67 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 29 ปล รูปคุณยายกินหมากของพี่อ้อย น่ารักจังเลยค่ะ ดูแล้วคิดถึงยายที่บ้านจัง | โดย: แอ๊ปเปิ้ล [17 มี.ค. 51 20:31] ( IP A:86.146.91.67 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 30 อิอิ น้องเปิ้ลจ๋า รูปสาวสองคนน่ะ ดูยังไงพี่ก็นึกถึงพี่ตูนกับพี่อ้อยอยู่ดี เหมาะมากๆเลย อีกยี่สิบปีข้างหน้า เขาก็คงนั่งจับเข่าคุยกันเหมือนนี่แหละจ้า คนใส่แว่นน่ะ พี่ตูนเขา คนไม่มีฟันน่ารักๆน่ะ เจ๊อ้อยเราเองอ่ะ | โดย: lek [17 มี.ค. 51 20:54] ( IP A:79.196.155.23 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 31 จริงเหรอคะพี่เล็ก ท่าทางคุยกันน่ารักดีค่ะ มีกระซิบกระซาบด้วย อิ อิ อิ ใส่คอกระเช้าสีม่วงเหมือนกันเลยค่ะ เอ หมากก็ตั้งเยอะจะกินหมดหรือเปล่าหนอ??? | โดย: แอ๊บเปิ้ล [18 มี.ค. 51 1:40] ( IP A:86.146.91.67 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 32 [ b> สรุป ทุกอย่างเคลียร์ ลงตัว จบลงด้วยความเข้าใจ ดีจัง เหมือนหนังไทย Happy Ending โล่งไปที ลุ้นตั้งนาน พอละนะ พี่ๆ ป้าๆ ไม่เอาเรื่องแบบนี้แล้วนะ มันปวดหมองเด็กๆจังเล้ย
รักกันไว้เถิด เราเกิดร่วมแดนไทย | โดย: หนูหน่อย [18 มี.ค. 51 22:38] ( IP A:118.173.224.228 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 33 สวัสดีค่ะ วันนี้เปิ้ลไปสแกนมา ปรากฎว่า little-ling เป็นผู้ชายค่ะ แถมโบกมือให้ด้วยนะคะ หมอที่สแกนก็หัวเราะใหญ่เลย หมอที่สแกนบอกว่าเด็กท้องใหญ่ อาจจะพุงใหญ่ค่ะ รบกวนถามพี่ๆใด้ใหมคะว่า พุงใหญ่ไม่ดีใช่ใหมคะ เปิ้ลถามหมอว่าต้องให้เปิ้ลตัดอาหารใหม เขาบอกว่าไม่ต้อง ก็เลยมีผลสแกนมาให้พี่ๆดูค่ะ เผื่อมีอะไรที่น่าเป็นห่วง Biparietal diameter BPD 53.6 mm Occipitofrontal diameter OFD 69.3 mm Head circumference HC 193.1 mm Transcerebellar diameter TCD 22.2 mm Cisterna Magna CM 4.6 mm Abdominal circumference AC 183.8 mm Femur Length FL 37.4 mm | โดย: แอ๊ปเปิ้ล [19 มี.ค. 51] ( IP A:86.146.91.67 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 34 พุงใหญ่ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ ของพี่ พุงใหญ่ตลอด เพราะไอ้หนูมันตะกละ อิๆตอนอายุครรภ์มากขึ้น บางทีลูกสะอึก ยังรู้สึกเลย ค่าที่หมอวัดมาพี่บอกไม่ได้ เพราะไม่ทราบอายุครรภ์แน่นอนของเปิ้ล คิดว่า คงปรกติ ไม่งั้นหมอจะบอกตรงๆนั้นแหละว่ามีอะไรผิดปรกติไหม เปิ้ล อย่าไปมัวเครียดว่าอะไรจะผิดปรกติ เหมือนระแวง เดี๋ยวฮอร์โมนเครียดจะทำภูมิต้่านทานแย่ลง
สมัยพี่ หมอบอกเด็กหัวเล็ก Biparietal diameter BPD และ Occipitofrontal diameter OFD ต่ำกว่าเกณฑ์ เขากลัวว่าเด็กจะพิการน่ะ พี่ก็เถียงหมอไปว่า เราเป็นเอเซียน นะ คำนังถึงหัวเราไว้ด้วย นังหนูมันอาจจะได้หัวแม่ มากกว่าหัวพ่อก็ได้ พี่ก็ใจไม่ดีนะ แต่มันท้องไป 6เดือนแล้ว อิๆ ทำอะไีรไม่ได้หรอก คิดว่า หัวลูกหากใหญ่ไป อุ้งเชิงกรานเราจะพินาศนะสิ
พอคลอดออกมาแล้ว หัวมันแหลม อิๆ ตอนนี้หัวมันแข็งนะเปิ้ล | โดย: เจ้าบ้าน [20 มี.ค. 51 23:22] ( IP A:79.196.238.16 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 35 ของเปิ้ล 5เดือนกับ2อาทิตย์ค่ะ เผลอแป๊บเดียวเอง เวลาช่างผ่านไปใวเหลือเกินค่ะ หัวเด็ก193mm พุงปาไป 183mm ห่างกันแค่10mm เปิ้ลว่าเผลอๆพุงจะใหญ่กว่าหัวอีกนะคะ จะว่าไปก็ไม่ค่อยบำรุงด้วยซ้ำค่ะ กินแค่ Iron ทุกวัน วันละเม็ด เอ หรือว่าทานส้มตำมากไป  | โดย: แอ๊ปเปิ้ล [21 มี.ค. 51 4:10] ( IP A:86.146.91.67 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 36 พี่ตูน -- มีแต่เค้าว่า "ช้าๆได้พร้าเล่มงาม" ไม่ใช่ "ช้าๆได้พระเล่มงาม" นะพี่ตูน อยู่เมืองนอกนานเกินไปใช่ปะ เลยเขียนไม่ค่อยจะถูก อิอิ ถือโอกาสขอแซวนิดส์นุง ห้ามงอนนะเจ๊คนสวย..
ส่วนเรื่องว่าใช้คำว่านักเรียนพยาบาลหรือนักศึกษาพยาบาลนั้น ก็จริงของพี่ตูนนะว่าต้องใช้คำว่านักศึกษา ตามคำว่า sygeplejestuderende เพราะเค้าเลิกใช้คำว่า sygeplejeelev ที่แปลว่า นักเรียนพยาบาลมาตั้งนานแล้ว แต่หนูชอบคำว่านักเรียนพยาบาลง่ะ เพราะมันฟังน่ารักดีจัง (แบบว่าอยากน่ารักกับเค้ามั่งน่ะ หุหุ)
น้องเปิ้ล -- ขอแสดงความยินดีด้วยค่ะกับลูกชายตัวน้อยๆในครรภ์ 
เรื่องคลอดเองตามธรรมชาตินั้น พี่ก็ไม่ทราบว่าเก่งหรือไม่เก่ง เพราะมันเป็นไปตามธรรมชาติจริงๆ ไม่ได้วางแผนก่อนล่วงหน้า ไม่ได้ใช้ยาบล็อคหลัง ไม่ได้ยาแก้ปวดอะไรทั้งสิ้น ตอนคลอดคนแรก นางพยาบาลให้ดมแก็ซหัวเราะ (lattergas) พี่ก็ดันเมาแก็ซ จนต้องบอกเขาว่าไม่เอาดีกว่า ตอนคลอดคนที่สอง อะไรๆมันเป็นไปอย่างกระทันหัน คลอดแบบไม่มีใครตั้งตัวกัน ก็เลยไม่ได้ยาช่วยแก้ปวด แต่อะไรๆก็เป็นไปได้ด้วยดีค่ะ
น้องเปิ้ลอย่าลดอาหารนะคะ แต่ก็อย่าทานเผื่อสองคนอย่างที่พี่เคยทำ อิอิ ปกติพี่ก็กินเก่งอยู่แล้ว ยิ่งตอนท้องนั้นพี่กินเก่งมากเป็นสามสี่เท่า โชคดีว่าลูกมันซน วิ่งจับลูกทุกวันจนน้ำหนักลด (ขอบคุณมากๆจ้ะลูกที่ทำให้แม่หุ่นเพรียวเปรียวลม) อิอิ 
เรื่องรูปลูกๆนั้น พี่ก็อยากโพสต์โชว์เหมือนกันแหละค่ะ แต่ขอตัวก่อนก็แล้วกัน ทั้งนี้เพราะว่ารำคาญผู้ชายโรคจิต + ปัญญาอ่อนที่ไร้มารยาทที่ชอบก็อบรูปของคนอื่นน่ะค่ะ เล่นอินเตอร์เน็ตนี่ต้องระวังค่ะน้อง เพราะคนโรคจิตแบบแปลกๆมันเยอะเหลือเกิน
พูดถึงหลานพุงใหญ่แล้วมาคิดถึงตอนพี่ท้อง ตอนไปอุลตร้าซาวนด์เคยถามหมอเหมือนกันว่าทำไมท้องลูกมันกลมจัง หมอเค้าก็บอกว่าเด็กในครรภ์จะฝึกระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่ายของตัวเองด้วยการกลืนน้ำคร่ำของแม่ หมอเค้าเลยสันนิษฐานว่าสงสัยลูกพี่มันจะขยันฝึก(หรือตะกละหว่า)ก็เลยกลืนน้ำคร่ำมากซะจนท้องงี้ป่องกลมไปเลย อิอิ | โดย: nokDK (nokDK ) [21 มี.ค. 51 19:40] ( IP A:80.199.178.246 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 37 แสดงว่าของเปิ้ลก็คงตะกละเหมือนกันนะคะ พี่นก พี่นกโชคดีจัง ยาแก้ปวดอะไรก็ไม่ใด้ใช้ หลังก็ไม่ใด้บล๊อค คลอดเองดีจังเลย สองคนก็น่าผอมอยู่นะคะพี่นก วิ่งจับกันหนุกแน่ๆ อิ อิ อิ | โดย: แอ๊ปเปิ้ล [21 มี.ค. 51 23:41] ( IP A:86.146.91.67 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 38 เออ ก็แก่แล้วหนอ ไหนจะหลงๆลืมๆ เรื่องการเขียน ชอบคุยกับพระอะไรทุกอย่างพระมาก่อน เพราะเป็นหลักให้ครองชีวิตได้อย่างมีคติ อย่างว่าขนาดเขียนให้พี่อ้อย ตาสว่าง ยังโดนเอะเลย แล้วใยพี่สาวคนนี้จะไม่หลงลืม และก็ใช้ภาษาไม่ถูกบ้าง ดีนะที่พี่อ้อยเขาไม่เอาขวานขว้างมาที่ จัทแลนด์ ดินแดนแห่งคนงามนะ อิอิ แหมพี่นกขาก็น้องไม่ได้เขียนภาษาไทยมาเกือบ ๒๐ ปีแล้วเนี่ยจริงๆนะคะ ไม่ได้คุยเพราะมีแต่โทรลูกเดียว เขียนได้ขนาดนี้ก็ถือว่าเก่งแล้วนะพี่ เรื่องพิมพิ์น่ะเมื่อก่อนนี้เก่งที่ไหน ถ้าพี่ใหญ่ไม่เขียนคำถามมา และให้เวลาตอบ แหมกว่าจะหาแป้นเจอ เพราะตัวอักษรมันเยอะเกิน จำไม่ได้ ได้พี่ใหญ่นี่แหละที่ บังคับ ให้พี่เขียนทางอ้อม แหมกว่าจะพิมพิ์ได้แต่ละตัว มันช่างทรมานเหลือเกิน สมน้ำหน้าอยากให้เขียนดีนัก เป็นไงอ่านตาแฉะเลยใช่ไหม ถามมาอีกนะพี่ใหญ่เดี๋ยวเขียนให้อ่านจนเข็ดไปเลยล่ะ
เดียวนี้พี่พิมพิ์ เก่งแล้ว อยากขอบคุณทุกๆคนที่บังคับกันทางอ้อมน่ะ อย่างน้อย ถ้าไม่ได้พยาบาลพลัดถิ่น พี่ก็คงงมเข็มอยู่ใต้ทะเลลึกอยู่อย่างนั้นแหละ
เออ เรื่องแก่เนี่ยพี่ก็ไม่ค่อยยอมเหมือนกันนะ เพราะอยากเป็นเด็กสาวเอาะ ๆกับเขาด้วย แต่เอพี่ว่านกน่าจะถามพี่อ้อยนะ ว่าวิธีรักษาความแก่น่ะเขาทำกันอย่างไร ก็ลองดูที่ยายสองคนข้างบน นั่นก็แล้วกัน พี่เล็กให้พี่ตูนเป็นยายคนที่ใส่แว่น และก็พี่อ้อยคนที่ผมหงอกและฟันหลุดน่ะ เออพี่โชคดีที่มียาย้อมผม แถมฟันยังไม่ร่วงด้วย อิอิ | โดย: พี่ตูน /ลำพา [21 มี.ค. 51 23:50] ( IP A:83.88.130.42 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 39 ตอนแรกก็งงๆว่าพี่ตูนเป็นไรหว่า ทำไมถึงมาเรียกนกว่าพี่ แต่พออ่านไปเรื่อยๆก็เห็นว่าพี่หยอกเล่นนั่นเอง อิอิ หยอกแบบนี้ไม่ค่อยดีนะพี่ นกยิ่งความจำเสื่อมๆอยู่ เดี๋ยวเกิดวันหนึ่งนกไปเผลอเรียกพี่ตูนว่าน้อง พี่ก็จะว่านกไม่มีสัมมาคารวะเอาน่ะสิ 
น้องเปิ้ล เวลาพี่อยู่บ้านพี่ก็วิ่งจับลูกๆ เวลาไปทำงานก็เดินๆวิ่งๆสกัดคนไข้โรคความจำเสื่อมที่จะหนีออกจากวอร์ด ออกกำลังแบบนี้ทุกวัน ไม่ผอมก็ให้มันรู้ไปดิ อิอิ | โดย: nokDK [22 มี.ค. 51] ( IP A:80.199.178.246 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 40 ก่อนอื่นขอแซวพี่ตูนหน่อยนะคะ ว่าพี่อ้อยปาขวานหาพี่ตูนไม่ใด้หรอกค่ะ อันนั้นมันเมขลากับรามสูรนะคะ อีกอย่างขวานน่าจะหายากหน่อยนะคะ จริงใหมเอ่ยพี่อ้อย??แซววันละนิดจิตแจ่มใส แซวมากไปก็กลัวจะโดนขวานเหมือนกันค่ะ พอพี่นกพูดเรื่องวิ่ง เปิ้ลก็นึกขึ้นใด้ ถ้าพี่กุ้งมาอ่านเจอ ก็รับรู้ใว้เลยนะคะว่าแอนดี้(แฟนเปิ้ลค่ะ)ที่บอกว่าจะไปวิ่งออกกำลังกายลดพุง จนป่านนี้ยังไม่ใด้ไปวิ่งซักวันเลยค่ะ ตุ้ยนุ้ยมีน้ำมีนวลขึ้นทุกวัน เพื่อนๆเขามาที่บ้านแซวกันใหญ่ว่า ตกลงใครท้องกันแน่ อิ อิ อิ สงสัยต้องรอให้ลูกออกมาโตเหมือนพี่นกนะคะ จะใด้ช่วยกันวิ่งจับ ลดพุงลงหน่อย มิน่าล่ะคุณแม่ทั้งหลานถึงมีแต่คนหุ่นดีๆ อิ อิ อิ | โดย: แอ๊ปเปิ้ล [22 มี.ค. 51 3:39] ( IP A:86.146.91.67 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 41 น้องแอ้ปเปิ้ลคะ นานๆแวะเข้ามาอ่านทีค่ะ ขอเเสดงความยินดีและเอาใจช่วยให้ทุกอย่างราบรื่นนะคะ พี่ไม่มีลูก แต่ความที่อ่านหนังสือเยอะ พี่อยากให้น้องแอ๊ปเปิ้ลเปิดเพลงคลาสสิค และบทสวดมนต์ให้ลุกฟัง ถ้าถามว่าเพราะอะไร พี่อยากให้ไปหาซื้อหนังสือ น้ำประจุพลังบำบัดโรค ของฟูจิโมโต้(มีภาคภาษาอังกฤษขายด้วย) ภาคภาษาไทยโดย น.พ.บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล ขอเล่าย่อๆนะคะ ที่ศาสตราจารย์ชาวญี่ปุ่น ทำการทดลองว่าเปิดเสียงต่างๆ ให้น้ำในขวดฟัง คือแต่ละขวดตั้งแยกห้องกันไว้ แล้วเอาน้ำไปแช่แข็ง แล้วเอาผลึกน้ำไปถ่ายรูป ผลการทดลองน้ำที่ได้รับฟังเพลงคลาสสิค หรือเสียงสวดมนต์ จะมีผลึกสวยงาม เป็นรูปดาว หรือผลึกสวยเหมือนเพชร ส่วนน้ำที่ฟังเพลงกระโชกโอกฮาก และฟังแต่คำด่า คำหบาบ ถ่ายรูปออกมาผลึกน้ำเละเทะ (เสียดายที่เขาไม่ได้ทดลองกับเพลงลูกทุ่งไทย..อิ..อิ)แสดงว่าเสียงมีผลต่อน้ำ และร่างกายคนเรานั้นประกอบด้วยน้ำมากกว่า80เปอรืเซ็นต์ (อาจจำตัวเลขผิด)ดังนั้นเสียงดีๆจึงมีผลต่อจิตใจและร่างกาย แล้วยังมีการทดลองที่มีผลว่าเด้กที่ฟังเพลงคลาสสิคประจำ(ตั้งแต่ในท้องยิ่งดี) การพัฒนาทางสมองจะดี เรียนเก่ง ฉลาด เรื่องนี้ญาติพี่ก้พอมีประสบการณ์ยืนยันได้ค่ะ ส่วนเรื่องคนไข้ที่ตกเลือดตายนั้น พี่เองก็เคยผ่าตัดมดลุก(มีเนื้องอกก้อนโตในมดลูก) ที่เยอรมันทุกอย่างเรียบร้อยดี แต่หลังผ่าตัดประมาณ10 ชั่วโมง เกิดเลือดตกข้างใน พี่มีอาการปวดฉี่อย่างรุนแรง ทั้งๆที่สายสวนปัสสาวะคาอยู่ และมีจำนวนปัสสาวะไหลออกมามาก พยาบาลรีบเรียกหมอเวร ตอนนั้นเวลาตีสาม เจาะเลือดดูแล้วรีบส่งเข้าไปเปิดดูแผลในท้อง ปรากฏว่าที่เย็บไว้ มันปริ หรือหลุดไป มีเลือดออกข้างใน ต้องเย็บใหม่ พี่ได้รับเลือดสองถุง ทำให้พี่คิดว่าความผิดพลาดย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ หากรถเสีย เจอช่างไม่ดี แก้แล้วก้เสียอีก ก็ต้องซ่อมกันใหม่ หมอเองก็มีหลายประเภท เก่งมากน้อยต่างกัน ประสบการณ์ต่างกัน ต่างกันที่ว่างานซ่อมแซมของหมอ ทำกับคนไม่ใช่รถ ผลของความผิดพลาดคือชีวิตบางทีก้เป็นเหตุสุดวิสัย หรือไม่มีใครหาคำตอบได้ อย่างเช่นพี่ก็คิดว่าการผ่าตัดมดลูก ไม่เห็นจะมีอะไรน่ากลัว หรือว่าพี่อาเจียนรุนแรงหลังจากฟื้น อีกตัวอย่างหนึ่ง ตอนพี่อยู่เมืองไทย อยู่แผนกศัลย์ ก็มีคนไข้ผู้หญิงอายุยี่สิบปี มาเย็บ ปากและเพดานแหว่ง เสร็จแล้วออกมาจากห้องพักฟื้น อยู่ห้องธรรมดา ได้รับมอร์ฟีน แก้ปวด คนไข้หลับสนิทไป รุ่งเช้าพยาบาลมาเจอ ตัวเย็นไปแล้ว (ผลจากการมีก้อนเลือดไปอุดตันทางเดินหายใจ) จะโทษพยาบาลก้ไม่ได้ เพราะการขาดออกซิเจนเพียงไม่กี่นาทีนาทีก็หมดสติ ตายได้) พ่อของเด้กสาวคนนี้ เสียใจแทบช็อก ก็คงเช่นเดียวกับสามีของคนที่ตายรายนี้ ในกรณีนี้ พี่ว่าหมอประมาท ตรงที่น่าจะให้คนไข้นอนไอซียูทั้งคืน ต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิด แต่หากมาคิดแบบชาวพุทธ กรรมมาตัดรอนชีวิต หรือถึงเวลาหมดอายุขัย มีอีกตัวอย่าง เรื่องนี้น่าจะสามสิบปีมาแล้ว คนไข้ชายอายุประมาณหกสิบ มีเลือดออกในกระเพาะ จะต้องได้รับเลือด พอพยาบาลเอาเลือดมา คนไข้บอกว่าไม่ใช่กรุฟเลือดของเขา พยาบาลส่งไปที่ห้องแลบ ทางแลบยืนยันว่าถุกต้อง คนไข้พูดไม่ออก ยอมให้พยาบาลให้เลือด พอเกิดอาการ แน่น หน้าอก หายใจไม่ออก คนไข้ซึ่งเป็นคนปฏิบัติธรรม ก็สั่งเสียลูกหลานทันทีว่า ถ้าพ่อตาย อย่าฟ้อง อย่าเอาเรื่อง ให้อโหสิกรรม แล้วเขาก็ตาย เรื่องนี้แสดงว่าเขายอมรับกฏแห่งกรรม เมื่อไมนานมานี้ที่เยอรมัน ก็มีหมอ ผ่าตัดผิดพลาด คนไข้ต้องผ่าตัดไส้ติ่ง แต่ไปตัดเอาเส้นเลือดใหญ่ที่ส่งเลือดไปเลี้ยงขา หมอแก้ไขไม่ได้ สั่งเฮลิคอปเตอร์มารับ ให้ไปที่โรงพยาบาลที่มีหมอเก่งเรื่องต่อเส้นเลือด แต่เวลาไม่พอ ขาขาดเลือดและออกซิเจนไปนาน คนไข้ผู้หญิงวัยรุ่นจึงถูกตัดขาไป และก็มีอีกหลายตัวอย่าง ที่ไม่น่าเกิดขึ้นได้ เช่นคนไข้จะต้องผ่าตัดขา แต่ไม่รู้สับสนแบบไหน กลายเป็นผ่าตัดลำไส้ ให้ถ่ายอุจาระออกทางหน้าท้อง ตั้งแต่นั้นมา วันก่อนวันผ่าตัดเขาจะเอาปากกา มากาอวัยวะ ที่จะต้องผ่าตัด เพราะถ้ากาผิดที่คนไข้จะได้ท้วงทันที เพราะหากไม่ทำเช่นนี้ คนไข้สลบ ก็กลายเป็นหมูขึ้นเขียง ดังนั้นเราชาวพุทธ จึงต้องพิจารณา เรื่องเกิด แก่ เจ็บ ตาย ว่าเป็นธรรมดา เกิดขึ้นได้กับทุกคน เราจึงต้องตั้งอยู่ในความไม่ประมาท เข้าใจกฏไตรลักษณ์ เกิดขึ้น เปลี่ยนแปลง แล้วสิ้นสุด คือดับไป หากเกิดเรื่องนี้กับคนที่เรารัก เราก็จะพอมีสติ รับได้ ปลงได้ ขออวยพรให้น้องแอ๊ปเปิ้ลและลูก(รวมถึงครอบครัวด้วย) ปลอดภัยมีสุขภาพสมบูรณ์ค่ะ | โดย: พี่แก้ว [15 เม.ย. 51 23:23] ( IP A:87.179.77.66 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 42 สวัสดีค่ะ พี่แก้ว มาช้ายังดีกว่าไม่มาค่ะ อิ อิ อิ ใด้อ่านโพสพี่แก้วแล้วก็ปลงค่ะ หลายกรณีมากเลย คงอยู่ที่ดวงค่ะ แล้วก็เวรกรรม คิดอย่างนี้แล้วก็สะบายใจขึ้นมานิดนึงค่ะ ตอนนี้ก็กำลังคิดอยู่ว่าตอนเด็กๆดื้อสร้างวีรกรรมอะไรใว้กับแม่บ้าง เผลอแป๊บๆก็หกเดือนกว่าแล้วค่ะ เร็วจังเลย ตอนนี้ลิงน้อยก็ดิ้นใหญ่เลยค่ะ แสดงว่าแรงเยอะ วันนี้ก็เลยมีรูปสแกนมาฝากพี่ๆด้วยค่ะ รักษาสุขภาพด้วยนะคะ สวัสดีค่ะ
| โดย: แอ๊ปเปิ้ล [16 เม.ย. 51 2:31] ( IP A:86.160.26.5 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 43 น้องแอ๊ปเปิลคะ เห็นลูกตนเองครั้งแรก คงน่าตื่นเต้นดีนะ พี่เขียนผิดนิดหนึ่งค่ะ มาอ่านทวนจึงเจอ คือการตายของคนตามหลักชาวพุทธมีสองแบบคือชรา แล้วแก่ตายไป หรือเกิดโรคตอนแก่ แล้วตาย เรียกว่าหมดอายุขัย แต่หากตายแบบอายุน้อย เรียกว่าหมดบุญ หรือกรรมเก่าที่หนักมาตามทัน ทำให้หมดบุญ เช่นอุบัติเหตุ พี่อ่านแล้วจำมาได้แค่นี้ หวังว่าคงจำไม่ผิด | โดย: พี่แก้ว [16 เม.ย. 51 4:04] ( IP A:87.179.77.66 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 44 ตอนที่รู้รู้ว่าท้องก็ยังไม่ตื่นเต้นค่ะ อาจจะยังไม่แน่ใจ แต่พอไปสแกนใด้เห็นตัวเขานอนอยู่ในท้องเราก็ตื่นเต้นค่ะ พี่แก้ว คงเพราะรอมานานด้วยค่ะ ปล่อยมาหลายปี แต่ก็ไม่มีวี่แววเลย ยิ่งตอนนี้ดิ้นเก่งด้วยค่ะ รู้สึกแปลกๆยังไงก็ไม่รู้ เหมือนมีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในท้องเลยค่ะ ยิ่งตอนเขาดันท้องเห็นผิวหนังขึ้นลง ซ้ายทีขวาที ก็แปลกไปอีกแบบค่ะ | โดย: แอ๊ปเปิ้ล [19 เม.ย. 51 1:13] ( IP A:86.160.26.5 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 45 สวัสดีค่ะ แอบมาอ่านกระทู้ด้วยความสนใจ ขอแสดงความยินดีกับเจ้าของกระทู้ด้วยนะคะกับเจ้าตัวเล็ก ขอให้แข็งแรงทุกๆวันเลย แอบเก็บความรู้จากหลายๆท่านที่มาตอบ พี่ตูน พี่อ้อย ที่มีประสบการณ์มาเล่า รู้สึกดีใจที่มีคนคิดและรู้สึกเหมือนกัน เป็นพยาบาลที่เมืองไทยค่ะ อยู่ICU มาตั้งแต่จบ 7-8 ปีแล้ว รุ้สึกว่าพยาบาลลำบากเหลือเกิน ช่างสารพัดประโยชนนัก ทำงานหนักมาก บางทีทำหมดทุกอย่างเลย แพทย์มาทันอย่างเดียว เซนต์ใบตาย เบื่อเหลือเกินกับการ รคส. เมื่อไหร่ แพทย์ที่เข้าเวรจะมาเฝ้าคนไข้วิกฤตช่วยนะ ทุกวันนี่ก็พยายายยกระดับมาตรฐานโรงพยาบาลกัน จะได้รับรองคุณภาพ ก็พยาบาลอีกนั่นแหละ เป็นตัวขับเคลื่อน หัวแถวคิดๆ แล้วก็พาทำ ลองแล้วลองอีก เหนื่อยและหลายครั้งที่เบื่อและท้อ เมื่อไหร่จะผ่านนะ งานที่ทำก็หนัก คนไข้หนัก 100 กิโล ทั้งยก ทั้งเปลี่ยนเตียง พลิกตัวทุกชั่วโมง อ้าว เดี๋ยวก็ขึ้นปั้ม ปวดหลังทุกวัน บ่นๆตามประสาคนเข้าเวรเยอะค่ะ อัตรากำลังน้อย อย่าเบื่อนะคะ ขอเป็นกำลังใจให้พยาบาลทุกคนทั้งเมืองไทยเองและท่านที่อยู่ไกลบ้านนะคะ//idae | โดย: k.titanium.hotmail.com [22 เม.ย. 51 23:52] ( IP A:61.7.132.59 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 46 ขอบคุณคุณ k.titanium มากค่ะ แต่ว่าอย่าเพิ่งท้อนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ ถ้าพยาบาลท้อ คนที่ลำบากคงเป็นคนไข้ เจ็บไข้ใด้ป่วยก็ใด้แต่พึ่งพาหมอกับพยาบาล ลำบากสุดก็คงเป็นพยาบาล เห็นด้วยนะคะว่าเป็นอาชีพที่ลำบากและใช้ความอดทนมากทีเดียว ดูๆไปก็เหมือนปิดทองหลังพระ ท้อใด้แต่อย่าถอย ถ้าถอยก็ถอยมาตั้งหลักค่ะ จากนั้นก็สู้ต่อ เป็นกำลังใจให้นะคะ | โดย: แอ๊ปเปิ้ล [23 เม.ย. 51 2:21] ( IP A:86.153.103.189 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 47 JSP Pharmaceutical Manufactory Co.,Ltd. We are manufacturing of Pharmaceutical and Food supplement product. We are leading distribution of diagnostic screening test kit for drug, as Methamphetamine , THC (tetrahydrocanabeniod) , marijuana / morphine / heroine , ectasy. We have strip and casset (card) that apply with urine. ASSAY PROCEDURE Allow test strip and urine sample to equilibrate to room temperature 20-30 C before testing. 1. Remove the required number of test strip from foil pouch bring the test to room temperature before opening the pouch. Use strip as soon as possible bit within 1 hour after removal from pouch special if the room temperature is more thamn30 C and in high humidity environment. 2. Immerse the test strip in the urine sample with printed sample end pointing toward the urine. Be sure the sample level is below the marked sample line on test strip. 3. Wait for purple-pink colored lines to appear. The test should be read at 5 minutes. Do not interpret results after 10 minutes. Contact : manager janevit 089-163-5905 ,Sale supervisor 081-254-5765 , Tel 026835324 , fax 026835312 Email jsp.pharma@hotmail.com , https://www.jsppharma.com | โดย: jsp.pharma@hotmail.com [12 พ.ย. 51 20:46] ( IP A:58.136.78.65 X: ) |  |
|