สรุปการสอบเข้ามหาวิทยาลัยแนวใหม่
|
ความคิดเห็นที่ 1 ปี 53 นี้ การสอบ GAT/PAT คงเดิมตามที่ประกาศไปทุกอย่าง โดยหลักการนี้จะใช้ในปี 53-55 แต่หลังจากปี 54 ไปแล้ว อาจจะมีปรับในรายละเอียดพวก % ต่างๆ แต่หลักการยังคงเดิม สิ่งที่จะปรับได้แก่ - %ของ GPAX อาจจะลดลงเหลือ 10% (ปัจจุบัน 20%) และอาจจะเพิ่ม PAT เป็น 60% เพราะเป็นข้อสอบกลาง มีมาตรฐาน ไม่เหมือน GPAX ที่แต่ละโรงเรียนต้องยอมรับว่ามาตรฐานต่างกัน - PAT2 จะแยกเป็น 2.1, 2.2 และ 2.3 (แยกฟิสิกส์, เคมี, ชีวะ) ออกจากกัน เพราะตอนนี้ นร.ที่ไปเรียนต่อสายวิทย์มีปัญหา เข้าเรียนสายวิทย์ได้เพราะได้คะแนนสังคม/ภาษาไทยช่วย พอเข้าไปเรียนปี 1 แล้วมีปัญหาวิชาทางด้านวิทย์ และการแยกวิชาวิทย์ออกเป็น 3 วิชานั้น จะมีการเสนอ ทปอ. ให้แยกตั้งแต่ ONET เลย
| โดย: Ting [6 ก.ค. 52 22:44] ( IP A:124.121.221.213 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 2 -ขณะนี้มีการศึกษาว่า การที่เปิดโอกาสให้นร.สอบเก็บคะแนน GAT/PAT ตั้งแต่ ม. 5 เร็วไปไหม และจำเป็นหรือไม่ที่จะต้องรีบสอบ และคะแนนจากการสอบในม. 5 ได้นำมาใช้หรือไม่ ซึ่งที่ผ่านมา ทำให้ครูบางโรงเรียนเร่งสอนนร.ให้รู้เท่ากับม. 6 ทำให้พื้นฐานไม่แน่น ทำให้นร.ที่อยากได้คะแนนดีๆ ต้องไปเสียเงินกวดวิชา ... ผิดวัตถุประสงค์ของกระทรวงศึกษา ที่ต้องการเน้นให้นร.สนใจการเรียนในห้องเรียนมากกว่ามุ่งเน้นไปกวดวิชา - มีบางสถาบันเปิดสอนภาษาต่างประเทศอื่นๆ ด้วย อาจจะเพิ่ม PAT 7 (เช่น ปัจจุบัน เตรียมฯ มีสอนภาษาสเปน แต่ยังไม่มีสอบ PAT ภาษาสเปน) - เนื้อหาวิชา GAT เน้นการคิด วิเคราะห์ ดังนั้นการเรียนการสอนในโรงเรียนครูควรจะเน้นให้เด็กได้คิดและวิเคราะห์ได้ เพราะเป็นพื้นฐานสำคัญเนื่องจากระบบการสอบเข้ามหาวิทยาลัยปัจจุบัน ไม่ได้เน้นความเก่งอย่างเดียว แต่ต้องการคนเก่งที่คิด วิเคราะห์ได้ดี และในอนาคตอาจจะต้องเพิ่มความมีคุณธรรมจริยธรรมเข้าไปด้วย - การที่มหาวิทยาลัยหันมาเพิ่มจำนวนการรับตรงมากขึ้น จะมีการคุยกันว่า หากจะรับตรงก็ต้องอยู่บนพื้นฐานข้อสอบเดียวกัน โดยการรับตรงควรจะเพิ่มคุณสมบัติพิเศษอื่นเข้ามา ไม่ใช่รับตรงแล้วปรับสัดส่วนของ % น้ำหนักคะแนนส่วนต่างๆ ทำให้มองว่า มหาวิทยาลัยรับตรงเพื่อหนีระบบ admission ทั้งนี้ คุณสมบัติพิเศษของนร. ที่จะนำมาพิจารณา เช่น portfolio ของนร., คุณธรรมจริยธรรมของนักเรียน, ความสามารถพิเศษด้านกีฬา ฯลฯ - จะมีการพิจารณาว่า นร.ที่สละสิทธิ์ admission ไปแล้ว จะเรียกผู้สอบได้ลำดับถัดไปมาพิจารณา เพื่อให้มีผู้เรียนเต็มจำนวนที่รับได้ (ปัจจุบันหากนร.สละสิทธิ์ ที่นั่งเรียนก็จะหายไป)- ควรเพิ่มบทบาทการแนะแนวให้กับครูในโรงเรียน ไม่เฉพาะแต่ครูแนะแนว แต่ครูทุกคนควรจะแนะแนวให้กับนร.ของตนได้ หากครูมีความรู้ลึก รู้จริง ก็จะแนะแนวเด็กเป็นรายบุคคลได้ดี การแนะนำสิ่งที่จะเรียนต่อให้กับเด็ก ควรเน้นสิ่งที่เด็กถนัด และสนใจ ไม่ใช่เน้นความเป็นคณะยอดนิยม รายละเอียดของการสมัครเรียนแพทย์ ทางกสพท. จะประกาศได้ประมาณ 15 กค. นี้ นร.ที่สนใจสมัครเรียน สามารถติดตามข้อมูลได้จากเว็บของ กสพท. | โดย: Ting [6 ก.ค. 52 22:45] ( IP A:124.121.221.213 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 3 ถ้าจะขอบคุณในเนื้อหา ต้องปรบมือให้คุณแม่ "BABYMOM" ครับ | โดย: Ting [6 ก.ค. 52 22:46] ( IP A:124.121.221.213 X: ) |  |
|