รบกวนพี่น้องที่ใช้ peofec b spec 2 ครับผม
   ตอนนี้ผมได้ลองต่อปรับบูสไฟฟ้าเอง โดยที่โซลินอยด้าน COM ผมเอาสายไปเสีบเข้ากับ เวสเกตกระป๋อง ส่วนด้าน NO เอาไปเสียบกับท่อทางเดินอากาศด้านโข่งหน้าเทอร์โบว์ ไม่ทราบว่าผมทำถูกแล้วหรือยังครับ
อีกเรื่องครับ รถผม sr20 s14 ฝาดำหลังหักเดิมๆ อยากจะปรับบูสที่ Hi ไว้ซัก 0.8 , Lo ที่ 0.5 ผมจะต้อง set ค่าต่างๆ อย่างไรบ้างครับ ขอคร่าวๆ ก็ได้ครับว่าต้องปรับที่ gain หรือ set อะไรบ้าง เคยหาอ่านมาบ้างแล้ว แต่ยัง งง งง กับการปรับครับ
ขอบคุณครับ
โดย: kim-sx200 [20 มิ.ย. 53 19:19] ( IP A:125.24.221.172 X: )
Add to Facebook  Add to Twitter  Add to Multiply  Add to Google  Add to Blogger  Add to Live
ความคิดเห็นที่ 1
   หาก๊อปมาอีกทีลองดูครับ

SET หมายถึง boost pressure ที่ต้องการ แต่แทนที่จะตั้งเป็น bar
หรือ psi แบบทั่วๆ ไป สำหรับของ Greddy Profec B spec II
จะใช้การตั้ง % ของ solenoid valve คือ จาก 0% น้อยสุด ไปจนถึง
100% สูงสุด คือ valve ปิดตลอด จะไม่มีลมไปยก wastegate เลย คือ
turbo ทำลมได้เท่าไหร่ก็เท่านั้นล่ะ
ซึ่งการปรับตั้งในลักษณะนี้จะต้องอาศัยการทดลองค่าไปเรื่อยๆ
คือค่อยๆ ปรับ % ไป แล้วลองขับแบบเหยียบมิดเลย อย่าลองมาก
เดี๋ยวพังไม่รู้ด้วย เพราะถ้าบูสต์ไหล คือมันจะไปเลยนะ ก็ดูปรับ
% ที่จะให้แรงบูสต์ที่ต้องการตลอดช่วง rpm ที่ต้องการ

ซึ่ง SET นี้จะต้องตั้งแบบ conservative คือค่อยๆ เพิ่มไป
ค่านี้ถ้าเยอะก็จะได้บูสต์เยอะ ซึ่งเขาแนะนำว่าเริ่มซัก 25%
ก็พอไหว แค่นี้ก็เยอะพอแล้ว อย่างที่บอกครับ ค่อยๆ เพิ่มไป

ซึ่งค่า SET นี้ ก็จะมีผลกับการบูสต์ของ turbo
ซึ่งจะสัมพันธ์กับค่า GAIN ที่จะกล่าวถึงต่อไปด้วยครับ

GAIN หมายถึง ค่าที่ใช้ปรับตั้งเพื่อให้ได้ความสม่ำเสมอของแรงดัน
ผู้ผลิตเขาบอกว่าให้เริ่มต้นไว้ที่ 0 นั่นแหละดีแล้ว
แล้วพอตอนเอารถไปวิ่งทดสอบแบบเหยียบมิด

ถ้าขณะทดสอบ ถ้าสังเกตุว่าบูสต์มาเต็ม แล้วลดลงในขณะที่รอบสูง
ก็ให้ปรับ gain ขึ้น ทีละนิดหน่อย เช่นอาจเริ่มต้นที่ 5%
แล้วค่อย fine tune อีกทีละ 1% ไปเรื่อยๆ

ซึ่งการปรับตั้งค่า GAIN นี้ จะมีผลทำให้แรงบูสต์สูงขึ้น
ถึงแม้ว่าค่า SET จะอยู่ที่เดิมก็ตาม เพราะฉะนั้นในตอนเริ่มต้น
ควรปรับตั้ง GAIN ไว้ที่ 0 เสมอ

START BOOST ( หรือที่แสดงว่า SET GAIN บนหน้าปัด ) คือ
ค่าต่ำสุดที่จะให้ปรับบูสต์เริ่มทำงาน
สำหรับการใช้งานปกติแนะนำว่าให้ปรับให้ไกล้เคียงกับค่าแรงดันที่ตั้งไว้ใน
SET ซึ่งจะมีผลให้บูสต์มาเร็วขึ้น เช่นกรณีที่ตั้ง SET
ไว้เพื่อให้ได้บูสต์คงที่ที่ 0.80 bar อาจจะตั้ง SET GAIN ไว้ที่
0.70 bar เป็นต้น

หมายเหตุ : การตั้ง SET GAIN ใกล้กับแรงดันที่ SET
มากเกินไปจะทำให้เกิดอาการ boost spike คือบูสต์จะเกินที่ตั้งไว้
เล็กน้อย แล้วถอยกลับลงมา ซึ่งบางคนชอบ บางคนก็ไม่ชอบ
เพราะอาจทำให้กำลังรถควบคุมยาก หรืออาจถึงกับพังได้
ถ้าเล่นกันที่บูสต์สูงๆ rpm สูงๆ

ซึ่งคุณสามารถ fine-tune ค่า SET GAIN ให้ใกล้กับค่า SET
ให้มากที่สุด โดยไม่เกิด boost spike จะทำให้ได้การตอบสนองของ
turbo ที่ดีมาก ซึ่งเขาแนะนำว่าค่าที่ว่านี้
ควรตั้งใกล้กันไม่เกิน 4 psi ( 0.3 bar ? )

WARNING คือการกำหนดค่าแรงดันสูงสุดที่คุณจะใช้งาน
โดยสามารถกำหนดเป็นค่าตัวเลขแรงดันได้เลย เหมือนกับตอนตั้ง SET
GAIN

ซึ่งเมื่อแรงดัน turbo สูงถึงค่าที่กำหนดไว้ จะทำให้ LIMITER
ทำงาน โดยการส่งสัญญาณเตือน และทำการลดบูสต์ลงโดยอัตโนมัติ
ตามค่า % ของการลดค่าที่ปรับตั้งได้

โดยปกติแล้ว WARNING จะ set ให้อยู่เกินค่าแรงดัน Hi Boost
ไปเพียงเล็กน้อย เพื่อช่วยป้องกันเครื่องยนต์

LIMITER คือ boost percentage ที่ตัวปรับบูสต์จะใช้เมื่อเกิด
WARNING
ซึ่งสามารถตั้งเป็นค่าเดียวกับ SET คือไม่ลดเลย เตือนอย่างเดียว
หรือให้ลดไปจนถึง 0% คือ ปิดการทำงานของวาล์วปรับบูสต์ไปเลยก็ได้
ซึ่งแนะนำว่าให้ลดลงซัก 5% - 10% กำลังสวย รถจะวิ่งไม่ตื้อมาก

PEAK คือแรงดันสูงสุดที่ปรับบูสต์บันทึกไว้ จนกว่าจะลบทิ้ง

การลบค่าทำได้โดยขั้นตอนต่อไปนี้
- กำหนดให้แสดง peak boost
- กดลูกบิด แช่ไว้ จนมีเสียง ”ตี๊ด”
- หน้าปัดจะแสดง “---“

LAST BOOST
แสดงค่าแรงดันสุดท้ายที่เกิดขึ้นเมื่อคุณถอนคันเร่งเกิน 3 วินาที
แนะนำว่าให้เปิด function นี้ไว้เสมอ
เพราะเป็นเครื่องมือที่ช่วยวิเคราะห์การทำงานของรถคุณได้ดี

โปรดระลึกเสมอ ว่าการเลือกให้แสดงค่าเป็น kPa จริงๆ
แล้วมันไม่ใช่ kPa ที่แท้จริง แต่เป็นค่า bars ซึ่ง Greddy
มักจะติดเครื่องหมาย x 100 kPa ไว้บนหน้าปัด ซึ่ง 100 kPa
จะแสดงว่าเป็น 1.0 x 100 kPa ซึ่งถ้าคุณเลือกให้แสดงค่าเป็น psi
คราวนี้จะงงหนักเลย psi x 10 จะแสดงเป็น 190 ไปกันใหญ่แล้วนั่น

และเมื่อคุณจ่ายไฟให้กับ Profec B Spec II เป็นครั้งแรก ค่า
WARNING จะอยู่ที่ 14.5 psi ( 100kPa หรือ 1.0 bar ) เสมอ
ซึ่งข้อมูลนี้จะไม่มีแสดงอยู่ใน manual นะ

อุณหภูมิของอากาศก็มีผลกับการทำงานของ Profec B Spec II นะครับ
ซึ่งพออากาศเปลี่ยน เขาก็เลยแนะนำว่า ทำ Lo ตอนอากาศเย็น แล้วทำ
Hi ตอนอากาศร้อน ก็จะดีนะ เพราะคุณจะได้ไม่ไส่บูสต์ที่มากเกินไป
แล้วเดี๋ยวเครื่องมันจะไม่ทน

สำหรับแรงดันบูสต์ที่จะเกิดขึ้นในแต่ละเกียร์อาจจะแตกต่างกัน
ทำให้การปรับตั้งดูจะซับซ้อนหน่อย แนะนำว่าให้ทดสอบแรงดัน
และอาการของ turbo ในเกียร์ที่สูงหน่อยก็ดี
จะได้ไม่มีปัญหาบูสต์เกินในภายหลัง
ซึ่งอันนี้ก็เป็นปัญหาเดียวกันกับปรับบูสต์ electronics ทั่วๆ ไป

เขาว่า วิธีการปรับตั้งที่น่าจะชดเชยปัญหาเหล่านี้ได้
ให้ทำแบบนี้ครับ

1. ปรับค่าให้ใช้งานได้โดยปลอดภัยที่สุด โดยที่ยังไม่มีปัญหากับ
LIMITER ก็คือทดสอบ และปรับกันในเกียร์สุดท้าย ( 5 หรือ 6
สำหรับผู้โชคดีบางคน )

2. ให้ปรับค่า “Lo” และ “Hi” ให้สามารถใช้งานได้ดีในทุกๆ เกียร์
ซึ่งการทดสอบอาจกระทำได้โดยการกด “Hi”
ระหว่างที่คุณกำลังเปลี่ยนขึ้นเกียร์ 3
หรือเมื่อใดก็ตามที่คุณต้องการใช้งาน “Hi” เพราะเหตุนี้ Greddy
ถึงออกแบบ controller ที่สามารถติดตั้งบนพวงมาลัยได้เลย
เพื่อความสะดวกในการปรับ Lo-Hi

สรุปขั้นตอนที่ต้องทำตามลำดับ เพื่อให้ใช้งานได้ครบทุก function
แบบแจ๋วๆ เลย

1. ถ้าต้องการเปลี่ยนค่าให้แสดงเป็น psi ให้ทำซะ
ดูในคู่มือของคุณเอาแล้วกัน ว่าทำไง

2. ตั้งค่า WARNING ที่ต้องการซะ เอาให้ปลอดภัยกับเครื่องคุณนะ
ปกติแล้วเกิน Hi ซัก 0.1 ก็พอแล้ว

3. ตั้งค่า START BOOST ( SET GAIN ) ไปที่แรงดันที่ต้องการ
ปกติแล้วน้อยกว่า Lo ซัก 0.1 ก็พอแล้ว

4. ล้างค่า PEAK BOOST ดูวิธีด้านบนเอา

5. ปรับ LAST BOOST เป็น ON ซะด้วย

6. ปรับ GAIN เป็น 0

7. ปรับ SET ไป 25% หรือต่ำๆ หน่อยก็ปลอดภัยดีนะ

8. ปรับ LIMITER ไปที่ค่า SET ลบ 5% ( โดยอาจกำหนดค่าเป็น 20%
ถ้าใช้ค่าตัวอย่างในข้อ 7 )

9. ทดสอบการเหี่ยวลงของบูสต์ที่รอบสูง โดยคุณสามารถทำในถนนโล่งๆ
ไม่มีรถรอบข้าง และที่สำคัญต้องไม่มีตำรวจด้วย
ดีที่สุดเลยคือให้คนอื่นตั้งให้คุณ แล้วคุณขับอย่างเดียว
ใช้สมาธิให้เต็มที่ จะได้ไม่มีใครเจ็บตัวโดยไม่จำเป็น
ถ้าพบว่าไม่มีอาการบูสต์เหี่ยว ก็โชคดีไป
ข้ามไปขั้นตอนต่อไปได้เลย
แต่ถ้าพบว่ามีบูสต์ตกลงที่รอบเครื่องสูงๆ ก็ให้ลองปรับ gain
เพิ่มไปซัก 5% แล้วทดสอบใหม่ อย่าลืมว่าถ้าปรับ gain เพิ่มขึ้น
แรงบูสต์โดยรวมที่ได้ก็จะมากขึ้นด้วย
ซึ่งอาจทำให้คุณต้องย้อนไปปรับ SET ใหม่อีก
ปรับจนได้แรงดันที่นิ่งตามที่ต้องการ

10. เข้าไปรับค่า SET ขึ้นทีละ 2% แล้วดูปรับค่า WARNING และ
กำหนด LIMITER ที่เหมาะสมด้วย แล้วก็ทดสอบขับไปเรื่อยๆ
แล้วเพิ่มไปทีละ 2% ไปจนกว่าจะได้แรงดันที่ต้องการ

ระวังเครื่องพังนะครับ ไม่ใช่ว่าลองแต่จะให้บูสต์มาเร็ว
แรงดันเท่านั้นเท่านี้ และต้องนิ่งเป็นหิน
แต่ลืมสังเกตุไปว่าเครื่องทนได้แค่ไหน ความร้อนขึ้นหรือเปล่า
คลัตช์จะลื่นหรือยัง อย่างที่บอกมาในข้างต้นครับ ต้องมีคนขับ
และคนปรับตั้ง อย่าไปทำคนเดียว
เดี๋ยวพลาด…

11. เสร็จแล้วไปเพิ่ม START BOOST ( SET GAIN ) ทีละ 1 ไปเรื่อยๆ
จนเจออาการบูสต์เหวี่ยงเกินไปนิดนึง แล้วตกกลับมา
แปลว่านั่นล่ะมากเกินไปหน่อยแล้ว ก็ให้ถอยค่าลงนิดนึง
เอาจนได้บูสต์ที่มาเร็ว และนิ่งโดยไม่เหวี่ยงเกิน
คือได้ค่าที่ถูกต้องแล้ว

ทำเสร็จ 11 ขั้นตอนนี้แล้ว ที่เหลือก็แค่ fine-tune (
ปรับละเอียด ) แล้วครับ ก็ทำ 9-10-11 นี่ล่ะ
แต่คราวนี้ปรับค่าทีละ 1 พอ
ปรับจนพอใจแล้วก็ไม่ต้องไปยุ่งกับมันอีก เอาไว้เปลี่ยน turbo
แล้วค่อยมาว่ากันอีกทีครับ
โดย: del200 [23 มิ.ย. 53 2:37] ( IP A:202.176.102.9 X: )
ความคิดเห็นที่ 2
   ขอบคุณมากครับ ตอนี้ ปรับไปเป็น 0.8 ได้แล้วครับ sr หลังหัก เดิมๆ ^^
โดย: kim-sx200 [23 มิ.ย. 53 20:45] ( IP A:125.25.7.23 X: )

คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน