ซึ่งค่า SET นี้ ก็จะมีผลกับการบูสต์ของ turbo ซึ่งจะสัมพันธ์กับค่า GAIN ที่จะกล่าวถึงต่อไปด้วยครับ
GAIN หมายถึง ค่าที่ใช้ปรับตั้งเพื่อให้ได้ความสม่ำเสมอของแรงดัน ผู้ผลิตเขาบอกว่าให้เริ่มต้นไว้ที่ 0 นั่นแหละดีแล้ว แล้วพอตอนเอารถไปวิ่งทดสอบแบบเหยียบมิด
ถ้าขณะทดสอบ ถ้าสังเกตุว่าบูสต์มาเต็ม แล้วลดลงในขณะที่รอบสูง ก็ให้ปรับ gain ขึ้น ทีละนิดหน่อย เช่นอาจเริ่มต้นที่ 5% แล้วค่อย fine tune อีกทีละ 1% ไปเรื่อยๆ
ซึ่งการปรับตั้งค่า GAIN นี้ จะมีผลทำให้แรงบูสต์สูงขึ้น ถึงแม้ว่าค่า SET จะอยู่ที่เดิมก็ตาม เพราะฉะนั้นในตอนเริ่มต้น ควรปรับตั้ง GAIN ไว้ที่ 0 เสมอ
START BOOST ( หรือที่แสดงว่า SET GAIN บนหน้าปัด ) คือ ค่าต่ำสุดที่จะให้ปรับบูสต์เริ่มทำงาน สำหรับการใช้งานปกติแนะนำว่าให้ปรับให้ไกล้เคียงกับค่าแรงดันที่ตั้งไว้ใน SET ซึ่งจะมีผลให้บูสต์มาเร็วขึ้น เช่นกรณีที่ตั้ง SET ไว้เพื่อให้ได้บูสต์คงที่ที่ 0.80 bar อาจจะตั้ง SET GAIN ไว้ที่ 0.70 bar เป็นต้น
หมายเหตุ : การตั้ง SET GAIN ใกล้กับแรงดันที่ SET มากเกินไปจะทำให้เกิดอาการ boost spike คือบูสต์จะเกินที่ตั้งไว้ เล็กน้อย แล้วถอยกลับลงมา ซึ่งบางคนชอบ บางคนก็ไม่ชอบ เพราะอาจทำให้กำลังรถควบคุมยาก หรืออาจถึงกับพังได้ ถ้าเล่นกันที่บูสต์สูงๆ rpm สูงๆ
ซึ่งคุณสามารถ fine-tune ค่า SET GAIN ให้ใกล้กับค่า SET ให้มากที่สุด โดยไม่เกิด boost spike จะทำให้ได้การตอบสนองของ turbo ที่ดีมาก ซึ่งเขาแนะนำว่าค่าที่ว่านี้ ควรตั้งใกล้กันไม่เกิน 4 psi ( 0.3 bar ? )
WARNING คือการกำหนดค่าแรงดันสูงสุดที่คุณจะใช้งาน โดยสามารถกำหนดเป็นค่าตัวเลขแรงดันได้เลย เหมือนกับตอนตั้ง SET GAIN
LAST BOOST แสดงค่าแรงดันสุดท้ายที่เกิดขึ้นเมื่อคุณถอนคันเร่งเกิน 3 วินาที แนะนำว่าให้เปิด function นี้ไว้เสมอ เพราะเป็นเครื่องมือที่ช่วยวิเคราะห์การทำงานของรถคุณได้ดี
และเมื่อคุณจ่ายไฟให้กับ Profec B Spec II เป็นครั้งแรก ค่า WARNING จะอยู่ที่ 14.5 psi ( 100kPa หรือ 1.0 bar ) เสมอ ซึ่งข้อมูลนี้จะไม่มีแสดงอยู่ใน manual นะ
อุณหภูมิของอากาศก็มีผลกับการทำงานของ Profec B Spec II นะครับ ซึ่งพออากาศเปลี่ยน เขาก็เลยแนะนำว่า ทำ Lo ตอนอากาศเย็น แล้วทำ Hi ตอนอากาศร้อน ก็จะดีนะ เพราะคุณจะได้ไม่ไส่บูสต์ที่มากเกินไป แล้วเดี๋ยวเครื่องมันจะไม่ทน