อยากทราบรายระเอียด e85 convertion kit
|
ความคิดเห็นที่ 1 searhดูใน google ได้เลยครับ มีให้เลือกตามอัธยาศัยครับ | โดย: pong [19 พ.ค. 54 8:50] ( IP A:110.168.18.247 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 2 E85 Conversion Kit FFI สมองกลอัจฉริยะ ทางเลือกใหม่ของพลังงานยานยนต์ Thursday, 6 May, 2010 0:09 AM หลังจากที่ภาครัฐได้มีนโยบายส่งเสริมการใช้น้ำมันผสมเอธานอล ทำให้บริษัทรถยนต์ยักษ์ใหญ่มีการผลิตรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ออกสู่ตลาดในประเทศไทย ขณะเดียวกันได้มีการนำเข้าผลิตภัณฑ์ที่สามารถปรับแต่งเครื่องยนต์ เพื่อรองรับการใช้พลังงานดังกล่าวเช่นเดียวกัน ส่งผลทำให้คนไทยเริ่มหันมาให้ความสนใจ และใช้น้ำมันผสมเอธานอลเพิ่มมากขึ้น บริษัท แอ็ดว๊านซ์ ออโต พาร์ท แอนด์ เซอร์วิส จำกัด นำเข้าผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ล่าสุด สำหรับการปรับแต่งเครื่องยนต์ เพื่อรองรับน้ำมันผสมเอธานอล ในชื่อว่า FFI Ethanol Conversion Kits จากประเทศอเมริกา และในโอกาสนี้ ทางผู้บริหารระดับสูงจากประเทศอเมริกา Mr. Alex Conger CEO บริษัท Fuel Flex International ได้ให้ความรู้ด้านเทคนิคของผลิตภัณฑ์ FFI
เริ่มจากความเป็นมาของสารเอธานอล หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า เอธิลแอลกอฮอลล์ ซึ่งเป็นแอลกอฮอลล์ชนิดไม่มีพิษ คนส่วนใหญ่รู้จักกันดี เพราะใช้ผสมในเครื่องดื่ม พวกสุรา เบียร์ และของมึนเมาต่างๆ มนุษย์เรารู้จักทำแอลกอฮอลล์มาตั้งแต่สมัยโบราณจากการหมักน้ำตาล ต่อมาได้พัฒนาขั้นตอนการผลิต และสามารถทำเอธานอลจากพืชชนิดต่างๆ เช่น อ้อย ข้าวโพด มันสัมปะหลัง และอื่นๆ
นอกจากใช้ผสมในเครื่องดื่มแล้ว เอธานอลสามารถนำไปใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อาหาร เครื่องสำอาง ยา และใช้เอธานอลเป็นเชื้อเพลิงในจรวด (Rocket) ระยะไกล สำหรับยิงต่อสู้ในสงครามโลกครั้งที่สอง นอกจากนี้ ยังใช้เป็นพลังงานเชื้อเพลิงสำหรับยานยนต์ โดยรถยนต์รุ่นแรกๆ ที่ผลิตออกสู่ตลาดโลก คือ Ford Model T จากนั้นจึงมีการเปลี่ยนมาใช้น้ำมันเบนซิน ในรุ่นต่อๆ มา
ประเทศแรกที่ทำการผลิต และใช้เอธานอลผสมกับน้ำมันเบนซิน ได้แก่ ประเทศบราซิล โดยได้นำเอา เอธานอล ผสมกับ น้ำมันเบนซิน ในสัดส่วน 10% เรียกว่า E10, 20% - E20, 30% - E30, 85% - E85 และ 100% นับเป็นประเทศแรกที่คิดค้น และดัดแปลงรถยนต์ ให้สามารถใช้น้ำมันผสมเอธานอลมาตลอดระยะเวลากว่า 20 ปี จากนั้นจึงแพร่หลายในประเทศอเมริกา และประเทศอื่นๆ Mr. Alex Conger จากบริษัท Fuel Flex International เอธานอล 85 (E85) สำหรับน้ำมัน เอธานอล 85 (E85) เป็นน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีส่วนผสมของเอธานอล 85% และน้ำมันเบนซิน 15% นับเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงทางเลือกใหม่ ที่เริ่มใช้ในประเทศบราซิล และอเมริกา จนเป็นที่แพร่หลายทั่วโลกทั้งในยุโรปและอื่นๆ โดยเฉพาะประเทศที่มีเกษตรกรรมเป็นหลัก
ทั้งนี้ เนื่องจากน้ำมันผสมเอธานอลมีประโยชน์ต่างๆ มากมาย อาทิ ช่วยทำให้ลดก๊าซพิษ ที่ออกจากรถยนต์, ลดภาวะโลกร้อน, ช่วยเศรษฐกิจชาติ ไม่ต้องนำเข้าน้ำมันเบนซิน และเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร
และเนื่องจากเอธานอลมีส่วนผสมของออกซิเจนมากกว่าน้ำมันเชื้อเพลิงชนิดอื่นๆ ทำให้ไอเสียสะอาดกว่าเชื้อเพลิงอื่นๆ เช่นกัน ช่วยลด หมอกควัน หรือสภาวะที่เรียกว่า Smog ทำให้อากาศสะอาดขึ้น นอกจากนี้ เอธานอลยังช่วยลดอาการ ภาวะเรือนกระจก (Green House Effect) ที่ทำให้โลกร้อน เพราะ E85 ช่วยให้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ลดลงถึง 39-46% เมื่อเทียบกับน้ำมันเบนซิน
จากการที่น้ำมัน E85 มีเอธานอลเป็นส่วนผสมเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นสารที่ไม่เป็นพิษ ละลายน้ำได้ ทำให้ E85 เป็นเชื้อเพลิงที่สะอาด ช่วยทำให้อากาศรอบตัวน่าอยู่เพิ่มมากยิ่งขึ้น
การเปรียบเทียบคุณสมบัติของน้ำมันเอธานอลกับน้ำมันเบนซิน การระเหย : มีอัตราการระเหยใกล้เคียงกับน้ำมันเบนซิน การละลาย-รวมตัว : น้ำมันเชื้อเพลิงเอธานอลสามารถผสมกับน้ำได้ดี แต่ตัวเอธานอล 100% จะแยกตัวจากน้ำ พลังงานที่ได้ : ในปริมาตรที่เท่ากัน น้ำมันเอธานอลจะให้พลังงานน้อยกว่าน้ำมันเบนซิน ค่าโดยเฉลี่ย : น้ำมัน E85 1 แกลอน (4.7 ลิตร) จะเท่ากับขนาดพลังงานที่ได้จากน้ำมันเบนซินที่ปริมาณ 0.75 แกลอน เปลวไฟ : เปลวไฟของ E85 จะจางกว่าน้ำมันเบนซิน แต่สามารถมองเห็นตอนกลางวัน ความถ่วงจำเพาะ (ถ.พ) : น้ำมันเอธานอล E85 มากกว่าน้ำมันเบนซิน ตัวนำไฟฟ้า : น้ำมันเอธานอล E85 เป็นตัวนำไฟฟ้า ส่วนเบนซินเป็นฉนวนไฟฟ้า กำลังเครื่องยนต์ : การใช้น้ำมัน E85 เอธานอล ช่วยให้เครื่องยนต์มีกำลังเพิ่มที่ประมาณ 3-5% อัตราส่วนผสมระหว่างอากาศ-เชื้อเพลิง : เบนซิน 14.7 : 1 อัตราส่วนผสมระหว่างอากาศ-เชื้อเพลิง : E 85 10 : 1 น้ำมัน E85 ใช้ปริมาตรน้ำมันเชื้อเพลิงมากกว่าเบนซินระหว่าง 10 25% ออกเทน Rating (R0N) : เบนซิน 91 - 95 ค่าต้านทานการน็อค : E 85 100 ขึ้นไปของเครื่องยนต์ | โดย: pong [19 พ.ค. 54 9:05] ( IP A:110.168.18.247 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 3 E85 Conversion Kit FFI สมองกลอัจฉริยะ ทางเลือกใหม่ของพลังงานยานยนต์ Thursday, 6 May, 2010 0:09 AM หลังจากที่ภาครัฐได้มีนโยบายส่งเสริมการใช้น้ำมันผสมเอธานอล ทำให้บริษัทรถยนต์ยักษ์ใหญ่มีการผลิตรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ออกสู่ตลาดในประเทศไทย ขณะเดียวกันได้มีการนำเข้าผลิตภัณฑ์ที่สามารถปรับแต่งเครื่องยนต์ เพื่อรองรับการใช้พลังงานดังกล่าวเช่นเดียวกัน ส่งผลทำให้คนไทยเริ่มหันมาให้ความสนใจ และใช้น้ำมันผสมเอธานอลเพิ่มมากขึ้น บริษัท แอ็ดว๊านซ์ ออโต พาร์ท แอนด์ เซอร์วิส จำกัด นำเข้าผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ล่าสุด สำหรับการปรับแต่งเครื่องยนต์ เพื่อรองรับน้ำมันผสมเอธานอล ในชื่อว่า FFI Ethanol Conversion Kits จากประเทศอเมริกา และในโอกาสนี้ ทางผู้บริหารระดับสูงจากประเทศอเมริกา Mr. Alex Conger CEO บริษัท Fuel Flex International ได้ให้ความรู้ด้านเทคนิคของผลิตภัณฑ์ FFI
เริ่มจากความเป็นมาของสารเอธานอล หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า เอธิลแอลกอฮอลล์ ซึ่งเป็นแอลกอฮอลล์ชนิดไม่มีพิษ คนส่วนใหญ่รู้จักกันดี เพราะใช้ผสมในเครื่องดื่ม พวกสุรา เบียร์ และของมึนเมาต่างๆ มนุษย์เรารู้จักทำแอลกอฮอลล์มาตั้งแต่สมัยโบราณจากการหมักน้ำตาล ต่อมาได้พัฒนาขั้นตอนการผลิต และสามารถทำเอธานอลจากพืชชนิดต่างๆ เช่น อ้อย ข้าวโพด มันสัมปะหลัง และอื่นๆ
นอกจากใช้ผสมในเครื่องดื่มแล้ว เอธานอลสามารถนำไปใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อาหาร เครื่องสำอาง ยา และใช้เอธานอลเป็นเชื้อเพลิงในจรวด (Rocket) ระยะไกล สำหรับยิงต่อสู้ในสงครามโลกครั้งที่สอง นอกจากนี้ ยังใช้เป็นพลังงานเชื้อเพลิงสำหรับยานยนต์ โดยรถยนต์รุ่นแรกๆ ที่ผลิตออกสู่ตลาดโลก คือ Ford Model T จากนั้นจึงมีการเปลี่ยนมาใช้น้ำมันเบนซิน ในรุ่นต่อๆ มา
ประเทศแรกที่ทำการผลิต และใช้เอธานอลผสมกับน้ำมันเบนซิน ได้แก่ ประเทศบราซิล โดยได้นำเอา เอธานอล ผสมกับ น้ำมันเบนซิน ในสัดส่วน 10% เรียกว่า E10, 20% - E20, 30% - E30, 85% - E85 และ 100% นับเป็นประเทศแรกที่คิดค้น และดัดแปลงรถยนต์ ให้สามารถใช้น้ำมันผสมเอธานอลมาตลอดระยะเวลากว่า 20 ปี จากนั้นจึงแพร่หลายในประเทศอเมริกา และประเทศอื่นๆ Mr. Alex Conger จากบริษัท Fuel Flex International เอธานอล 85 (E85) สำหรับน้ำมัน เอธานอล 85 (E85) เป็นน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีส่วนผสมของเอธานอล 85% และน้ำมันเบนซิน 15% นับเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงทางเลือกใหม่ ที่เริ่มใช้ในประเทศบราซิล และอเมริกา จนเป็นที่แพร่หลายทั่วโลกทั้งในยุโรปและอื่นๆ โดยเฉพาะประเทศที่มีเกษตรกรรมเป็นหลัก
ทั้งนี้ เนื่องจากน้ำมันผสมเอธานอลมีประโยชน์ต่างๆ มากมาย อาทิ ช่วยทำให้ลดก๊าซพิษ ที่ออกจากรถยนต์, ลดภาวะโลกร้อน, ช่วยเศรษฐกิจชาติ ไม่ต้องนำเข้าน้ำมันเบนซิน และเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร
และเนื่องจากเอธานอลมีส่วนผสมของออกซิเจนมากกว่าน้ำมันเชื้อเพลิงชนิดอื่นๆ ทำให้ไอเสียสะอาดกว่าเชื้อเพลิงอื่นๆ เช่นกัน ช่วยลด หมอกควัน หรือสภาวะที่เรียกว่า Smog ทำให้อากาศสะอาดขึ้น นอกจากนี้ เอธานอลยังช่วยลดอาการ ภาวะเรือนกระจก (Green House Effect) ที่ทำให้โลกร้อน เพราะ E85 ช่วยให้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ลดลงถึง 39-46% เมื่อเทียบกับน้ำมันเบนซิน
จากการที่น้ำมัน E85 มีเอธานอลเป็นส่วนผสมเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นสารที่ไม่เป็นพิษ ละลายน้ำได้ ทำให้ E85 เป็นเชื้อเพลิงที่สะอาด ช่วยทำให้อากาศรอบตัวน่าอยู่เพิ่มมากยิ่งขึ้น
การเปรียบเทียบคุณสมบัติของน้ำมันเอธานอลกับน้ำมันเบนซิน การระเหย : มีอัตราการระเหยใกล้เคียงกับน้ำมันเบนซิน การละลาย-รวมตัว : น้ำมันเชื้อเพลิงเอธานอลสามารถผสมกับน้ำได้ดี แต่ตัวเอธานอล 100% จะแยกตัวจากน้ำ พลังงานที่ได้ : ในปริมาตรที่เท่ากัน น้ำมันเอธานอลจะให้พลังงานน้อยกว่าน้ำมันเบนซิน ค่าโดยเฉลี่ย : น้ำมัน E85 1 แกลอน (4.7 ลิตร) จะเท่ากับขนาดพลังงานที่ได้จากน้ำมันเบนซินที่ปริมาณ 0.75 แกลอน เปลวไฟ : เปลวไฟของ E85 จะจางกว่าน้ำมันเบนซิน แต่สามารถมองเห็นตอนกลางวัน ความถ่วงจำเพาะ (ถ.พ) : น้ำมันเอธานอล E85 มากกว่าน้ำมันเบนซิน ตัวนำไฟฟ้า : น้ำมันเอธานอล E85 เป็นตัวนำไฟฟ้า ส่วนเบนซินเป็นฉนวนไฟฟ้า กำลังเครื่องยนต์ : การใช้น้ำมัน E85 เอธานอล ช่วยให้เครื่องยนต์มีกำลังเพิ่มที่ประมาณ 3-5% อัตราส่วนผสมระหว่างอากาศ-เชื้อเพลิง : เบนซิน 14.7 : 1 อัตราส่วนผสมระหว่างอากาศ-เชื้อเพลิง : E 85 10 : 1 น้ำมัน E85 ใช้ปริมาตรน้ำมันเชื้อเพลิงมากกว่าเบนซินระหว่าง 10 25% ออกเทน Rating (R0N) : เบนซิน 91 - 95 ค่าต้านทานการน็อค : E 85 100 ขึ้นไปของเครื่องยนต์ การทำงานของ Conversion Kit FFI การใช้น้ำมันเอธานอลผสมกับน้ำมันเบนซินในอัตราส่วนจาก E10 10%, E20 20% และ E85 85% จำเป็นต้องมีการปรับระบบการจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง ให้เหมาะสมกับอัตราส่วนที่ผสมระหว่าง เอธานอลกับน้ำมัน ดังนั้น อุปกรณ์ E Conversion Kit FFI หรือสมองกลไฟฟ้า (ECU : Electronic Control Unit) ที่ใช้สัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ของสมองกลในรถยนต์ตัวเดิม แต่มีการปรับ-เพิ่ม การสั่งระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงให้สอดคล้องกับระบบจ่ายน้ำมันของเครื่องยนต์ หรืออีกนัยหนึ่ง คือ การเพิ่มวงจรอิเล็กทรอนิกส์ หรือ โปรแกรมสมองกล ECU เครื่องยนต์ ให้สามารถปรับส่วนผสมของระหว่างน้ำมันเชื้อเพลิงและอากาศ ทำให้รถยนต์ที่ติดตั้งอุปกรณ์ดังกล่าว มีความ สามารถในการใช้น้ำมันเบนซินปกติ น้ำมัน E10, E20 และ E85 หรือผสมกันได้โดยอัตโนมัติ
ความแตกต่างของอุปกรณ์ E85 Conversion Kit คือ วิธีและระบบการคำนวณ-สั่งงานการจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงที่แม่นยำ ความทนทาน การทำงานที่ยาวนานของอุปกรณ์ต่างๆ ซึ่งการติดตั้งอุปกรณ์ดังกล่าวจะติดตั้งระหว่างหัวฉีด และสมองกล ECU ของเครื่องยนต์เป็นส่วนใหญ่ ขณะที่บางชนิดจะมีสายสัญญาณพ่วงกับออกซิเจนเซ็นเซอร์ หรือมีเซ็นเซอร์ร่วมกับออกซิเจนเซ็นเซอร์ อาจต้องจูนเครื่องยนต์ หรือติดตั้งสวิทช์เพื่อปรับการใช้น้ำมัน E85 กับน้ำมันเบนซิน
FFI ติดตั้งสะดวกรวดเร็ว สำหรับอุปกรณ์ FFI นั้น จะติดตั้งระหว่างสมองกลเดิมและหัวฉีด ซึ่งเพียงพอในการคำนวณสั่งการ ใช้สัญญาณเป็นระบบ Digital ที่ทันสมัย รวดเร็ว ไม่มีการดัดแปลงเครื่องยนต์ หรือชิ้นส่วนอื่นๆ ที่ติดตั้งอุปกรณ์ดังกล่าว
รถยนต์ที่สามารถติดตั้งอุปกรณ์ดังกล่าวได้ทันที คือ รถยนต์ที่ใช้น้ำมัน E10 และ E20 โดยเพิ่มโปรแกรมในสมองกล เพื่อปรับส่วนผสมของน้ำมันเชื้อเพลิง ให้สอดคล้องกับคุณสมบัติของน้ำมัน E85, การตรวจสอบชิ้นส่วน และการทำงานของระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง อยู่ในสภาวะทำงานได้ปกติ
ส่วนรถยนต์ที่มีอายุไม่เกิน 15 ปี โดยประมาณ และเป็นเครื่องยนต์หัวฉีด ใช้น้ำมันไร้สารตะกั่ว ต้องมีการตรวจเช็คการทำงานของระบบต่างๆ อาทิ ระบบออกซิเจนเซนเซอร์ ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง ท่อยางน้ำมันเชื้อเพลิง ปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิง ถังน้ำมันเชื้อเพลิง หากเป็นถังเหล็กต้องมีสารเคลือบเทปล่อนกันสนิม เป็นต้น เมื่อตรวจเช็คระบบและชิ้นส่วนต่างๆ สามารถใช้กับน้ำมันเอธานอลได้ และอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน เมื่อติดตั้งอุปกรณ์ EEI E85 แล้ว รถยนต์คันดังกล่าวจะสามารถเติมน้ำมันเบนซินปกติ, E10, E20 และ E85 หรือผสมระหว่างน้ำมันเบนซินกับน้ำมันที่มีส่วนผสมของเอธานอลก็ได้ ซึ่งรถประเภทนี้ จะเรียกว่า FFV (Flexible Fuel Vehicle | โดย: pong [19 พ.ค. 54 9:06] ( IP A:110.168.18.247 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 4 E85 Conversion Kit FFI สมองกลอัจฉริยะ ทางเลือกใหม่ของพลังงานยานยนต์ Thursday, 6 May, 2010 0:09 AM หลังจากที่ภาครัฐได้มีนโยบายส่งเสริมการใช้น้ำมันผสมเอธานอล ทำให้บริษัทรถยนต์ยักษ์ใหญ่มีการผลิตรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ออกสู่ตลาดในประเทศไทย ขณะเดียวกันได้มีการนำเข้าผลิตภัณฑ์ที่สามารถปรับแต่งเครื่องยนต์ เพื่อรองรับการใช้พลังงานดังกล่าวเช่นเดียวกัน ส่งผลทำให้คนไทยเริ่มหันมาให้ความสนใจ และใช้น้ำมันผสมเอธานอลเพิ่มมากขึ้น บริษัท แอ็ดว๊านซ์ ออโต พาร์ท แอนด์ เซอร์วิส จำกัด นำเข้าผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ล่าสุด สำหรับการปรับแต่งเครื่องยนต์ เพื่อรองรับน้ำมันผสมเอธานอล ในชื่อว่า FFI Ethanol Conversion Kits จากประเทศอเมริกา และในโอกาสนี้ ทางผู้บริหารระดับสูงจากประเทศอเมริกา Mr. Alex Conger CEO บริษัท Fuel Flex International ได้ให้ความรู้ด้านเทคนิคของผลิตภัณฑ์ FFI
เริ่มจากความเป็นมาของสารเอธานอล หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า เอธิลแอลกอฮอลล์ ซึ่งเป็นแอลกอฮอลล์ชนิดไม่มีพิษ คนส่วนใหญ่รู้จักกันดี เพราะใช้ผสมในเครื่องดื่ม พวกสุรา เบียร์ และของมึนเมาต่างๆ มนุษย์เรารู้จักทำแอลกอฮอลล์มาตั้งแต่สมัยโบราณจากการหมักน้ำตาล ต่อมาได้พัฒนาขั้นตอนการผลิต และสามารถทำเอธานอลจากพืชชนิดต่างๆ เช่น อ้อย ข้าวโพด มันสัมปะหลัง และอื่นๆ
นอกจากใช้ผสมในเครื่องดื่มแล้ว เอธานอลสามารถนำไปใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อาหาร เครื่องสำอาง ยา และใช้เอธานอลเป็นเชื้อเพลิงในจรวด (Rocket) ระยะไกล สำหรับยิงต่อสู้ในสงครามโลกครั้งที่สอง นอกจากนี้ ยังใช้เป็นพลังงานเชื้อเพลิงสำหรับยานยนต์ โดยรถยนต์รุ่นแรกๆ ที่ผลิตออกสู่ตลาดโลก คือ Ford Model T จากนั้นจึงมีการเปลี่ยนมาใช้น้ำมันเบนซิน ในรุ่นต่อๆ มา
ประเทศแรกที่ทำการผลิต และใช้เอธานอลผสมกับน้ำมันเบนซิน ได้แก่ ประเทศบราซิล โดยได้นำเอา เอธานอล ผสมกับ น้ำมันเบนซิน ในสัดส่วน 10% เรียกว่า E10, 20% - E20, 30% - E30, 85% - E85 และ 100% นับเป็นประเทศแรกที่คิดค้น และดัดแปลงรถยนต์ ให้สามารถใช้น้ำมันผสมเอธานอลมาตลอดระยะเวลากว่า 20 ปี จากนั้นจึงแพร่หลายในประเทศอเมริกา และประเทศอื่นๆ Mr. Alex Conger จากบริษัท Fuel Flex International เอธานอล 85 (E85) สำหรับน้ำมัน เอธานอล 85 (E85) เป็นน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีส่วนผสมของเอธานอล 85% และน้ำมันเบนซิน 15% นับเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงทางเลือกใหม่ ที่เริ่มใช้ในประเทศบราซิล และอเมริกา จนเป็นที่แพร่หลายทั่วโลกทั้งในยุโรปและอื่นๆ โดยเฉพาะประเทศที่มีเกษตรกรรมเป็นหลัก
ทั้งนี้ เนื่องจากน้ำมันผสมเอธานอลมีประโยชน์ต่างๆ มากมาย อาทิ ช่วยทำให้ลดก๊าซพิษ ที่ออกจากรถยนต์, ลดภาวะโลกร้อน, ช่วยเศรษฐกิจชาติ ไม่ต้องนำเข้าน้ำมันเบนซิน และเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร
และเนื่องจากเอธานอลมีส่วนผสมของออกซิเจนมากกว่าน้ำมันเชื้อเพลิงชนิดอื่นๆ ทำให้ไอเสียสะอาดกว่าเชื้อเพลิงอื่นๆ เช่นกัน ช่วยลด หมอกควัน หรือสภาวะที่เรียกว่า Smog ทำให้อากาศสะอาดขึ้น นอกจากนี้ เอธานอลยังช่วยลดอาการ ภาวะเรือนกระจก (Green House Effect) ที่ทำให้โลกร้อน เพราะ E85 ช่วยให้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ลดลงถึง 39-46% เมื่อเทียบกับน้ำมันเบนซิน
จากการที่น้ำมัน E85 มีเอธานอลเป็นส่วนผสมเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นสารที่ไม่เป็นพิษ ละลายน้ำได้ ทำให้ E85 เป็นเชื้อเพลิงที่สะอาด ช่วยทำให้อากาศรอบตัวน่าอยู่เพิ่มมากยิ่งขึ้น
การเปรียบเทียบคุณสมบัติของน้ำมันเอธานอลกับน้ำมันเบนซิน การระเหย : มีอัตราการระเหยใกล้เคียงกับน้ำมันเบนซิน การละลาย-รวมตัว : น้ำมันเชื้อเพลิงเอธานอลสามารถผสมกับน้ำได้ดี แต่ตัวเอธานอล 100% จะแยกตัวจากน้ำ พลังงานที่ได้ : ในปริมาตรที่เท่ากัน น้ำมันเอธานอลจะให้พลังงานน้อยกว่าน้ำมันเบนซิน ค่าโดยเฉลี่ย : น้ำมัน E85 1 แกลอน (4.7 ลิตร) จะเท่ากับขนาดพลังงานที่ได้จากน้ำมันเบนซินที่ปริมาณ 0.75 แกลอน เปลวไฟ : เปลวไฟของ E85 จะจางกว่าน้ำมันเบนซิน แต่สามารถมองเห็นตอนกลางวัน ความถ่วงจำเพาะ (ถ.พ) : น้ำมันเอธานอล E85 มากกว่าน้ำมันเบนซิน ตัวนำไฟฟ้า : น้ำมันเอธานอล E85 เป็นตัวนำไฟฟ้า ส่วนเบนซินเป็นฉนวนไฟฟ้า กำลังเครื่องยนต์ : การใช้น้ำมัน E85 เอธานอล ช่วยให้เครื่องยนต์มีกำลังเพิ่มที่ประมาณ 3-5% อัตราส่วนผสมระหว่างอากาศ-เชื้อเพลิง : เบนซิน 14.7 : 1 อัตราส่วนผสมระหว่างอากาศ-เชื้อเพลิง : E 85 10 : 1 น้ำมัน E85 ใช้ปริมาตรน้ำมันเชื้อเพลิงมากกว่าเบนซินระหว่าง 10 25% ออกเทน Rating (R0N) : เบนซิน 91 - 95 ค่าต้านทานการน็อค : E 85 100 ขึ้นไปของเครื่องยนต์ การทำงานของ Conversion Kit FFI การใช้น้ำมันเอธานอลผสมกับน้ำมันเบนซินในอัตราส่วนจาก E10 10%, E20 20% และ E85 85% จำเป็นต้องมีการปรับระบบการจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง ให้เหมาะสมกับอัตราส่วนที่ผสมระหว่าง เอธานอลกับน้ำมัน ดังนั้น อุปกรณ์ E Conversion Kit FFI หรือสมองกลไฟฟ้า (ECU : Electronic Control Unit) ที่ใช้สัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ของสมองกลในรถยนต์ตัวเดิม แต่มีการปรับ-เพิ่ม การสั่งระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงให้สอดคล้องกับระบบจ่ายน้ำมันของเครื่องยนต์ หรืออีกนัยหนึ่ง คือ การเพิ่มวงจรอิเล็กทรอนิกส์ หรือ โปรแกรมสมองกล ECU เครื่องยนต์ ให้สามารถปรับส่วนผสมของระหว่างน้ำมันเชื้อเพลิงและอากาศ ทำให้รถยนต์ที่ติดตั้งอุปกรณ์ดังกล่าว มีความ สามารถในการใช้น้ำมันเบนซินปกติ น้ำมัน E10, E20 และ E85 หรือผสมกันได้โดยอัตโนมัติ
ความแตกต่างของอุปกรณ์ E85 Conversion Kit คือ วิธีและระบบการคำนวณ-สั่งงานการจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงที่แม่นยำ ความทนทาน การทำงานที่ยาวนานของอุปกรณ์ต่างๆ ซึ่งการติดตั้งอุปกรณ์ดังกล่าวจะติดตั้งระหว่างหัวฉีด และสมองกล ECU ของเครื่องยนต์เป็นส่วนใหญ่ ขณะที่บางชนิดจะมีสายสัญญาณพ่วงกับออกซิเจนเซ็นเซอร์ หรือมีเซ็นเซอร์ร่วมกับออกซิเจนเซ็นเซอร์ อาจต้องจูนเครื่องยนต์ หรือติดตั้งสวิทช์เพื่อปรับการใช้น้ำมัน E85 กับน้ำมันเบนซิน
FFI ติดตั้งสะดวกรวดเร็ว สำหรับอุปกรณ์ FFI นั้น จะติดตั้งระหว่างสมองกลเดิมและหัวฉีด ซึ่งเพียงพอในการคำนวณสั่งการ ใช้สัญญาณเป็นระบบ Digital ที่ทันสมัย รวดเร็ว ไม่มีการดัดแปลงเครื่องยนต์ หรือชิ้นส่วนอื่นๆ ที่ติดตั้งอุปกรณ์ดังกล่าว
รถยนต์ที่สามารถติดตั้งอุปกรณ์ดังกล่าวได้ทันที คือ รถยนต์ที่ใช้น้ำมัน E10 และ E20 โดยเพิ่มโปรแกรมในสมองกล เพื่อปรับส่วนผสมของน้ำมันเชื้อเพลิง ให้สอดคล้องกับคุณสมบัติของน้ำมัน E85, การตรวจสอบชิ้นส่วน และการทำงานของระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง อยู่ในสภาวะทำงานได้ปกติ
ส่วนรถยนต์ที่มีอายุไม่เกิน 15 ปี โดยประมาณ และเป็นเครื่องยนต์หัวฉีด ใช้น้ำมันไร้สารตะกั่ว ต้องมีการตรวจเช็คการทำงานของระบบต่างๆ อาทิ ระบบออกซิเจนเซนเซอร์ ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง ท่อยางน้ำมันเชื้อเพลิง ปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิง ถังน้ำมันเชื้อเพลิง หากเป็นถังเหล็กต้องมีสารเคลือบเทปล่อนกันสนิม เป็นต้น เมื่อตรวจเช็คระบบและชิ้นส่วนต่างๆ สามารถใช้กับน้ำมันเอธานอลได้ และอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน เมื่อติดตั้งอุปกรณ์ EEI E85 แล้ว รถยนต์คันดังกล่าวจะสามารถเติมน้ำมันเบนซินปกติ, E10, E20 และ E85 หรือผสมระหว่างน้ำมันเบนซินกับน้ำมันที่มีส่วนผสมของเอธานอลก็ได้ ซึ่งรถประเภทนี้ จะเรียกว่า FFV (Flexible Fuel Vehicle) ส่วนรถยนต์เก่าที่มีอายุประมาณ 15 ปีขึ้นไป หรือรถยนต์ที่มีชิ้นส่วนต่างๆ เป็นเทคโนโลยีเก่า เช่น ท่อน้ำมันเชื้อเพลิงทำจากยางธรรมชาติผสม ถังน้ำมันเชื้อเพลิงภายในเป็นสนิม ไม่มีสารเคลือบป้องกันสนิม ปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นชนิดไดอะแฟรม ควรต้องเปลี่ยนชิ้นส่วนดังกล่าวเสียก่อนจึงจะสามารถใช้น้ำมันเอธานอลได้
อย่างไรก็ตาม รถยนต์รุ่นใหม่ในปัจจุบัน จะไม่มีท่อยางน้ำมันเชื้อเพลิงที่เครื่องยนต์ หรือมีบางเล็กน้อย และส่วนใหญ่ทำจากวัสดุที่มีความคงทนต่อเอธานอล เพียงแต่ไม่ได้ปรับระบบการจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงให้ใช้เอธานอล E85 ได้ ดังนั้น เมื่อติดตั้ง ECU เสริม เพื่อปรับระบบการจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงกับ E85 ก็สามารถใช้ได้เช่นเดียวกัน
หากต้องการทราบรายละเอียดว่า รถยนต์รุ่นใดติดตั้งอุปกรณ์อัพเกรด E85 FFI ได้ ตรวจสอบได้ที่ WebSite Fuel Flex https://www.fuelflexinternational.com สำหรับในประเทศไทย ได้มีการติดตั้งใน Toyota รุ่น Altis, Vios, Camry, Fortuner (เบนซิน) 2.7, Yaris, Innova, Honda รุ่น Accord, Civic, Jazz, Mitsubishi รุ่น Space Wagon, Lancer ส่วน Nissan ได้ติดตั้งใน Cefiro ส่วนรถยุโรปมี Peugeot, Citroen, BMW, Audi, Benz, Gm (Captiva) Ford บางรุ่น
รถยนต์ที่ติดตั้งอุปกรณ์ FFI บางคัน และเติมน้ำมัน E85 มากกว่า 2 ปี และใช้งานมากกว่า 100,000 กม. ปรากฎว่า หลังจากที่ตรวจเช็คพบว่าเครื่องยนต์สะอาด ทำงานได้ดี และไม่พบว่าชิ้นส่วนมีปัญหาหรือได้รับผลกระทบจากการใช้น้ำมัน E85 แต่อย่างใด การรับรองมาตรฐาน E85 Conversion Kit : FFI E85 Conversion Kit : FFI ได้รับการรับรองมาตรฐานการติดตั้งกับรถยนต์ในประเทศ นอร์เวย์ ประเทศเยอรมัน จากหน่วยงานรัฐบาล และรับรองรถยนต์ในบางรุ่นของอเมริกา จาก EPA เนื่องจากการรับรองรถยนต์ในแต่ละรุ่นจะต้องใช้ระยะเวลาที่ยาวนานในการทดสอบ
ส่วนการทดลองในห้องแล็ป มีการทำการทดสอบกับชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้องกับระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง และระบบต่างๆ โดยสถาบันเทคโนโลยีพระเจ้าเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง พบว่าผลการทดสอบโดยรวม ที่มีผลกระทบต่อท่อน้ำมันเชื้อเพลิงในรถยนต์ญี่ปุ่น 2 รุ่น ส่งผลทำให้อายุท่อยางบางชิ้นส่วนเฉลี่ยสั้นลง ประมาณ 5-10% ซึ่งนับว่ามีผลกระทบน้อยมากเมื่อเทียบกับการใช้เชื้อเพลิงประเภท CNG และ LPG
ถ้ารถยนต์ในประเทศไทยหันมาใช้น้ำมัน E85 เพิ่มมากขึ้น จะช่วยเศรษฐกิจชาติได้อย่างมาก ทั้งประหยัดการน้ำเข้าน้ำมันเบนซิน ส่งเสริมเกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น ทั้งทำให้สภาพแวดล้อมรอบตัวเราสะอาดหมดจด และที่สำคัญ ช่วยลดสภาวะโลกร้อน ที่เป็นปัญหาอยู่ในปัจจุบัน R E L A T E D - N E W S : NEW PRODUCT : แอ๊ดวานซ์ ออโต้ พาร์ท สยายปีก ดึง FFI Ethanol Conversion Kits รุกตลาดน้ำมันทางเลือก
E85 Conversion Kit FFI สมองกลอัจฉริยะ ทางเลือกใหม่ของพลังงานยานยนต์ Thursday, 6 May, 2010 0:09 AM หลังจากที่ภาครัฐได้มีนโยบายส่งเสริมการใช้น้ำมันผสมเอธานอล ทำให้บริษัทรถยนต์ยักษ์ใหญ่มีการผลิตรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ออกสู่ตลาดในประเทศไทย ขณะเดียวกันได้มีการนำเข้าผลิตภัณฑ์ที่สามารถปรับแต่งเครื่องยนต์ เพื่อรองรับการใช้พลังงานดังกล่าวเช่นเดียวกัน ส่งผลทำให้คนไทยเริ่มหันมาให้ความสนใจ และใช้น้ำมันผสมเอธานอลเพิ่มมากขึ้น บริษัท แอ็ดว๊านซ์ ออโต พาร์ท แอนด์ เซอร์วิส จำกัด นำเข้าผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ล่าสุด สำหรับการปรับแต่งเครื่องยนต์ เพื่อรองรับน้ำมันผสมเอธานอล ในชื่อว่า FFI Ethanol Conversion Kits จากประเทศอเมริกา และในโอกาสนี้ ทางผู้บริหารระดับสูงจากประเทศอเมริกา Mr. Alex Conger CEO บริษัท Fuel Flex International ได้ให้ความรู้ด้านเทคนิคของผลิตภัณฑ์ FFI
เริ่มจากความเป็นมาของสารเอธานอล หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า เอธิลแอลกอฮอลล์ ซึ่งเป็นแอลกอฮอลล์ชนิดไม่มีพิษ คนส่วนใหญ่รู้จักกันดี เพราะใช้ผสมในเครื่องดื่ม พวกสุรา เบียร์ และของมึนเมาต่างๆ มนุษย์เรารู้จักทำแอลกอฮอลล์มาตั้งแต่สมัยโบราณจากการหมักน้ำตาล ต่อมาได้พัฒนาขั้นตอนการผลิต และสามารถทำเอธานอลจากพืชชนิดต่างๆ เช่น อ้อย ข้าวโพด มันสัมปะหลัง และอื่นๆ
นอกจากใช้ผสมในเครื่องดื่มแล้ว เอธานอลสามารถนำไปใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อาหาร เครื่องสำอาง ยา และใช้เอธานอลเป็นเชื้อเพลิงในจรวด (Rocket) ระยะไกล สำหรับยิงต่อสู้ในสงครามโลกครั้งที่สอง นอกจากนี้ ยังใช้เป็นพลังงานเชื้อเพลิงสำหรับยานยนต์ โดยรถยนต์รุ่นแรกๆ ที่ผลิตออกสู่ตลาดโลก คือ Ford Model T จากนั้นจึงมีการเปลี่ยนมาใช้น้ำมันเบนซิน ในรุ่นต่อๆ มา
ประเทศแรกที่ทำการผลิต และใช้เอธานอลผสมกับน้ำมันเบนซิน ได้แก่ ประเทศบราซิล โดยได้นำเอา เอธานอล ผสมกับ น้ำมันเบนซิน ในสัดส่วน 10% เรียกว่า E10, 20% - E20, 30% - E30, 85% - E85 และ 100% นับเป็นประเทศแรกที่คิดค้น และดัดแปลงรถยนต์ ให้สามารถใช้น้ำมันผสมเอธานอลมาตลอดระยะเวลากว่า 20 ปี จากนั้นจึงแพร่หลายในประเทศอเมริกา และประเทศอื่นๆ Mr. Alex Conger จากบริษัท Fuel Flex International เอธานอล 85 (E85) สำหรับน้ำมัน เอธานอล 85 (E85) เป็นน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีส่วนผสมของเอธานอล 85% และน้ำมันเบนซิน 15% นับเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงทางเลือกใหม่ ที่เริ่มใช้ในประเทศบราซิล และอเมริกา จนเป็นที่แพร่หลายทั่วโลกทั้งในยุโรปและอื่นๆ โดยเฉพาะประเทศที่มีเกษตรกรรมเป็นหลัก
ทั้งนี้ เนื่องจากน้ำมันผสมเอธานอลมีประโยชน์ต่างๆ มากมาย อาทิ ช่วยทำให้ลดก๊าซพิษ ที่ออกจากรถยนต์, ลดภาวะโลกร้อน, ช่วยเศรษฐกิจชาติ ไม่ต้องนำเข้าน้ำมันเบนซิน และเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร
และเนื่องจากเอธานอลมีส่วนผสมของออกซิเจนมากกว่าน้ำมันเชื้อเพลิงชนิดอื่นๆ ทำให้ไอเสียสะอาดกว่าเชื้อเพลิงอื่นๆ เช่นกัน ช่วยลด หมอกควัน หรือสภาวะที่เรียกว่า Smog ทำให้อากาศสะอาดขึ้น นอกจากนี้ เอธานอลยังช่วยลดอาการ ภาวะเรือนกระจก (Green House Effect) ที่ทำให้โลกร้อน เพราะ E85 ช่วยให้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ลดลงถึง 39-46% เมื่อเทียบกับน้ำมันเบนซิน
จากการที่น้ำมัน E85 มีเอธานอลเป็นส่วนผสมเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นสารที่ไม่เป็นพิษ ละลายน้ำได้ ทำให้ E85 เป็นเชื้อเพลิงที่สะอาด ช่วยทำให้อากาศรอบตัวน่าอยู่เพิ่มมากยิ่งขึ้น
การเปรียบเทียบคุณสมบัติของน้ำมันเอธานอลกับน้ำมันเบนซิน การระเหย : มีอัตราการระเหยใกล้เคียงกับน้ำมันเบนซิน การละลาย-รวมตัว : น้ำมันเชื้อเพลิงเอธานอลสามารถผสมกับน้ำได้ดี แต่ตัวเอธานอล 100% จะแยกตัวจากน้ำ พลังงานที่ได้ : ในปริมาตรที่เท่ากัน น้ำมันเอธานอลจะให้พลังงานน้อยกว่าน้ำมันเบนซิน ค่าโดยเฉลี่ย : น้ำมัน E85 1 แกลอน (4.7 ลิตร) จะเท่ากับขนาดพลังงานที่ได้จากน้ำมันเบนซินที่ปริมาณ 0.75 แกลอน เปลวไฟ : เปลวไฟของ E85 จะจางกว่าน้ำมันเบนซิน แต่สามารถมองเห็นตอนกลางวัน ความถ่วงจำเพาะ (ถ.พ) : น้ำมันเอธานอล E85 มากกว่าน้ำมันเบนซิน ตัวนำไฟฟ้า : น้ำมันเอธานอล E85 เป็นตัวนำไฟฟ้า ส่วนเบนซินเป็นฉนวนไฟฟ้า กำลังเครื่องยนต์ : การใช้น้ำมัน E85 เอธานอล ช่วยให้เครื่องยนต์มีกำลังเพิ่มที่ประมาณ 3-5% อัตราส่วนผสมระหว่างอากาศ-เชื้อเพลิง : เบนซิน 14.7 : 1 อัตราส่วนผสมระหว่างอากาศ-เชื้อเพลิง : E 85 10 : 1 น้ำมัน E85 ใช้ปริมาตรน้ำมันเชื้อเพลิงมากกว่าเบนซินระหว่าง 10 25% ออกเทน Rating (R0N) : เบนซิน 91 - 95 ค่าต้านทานการน็อค : E 85 100 ขึ้นไปของเครื่องยนต์ การทำงานของ Conversion Kit FFI การใช้น้ำมันเอธานอลผสมกับน้ำมันเบนซินในอัตราส่วนจาก E10 10%, E20 20% และ E85 85% จำเป็นต้องมีการปรับระบบการจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง ให้เหมาะสมกับอัตราส่วนที่ผสมระหว่าง เอธานอลกับน้ำมัน ดังนั้น อุปกรณ์ E Conversion Kit FFI หรือสมองกลไฟฟ้า (ECU : Electronic Control Unit) ที่ใช้สัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ของสมองกลในรถยนต์ตัวเดิม แต่มีการปรับ-เพิ่ม การสั่งระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงให้สอดคล้องกับระบบจ่ายน้ำมันของเครื่องยนต์ หรืออีกนัยหนึ่ง คือ การเพิ่มวงจรอิเล็กทรอนิกส์ หรือ โปรแกรมสมองกล ECU เครื่องยนต์ ให้สามารถปรับส่วนผสมของระหว่างน้ำมันเชื้อเพลิงและอากาศ ทำให้รถยนต์ที่ติดตั้งอุปกรณ์ดังกล่าว มีความ สามารถในการใช้น้ำมันเบนซินปกติ น้ำมัน E10, E20 และ E85 หรือผสมกันได้โดยอัตโนมัติ
ความแตกต่างของอุปกรณ์ E85 Conversion Kit คือ วิธีและระบบการคำนวณ-สั่งงานการจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงที่แม่นยำ ความทนทาน การทำงานที่ยาวนานของอุปกรณ์ต่างๆ ซึ่งการติดตั้งอุปกรณ์ดังกล่าวจะติดตั้งระหว่างหัวฉีด และสมองกล ECU ของเครื่องยนต์เป็นส่วนใหญ่ ขณะที่บางชนิดจะมีสายสัญญาณพ่วงกับออกซิเจนเซ็นเซอร์ หรือมีเซ็นเซอร์ร่วมกับออกซิเจนเซ็นเซอร์ อาจต้องจูนเครื่องยนต์ หรือติดตั้งสวิทช์เพื่อปรับการใช้น้ำมัน E85 กับน้ำมันเบนซิน
FFI ติดตั้งสะดวกรวดเร็ว สำหรับอุปกรณ์ FFI นั้น จะติดตั้งระหว่างสมองกลเดิมและหัวฉีด ซึ่งเพียงพอในการคำนวณสั่งการ ใช้สัญญาณเป็นระบบ Digital ที่ทันสมัย รวดเร็ว ไม่มีการดัดแปลงเครื่องยนต์ หรือชิ้นส่วนอื่นๆ ที่ติดตั้งอุปกรณ์ดังกล่าว
รถยนต์ที่สามารถติดตั้งอุปกรณ์ดังกล่าวได้ทันที คือ รถยนต์ที่ใช้น้ำมัน E10 และ E20 โดยเพิ่มโปรแกรมในสมองกล เพื่อปรับส่วนผสมของน้ำมันเชื้อเพลิง ให้สอดคล้องกับคุณสมบัติของน้ำมัน E85, การตรวจสอบชิ้นส่วน และการทำงานของระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง อยู่ในสภาวะทำงานได้ปกติ
ส่วนรถยนต์ที่มีอายุไม่เกิน 15 ปี โดยประมาณ และเป็นเครื่องยนต์หัวฉีด ใช้น้ำมันไร้สารตะกั่ว ต้องมีการตรวจเช็คการทำงานของระบบต่างๆ อาทิ ระบบออกซิเจนเซนเซอร์ ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง ท่อยางน้ำมันเชื้อเพลิง ปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิง ถังน้ำมันเชื้อเพลิง หากเป็นถังเหล็กต้องมีสารเคลือบเทปล่อนกันสนิม เป็นต้น เมื่อตรวจเช็คระบบและชิ้นส่วนต่างๆ สามารถใช้กับน้ำมันเอธานอลได้ และอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน เมื่อติดตั้งอุปกรณ์ EEI E85 แล้ว รถยนต์คันดังกล่าวจะสามารถเติมน้ำมันเบนซินปกติ, E10, E20 และ E85 หรือผสมระหว่างน้ำมันเบนซินกับน้ำมันที่มีส่วนผสมของเอธานอลก็ได้ ซึ่งรถประเภทนี้ จะเรียกว่า FFV (Flexible Fuel Vehicle) ส่วนรถยนต์เก่าที่มีอายุประมาณ 15 ปีขึ้นไป หรือรถยนต์ที่มีชิ้นส่วนต่างๆ เป็นเทคโนโลยีเก่า เช่น ท่อน้ำมันเชื้อเพลิงทำจากยางธรรมชาติผสม ถังน้ำมันเชื้อเพลิงภายในเป็นสนิม ไม่มีสารเคลือบป้องกันสนิม ปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นชนิดไดอะแฟรม ควรต้องเปลี่ยนชิ้นส่วนดังกล่าวเสียก่อนจึงจะสามารถใช้น้ำมันเอธานอลได้
อย่างไรก็ตาม รถยนต์รุ่นใหม่ในปัจจุบัน จะไม่มีท่อยางน้ำมันเชื้อเพลิงที่เครื่องยนต์ หรือมีบางเล็กน้อย และส่วนใหญ่ทำจากวัสดุที่มีความคงทนต่อเอธานอล เพียงแต่ไม่ได้ปรับระบบการจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงให้ใช้เอธานอล E85 ได้ ดังนั้น เมื่อติดตั้ง ECU เสริม เพื่อปรับระบบการจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงกับ E85 ก็สามารถใช้ได้เช่นเดียวกัน
หากต้องการทราบรายละเอียดว่า รถยนต์รุ่นใดติดตั้งอุปกรณ์อัพเกรด E85 FFI ได้ ตรวจสอบได้ที่ WebSite Fuel Flex https://www.fuelflexinternational.com สำหรับในประเทศไทย ได้มีการติดตั้งใน Toyota รุ่น Altis, Vios, Camry, Fortuner (เบนซิน) 2.7, Yaris, Innova, Honda รุ่น Accord, Civic, Jazz, Mitsubishi รุ่น Space Wagon, Lancer ส่วน Nissan ได้ติดตั้งใน Cefiro ส่วนรถยุโรปมี Peugeot, Citroen, BMW, Audi, Benz, Gm (Captiva) Ford บางรุ่น
รถยนต์ที่ติดตั้งอุปกรณ์ FFI บางคัน และเติมน้ำมัน E85 มากกว่า 2 ปี และใช้งานมากกว่า 100,000 กม. ปรากฎว่า หลังจากที่ตรวจเช็คพบว่าเครื่องยนต์สะอาด ทำงานได้ดี และไม่พบว่าชิ้นส่วนมีปัญหาหรือได้รับผลกระทบจากการใช้น้ำมัน E85 แต่อย่างใด การรับรองมาตรฐาน E85 Conversion Kit : FFI E85 Conversion Kit : FFI ได้รับการรับรองมาตรฐานการติดตั้งกับรถยนต์ในประเทศ นอร์เวย์ ประเทศเยอรมัน จากหน่วยงานรัฐบาล และรับรองรถยนต์ในบางรุ่นของอเมริกา จาก EPA เนื่องจากการรับรองรถยนต์ในแต่ละรุ่นจะต้องใช้ระยะเวลาที่ยาวนานในการทดสอบ
ส่วนการทดลองในห้องแล็ป มีการทำการทดสอบกับชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้องกับระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง และระบบต่างๆ โดยสถาบันเทคโนโลยีพระเจ้าเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง พบว่าผลการทดสอบโดยรวม ที่มีผลกระทบต่อท่อน้ำมันเชื้อเพลิงในรถยนต์ญี่ปุ่น 2 รุ่น ส่งผลทำให้อายุท่อยางบางชิ้นส่วนเฉลี่ยสั้นลง ประมาณ 5-10% ซึ่งนับว่ามีผลกระทบน้อยมากเมื่อเทียบกับการใช้เชื้อเพลิงประเภท CNG และ LPG
ถ้ารถยนต์ในประเทศไทยหันมาใช้น้ำมัน E85 เพิ่มมากขึ้น จะช่วยเศรษฐกิจชาติได้อย่างมาก ทั้งประหยัดการน้ำเข้าน้ำมันเบนซิน ส่งเสริมเกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น ทั้งทำให้สภาพแวดล้อมรอบตัวเราสะอาดหมดจด และที่สำคัญ ช่วยลดสภาวะโลกร้อน ที่เป็นปัญหาอยู่ในปัจจุบัน R E L A T E D - N E W S : NEW PRODUCT : แอ๊ดวานซ์ ออโต้ พาร์ท สยายปีก ดึง FFI Ethanol Conversion Kits รุกตลาดน้ำมันทางเลือก
ส่วนรถยนต์เก่าที่มีอายุประมาณ 15 ปีขึ้นไป หรือรถยนต์ที่มีชิ้นส่วนต่างๆ เป็นเทคโนโลยีเก่า เช่น ท่อน้ำมันเชื้อเพลิงทำจากยางธรรมชาติผสม ถังน้ำมันเชื้อเพลิงภายในเป็นสนิม ไม่มีสารเคลือบป้องกันสนิม ปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นชนิดไดอะแฟรม ควรต้องเปลี่ยนชิ้นส่วนดังกล่าวเสียก่อนจึงจะสามารถใช้น้ำมันเอธานอลได้
อย่างไรก็ตาม รถยนต์รุ่นใหม่ในปัจจุบัน จะไม่มีท่อยางน้ำมันเชื้อเพลิงที่เครื่องยนต์ หรือมีบางเล็กน้อย และส่วนใหญ่ทำจากวัสดุที่มีความคงทนต่อเอธานอล เพียงแต่ไม่ได้ปรับระบบการจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงให้ใช้เอธานอล E85 ได้ ดังนั้น เมื่อติดตั้ง ECU เสริม เพื่อปรับระบบการจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงกับ E85 ก็สามารถใช้ได้เช่นเดียวกัน
หากต้องการทราบรายละเอียดว่า รถยนต์รุ่นใดติดตั้งอุปกรณ์อัพเกรด E85 FFI ได้ ตรวจสอบได้ที่ WebSite Fuel Flex https://www.fuelflexinternational.com สำหรับในประเทศไทย ได้มีการติดตั้งใน Toyota รุ่น Altis, Vios, Camry, Fortuner (เบนซิน) 2.7, Yaris, Innova, Honda รุ่น Accord, Civic, Jazz, Mitsubishi รุ่น Space Wagon, Lancer ส่วน Nissan ได้ติดตั้งใน Cefiro ส่วนรถยุโรปมี Peugeot, Citroen, BMW, Audi, Benz, Gm (Captiva) Ford บางรุ่น
รถยนต์ที่ติดตั้งอุปกรณ์ FFI บางคัน และเติมน้ำมัน E85 มากกว่า 2 ปี และใช้งานมากกว่า 100,000 กม. ปรากฎว่า หลังจากที่ตรวจเช็คพบว่าเครื่องยนต์สะอาด ทำงานได้ดี และไม่พบว่าชิ้นส่วนมีปัญหาหรือได้รับผลกระทบจากการใช้น้ำมัน E85 แต่อย่างใด การรับรองมาตรฐาน E85 Conversion Kit : FFI E85 Conversion Kit : FFI ได้รับการรับรองมาตรฐานการติดตั้งกับรถยนต์ในประเทศ นอร์เวย์ ประเทศเยอรมัน จากหน่วยงานรัฐบาล และรับรองรถยนต์ในบางรุ่นของอเมริกา จาก EPA เนื่องจากการรับรองรถยนต์ในแต่ละรุ่นจะต้องใช้ระยะเวลาที่ยาวนานในการทดสอบ
ส่วนการทดลองในห้องแล็ป มีการทำการทดสอบกับชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้องกับระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง และระบบต่างๆ โดยสถาบันเทคโนโลยีพระเจ้าเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง พบว่าผลการทดสอบโดยรวม ที่มีผลกระทบต่อท่อน้ำมันเชื้อเพลิงในรถยนต์ญี่ปุ่น 2 รุ่น ส่งผลทำให้อายุท่อยางบางชิ้นส่วนเฉลี่ยสั้นลง ประมาณ 5-10% ซึ่งนับว่ามีผลกระทบน้อยมากเมื่อเทียบกับการใช้เชื้อเพลิงประเภท CNG และ LPG
ถ้ารถยนต์ในประเทศไทยหันมาใช้น้ำมัน E85 เพิ่มมากขึ้น จะช่วยเศรษฐกิจชาติได้อย่างมาก ทั้งประหยัดการน้ำเข้าน้ำมันเบนซิน ส่งเสริมเกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น ทั้งทำให้สภาพแวดล้อมรอบตัวเราสะอาดหมดจด และที่สำคัญ ช่วยลดสภาวะโลกร้อน ที่เป็นปัญหาอยู่ในปัจจุบัน
| โดย: pong [19 พ.ค. 54 9:08] ( IP A:110.168.18.247 X: ) |  |
|