การเลี้ยง Vriesea
   บทความอันนี้ ผมเกิดจากการลองผิดลองถูก และสังเกตุด้วยตนเอง
มุมมองจึงเป็นมาจากทางผมเองล้วนๆ ใครมีข้อสังเกตุ หรือเคล็ดลับดีๆ เรามาช่วยกัน “แบกบาล” (อ่านว่า แบ-กะ-บาน) กันนะครับ

“แบเอ๋ย...แบกบาล ให้บ้าน ให้เมือง ให้เฟื่อง ให้ฟู...”

ปัจจัยในการเลี้ยง Vriesea

๑ อากาศ
รีเซียเป็นไม้ที่ต้องการอากาศถ่ายเทค่อนข้างดี
จากที่ผมเคยเลี้ยงครั้งที่อยู่ในที่อากาศอับ เนื่องจากมีต้นมะม่วงใหญ่ พุ่มทึบขึ้นคลุม พบว่า รีเซียตายไปในระยะเวลาอันรวดเร็ว เมื่อเทียบกับเพื่อนบ้านที่พื้นที่โล่งซึ่งไม่มีปัญหาดังกล่าว
การปลูกในที่ที่อากาศถ่ายเทไม่ดี อาจพบว่ายอดเน่าง่าย หรือโคนใบถูกทำลายจากเชื้อแอนแทรคโนส อันมีอาการโคนใบแห้ง คล้ายกับรอยไหม้ ใบหักพับลงมา ทำให้ต้นไม้ฟอร์มเสีย ปัญหานี้อาจแก้ได้โดยใช้ยาฆ่าเชื้อรารดทุกๆ ๗ ถึง ๑๐ วัน
โดยส่วนตัวแล้ว ผมไม่อยากใช้สารเคมีในบ้านเท่าไรนัก เนื่องจากว่ากลัวพวกสัตว์ตัวเล็กตัวน้อย (กบ เขียด หอย ผีเสื้อ) จะได้รับผลกระทบ ผมจึงใช้ยาฆ่าเชื้อราที่เป็นแบบชีวภาพ ที่ผมใช้ ยี่ห้อลามิน่าร์ (Laminar) แบบง่ายๆ แค่ผสมน้ำราดทันที ไม่ได้หมักทิ้งเหมือนข้อแนะนำตามฉลากก็ใช้ได้ผลน่าพอใจอยู่ครับ (ปล. ไม่ได้รับค่าโฆษณา แต่มีผู้รู้บอกมาว่า เชื้อ Bacillus subtilis ที่มีหลายเจ้าวางขายในท้องตลาดทั้งหมด ยี่ห้อ ลามิน่าร์ เป็นสายพันธุ์ที่ออกฤทธิ์ได้ดีที่สุดครับ)

๒ เครื่องปลูก
รีเซียต้องการเครื่องปลูกที่โปร่ง ระบายน้ำดี ไม่มีน้ำขัง ที่ผมเคยบอกว่าใช้วัสดุดินเผา ก็ได้ผลดีอยู่ครับ
แต่จากหน้าฝนที่ผ่านมากนี้ ผมสังเกตุว่า ต้นที่ปลูกในกระถาง ๖ นิ้วทรงสูง ถึงแม้ไม่ได้วางหลบฝน ก็เน่าตายยากกว่าต้นที่ปลูกในกระถาง ๖ นิ้วทรงธรรมดา ผมจึงสังเกตุว่า ถึงแม้กระถางทรงสูงจะจุเครื่องปลูกมากกว่า แต่ระบายน้ำได้ดีกว่า เนื่องจากระยะห่างระหว่างโคนต้น กับก้นกระถางมีสูงกว่า จึงทำให้รากของรีเซีย ไม่เจอกับก้นกระถางซึ่งมักจะเป็นจุดที่แฉะที่สุดครับ (ผมวางกระถางกับพื้นครับ) และมากไปกว่านั้น กระถางสูงยังทำให้การระบายอากาศเป็นไปได้ดีกว่ากระถางเตี้ยด้วยครับ
อย่างไรก็ดี ข้อนี้อาจม่จำเป็นกับคนที่วางกระถางบนตะแกรงซึ่งอากาศถ่ายเทดี ทำให้ก้นกระถางไม่แฉะอยู่แล้วครับ

๓ แสงสว่าง
รีเซียต้องการแสงน้อยกว่าบรอมีเลียดส์ตัวอื่นๆ โดยปกติแล้ว ซาแรน ๕๐ เปอร์เซ็นต์อาจเหมาะสม แต่ถ้าในฤดูร้อนซึ่งแดดแรง แสงอาจจะมากเกินไปทำให้ใบไหม้ได้ จึงควรคอยจับตาดูตอนหน้าร้อนเป็นพิเศษ ผมเองตัดปัญหาตรงนี้โดยเลี้ยงไว้ในที่ที่มีแสงน้อยกว่า ๕๐ เปอร์เซ็นต์ครับ

๔ ปริมาณน้ำ
ควรรดน้ำให้เหมาะสม หากมากไป รีเซียจะเน่าง่าย โดยเฉพาะในหน้าฝน
ปกติแล้วผมจะรดน้ำให้ชุ่มโชกในการปลูกครั้งแรก ครั้งต่อๆไป ผมจะรดทุกๆ ๒ ถึง ๓ วัน โดยรดให้น้ำล้นออกจากกรวย ไหลลงไปที่เครื่องปลูกสัก ๑ ถึง ๒ วินาที ต่อต้น ก็เพียงพอครับ
การไม่รดน้ำเลยในหน้าฝนที่อากาศชื้น และไม้ได้ละอองน้ำอยู่แล้ว หากน้ำในกรวยเริ่มแห้งอาจทำให้ปลายใบที่เพิ่งงอกมาจากในกรวยไหม้ได้ครับ

๕ ปุ๋ย
รีเซียเป็นบรอมีเลียดส์ที่ชอบปุ๋ย และฟอร์มไม่เสีย สีไม่ซีดเมื่อได้รับปุ๋ย ผมมักใช้ปุ๋ยละลายช้าสูตร ๑๖ เสมอ และอาจเพิ่มปุ๋ยพ่นทางใบได้ด้วยครับ

๖ ความชื้นในอากาศ
เรื่องความชื้นในอากาศ ผมไม่กังวลเท่าไหร่นัก เพราะผมรู้สึกว่า จริงๆแล้วรีเซียไม่ได้ต้องการอากาศที่ชื้นอะไรมากมายขนาดพวกหม้อข้าวหม้อแกงลิง ผมมองว่าในบ้านพวกเรานักเลี้ยงต้นไม้ ก็มีต้นไม้อื่นบ้างอยู่แล้ว ซึ่งความชื้นแค่นั้นก็เพียงพอ ขอให้อากาศไม่แห้งและร้อนระอุเหมือนลมที่พัดกลางลานจอดรถคอนกรีตก็พอแล้วครับ (ผมว่าการถ่ายเทอากาศยังมีผลมากกว่า เรื่องความชื้นในอากาศเสียอีกครับ)

๗ อุณหภูมิ
รีเซียเป็นไม้ที่มาจากเขตอบอุ่น การเลี้ยงรีเซียในที่เย็น จึงมีผลมากในการพัฒนาสี ความแข็งแรง และอากาศที่เย็นตอนกลางคืนจะเป็นการกระตุ้นการออกดอกของรีเซียด้วย
การเลี้ยงรีเซียในเขตร้อนควรเลือกลูกผสมที่มีความทนทานต่ออากาศร้อน อย่างไรก็ดี โดยส่วนตัวผมก็เคยเห็นคนเลี้ยง Vriesea fosteriana ต้นใหญ่ และรีเซียที่ดูบอบบางตัวอื่นๆ อายุกว่า ๕ ปีได้งามที่แถวๆกรุงเทพเหมือนกัน โดยการควบคุมปัจจัยอื่นๆที่กล่าวไปให้เหมาะสม ก็เป็นการช่วยให้รีเซียที่ไม่ทนร้อน มีความแข็งแรงมากขึ้นและอยู่รอดได้ครับ
โดย: Flavus [5 ก.ย. 53 2:04] ( IP A:125.24.199.37 X: )
Add to Facebook  Add to Twitter  Add to Multiply  Add to Google  Add to Blogger  Add to Live
Counter : 2111 Pageviews
ความคิดเห็นที่ 1
   

เกือบลืม!!!!!!!!!!!

ไม่แนะนำให้รีเซียของท่านตากฝนนะครับ มันอาจจะไม่เน่า แต่อย่าเสี่ยงดีกว่าครับ
และระวังอย่างยิ่งเรื่องทิศทางที่น้ำฝนไหลลงมา
หากว่ามันเจอเข้ากับสายน้ำหลั่งไหลลงมาจากหลังคาของท่านแรงๆล่ะก็...หัวหลุดแน่ๆครับ

โดย: Flavus [5 ก.ย. 53 2:08] ( IP A:125.24.199.37 X: )
ความคิดเห็นที่ 2
   ไหนๆแบกบาลแล้วก็เปลื้องมันให้หมด

ผมมีดัชนีชี้วัดว่าอากาศชื้นพอ และถ่ายเทดีหรือไม่
คือกล้วยไม้ Vanda ครับ แบบพันธุ์ดอกโตๆ กลมๆที่ขายกันมากๆในตลาดเลยครับ (ไม่ใช้ Ascocenda นะครับ)
ถ้าเลี้ยงแล้วรากกล้วยไม้เดินดี ไม่ต้องงามขนาดมีดอก ก็เป็นอันใช้ได้ครับ
โดย: Flavus [5 ก.ย. 53 3:45] ( IP A:125.24.199.37 X: )
ความคิดเห็นที่ 3
   ได้ความรู้ดีครับ เพิ่งรู้ว่าแวนด้าใช้วัดความชื้นได้
โดย: ป้อม [5 ก.ย. 53 15:45] ( IP A:180.180.26.64 X: )
ความคิดเห็นที่ 4
   Vriesea บางชนิดก็เอาใจยากน่าดูเหมือนกัน อย่าง Vr.hieroglphica ตัวแสบ เช้านี้ผมเอาออกจากเครื่องปลูก ดึงใบล่างทิ้ง ตัดรากเก่าๆทิ้ง แล้วก็วางในกระถางดินเผาเปล่าๆ กะว่าจะทิ้งไว้แบบนี้สักพัก ดูซิว่าอยู่หรือจะไป
หลายๆต้นที่ผมเลี้ยงแล้วรากไม่เดิน แต่เจริญเติบโตในส่วนยอดดีครับ น่าจะเป็นเพราะวัสดุปลูกมากไป ความชื้นสะสมมาก นี่ขนาดไม่ใช่กาบมะพร้าวสับแล้วนะครับ ผมผสมเปลือกสนกับหินภูเขาไฟ แต่กระถางที่ใช้เม็ดดินเผากับเปลือกสน รากจะเดินดีกว่าครับ
โดย: หน่อง [11 ก.ย. 53 13:24] ( IP A:61.7.146.26 X: )
ความคิดเห็นที่ 5
   Vr. fosteriana rubra เห็นยอดแบบนี้ แต่ถ้าได้โยกดู จะรู้ว่าคลอนมาก คิดว่ารากแทบไม่มีเกาะเครื่องปลูกเลย ผมเห็นมันมีหน่อที่โคนต้น จึงยังไม่อยากไปรื้อมัน

โดย: หน่อง [11 ก.ย. 53 13:27] ( IP A:61.7.146.26 X: )
ความคิดเห็นที่ 6
   Vr.hieroglphica ก่อนจะถูกถอน เช้านี้ผมยำซะเละ ไม่อยากถ่ายรูปให้ดู ทำใจไม่ได้

โดย: หน่อง [11 ก.ย. 53 13:29] ( IP A:61.7.146.26 X: )
ความคิดเห็นที่ 7
   Vr.'Red Chestnut' รากไม่เดินเหมือนกัน สองวันก่อน เพิ่งรื้อปลูกใหม่ กระถางเล็กลง ใช้เม็ดดินเผาแทนหินภูเขาไฟ

โดย: หน่อง [11 ก.ย. 53 13:30] ( IP A:61.7.146.26 X: )
ความคิดเห็นที่ 8
   Vr.'Crimson Vista' ที่ปลูกกับเม็ดดินเผา+เปลือกสน โอเคเลยครับ

โดย: หน่อง [11 ก.ย. 53 13:37] ( IP A:61.7.146.26 X: )
ความคิดเห็นที่ 9
   Vr. gigantea รุ่นเดียวกันกับ Crimson Vista โตวันโตคืน

โดย: หน่อง [11 ก.ย. 53 13:39] ( IP A:61.7.146.26 X: )
ความคิดเห็นที่ 10
   คุณหน่อง Vr. gigantea กับ Crimson vista ในสวยดีครับ
ผมเคยได้ยินมาว่า มันต้องวางเว้นระยะห่างอย่างให้ใบซ้อนกันด้วยรึเปล่าครับ
โดย: ป้อม [11 ก.ย. 53 21:08] ( IP A:125.26.94.93 X: )
ความคิดเห็นที่ 11
   คุณป้อมครับ ผมไม่แน่ใจเรื่องการเว้นระยะห่าง ไม่ให้ใบซ้อนกันนะครับ ว่ามีข้อเท็จจริงอย่างไร เท่าที่ผมเลี้ยง ส่วนมากใบของแต่ละต้นก็จะซ้อนเกยกันบ้างนิดหน่อย แต่ก็พยายามจะขยายพื้นที่ให้ห่างกันมากขึ้น เพื่อให้อากาศถ่ายเทดี ไม่อับมากไป จะได้ลดโอกาสการเกิดโรคเชื้อราครับ และให้ใบของแต่ละต้น โดยเฉพาะสกุล Neoregelia ให้ไบทุกใบได้รับแสงอย่างเพียงพอ จะได้สีสันสวยงามครับ เวลารดน้ำ ช่วงที่แล้งมาก ก็สามารถที่จะรดลงไปที่โคนต้นได้ง่ายด้วยครับ ไม่ต้องแหวกใบที่ซ้อนทับกัน
โดย: หน่อง [12 ก.ย. 53 19:17] ( IP A:180.180.159.254 X: )
ความคิดเห็นที่ 12
   Vr.hieroglphica ของผม พอๆกันครับคุณหน่อง เอาใจยากจริงๆ.

โดย: Poompat [12 ก.ย. 53 23:04] ( IP A:112.142.185.237 X: )
ความคิดเห็นที่ 13
   เพิ่มเติมหน่อยครับ Vr.ถ้าใครรำคาญใบเก่าที่แห้งคาต้นหรือเหลือง อย่าคิดลอกออกด้วยมือนะครับ ต้องใช้กรรไกรตัดออก แล้วต้องตัดที่แห้งแล้วอย่าตัดที่ยังเขียวเพราะจะเกิดแผลเน่าที่โคนต้นถึงแกนลำต้นล้มทังยืนเลยครับ Vr.สวยดูแลยากกว่าพวกNeo.

ถึงคุณหน่อง Vr.คุณหน่องผมว่าจะอ่อนปุ๋ยไปหน่อยครับ
โดย: Albo [20 ก.ย. 53 16:17] ( IP A:125.27.26.175 X: )
ความคิดเห็นที่ 14
   ที่คุณAlbo ว่ามา ผมทำสวนทางทั้งสิ้น มิน่า มันถึงง่อยลงๆ ต่อไปจะไม่ถกหรือดึงใบเก่าจนเห็นโคนต้นขาวๆอีกแล้วครับ ปุ๋ยออสโมโคท ผมก็ไม่ได้ให้กิน กินปุ๋ยทางใบสูตรเดียวกับ Neo.ครับ เดี๋ยวต้องแก้ไขด่วนครับ ขอบคุณนะครับ
โดย: หน่อง [20 ก.ย. 53 18:25] ( IP A:125.27.253.133 X: )
ความคิดเห็นที่ 15
   ขออนุญาติถามต่อครับ ว่ารอยใบที่ยับเป็นทางยาว ที่เห็นใน Vriesea Red Chestnut กับ Vriesea Hieroglyphica เกิดจากอะไรครับ
โดย: ป้อม [21 ก.ย. 53 14:31] ( IP A:125.26.93.31 X: )
ความคิดเห็นที่ 16
   อาการใบจีบ มักเกิดเวลาที่รีเซียเจอกับอุณหภูมิที่สูงครับ
โดย: Flavus [23 ก.ย. 53 22:11] ( IP A:125.27.42.181 X: )
ความคิดเห็นที่ 17
   ขอบคุณครับคุณ Flavus แล้วถ้าอากาศมันเย็นลง ใบมันจะหายจีบไหมครับ
โดย: ป้อม [26 ก.ย. 53 9:42] ( IP A:125.26.79.153 X: )
ความคิดเห็นที่ 18
   ใบเดิมที่จีบจะไม่หายครับ
แต่ใบใหม่ที่งอก อาจจะเป็นหรือไม่เป็นทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมครับ
โดย: Flavus [26 ก.ย. 53 19:48] ( IP A:182.52.0.21 X: )
* ขณะนี้พี้นที่เต็ม ไม่สามารถโพสต์กระทู้เพิ่มได้ *

คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน