กลุ่มความไวต่ำ มีค่าความไวประมาณ 84-88 dB กลุ่มความไวปานกลาง มีค่าความไวประมาณ 89-92 dB กลุ่มความไวสูง มีค่าความไวประมาณ 93 dB ขึ้นไป หากท่านไม่คุ้นเคยหน่วย dB ก็คือความดังของเสียง เมื่อวัดที่ระยะห่าง 1 เมตร และใช้สัญญาณ 1 วัตต์ ป้อนเข้าสู่ลำโพง แล้วหน่วย dB สำคัญอย่างไร สำคัญมากครับลองมาอ่านกันต่อจะทราบเอง มีเครื่องมือ ง่ายๆที่ใช้วัดความดังของเสียงเป็น dB แบบง่ายๆ คล้ายกับที่ตำรวจจราจรใช้ เรียกว่า Sound Pressure Level Meter สามารถหาซื้อได้ที่ร้านนัฐพงษ์ ริมคลองหลอด สามารถใช้วัดความดังและการตอบสนอง ความถี่ของลำโพงได้ มีประโยชน์มากในการ Tune เสียงของห้องฟัง และสำหรับคนที่ชอบออกแบบ Crossover Network ของลำโพงเอง สิ่งหนึ่งที่เราควรทราบก็คือว่า ความดังโดยเฉลี่ยที่เราฟังเพลงกันนี่ ดังสักขนาดไหน พอจะสรุปตัวเลขแบบคร่าวๆได้ดังนี้ครับ
ฟังเพลงดังพอประมาณ 80-90 dB ฟังเพลงค่อนข้างดัง 90-100 dB ฟังเพลงดังมาก >100 dB การฟังเพลงดังเกินกว่า 100 dB นั้นไม่แนะนำนะครับ เพราะเป็นอันตรายต่อประสาทหู ควรถนอมไว้ฟัง เพลงเพราะๆดีกว่าครับ นักฟังอีกกลุ่มที่มักฟังเสียงดังมากโดยไม่รู้ตัวคือ นักฟังที่นิยมหูฟัง อันนี้ควรระวัง มากๆนะครับ ขนาดในดิสโกยังระบุมาเลยไม่ให้เกิน 90 dB ไม่งั้นโดนจับ เรื่องค่าความไวของลำโพงนั้นมีความสำคัญมากกับความดังของเสียงที่ได้จาก ลำโพง ทุก 3 dB ที่ดังเพิ่ม ขึ้นนั้นต้องใช้กำลังจากเครื่องขยายเสียงเป็น 2 เท่าเสมอ ตามสูตร
dB = 10 log (P2/P1) = 10 log (100W/50W) = 10 log 2 = 10 x 0.3 = 3 dB เท่านั้นเอง
จากสูตรและตัวอย่างการคำนวณแบบง่ายๆข้างต้น จะพบว่าหากเดิมใช้แอมป์ขนาด 50 W ในการขับลำโพงคู่หนึ่งแล้วเปลี่ยนแอมป์ให้มีกำลังเพิ่มอีกเท่าตัว เป็น 100 W ปรากฏว่าเสียงที่ได้ยินไม่ได้ดังขึ้นอีกเท่าตัว แต่กลับดังขึ้นเพียง 3 dB เท่านั้น ซึ่งน้อยมาก ท่านที่กำลังอยากจะเปลี่ยนแอมป์ควรพิจารณาข้อนี้ให้ดี เพื่อไม่ให้ผิดหวัง ลองตามมาดูกันต่อครับ สมมุติว่าเราใช้ลำโพงความไว 86 dB กับแอมป์ขนาด 100 W ใน system ชุดแรก ขณะที่ชุดที่ 2 เราใช้ลำโพงฮอร์นความไว 103 dB กับแอมป์หลอดประเภท Single End ขนาด 2 W แล้วเปรียบเทียบดูว่าชุดใด จะให้เสียงได้ดังกว่ากัน ลำโพงความไว 86 dB ลำโพงความไว 103 dB 1W 86 dB 1W 103 dB 2W 89 dB 2W 106 dB 4W 92 dB 4W 109 dB 8W 95 dB 8W 112 dB 16W 98 dB 16W 115 dB 32W 101 dB 64W 104 dB 100W 106 dB
จากตารางการเปรียบเทียบข้างบน เราจะพบว่าทั้งสองชุดให้เสียงได้ดังที่สุดเท่าๆกัน คือ 106 dB ซึ่งอาจเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจที่แอมป์ขนาด 100 W ให้เสียงได้ดังเท่ากับ แอมป์หลอด 2 W แต่นี่คือความจริงที่ไม่ อาจปฏิเสธได้ เราจะพบว่าสิ่งที่ตัดสินความดังไม่ได้ขึ้นกับแอมป์แต่ขึ้นกับลำโพงต่างหาก ลำโพงที่มีความไวสูงย่อมให้เสียงได้ดังกว่าลำโพงความไวต่ำและไม่กินวัตต์ เครื่องขยายเสียงก็สามารถทำงานได้แบบ สบายๆโดยไม่ต้องรับภาระมากนัก เรื่องยังไม่จบง่ายๆครับ เพราะยังพูดถึงคุณสมบัติของลำโพงไม่ครบ ในโลกของความเป็นจริงจากตัวอย่าง เดิม ถ้าลำโพงความไว 86 dB ทนกำลังขับสูงสุดได้ 100 W ส่วนลำโพงความไวสูงทนได้ 16 W แล้วจะเป็นอย่างไร จากตารางการเปรียบเทียบระหว่างกำลังขับและระดับความดังของเสียงด้านบนอีก เช่นเคย พบว่าลำโพงความไว 86 dB ให้ความดังสูงสุดที่ 106 dB ที่อัตราการทนกำลังสูงสุดที่รับได้ ส่วนลำโพง ความไว 103 dB ให้ความดังสูงสุดที่ 115 dB ที่อัตราการทนกำลังสูงสุด เราจะพบว่าลำโพงความไวสูงแต่ทนกำลังได้ต่ำเพียง 16 W กลับให้เสียงที่ดังกว่าลำโพงที่ทนกำลังได้ถึง 100 W ดังนั้นการเลือกกำลังแอมป์และลำโพงที่เหมาะสมจึงเป็นส่วนสำคัญของการเล่น เครื่องเสียง การเลือกแอมป์ให้เหมาะกับลำโพงหรือเลือกลำโพงให้เหมาะกับแอมป์มีผลอย่างมาก ต่อคุณภาพเสียง ตัวแปรที่มักถูกมอง ข้ามคือค่าความไวของลำโพงที่เป็นตัวกำหนดทิศทางของชุดเครื่องเสียงโดยรวม มากกว่ากำลังของแอมป์ที่ ใช้ บทความคงเป็นประโยชน์ในแง่ทิศทางการเล่นเครื่องเสียง การเลือกกำลังขับของแอมป์ที่เหมาะสม ตลอดจนการเลือกค่าความไวของลำโพงที่เหมาะกับ System ในภาพรวม ขอให้มีความสุขในการฟังเพลงและพบกับ System ในฝันของคุณในไม่ช้า