พื้นฐานความรู้เกี่ยวกับเสียง
|
ความคิดเห็นที่ 5 พื้นฐานของเสียง Physic Sound หน้าที่หลักของ Sound Engineer (ต่อไปจะเขียนว่า Snd Engr) คือ การปรับแต่ง และบันทึกเสียง แต่ถ้าไม่รู้ว่าเสียงคืออะไร จะไปแต่งเสียงให้ดีได้อย่างไร จริงไหม?
เสียงเกิดจากการสั่นสะเทือนของวัตถุ แล้วส่งการสั่นเดินทางผ่านตัวกลาง (ในที่นี้หมายถึงอากาศ) ผ่านเข้ามายังหูคน เมื่อหูของเราได้รับรู้การสั่นนั้นๆ สมองจะแปลการสั่นให้เรารู้ว่าเป็นเสียงของอะไร
เสียงเดินทางผ่านอากาศด้วยความเร็วประมาณ 1,130 ฟุตต่อวินาที ถ้าคิดเป็น milli Second (เขียนย่อว่า mS =1/1000 วินาที) จะได้ความเร็วเป็น 1.13 ฟุตต่อ 1 mS หรือประมาณ 1 เมตรต่อ 3 mS ลองนึกถึงเวลาไปดู concert วงดนตรีกลางแจ้งแล้วยืนดูด้านหลังสุด ห่างจากเวทีร่วม 100 เมตร กว่าเสียงของวงดนตรีจะเดินทางมาเข้าหูเราก็ใช้เวลาเกือบครึ่งวินาที ทำให้ภาพกับเสียงไม่ตรงกัน (ไม่ Synchronize) โดยเสียงจะมาช้ากว่า เรียกว่า Delay ยิ่งตัวกลางมีความหนาแน่นมาก เสียงยิ่งเดินทางเร็วขึ้น ดังนั้นเสียงจะเดินทางในน้ำได้เร็วกว่าในอากาศ
โครงสร้างของเสียง มีส่วนประกอบสำคัญหลักๆ 4 อย่างคือ 1. ความสูง-ต่ำของเสียง (Pitch หรือ Note) เรียกอีกอย่างว่า Frequency ของเสียงก็ได้ เช่น การเล่นโน๊ต โด เร มี ฟา ซอล ลา ที ของเครื่องคนตรีชนิดต่างๆ เสียงเครื่องเคาะ (Percussion) รวมถึงเสียง Sound Effect ต่างๆด้วย
2. ความทุ้ม-แหลมของเสียง ( Tone Color หรือ Bass-Treble) เช่นการปรับเสียงต่ำ (Bass) เสียงกลาง (Mid) หรือเสียงแหลม (Treble) ของชุด Home Theatre ที่บ้านให้ฟังดูเพราะขึ้น แน่นขึ้น ก็คือการเพิ่มหรือลด ปริมาณของเสียงต่ำ กลาง สูง ให้พอเหมาะพอดี นั่นเอง
3 . ความดัง- เบาของเสียง ( Volume , Amplitude) เช่นเปิด Volume ของ TV ให้ดังขึ้นหน่อย เบาเสียงวิทยุลงนิด หมายถึงการเพิ่มหรือลด Level ทั้งหมดของเสียงให้ดังขึ้นหรือเบาลง
4 . การเปลี่ยนแปลงของเสียงในข้อ 1 หรือ 2 หรือ 3 หรือทั้ง 3 ข้อพร้อมกัน ที่เปลี่ยนไปตามเวลา เรียกว่า Envelope หรือ Contour ของเสียง เช่น เสียงรถไฟ รถพยาบาลวิ่งผ่าน เสียงเครื่องบิน Jet บินผ่าน หรือเสียงเครื่องคนตรี ที่ลากเสียง ได้ยาว เช่น Violin, Cello, Sax, Flute, Trumpetฯลฯ จะมี Envelope เป็นของตัวเอง
ดังนั้น ในการปรับเสียงหลักๆ ก็คือการปรับค่า Parameter ของส่วนประกอบของเสียงที่กล่าวไปแล้วทั้ง 4 อย่างนั่นเอง
การปรับความสูง-ต่ำของเสียง เรียกว่าปรับ Pitch โดยรวมแล้วจะเป็นส่วนของนักคนตรีที่ทำการบันทึกเสียง ส่วนของ Snd Engr มีหน้าที่ฟัง และคอยบอกเมื่อเกิดความเพี้ยนขึ้น ตรวจสอบให้มีการเทียบเสียงก่อนทำการบันทึก
การปรับความทุ้ม-แหลม เรียกว่าปรับ Filter ซึ่ง Snd Engr มีหน้าที่ปรับให้ได้คุณภาพเสียงที่มีความทุ้ม-แหลมพอเหมาะกับเครื่องคนตรีนั้น หรือเสียงนั้นๆ โดยใช้อุปกรณ์ที่เรียกว่า Equalizer เรียกย่อๆว่า EQ การปรับความดัง-เบาของเสียง เรียกว่าปรับ Volume หรือปรับ Fader คือการควบคุม Dynamic Range (ระดับความดังที่ดังสุดกับเบาสุด) ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมในการบันทึกเสียง อุปกรณ์ปรับเสียงประเภท Dynamics ประกอบด้วย Compressor, Limiter, Expander, DeEsser, Noise Gate ฯลฯ
สุดท้าย ก็คือการปรับ Envelope ( การเปลี่ยนแปลงของเสียงที่เปลี่ยนไปตามเวลา) ซึ่งปรับได้หลายวิธี เช่น แบบ Manual คือใช้มือปรับ Fader คุมความดัง ปรับปุ่ม EQ คุมความทุ้ม แหลม แบบ Automatic คือใช้ Computer สั่งงานเรียกว่า Automation แบบ ใช้ Plug-in หรือ Hardware ประเภท Dynamics (compressor, Expander, Gate,Envelope Follower ฯลฯ)
การปรับ Envelope ทั้ง 3 วิธี ที่กล่าวมาจะช่วยควบคุม ระดับเสียงและความทุ้ม-แหลม ที่เปลี่ยนไปตามเวลา เช่นการ Fade in, Fade out, การตัดเสียงรบกวนโดยใช้ Noise Gate เป็นต้น
.....
| โดย: BaCkSTaGe...หล่อ ๆ [15 ก.ค. 52 11:08] ( IP A:202.142.204.1 X: ) |  |
|