ความคิดเห็นที่ 27 อันตราย อันตราย
เตือนภัยสารพิษใน“ตนโพธิ์ศรี” กรมวิทยาศาสตรการแพทย เตือนประชาชนใหระมัดระวังอันตรายจากการนํา พืชสมุนไพรมาใชโดยรูเทาไมถึงการณ เผยตนโพธิ์ศรีซึ่งเปนพืชที่นําเขามาจากตางประเทศ พบวาเมล็ด นํ้ายาง เปลือกและราก เปนพิษ เด็กและผูใหญมักนําเมล็ดไปบริโภค เนื่องจากเห็น วาคลายถั่วปากอาจึงเกิดอาการแสบรอนในคอ คลื่นไส อาเจียน และทองเสีย นพ.ไพจิตร วราชิต อธิบดีกรมวิทยาศาสตรการแพทย กลาววา พืชสมุนไพรที่ นิยมนํามาประยุกตใชกันอยางแพรหลายในปจจุบันนั้น สวนใหญจะมีคุณสมบัติบรรเทาโรคภัย ไขเจ็บ หรือชวยบํารุงรางกาย ผิวพรรณ ใหดียิ่งขึ้น ทั้งในรูปแบบของยา อาหาร เครื่องดื่ม เครื่องสําอาง แตก็มีพืชบางชนิดอาจมีพิษที่ประชาชนคาดไมถึง โดยเฉพาะอยางยิ่งพืชที่เปน ไมประดับเพื่อตกแตงบานเรือนเนื่องจากเปนพืชใกลตัว ซึ่งปจจุบันมีมากมายหลายชนิด และ บางชนิดเปนพืชตางถิ่นที่นําเขามาจากตางประเทศ อาทิ ตนทองหลางฝรั่ง หรือที่รูจักกันในชื่อ “ตนโพธิ์ศรี” ซึ่งมีชื่อวิทยาศาสตรวา Hura crepitans L. อยูในวงศ Euphorbiaceae เปนไม ประดับยืนตนสูง 10-12 เมตร ไมผลัดใบ เปลือกสีเทา มีลักษณะสวยงาม เลี้ยงดูงาย และเจริญ เติบโตไดดีในสภาพภูมิอากาศของประเทศไทย โดยลําตนและกิ่งกานมีหนาม มียางใส ใบรูปไข โคนเวารูปหัวใจคลายใบโพธิ์ ออกดอกเปนชอ และมีสองลักษณะ โดยดอกตัวผูเปนชอยาวสี แดงเขมสวนดอกตัวเมียรูปรางกลมแบนเปนรูปเห็ดเล็กๆ ผลมีเปลือกแข็งรูปรางกลมแบนเปนพู 14-16 พูคลายผลฟกทอง ภายในบรรจุเมล็ดคลายถั่วปากอา สําหรับสวนที่เปนพิษ ไดแก เมล็ด นํ้ายาง เปลือกและราก โดยในเมล็ดประกอบดวยนํ้ามันซึ่งมีคุณสมบัติเปนยาถายและโปรตีนซึ่ง มีพิษชื่อวา ฮูริน (hurin) หรือ เครพพิติน (crepitin) สวนนํ้ายางมีสวนประกอบของฮูรินและ เอนไซมฮูเรน (hurain) ซึ่งเปนเอนไซมยอยโปรตีน โดยกรมวิทยาศาสตรการแพทยไดสรุปผล การทดสอบความเปนพิษในหนูถีบจักร พบวาปริมาณ crepitin ที่ทําใหหนูทดลองตายรอยละ 50 เทากับ187 มก./กก. Page 2 เนื่องจาก “ตนโพธิ์ศรี” มีผลลักษณะสวยงามและมีเมล็ดที่คลายถั่วปากอา เนื้อใน เมล็ดมีรสมันคลายเมล็ดฟกทอง ทําใหบอยครั้งเด็กหรือผูใหญที่รูเทาไมถึงการณนําไป รับประทานและเกิดอาการเปนพิษ โดยมีรายงานความเปนพิษจากการรับประทานเมล็ดของ “ตนโพธิ์ศรี” พบวาแมรับประทานเพียงเมล็ดเดียวก็เกิดอาการได ซึ่งสวนใหญจะมีอาการ แสบรอนในลําคอ ปวดทอง กระหายนํ้า อาเจียน ทองเสีย ชีพจรเตนเร็ว ตาพรามัว และหาก ไดรับพิษในปริมาณสูงๆ อาจทําใหเพอ ชัก หมดสติ และอาจถึงตายได โดยเมื่อตนเดือน มีนาคม 2548 ที่จังหวัดนครสวรรค มีนักเรียนชั้นประถมศึกษาประมาณ 17 คน รับประทาน เมล็ดแกของตนโพธิ์ศรีไปไดราว 30 นาที แลวมีอาการคลื่นไส อาเจียนและปวดทอง โดยเด็กที่ รับประทานมากที่สุดถึง 8 เมล็ด พบวามีอาการถายเหลวเปนนํ้า นอกจากนั้นรายที่สัมผัสนํ้ายาง จากสวนตางๆ ของตนโพธิ์ศรี จะมีอาการอักเสบบวมแดงที่ผิวหนัง เปนผื่นแดงแบบไฟลามทุง และพุพองขึ้นเปนตุมนํ้าใส ซึ่งหากนํ้ายางเขาตาอาจทําใหตาบอดได ในตางประเทศ เชน รัฐฟลอริดา ก็มีรายงานลักษณะเดียวกัน อธิบดีกรมวิทยาศาสตรการแพทย กลาวเตือนในตอนทายวา เพื่อเปนการปองกัน โรงเรียนและสถานที่สาธารณะตาง ๆ ที่ปลูก “ตนโพธิ์ศรี” หรือพืชพิษอื่น ๆ ควรติดปายเตือน อันตรายไวใหชัดเจน สําหรับการรักษาแกผูที่เกิดอาการพิษในขั้นปฐมพยาบาลนั้นทําไดโดย ใหดื่มนมหรือรับประทานผงถาน เพื่อลดการดูดซึมของสารพิษ แลวรีบนําสงแพทยเพื่อลางทอง ทันที และในรายที่มีอาการทองเสียรุนแรง อาจเกิดการสูญเสียเกลือแร และเกิดภาวะนํ้าตาล ในเลือดตํ่า ซึ่งตองใหนํ้าเกลือผสมเด็กซโทรส(Dextrose infusion) สวนผูปวยที่ถูกนํ้ายางบริเวณ ผิวหนังหรือตา ใหรีบลางดวยนํ้าสะอาดหลายๆ ครั้ง แลวรีบไปพบแพทย และสําหรับผูที่สนใจ เรื่องขอมูลเกี่ยวกับรายละเอียดของเรื่องพืชพิษเพื่อปองกันอันตรายในเบื้องตนสามารถเขามาชม ผานเว็บไซด https:// https://www.dmsc.moph.go.th ศูนยขอมูลสมุนไพรกรมวิทยาศาสตรการแพทยได ตลอด24 ชม. กรมวิทยาศาสตรการแพทย 15 พฤษภาคม 2548 |