Genus Panaque ; Panaque armbrusteri Lujan, Hidalgo & Stewart 2010
    ครั้งที่แล้วผมได้มีโอกาสนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับปลาสร้อยน้ำผึ้งไปแล้ว มาคราวนี้ยังอดพิสมัยกับปลาที่มีหน้าที่คล้ายกัน เพียงแต่ถิ่นกำเนิดแตกต่างกัน มาบอกเล่าให้ผู้ที่สนใจหันมามอง จะเต็มตา หรือ หางคิ้วก็ได้ครับไม่ว่ากัน แต่บอกก่อนน่ะครับว่า เมื่อทุกท่านเห็นภาพ บางท่านอาจจะอุทานออกมาว่า “สวยใช่เล่นทีเดียว”

Panaque armbrusteri ชื่อนี้หลายท่านอาจจะไม่คุ้นหู แต่สำหรับแฟนๆกลุ่มผู้หลงใหลปลาซัคเกอร์ ที่ติดตามข่าวคราว หลายท่านคงร้องอ๋อตามๆกัน เพราะปลาตัวนี้ถูกนำเสนอเมื่อปีที่แล้วนี่เองครับผม. แต่สำหรับผู้ที่ไม่รู้จัก ก็ไม่เป็นไร เรามาเรียนรู้พร้อมๆกัน. ช่วงหลายปีที่ผ่านมาตลาดปลาสวยงามบ้านเรามีการนำเข้าปลาหลากหลายสายพันธุ์ มีทั้งดุร้าย โหดเหี้ยม หน่อมแน้ม มหัศจรรย์ ใสซื่อ บริสุทธิ์ และหนึ่งในความใสซื่อนั่นก็คือ “พานาคิว” (ขออนุญาตใช้ชื่อนี้เพียงชื่อเดียวน่ะครับ) แม้จะมีรูปร่างที่ไม่ใหญ่มากแต่ความสวยงามในส่วนสีพื้นของลำตัวและแถบสีที่ยาวจากจงอยปากถึงส่วนหาง จนหลายท่านต้องเอ่ยปากชม แต่เมื่อนำไปเทียบกับ ปลาซัคเกอร์ที่มีกระจายตัวอย่างมากมายในบ้านเรา จนเป็นปัญหา และถูกขึ้นบัญชีให้มีการกำจัดทิ้ง ด้วยวิธีการง่ายๆ ถึงขนาดประเทศเพื่อนบ้านเราอย่าง ฟิลิปปินส์ อ้าปากค้าง วิธีการ “สร้างภาพให้ดูดี” ดังกล่าวที่ว่านี้คือ การยัดเข้าปาก แค่นึกก็อดขมิบตูดไม่ได้แล้วครับ แต่ว่าผมอดแปลกใจไม่น้อยทีเดียว ที่ไม่เห็นคนออกไอเดียหรือคนส่งเสียงเชียร์กินปลาชนิดนี้เป็นเมนูหลักของที่บ้านตน ลองนึกภาพดูสิครับ หากแม่บ้านเราเอ่ยออกมาว่า “นี่พ่อ! ลองชิมทอดมันซัคเกอร์ ซัคเกอร์ต้มโคล้ง หรือ ซัคเกอร์ผัดผงกะหรี่ อร่อยมากเลย แต่อย่าอร่อยคนเดียว ตักให้ลูกด้วยสิ” ตัดภาพมาที่ลูก หากสังเกตอีกสักนิดจะพบว่า ลูกเริ่มทำหน้าเหยเก แถมออกอาการจะเอาชามหลบๆ บางคนถึงขนาดพูดออกมาเลยว่า ผมอิ่มแล้วครับ. ถ้าซัคเกอร์พวกท่านไม่อิ่ม ขอเสนอ หอยเชอรี่ลวกจิ้ม แซมผักตบชวา ผมแถมไอเดียนี้ให้ ตามสบาย ไม่คิดเงิน.

ดังนั้นเรามักได้ยินประโยคเด็ดๆจาก ขบวนการสร้างภาพ “แนวทางของเราสร้างสรรค์มากครับ หลังจากที่นำไอเดียนี้มาใช้ได้สักระยะหนึ่ง พบว่าปริมาณสิ่งมีชีวิตที่คุกคามหรือสร้างผลกระทบต่อระบบนิเวศน์เหล่านี้ ....... ” หลายท่านอาจจะต่อท้ายว่า “ลดลงจนน่าใจหาย” คำตอบคือผิดครับ เพราะไอเดียแตกพุ่งกระฉูดติดเพดานนี้ เล่นเอากูใจหายมากกว่า. ดังนั้นถ้าหากผมจะใส่ประโยค หรือ วลีลงในช่องว่าง ผมคิดว่าอันนี้เหมาะกว่า “เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม”. ผมอดแปลกใจไม่ได้ที่เพื่อนบ้านเราบางประเทศไม่ได้พิจารณาถึงเรื่อง “กิน” เป็นอันดับแรก เพราะอาจจะเล็งเห็นว่าแนวทางนี้สามารถนำมาใช้เป็นดัชนีชี้วัดประเทศว่าพลเมืองของประเทศนั้นๆมีปริมาณสมองเด็กมากกว่า หรือ มีสมองผู้ใหญ่มากกว่า ที่กล่าวเช่นนี้ เพราะวัยเด็กยังไม่สามารถแยกแยะว่าอะไรกินได้ อะไรที่กินไม่ได้ ดังนั้นเมื่อเขาเห็นอะไร ก็มักจะหยิบสิ่งของเหล่านั้นเข้าปากไว้ก่อน. หรือ ไม่ก็ลองจัดทำโพลล์สำรวจความคิดเห็น ดูสิครับว่าผลตอบรับจะมีมากน้อยเพียงใด เพราะวิธีนี้กำลังฮิตหยั่งแรง. เอาอีกแล้วครับผม ว่าแต่ว่านี่มันเกี่ยวข้องกับ ปลาตัวใหม่อย่างไรกันเนี่ย? ไม่ไหว ไม่ไหว ขออนุญาตเข้าเรื่องของเราดีกว่า.

โดย: จิรชัย (เจ้าบ้าน ) [26 ม.ค. 55 20:31] ( IP A:124.121.135.12 X: )
Add to Facebook  Add to Twitter  Add to Multiply  Add to Google  Add to Blogger  Add to Live
ความคิดเห็นที่ 1
    เหมือนกันทุกครั้งไป ก่อนที่เราจะเริ่มเรื่อง ผมคงต้องปรับจูนกับทุกท่านให้ตรงกันก่อนน่ะครับ ว่า สกุลปลา Panaque ในปัจจุบันนั้น มีรายงานทั้งหมดกี่ชนิด? คำตอบคือ 7 ชนิด ตามรายละเอียดดังนี้ครับ.

ชนิดของปลาในสกุล Panaque

1) Panaque armbrusteri Lujan, Hidalgo & Stewart 2010

ชื่อทั่วไป : Golden Line Royal Pleco, L027, LDA077, Tapajos Royal Pleco, Teles Pires Royal Pleco.

ขนาด : 344.7 มม.(จำนวน 14 ตัวอย่าง)

การกระจาย : พบบริเวณรัฐ Mato Grosso, บราซิล , แถบลุ่มน้ำ Tapajos River , แม่น้ำ Teles Pires.


2) Panaque bathyphilus Lujan & Chamon 2008

ชื่อทั่วไป : L090, Papa Panaque

ขนาด : 150.0 มม.

การกระจาย : พบบริเวณลุ่มน้ำRío Ucayali , เปรู.


3) Panaque cochliodon (Steindachner 1879)

ชื่อทั่วไป : Colombian Blue Eyed Pleco

ขนาด : 282.58 มม. (จำนวน 9 ตัวอย่าง)

การกระจาย : พบบริเวณRío Magdalena และ Río Cauca, โคลอมเบีย.






โดย: จิรชัย (เจ้าบ้าน ) [26 ม.ค. 55 20:37] ( IP A:124.121.135.12 X: )
ความคิดเห็นที่ 2
    4) Panaque nigrolineatus (Peters 1877)

ชื่อทั่วไป : L190, Royal Pleco

ขนาด : 306 มม.(จำนวน 28 ตัวอย่าง)

การกระจาย : พบบริเวณลุ่มแม่น้ำ Orinoco.


5) Panaque schaeferi Lujan, Hidalgo & Stewart 2010

ชื่อทั่วไป : L203, LDA065, Titanic Pleco, Volkswagen Pleco.

ขนาด : 600 มม.(จำนวน 16 ตัวอย่าง)

การกระจาย : พบบริเวณลุ่มแม่น้ำ Aguaytia และ Santa Ana ใน เปรู. นอกจากนี้พบการกระจายกินบริเวณกว้างของแม่น้ำแอมเออะซอน ใน บราซิล และ เอกวาดอร์.


6) Panaque suttonorum Schultz 1844

ชื่อทั่วไป : Venezuelan Blue Eye Panaque.

ขนาด : 278 มม.

การกระจาย : พบบริเวณแม่น้ำ Río Negro , ลุ่มแม่น้ำ Santa Ana , ลุ่มแม่น้ำMaracaibo ใน เวเนซูเอลล่า.


7) Panaque titan Lujan, Hidalgo & Stewart 2010

ชื่อทั่วไป : Gold-trim Panaque, L418, Shampupa Panaque.

ขนาด : 394 มม.(จำนวน 6 ตัวอย่าง)

การกระจาย : พบบริเวณลุ่มแม่น้ำ Napo ใน เอกวาดอร์.

โดย: จิรชัย (เจ้าบ้าน ) [26 ม.ค. 55 20:40] ( IP A:124.121.135.12 X: )
ความคิดเห็นที่ 3
    แต่สำหรับผู้ที่เฝ้าติดตามเรื่องราวของปลาสกุลนี้ อาจจะมีการตั้งข้อสงสัยว่า ในอดีตนั้น สกุล Panaque ถูกบรรยายทั้งหมด 16 ชนิดไม่ใช่เหรอครับ? คำตอบ คือ ใช่ครับ เพียงแต่ในปี พ.ศ.2547 รองศาสตราจารย์ Jonathan W. Armbruster นักอนุกรมวิธานผู้เชี่ยวชาญปลา โดยเฉพาะปลาในวงศ์ Loricariidae ได้ยอมรับสกุลย่อยทั้ง 3 สกุลอย่างเป็นทางการ แม้ว่าสกุลดังกล่าวจะถูกตั้งขึ้นมาก่อน แต่กว่าจะมาลงตัวในปีดังกล่าว ถึงกระนั้น หากพิจารณาดูแล้วไม่ถือว่าสายครับ สาเหตุส่วนหนึ่ง คงเป็นเพราะนักอนุกรมวิธานหลายท่านได้ทำการตรวจสอบรายละเอียดเชิงโครงสร้างต่างๆของปลาเหล่านี้มาตลอด เช่นนั้นแล้วปลาทั้ง 3 สกุลย่อยนั้นประกอบด้วยสกุลอะไรบ้าง?

1) สกุล Panaque (ถูกตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2432 โดย ท่านอาจารย์ Carl H. Eigenmann และภรรยาของท่าน คือ ท่านอาจารย์ Rosa Smith Eigenmann ชนิดที่ประกอบอยู่ในสกุลนี้ คือปลาในกลุ่ม Panaque nigrolineatus clade)

2) สกุล Panaqolus (ถูกตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2544 โดย ท่านด็อคเธอร์ Isaac J. H. Isbrücker , ท่านอาจารย์ I. Seidel , ท่านอาจารย์ J. P. Michels , ท่านอาจารย์ E. Schraml และท่านอาจารย์ A. Werner H. Nijssen โดยนำปลาในกลุ่ม Panaque dentex clade มาเข้าก๊วนครับ.)

3) สกุล Scobinancistrus (ถูกตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2532 โดย ท่านด็อคเธอร์ Isaac J. H. Isbrücker และท่านด็อคเธอร์ H. Nijssen ในสกุลนี้ประกอบด้วยปลา Scobinancistrus aureatus Burgess 1994 และ Scobinancistrus pariolispos Isbrücker & Nijssen 1989

โดย: จิรชัย (เจ้าบ้าน ) [26 ม.ค. 55 20:46] ( IP A:124.121.135.12 X: )
ความคิดเห็นที่ 4
    ผมได้คัดลอกเนื้อหาบางส่วน ที่ ด็อคเธอร์ Nathan K. Lujan ,ด็อคเธอร์ Max Hidalgo และด็อคเธอร์ Donald J. Stewart ทั้ง 3 ท่านได้กล่าวเปรียบเทียบให้เห็นถึงข้อแตกต่างระหว่างปลา Panaque armbrusteri กับปลาในสกุล Panaqolus และ สกุล Scobinancistrus โดยมีรายละเอียดดังนี้ครับ.

ปลาในสกุล Panaqolus

A) เรากำหนดให้ปลาใน สกุล Panaque (เดิม) ที่มีลวดลายบนลำตัวเป็นแถบสีตามขวาง หรือ เป็นจุดสีให้อยู่ใน สกุล Panaqolus .

B) เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับขนาด กล่าวคือ ปลาใน สกุล Panaqolus ระบุว่าต้องมีความยาวมาตรฐานไม่เกิน 150 มม. หรือ 15 ซม. ขณะที่ปลา.

C) สำหรับปลาที่เข้าข่ายว่าต้องไปอยู่ใน สกุล Panaqolus นั้นเป็นปลาในกลุ่ม Panaque dentex clade ประกอบไปด้วย (ชื่อชนิดปลาทั้งหมดที่ถูกกล่าวนี้ เคยอยู่ใน สกุล Panaque (เดิม) ทั้งหมด.)

ชนิดของปลาในสกุล Panaqolus .

1) Panaqolus albomaculatus (Kanazawa 1958)

ชื่อทั่วไป : LDA031 , Mustard Spot Pleco หรือ Orange Spot Pleco

ขนาด : 130 มม.

การกระจาย : Río Pucuno, สาขาของแม่น้ำ Río Suno, ตอนบนของลุ่มแม่น้ำ Río Napo.


2) Panaqolus changae (Chockley & Armbruster 2002)

ชื่อทั่วไป : L226 , Iquitos Tiger Pleco

ขนาด : 100 มม.

การกระจาย : Río Itaya, บริเวณลุ่มน้ำ Río Amazonas.


3) Panaqolus dentex (Günther 1868)

ชื่อทั่วไป : -

ขนาด : 80 มม.

การกระจาย : Napo, Pastaza และ ลุ่มแม่น้ำ Marañon.

โดย: จิรชัย (เจ้าบ้าน ) [26 ม.ค. 55 20:55] ( IP A:124.121.135.12 X: )
ความคิดเห็นที่ 5
    4) Panaqolus gnomus (Schaefer & Stewart 1993)

ชื่อทั่วไป : -

ขนาด : 71 มม.

การกระจาย : Pastaza และตอนบนของลุ่มแม่น้ำ Marañón : เอกวาดอร์ และ เปรู.


5) Panaqolus maccus (Schaefer & Stewart 1993)

ชื่อทั่วไป : L104, L162, LDA022 , Ringlet Pleco และ Clown Pleco.

ขนาด : 100 มม.

การกระจาย : Río Las Marinas สาขาของ Río Portuguesa , ลุ่มแม่น้ำ Río Orinoco , เอสตาโด โปรตุกีซ่า ใน เวเนซูเอลล่า.


6) Panaqolus nocturnus (Schaefer & Stewart 1993)

ชื่อทั่วไป : -

ขนาด : 139 มม.

การกระจาย : Río Santiago ใกล้กับ la Poza, ลุ่มแม่น้ำ Río Marañón , แอมเออะโซนาส , เปรู.

7) Panaqolus purusiensis (La Monte 1935)

ชื่อทั่วไป : -

ขนาด : 114 มม.

การกระจาย : Río Purus, บราซิล.

โดย: จิรชัย (เจ้าบ้าน ) [26 ม.ค. 55 21:02] ( IP A:124.121.135.12 X: )
ความคิดเห็นที่ 6
    ปลาในสกุล Scobinancistrus .

ส่วนที่แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างปลา Panaque armbrusteri กับปลาทั้งหมดใน สกุล Scobinancistrus มีรายละเอียดดังนี้ครับ.

1) ปลาในสกุล Scobinancistrus มีจำนวนฟันเพียงแค่ 3-4 ซี่ บนกระดูกส่วนหน้าของขากรรไกรบน และ ขากรรไกรล่าง. ขณะที่ใน Panaque armbrusteri มีจำนวนฟัน = 7 ซี่ และมีขนาดฟันที่ใหญ่กว่าปรากฏบนกระดูกส่วนหน้าของขากรรไกรบน และ ขากรรไกรล่าง.

2) ลักษณะของฟันบนกระดูกส่วนหน้าของขากรรไกรบน และ ขากรรไกรล่าง ในฟันซี่เดียวของ P. armbrusteri มีรูปร่างคล้ายช้อน หรือ คล้ายทัพพี สั้น เป็นซี่เดี่ยวไม่แยกเป็นสอง ขณะที่ปลาในสกุล Scobinancistrus ฟันซี่เดียว แต่แยกเป็นสอง ยาวกว่า รูปร่างคล้ายใบพาย หรือ ช้อน.

ชนิดของปลาในสกุล Scobinancistrus

1) Scobinancistrus aureatus Burgess 1994

ชื่อทั่วไป : Goldie Pleco, L014, Sunshine Pleco.

ขนาด : 249.7 มม.

การกระจาย : พบบริเวณแม่น้ำ Rio Xingu, รัฐ Pará , ในบราซิล.


2) Scobinancistrus pariolispos Isbrücker & Nijssen 1989

ชื่อทั่วไป : L048.

ขนาด : 300 มม.

การกระจาย : พบบริเวณแม่น้ำ Rio Tocantins , Jatobal, รัฐ Pará ในบราซิล.

โดย: จิรชัย (เจ้าบ้าน ) [26 ม.ค. 55 21:10] ( IP A:124.121.135.12 X: )
ความคิดเห็นที่ 7
    Panaque armbrusteri Lujan, Hidalgo & Stewart 2010

ลักษณะทั่วไป

ปลาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดนั้นยาวได้ถึง 345 ม.ม.(ความยาวมาตราฐาน) ด้วยรูปร่างที่จ้ำม้ำ เมื่อพิจารณาตามเส้นโครงร่าง เริ่มจากจงอยปากจะลาดเอียงสูงขึ้น 35 องศาไปจนถึงท้ายทอย ซึ่งส่วนกระดูกท้ายทอยดังกล่าวนี้อาจจะถือว่าเป็นจุดเด่นอีกอย่างของปลาตัวนี้ คือ กระดูกท้ายทอยมีลักษณะนูน หรือ ค่อมนั่นเองครับ. (ในสกุลนี้มีเพียงเขากับ Panaque cochliodon เท่านั้นที่มีลักษณะดังกล่าวเหมือกัน). ส่วนที่ลึกสุดของลำตัวอยู่บนแผ่นกระดูก nuchal plate ซึ่งอยู่ท้ายสุดของกระดูกท้ายทอย. ปากรูปจานกินพื้นที่โดยประมาณราวๆ 2ส่วน3 ถึง 3ส่วน4 ของจงอยปากตรงส่วนหน้ากระดูกยึดครีบหูอย่างกระดูกคลีธั่ม ฟันมีลักษณะสั้นคล้ายรูปช้อน.

ครีบหลัง : ประกอบด้วยก้านครีบแข็ง 1 ก้านครีบต่อด้วยก้านครีบอ่อนที่แตกแขนง 7 ก้านครีบ.

ครีบอก : ประกอบด้วยก้านครีบแข็ง 1 ก้านครีบต่อด้วยก้านครีบอ่อนที่แตกแขนง 6 ก้านครีบ ; เมื่อลู่ครีบอกพบว่าปลายก้านครีบแข็งอยู่ระหว่างครีบท้องและรูทวาร. บนครีบอกนี้เราจะเห็นหนามที่ดูคล้ายขนแปรงปรากฏอยู่ไล่เรียงจากเล็กไปจรดปลาย แต่ตรงส่วนปลายก้านครีบจะเห็นอย่างเด่นชัดเนื่องจากหนามมีขนาดที่ดูใหญ่ผิดปกตินั่นเองครับ.

ครีบท้อง : ประกอบด้วยก้านครีบแข็ง 1 ก้านครีบต่อด้วยก้านครีบอ่อนที่แตกแขนง 5 ก้านครีบ ; เมื่อลู่ครีบท้องพบว่าปลายก้านครีบแข็งอยู่บริเวณตรงกลางหรือค่อนไปทางส่วนหลังของครีบก้น.

ครีบก้น : ประกอบด้วยก้านครีบแข็ง 1 ก้านครีบต่อด้วยก้านครีบอ่อนที่แตกแขนง 4 ก้านครีบ.

ครีบไขมัน : เมื่อสังเกตครีบส่วนนี้ เราจะเห็นก้านครีบหน้าที่เป็นก้านครีบแข็งซึ่งทำมุมลาดเอียง 40 องศา แล้วค่อยๆลาดเอียงลงเว้าเข้า. นอกจากนี้ผิวด้านหน้าของก้านครีบแข็งจะมีหนามสั้นที่คล้ายขนแปรงปรากฏอยู่.

ครีบหาง : ประกอบด้วยก้านครีบแข็งขอบบน 1 ก้านครีบและขอบล่าง 1 ก้านครีบ ตรงส่วนกลางเป็นก้านครีบอ่อนที่แตกแขนงนับได้ 14 ก้านครีบ.

โดย: จิรชัย (เจ้าบ้าน ) [26 ม.ค. 55 21:18] ( IP A:124.121.135.12 X: )
ความคิดเห็นที่ 8
    ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการวัดสัณฐานนั้น ผมขออนุญาตไม่แปลเป็นภาษาไทย แต่อยากให้ทุกท่านนำตัวเลขที่กำกับไว้ไปเทียบกับตัวเลขในภาพน่ะครับ.

การวัดสัณฐานวิทยา.

1–20 = ความยาวมาตราฐาน(Standard length) = 344.7 มม.

เทียบเป็น % ของความยาวมาตรฐาน.

1–10 = Predorsal length = 48.7% ของความยาวมาตรฐาน.

1–7 = ความยาวส่วนหัว(Head length) = 39.9% ของความยาวมาตรฐาน.

7–10 = Head–dorsal length = 8.9% ของความยาวมาตรฐาน.

8–9 = Cleithral width = 33.8% ของความยาวมาตรฐาน.

1–12 = Head–pectoral length = 30.6% ของความยาวมาตรฐาน.

12–13 = Thorax length = 20.9% ของความยาวมาตรฐาน.

12–29 = Pectoral-spine length = 37.0% ของความยาวมาตรฐาน.

13–14 = Abdominal length = 22.8% ของความยาวมาตรฐาน.

13–30 = Pelvic-spine length = 25.6% ของความยาวมาตรฐาน.

14–15 = Postanal length = 31.3% ของความยาวมาตรฐาน.

14–31 = Anal-fin spine length = 15.3% ของความยาวมาตรฐาน.

โดย: จิรชัย (เจ้าบ้าน ) [26 ม.ค. 55 21:22] ( IP A:124.121.135.12 X: )
ความคิดเห็นที่ 9
    10–12 = Dorsal–pectoral depth = 34.0% ของความยาวมาตรฐาน.

10–11 = Dorsal-spine length = 21.7% ของความยาวมาตรฐาน.

10–13 = Dorsal–pelvic depth = 27.9% ของความยาวมาตรฐาน.

10–16 = Dorsal-fin base length = 27.9% ของความยาวมาตรฐาน.

16–17 = Dorsal–adipose distance = 13.3% ของความยาวมาตรฐาน.

17–18 = Adipose-spine length = 6.0% ของความยาวมาตรฐาน.

17–19 = Adipose–upper caudal distance = 13.1% ของความยาวมาตรฐาน.

15–19 = Caudal peduncle depth = 12.0% ของความยาวมาตรฐาน.

15–17 = Adipose–lower caudal depth = 19.9% ของความยาวมาตรฐาน.

14–17 = Adipose–anal depth = 19.1% ของความยาวมาตรฐาน.

14–16 = Dorsal–anal depth = 15.9% ของความยาวมาตรฐาน.

13–16 = Pelvic–dorsal depth = 29.7% ของความยาวมาตรฐาน.
โดย: จิรชัย (เจ้าบ้าน ) [26 ม.ค. 55 21:25] ( IP A:124.121.135.12 X: )
ความคิดเห็นที่ 10
    เทียบเป็น % ของความยาวส่วนหัว.

5–7 = Head–eye length = 36.0% ของความยาวส่วนหัว.

4–5 = Orbit diameter = 12.5% ของความยาวส่วนหัว.

1–4 = Snout length = 72.5% ของความยาวส่วนหัว.

2–3 = Internares width = 19.4% ของความยาวส่วนหัว.

5–6 = Interorbital width = 56.1% ของความยาวส่วนหัว.

7–12 = Head depth = 74.7% ของความยาวส่วนหัว.

1–24 = Mouth length = 45.6% ของความยาวส่วนหัว.

21–22 = Mouth width = 45.8% ของความยาวส่วนหัว.

22–23 = Barbel length = 5.3% ของความยาวส่วนหัว.

25–26 = Dentary tooth cup length = 15.2% ของความยาวส่วนหัว.

27–28 = Premaxillary tooth cup length = 13.9% ของความยาวส่วนหัว.
โดย: จิรชัย (เจ้าบ้าน ) [26 ม.ค. 55 21:27] ( IP A:124.121.135.12 X: )
ความคิดเห็นที่ 11
    สี (Color)

ปรากฏแถบสียาวจากจงอยปากจนถึงครีบหาง โดยมีแถบสีน้ำตาลเข้ม หรือ สีดำเข้มสลับบ้าง ตัดกันบ้าง ขนานไปด้วยกันบ้างกับ แถบสีน้ำตาลอ่อน หรือ สีเทาดูงดงาม. เมื่อเราเพ่งมองให้ละเอียดจะสังเกตเห็นว่า แถบสีที่เข้มกว่า ดูจะมี “ขนาดกว้างกว่า” แถบสีที่อ่อน. ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ภายนอกอย่างหนึ่งที่ทำให้ปลาชนิดนี้แตกต่างจากปลาชนิดอื่น. ในส่วนของก้านครีบอ่อนของครีบหางนั้นบางครั้งจะดูเป็นจุดสีประ หรือ มีลักษณะเป็นแถบสี.

การกระจาย (Distribution)

พบบริเวณแม่น้ำ Tapajos และ สาขา.

ที่มาของชื่อ (Etymology)

ชื่อของชนิดปลาทางผู้บรรยายตั้งขึ้นเพื่อเป็นเกียรติกับ รองศาสตราจารย์ Jonathan W. Armbruster นักอนุกรมวิธานผู้เชี่ยวชาญปลาในวงศ์ Loricariidae และ ผู้ควบคุมดูแลพิพิธภัณฑ์ที่เก็บรวบรวมตัวอย่างปลา มหาวิทยาลัย Auburn ครับผม.

โดย: จิรชัย (เจ้าบ้าน ) [26 ม.ค. 55 21:32] ( IP A:124.121.135.12 X: )
ความคิดเห็นที่ 12
    สำหรับตลาดปลาสวยงามในบ้านเรานั้น ผู้คนส่วนใหญ่มักจะคุ้นเคยกับปลา P. nigrolineatus ในเมื่อมีข่าวบรรยายปลาชนิดใหม่ออกมา ซึ่งก็คือ P. armbrusteri แน่นอนครับคงหนีไม่พ้นที่จะถูกหยิบยกนำไปเปรียบเทียบกับปลา P. nigrolineatus ที่มีอยู่ก่อนหน้า เช่นนั้นแล้วเราลองมาอ่านมุมมองของนักอนุกรมวิธานว่าเขาจะบรรยายข้อแตกต่างดังกล่าวไว้อย่างไร พร้อมๆกันน่ะครับ.

ปลายก้านครีบหูเมื่อเราลู่ครีบ ปลายก้านครีบของ P. armbrusteri อยู่ระหว่างครีบท้อง กับ รูทวาร ขณะที่ ปลายก้านครีบของ P. nigrolineatus ยาวถึงรูทวาร.

ครีบหางในตัวเต็มวัย P. armbrusteri มีครีบหางตัดตรง ขณะที่ ครีบหางของ P. nigrolineatus จะเว้าเข้า.

ใช้ความหนา บาง ของแถบสีบนลำตัวมาพิจารณา ใน P. armbrusteri แถบสีบนลำตัวที่เป็นแถบสีเข้มจะหนากว่าแถบสีอ่อน ขณะที่ แถบสีของ P. nigrolineatus ขนาดของแถบสีเข้มจะบางกว่าแถบสีอ่อน.

บริเวณกระดูกส่วนท้ายทอยของ P. armbrusteri จะโค้งนูน หรือ ค่อม ขณะที่ บริเวณเดียวกันของ P. nigrolineatus นั้นไม่ค่อม.

เมื่อเปรียบเทียบหนวดขากรรไกรบน พบว่าของ P. armbrusteri นั้นยาวกว่าของ P. nigrolineatus

ปลายก้านครีบท้องเมื่อเราลู่ครีบ ปลายก้านครีบของ P. armbrusteri อยู่ระหว่างครีบก้น ขณะที่ ปลายก้านครีบของ P. nigrolineatus ยาวเลยพ้นครีบก้น.

สุดท้ายต้องขอขอบคุณน้าๆทุกท่านที่เข้ามาชม https://www.catalogue-of-fishes.pantown.com ถือว่าเป็นเกียรติกับผมมากครับ. หากเนื้อหาผิดพลาด หรือ ขาดตกบกพร่องไม่เรียบร้อย ผมต้องขออภัยไว้ ณ ที่ด้วยน่ะครับ. เรื่องเล่าเกี่ยวกับปลานั้น ส่วนตัวผมเชื่อว่าไม่ต้องอัญเชิญเทพลงมาสถิตย์ ทุกท่านเขียนได้น่ะครับ อย่าไปใส่ใจว่าใครจะแย้ง เพราะความรู้ และ การเรียนรู้นั้นมีจุดเริ่ม แต่จุดจบจะมาถึงเมื่อร่างกายเราดับสิ้นเท่านั้นครับ. แรกๆตอนทำเว็บนี้ผมก็เคยถูกกล่าวหาว่าอวดภูมิ แถมอวดแบบผิดๆอีกต่างหาก ผมได้แต่ยิ้มมุมปาก เพราะมิติความคิดของผมมันคนละรูปแบบ ดังนั้นเราถึงมีโอกาสได้เห็นความแตกต่างระหว่างตนเองกับคนที่เปรียบเทียบ. “ทั้งคนจนและคนรวยก็มักจะสอนลูกตนให้อยู่เหนือคน แทนที่จะสอนให้เป็นคน.”

โดย: จิรชัย (เจ้าบ้าน ) [26 ม.ค. 55 21:36] ( IP A:124.121.135.12 X: )

คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน