ความคิดเห็นที่ 2 สวัสดีค่ะเจ้าบ้านและสมาชิกชาวครัวชมพู่ทุกๆๆๆๆๆท่าน หวังว่าทุกท่านคงสบายดีนะคะ ไม่รู้นานเท่าไรที่จิง....จังไม่ได้แวะเข้ามาที่นี้คิดถึงที่แห่งนี้เสมอ ด้วยงานบังคับทำให้ไม่มีเวลา พอกลับถึงบ้านก็ตั้งท่าจะหลับอย่างเดียว พอตื่นก็ตั้งท่าจะวิ่งทำงานอย่างเดียว ช่วงนี้จิง....จังยังทำงานอยู่ในพื้นที่ชนบทบ้านเราค่ะ เมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายน เป็นช่วงฤดูเก็บเกี่ยวข้าว มองไปทางในก็เหลืองอร่ามงามตา ปีนี้ชาวบ้านในแทบทุกพื้นที่ที่จิง....จังไป บอกว่าคาดว่าจะไม่ได้ข้าวเยอะ แต่ปรากฏว่าผิดคาดกลับได้มากกว่าที่คิด แต่ค่าจ้างเกี่ยวข้าวปีนี้แพงระยับ แรกๆตอนต้นเดือนก็ประมาณวันละ150บาท พอกลางเดือนถึงปลายเดือนขยับไปที่220-280บาท บางรายสู้ค่าจ้างไม่ไหวก็ต้องปล่อยให้ข้าวล้มเพราะทำกันเองในครอบครัวไม่ทัน ราคาค่าจ้างนี้เจ้าภาพต้องเลี้ยงอาหารกลางวันด้วยนะ ช่วงนี้จิง....จังออกพื้นที่ก็จะได้ทานข้าวใหม่หอมๆทุกวัน อาหารก็จะเป็นอาหารพื้นบ้านที่ชาวบ้านเขาไปหาตามท้องทุ่งนา เช่นอ่อมปูใส่ผักคะแยง อ่อมหอยใส่ดอกขี้เหล็ก ต้มปลาค่อน(จะมีใครสงสัยมั้ยเอ่ยปลาค่อนคืออะไร จิง....จิงหน้าแตกมาแล้ว อิ อิ) หอยก็หอยที่คนอีสานบ้านเราเรียกว่าหอยจูบ แต่ว่าชาวบ้านเขาจะไปขูดเอาตามทุ่งนา เรียกอีกชื่อว่าหอยคัว ช่วงนี้มะกอกเยอะมาก ทานส้มตำกันเป็นอาหารหลักทุกวัน พอถึงเวลาอาหารกลางวันก็ปั้นจักรยานไปเก็บมะกอกที่ลานวัดหรือไม่ก็ที่ทุ่งนา ต้มปลาช่อนใส่มะกอกอร่อยเหาะไปเลย ปลาร้าในไหที่ชาวบ้านหมักไว้ก็ส่งกลิ่นหอมยั่วยวน มะละกอก็ห่ามๆมาเจอะมะกอกสุกๆสดๆ อร่อยสุดยอด และอีกเมนูหนึ่งในท้องทุ่งนาก็คือ รวมสารพัดแมลง จะคั่วจะทอดก็อร่อยไปหมดเมื่ออาหารทุกอย่างปรุ่งเสร็จก็เอามาจัดสำรับวางยาวล้อมวงรับประทานรวมกัน อ้อ ขาดไม่ได้คือผักสดๆ สดจริงๆๆๆ คือเด็ดหรือตัดจากแปลงเดี่ยวนั้นให้เห็นเลย ชาวบ้านบ้านเราต่อให้มีอาหารอื่นๆจะเป็นอะไรก็ช่าง ยังไง ยังไงก็ต้องมีผักสดๆมาทานเป็นเครื่องเคียง ตอนทานข้าวนี้แหละคุ่ยกันสนุกสนาน เชื่อมั้ยว่างานที่เราอยากได้ ข้อมูลที่เราอยากรู้ จะได้จากวงข้าวนี้ละ เพราะพอเราไปถึงจะพูดจะคุ่ย จะถาม อะไร ชาวบ้านเขาจะบอกว่าอย่าเพิ่งอยากรู้ มา มา มา หาข้าวกินกันก่อน กลุ่มชาวบ้านเห็นเราไปเขาจะดีใจอยากจะต้อนรับ กลุ่มหนึ่งไปขูดปู กลุ่มหนึ่งไปขูดหอย เป็นอย่างนี้ น่ารัก พวกเราก็เกรงใจ เหมือนจะเป็นการรบกวนเขา เราบอกเขาว่าพวกเรากินอะไรก็ได้ เสร้จงานจากตรงนี้ จะไปทานกว๋ยเตี๋ยวข้างทาง ชาวบ้านเขาก็จะบอกพวกเราว่า ก๋วยเตี๋ยวนะซื้อกินตอนใหนก็ได้ แต่อ่อมปู แกงหอยคัว ต้มปลาค่อน หรือแมลงหากินยากนะ หรือรังเกียจอาหารพวกนี้ นี้ละคือประโยคเด็ดที่บังคับให้จิง....จังต้องได้ทานอาหารอร่อยทุกๆครั้งที่ลงพื้นที่ จนต้องบอกกับชาวบ้านว่าพี่ๆทั้งหลายขา ถ้านำหนักหนูเกิน46กิโลพี่ต้องรับผิดชอบหนูนะ ได้หัวเราะกันสนุกสนาน งานหรือข้อมูลทุกอย่างจะเก็บได้เสร็จเรียบร้อยพร้อมทุกคนก็อิ่มอาหารก็หมด ก่อนจากกันชาวบ้านก็จะมีของฝากเช่น ปลาร้า ผักสดๆ มะกอก ข้าวสาร โดยเฉพาะข้าวสารได้เป็นกระสอบปุ๋ยเลยนะ (ไม่ได้โม้นะ) เพราะทุกคนมีและหิ้วมาฝากคนละถ้วย สองถ้วยสามถ้วย พอรวมกันเข้าโอ้โห้...ชาวบ้านจะบอกว่าอย่าเก็บไว้นะให้รีบทานเดียวจะเป็นข้าวเก่าก่อน เราก็มีแอบแซวว่าไม่เป็นไรเดียวจะเอาไปขาย...... เรายกมือไหว้อำลาชาวบ้านพร้อมกับบอกเขาว่าพรุ่งนี้เจอะกันไหม่พร้อมกับกระจกรถกำลังปิดสนิท เสียงชาวบ้านลอยมาให้ได้ยินว่า พรุ่งนี้จะป่นปลา ตำบักหุ่ง แจ่วบอง ใว้รอตอนเช้านะ เราขับรถย้อนกลับทางเดิมเมือเช้าด้วยความสุขใจมองสองข้างทางท้องทุ่งนาที่เหลือแต่ตอข้าวรถก็เริ่มห่างจากหมู่บ้านเรื่อยๆในขณะที่พระอาทิตย์กำลังตกดิน อดที่จะคิดถึงใครคนหนึ่งที่อยู่ใกลแสนใกล...เกินกว่าจะไปหาได้ กำลังทำอะไรอยู่นะ.....จะรู้มั้ยว่าเราคิดถึงแล้วรถเราก็มาจอดนิ่งที่สำนักงานในเวลาประมาณเกือบหนึ่งทุ่มทุกวัน เมือเปิดประตูรถเสียงเพื่อนจะร้องถามเป็นไงบ้าง วันนี้กินข้าวกับอะไร มีอะไรมาฝาก เมือตอบคำถามและแบ่งปันของฝากกันแล้ว จิง....จังก็จะเคลีย์งานต่อเสร็จเมือไรถึงกลับเข้าบ้าน ชีวิตก็จะเป็นอย่างนี้ทุกวัน....สนุก |