Saffrans หรือ หญ้าฝรั่น
   

โดย: ชมพู่ [16 ธ.ค. 51 3:47] ( IP A:213.114.231.194 X: )
Add to Facebook  Add to Twitter  Add to Multiply  Add to Google  Add to Blogger  Add to Live
ความคิดเห็นที่ 1
   หญ้าฝรั่น
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ไปที่: ป้ายบอกทาง, ค้นหา
Saffron crocus
?'Crocus sativus' L.

ดอกหญ้าฝรั่นเกสรแดง
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์[ซ่อน>

อาณาจักร Plantae
ส่วน Magnoliophyta
ชั้น Liliopsida

อันดับ Asparagales
วงศ์ Iridaceae

สกุล Crocus
สปีชีส์ C. sativus
ข้อมูลทั่วไป[ซ่อน>
ชื่อวิทยาศาสตร์ 'Crocus sativus' L.
หญ้าฝรั่น (ออกเสียง ฝะ-หรั่น) จัดเป็นเครื่องเทศและเครื่องยาที่สำคัญอย่างหนึ่ง มีการนำเข้าในประเทศไทยจากประเทศแถบอาหรับ (เช่น เปอร์เซีย) หรือชาวตะวันตก มาช้านาน
หญ้าฝรั่น ในภาษาอาหรับเรียก ซะฟะรัน เป็นไม้ดอกสีม่วง เพาะพันธุ์ด้วยหัว อยู่ในตระกูลเดียวกับไอริส จึงมีเกสรข้างในสีเหลืองทอง เมื่อแห้ง ใช้เติมรสและกลิ่นในอาหาร และใช้เป็นสีย้อมได้ด้วย หญ้าฝรั่นมีกลิ่นฉุน เฉพาะตัวและมีรสค่อนข้างขม ชาวตะวันออกและผู้คนแถบทะเลเมดิเตอเรเนียนนิยมใช้ในการปรุงรสและแต่งสีแต่งกลิ่นอาหารมาแต่ครั้งโบราณกาล โดยเฉพาะ ในข้าวและอาหารจำพวกปลา ส่วนชาว อังกฤษ สแกนดิเนเวียน และผู้คนแถบทะเลบอลข่านใช้ผสมกับขนมปัง นับว่าเป็นส่วนผสมที่สำคัญในตำรับอาหาร ฝรั่งเศส ด้วย

สีเหลืองทองสำหรับย้อมผ้า ละลายน้ำได้นั้น กลั่นมาจากเกสรหญ้าฝรั่นในอินเดียสมัยโบราณ หลังพระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพานไม่นานนัก เหล่าสงฆ์ทั้งหลายก็ใช้หญ้าฝรั่นเป็นสีย้อมจีวรอย่างกว้างขวาง สีย้อมดังกล่าวยังใช้สำหรับภูษาอาภรณ์ของกษัตริย์ ในหลายวัฒนธรรม

มีการหว่านเครื่องเทศหญ้าฝรั่นนี้ภายในอาคารต่างๆ เช่น ภายในราชสำนัก หอประชุม โรงละคร และโรงอาบน้ำของกรีกและโรมัน เพื่อเป็นเครื่องหอม ภายหลังมีความผูกพันเป็นพิเศษกับเฮไตไร หรือนางคณิกาของกรีก บรรดาถนนสายต่างๆ ของโรมก็ล้วนโปรยปรายไปด้วยหญ้าฝรั่น เมื่อจักรพรรดิเนโรเสด็จเข้ามายังพระนคร

หญ้าฝรั่นนี้เชื่อกันว่าเป็นพืชพื้นเมืองแถบทะเลเมดิเตอเรเนียน เอเชียไมเนอร์ และอิหร่าน โดยมีการปลูกมาช้านานแล้วในอิหร่าน และแคว้นแคชเมียร์ของอินเดีย และเข้าใจว่ามีการนำเข้าไปยังแผ่นดินจีนเมื่อครั้งพวกมองโกลบุกรุก

ในตำราแพทย์แผนโบราณของจีน สมัยยุคศตวรรษที่ 16 นั้นก็ยังมีกล่าวถึงหญ้าฝรั่นโดยแพทย์จีนเรียกหญ้าฝรั่นนี้ว่า ซีหงฮวา ซึ่งแปลว่า ดอกไม้สีแดงจากตะวันตก ส่วนชาวอาหรับและพวกแขกมัวร์ในประเทศสเปนก็รู้จักการปลูกหญ้าฝรั่นเมื่อประมาณปี พ.ศ. 1504 และยังมีการกล่าวไว้ในตำราทางการแพทย์ของอังกฤษ เมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 10 (พ.ศ. 1444- 1543) แต่อาจสูญหายไปจากยุโรป กระทั่งพวกครูเสดนำเข้าไปอีกครั้ง ในช่วงสมัยต่างๆ หญ้าฝรั่นมีค่ามากกว่าทองคำเมื่อเทียบน้ำหนักกัน และยังคงเป็นเครื่องเทศที่มีราคาแพงที่สุดในโลก[ต้องการแหล่งอ้างอิง>จนปัจจุบัน

ส่วนตำราการแพทย์แผนโบราณของไทยนั้น หญ้าฝรั่นถือได้ว่าเป็นของที่สูงค่ามีราคาแพงมาก จัดเป็น ตัวยาที่ช่วยในการแก้ลมวิงเวียน บำรุงหัวใจ เป็นตัวยาหลักที่ใช้ในตำรับยาหอมต่างๆ และยังใช้บดเป็นผงให้ละเอียดแล้วละลายในน้ำต้มสุกที่ทิ้งไว้ให้เย็นแล้วกินเป็นน้ำกระสายยาคู่กับการกินยาตำรับต่างๆอีกด้วย


หญ้าฝรั่นจากประเทศอิหร่าน ความยาวก้านเกษรประมาณ 20 มิลลิเมตรปัจจุบันนี้มีการ ปลูกหญ้าฝรั่นกันมากในสเปน ฝรั่งเศส ซิซิลี อิตาลี อิหร่าน และแคชเมียร์ จะมีการเก็บเกสรตัวเมียดอกละสามอัน นำไปวางแผ่ไว้ในถาด ย่างไฟที่ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง นำมาแต่งรสชาติและกลิ่นของอาหาร หญ้าฝรั่นแห้งที่ได้ 1 กิโลกรัม เท่ากับผลผลิต 120,000 - 160,000ดอก ดังนั้นจึงต้องเก็บเกสรตัวเมียจากดอกของหญ้าฝรั่นด้วยมือจำนวนมากถึงจะได้ปริมาณตามที่ต้องการ ทำให้หญ้าฝรั่นจัดเป็นเครื่องเทศที่มีราคาแพงที่สุดในโลกโดยน้ำหนักในบรรดาเครื่องเทศทั้งหลาย ซึ่งโดยเฉลี่ยขายปลีกกันประมาณ กิโลกรัมละ 77,700 บาท ทำให้ในปัจจุบันมีการเอาดอกคำฝอย ซึ่งมีลักษณะที่ค่อนข้างคล้ายคลึงกันมากกับหญ้าฝรั่นแต่มีราคาที่ถูกกว่ามากมาผสมปนอยู่ด้วยในเวลาที่ขายในร้านขายเครื่องเทศและสมุนไพรต่างๆ

ดึงข้อมูลจาก "https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AB%E0%B8%8D%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%9D%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%99".
โดย: ชมพู่ [16 ธ.ค. 51 3:52] ( IP A:213.114.231.194 X: )
ความคิดเห็นที่ 2
   https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%84%E0%B8%9F%E0%B8%A5%E0%B9%8C:Iran_saffron_threads.jpg

โดย: ชมพู่ [16 ธ.ค. 51 3:53] ( IP A:213.114.231.194 X: )
ความคิดเห็นที่ 3
   https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%84%E0%B8%9F%E0%B8%A5%E0%B9%8C:Saffran_crocus_sativus_moist.jpg

โดย: ชมพู่ [16 ธ.ค. 51 3:53] ( IP A:213.114.231.194 X: )
ความคิดเห็นที่ 4
   ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
หญ้าฝรั่นเป็นพืชล้มลุก มีลำต้นใต้ดิน ซึ่งมีลักษณะเป็นหัวคล้ายหัวเผือก (Corm) ใบยาวแคบ ออกดอกในฤดูใบไม้ร่วง โดยก้านดอกจะแทงออกมาจากหัวใต้ดิน ลักษณะดอกมีรูปร่างคล้ายดอกบัว กลีบดอกเรียวยาวคล้ายรูปไข่ มีเกษรขนาดยาวโผล่พ้นเหนือดอก เกษรตัวเมียมีสีแดงเข้ม ดอกอยู่ได้นานประมาณ 2-3 สัปดาห์ การเก็บดอกหญ้าฝรั่นนั้น ควรเก็บเมื่อดอกเริ่มบาน ส่วนที่นำมาใช้คือเกษรตัวเมีย โดยเด็ดออกจากดอกแล้วเอามาทำให้แห้งโดยการย่างบนเตาถ่านเพื่อให้เสียน้ำ ซึ่งดอกหญ้าฝรั่น 100,000 ดอก จะให้เกษรตัวเมียที่แห้งหรือหญ้าฝรั่นประมาณ 1 กิโลกรัม หญ้าฝรั่นจึงมีราคาแพงมาก เท่าราคาทองคำเลยทีเดียว

เห็นเค้าเขียนว่า ประเทศที่ปลูกหญ้าฝรั่นเพื่อส่งออกคือ สเปน เยอรมัน ฝรั่งเศล อิหร่าน อินเดีย

อันนี้ลิงค์จ้า https://www.praphansarn.com/herb/herb34.php

ปล. หญ้าฝรั่นมีหลายเกรดคะ
โดย: ชมพู่ [16 ธ.ค. 51 3:55] ( IP A:213.114.231.194 X: )
ความคิดเห็นที่ 5
    ลิ้งค์นี้เว็บเครื่องเทศเพียบเลยค่ะ https://caliban.mpiz-koeln.mpg.de/~stueber/koehler/

โดย: ชมพู่ [16 ธ.ค. 51 4:02] ( IP A:213.114.231.194 X: )
ความคิดเห็นที่ 6
   หญ้าฝรั่น หรือ ผงSaffrans ที่เมืองไทยอาจจะหาซ์้อยาก และราคาคงจะแพง แต่ก็สามารถใช้ ดอกคำฝอย แทนก็ได้นะค่ะ


เห็นว่าคุณเจนนี่ถามเรื่องSaffrans เลย มาตั้งกระทู้ให้ใหม่ หวังว่ากระทู้นี้ คงจะมีประโยชน์กับเพื่อนๆไม่มากก็น้อยนะค่ะ และขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่าน สวัสดีค่ะ
โดย: ชมพู่ [16 ธ.ค. 51 4:09] ( IP A:213.114.231.194 X: )
ความคิดเห็นที่ 7
   ...สวัสดีครับคุณ ชมพู่ เข้ามาทักทายครับ ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ
โดย: จินจง [16 ธ.ค. 51 14:10] ( IP A:125.24.136.238 X: )
ความคิดเห็นที่ 8
   กลิ่นเหมือนอะไรคะ เหมือนดอกอะไร นึกไม่ออกอ่ะค่ะ..แต่ดูท่าทางแล้วจะหายากเน๊อะถ้าไม่ใช่แหล่ง...
โดย: โจ [16 ธ.ค. 51 21:18] ( IP A:61.91.163.157 X: )
ความคิดเห็นที่ 9
   สวัสดีค่ะคุณจินจง คุณโจ

คุณโจ วันนี้ ว่าจะส่งไปให้แล้ว แต่ไปค้นดู เกลี้ยงตู้กับข้าวเลย อิอิ คอยหน่อย ให้หาเจอคงจะจัดส่งไปให้ ลองทำกินดู เอามาใส่ ข้าวก็หอมอร่อยดีนะ พอดีช่วงนี้หาซื้อยากเหมือนกัน บางที่ขาดตลาดเลย เพราะ เงินที่นี่ตก และ ช่วงนี้คนใช้กันเยอะ ด้วยอะจ๊ะ
โดย: ชมพู่ [17 ธ.ค. 51 2:24] ( IP A:213.114.231.180 X: )
ความคิดเห็นที่ 10
   ขอบคุณมากค่ะ ความรู้ทั้งนั้นเลย อิ๊ อิ๊
โดย: แก้ว [20 ธ.ค. 51 4:41] ( IP A:213.100.199.113 X: )
ความคิดเห็นที่ 11
   ขอบคุณสำหรับความรู้นะคะ
โดย: ตูน [27 พ.ค. 52 22:07] ( IP A:203.144.180.65 X: )

คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน