+++รวมสูตรคุณจินจง+++
    ขอย้ายกระทู้สูตรของคุณจินจงจากห้องหน้าบ้านมารวมกันที่กระทู้นี้นะคะ
...ส่วนผสมของน้ำบูดู
...ส่วนผสมของน้ำบูดู
๑.น้ำบูดู(เกรดต่ำ)จะมีกากของปลาปนอยู่เป็นจำนวนมาก
๒.ตระไคร้
๓.ข่า
๔.ใบมะกรูด
๕.หัวหอมแดง
๖.น้ำตาลแว่น(ทำจากตาลโตนด)
นำส่วนผสมทั้ง๖อย่างใส่หม้อแล้วก็เคี่ยวจนน้ำข้นหนืด(ใช้เวลานาน)เมื่อเสร็จแล้วทิ้งให้เย็นจากนั้นก็กรองด้วยผ้าขาวบาง
...มาถึงเครื่องที่เป็นองค์ประกอบของข้าวยำ
๑.กุ้งแห้ง(อย่างดี)ป่นละเอียด
๒.ปลาทะเล(ส่วนใหญ่จะใช้ปลาราคาถูก)สำคัญต้องสดนำมาต้มให้สุกแกะเอาแต่เนื้อยีให้ละเอียดแล้วนำไปคั่วในกะทะให้แห้งสนิท
๓.มะพร้าวขูดแล้วคั่วในกะทะจนมะพร้าวเหลืองกรอบ
๔.พริกขี้หนูแห้งนำไปคั่วในกะทะให้เกรียมแล้วนำไปป่นให้ละเอียด
...ทีนี้มาถึงผักที่ใช้โรยใส่บนข้าวยำ(สามารถประยุกติ์ผักต่างๆแทนได้ตามใจชอบ)ส่วนใหญ่ที่ใช้อยู่ทั่วๆไปเป็นหลักของข้าวยำก็มี
๑.แตงกวาซอยเป็นเส้น
๒.ถั่วงอก
๓.ใบมะกรูดซอย
๔.ดอกดาหราซอย(ใช้ดอกของชมพู่มะเหมี่ยวแทนได้)
๕.ผักกระหล่ำปลีซอยเป็นเส้นๆ
๖.ลูกสะตออันนี้กินกับข้าวยำจะเข้ากันได้ดีมาก(ถ้าไม่มีก็ใช้สะตอเบาแทนได้แต่สู้สะตอหนักไม่ได้)สะตอเบาก็คือเมล็ดของกะฐินนั่นเอง
๗.มะนาว
พวกผักที่ใช้ยังมีอีกมากส่วนใหญ่จะเป็นพืชผักพื้นบ้านทั่วๆไป ฯลฯ
...เวลาจะรับประทานก็คดข้าวใส่จาน(นิดเดียว)แล้วก็ราดน้ำบูดู(ต้องราดให้พอดีไม่มากไม่น้อยไป)โรยด้วยปลาป่น กุ้งแห้งป่น พริกป่น(ชอบเผ็ดมากเผ็ดน้อยต้องกะเอาเอง) มะพร้าวคั่ว จากนั้นก็โรยผักต่างๆที่กล่าวมาอย่างละนิดอย่างละหน่อยแล้วบีบมะนาวตามชอบคลุกเคล้าให้เข้ากันดีก็รับประทานได้
...สำหรับผู้ที่อยู่แดนไกล (ต่างประเทศ) บูดูคงจะหายากสักหน่อยแต่สามารถประยุกติ์ได้โดยใช้น้ำปลาอย่างดีแทนและใส่ปลาสดๆลงไปเคี่ยวในน้ำปลาด้วยเสร็จแล้วค่อยกรองเอาแต่น้ำ (สูตรนี้ไม่เคยทำแต่คิดว่าคงใช้ได้)
โดย: จินจง [28 มี.ค. 48 18:13> ( IP A:203.113.77.68 X: )



--------------------------------------------------------------------------------
โดย: จินจง [13 ก.ค. 48 22:42] ( IP A:213.114.231.248 X: )
Add to Facebook  Add to Twitter  Add to Multiply  Add to Google  Add to Blogger  Add to Live
ความคิดเห็นที่ 1
   ...ในภาคใต้ของประเทศไทยอาหารหลักที่พบเห็นได้ตามร้า
...ในภาคใต้ของประเทศไทยอาหารหลักที่พบเห็นได้ตามร้านขายข้าวแกงทุกร้านคือ แกงส้ม นับเป็นแกงยอดนิยมอันดับหนึ่งของภาคใต้เลยก็ว่าได้ วิธีทำก็แสนจะง่าย แต่รสชาดจะให้อร่อยรู้สึกว่ายากเพราะลิ้นของแต่ละคนไม่เหมือนกัน มาเข้าเรื่องกันเลยครับ
เครื่องแกงส้ม
๑.พริกขี้หนูสด
๒.หัวกระเทียมสด
๓.ขมิ้นสด
๔.กะปิแกง(กะปิมีสองชนิดคือกะปิสำหรับแกงและกะปิสำหรับตำน้ำพริก)
๕.หัวหอมแดง (ใส่น้อยที่สุดประมาณ 1-2 หัว)
๖.มะนาว หรือมะขามสดหรือเปียก หรือมะม่วง หรือมะดัน ฯลฯ
...ส่วนเนื้อนิยมใส่เนื้อปลาหรือกุ้งเป็นหลัก
...ส่วนผักนั้นตามแต่ชอบที่นิยมก็มี ดอกแค ผักบุ้งน้ำ ผักกะเฉด
มะระกอดิบ ผักกวางตุ้ง(ใช้ซิม) ฯลฯ
...วิธีทำก็แสนจะง่ายมากๆ นำเครื่องแกง 1-5 ใส่ครกแล้วก็ตำให้ละเอียด จากนั้นนำน้ำเปล่าใส่หม้อตั้งไฟพอน้ำเดือดนำเครื่องแกงที่ตำเอาไว้ใส่ลงไป รอจนน้ำเดือดอีกครั้งค่อยใส่เนื้อปลาหรือกุ้งลงไป(ห้ามคนหม้อ)พอน้ำเดือดใส่เกลือใส่ผักที่เตรียมไว้พอผักสลดก็ปิดไฟแล้วเติมน้ำมะนาวหรือน้ำมะขามหรือฯลฯ ชิมรสให้ออกเปรี้ยวนำเผ็ดตาม(บางคนชอบหวานก็เติมน้ำตาลได้ไม่ผิดกติกา) เมนูนี้แปลกมากทำง่ายแสนง่ายแต่จะให้อร่อยไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะมีเคล็ดอย่างละนิดอย่างละหน่อยหยุมหยิมไปหมดใครที่สามารถแกงส้มให้อร่อยได้ต้องถือว่าเก่งมาก

++++++++++++++++++++
สวัสดีคะคุณจินจง แล้วกะปิ 2อย่างที่ว่า ดูได้ยังไงค่ะ
โดย: nocturne [29 มี.ค. 48 10:48> ( IP A:202.28.4.12 X: )
+++++++++++++++++++++++

...สวัสดีทุกๆคนครับ ขอตอบคำถามคุณ nocturne เกี่ยวกับการดูกะปิว่าเป็นกะปิแกงหรือเป็นกะปิตำน้ำพริก
๑. กะปิแกงเขาทำจาก เคย(กุ้งฝอยตัวเล็กๆ)และปลาเป็ด(ปลาตัวเล็กๆ)บางเจ้าก็มีลูกปูลูกหอยผสมอยู่ด้วย ส่วนใหญ่กะปิชนิดนี้จะมีเนื้อหยาบไม่ละเอียดเหมือนกะปิตำน้ำพริก รสชาดก็แตกต่างกันด้วย
๒. กะปิตำน้ำพริกเขาทำจาก เคยล้วนๆ(กุ้งฝอยตัวเล็กๆ)ฉนั้นจึงทำให้กะปิชนิดนี้มีเนื้อที่ละเอียดมากเวลามองดูจะเห็นตาของเคยเต็มไปหมดเนื่องจากว่าทำจากเคยล้วนๆนั่นเอง(จุดสีดำๆเล็กๆในเนื้อกะปิก็คือตาเคยนั่นเอง)
โดย: จินจง [29 มี.ค. 48 18:14> ( IP A:203.113.77.68 X: )
โดย: ++ [13 ก.ค. 48 22:47] ( IP A:213.114.231.248 X: )
ความคิดเห็นที่ 2
    ...วันนี้มานำเสนอสูตรยำน้ำบูดูให้ลองไปทำทานกันดูคร
...วันนี้มานำเสนอสูตรยำน้ำบูดูให้ลองไปทำทานกันดูครับ ทำง่ายๆอร่อยและไม่ทำให้อ้วนด้วยครับ สิ่งที่ต้องเตรียม
๑.กุ้งสดต้มสุกปอกเปลือกกุ้งแล้วโขกหรือสับก็ได้
๒.พริกขี้หนูสดสับละเอียด
๓.หัวหอมแดงซอย
๔.ใบมะกรูดซอยแล้วสับละเอียดอีกที
๕.มะนาวสด
๖.น้ำบูดู(เกรดหนึ่ง)
...นำ ๑-๕ ใส่ในถ้วยเทน้ำบูดูลงไปพอท่วมเครื่องบีบมะนาวลงไปชิมดูให้ได้รสตามใจชอบ(ผมชอบเผ็ดนำเปรี้ยวตาม) รับประทานกับข้าวสวยร้อนๆแนมด้วยผักสดหรือผักลวกก็ได้ ขอเน้นเรื่องวัตถุดิบต้องสด
เวลาญาติผมมาจากภาคกลางพอได้ทานแล้วต่างก็ยกหัวแม่เท้าให้
โดย: จินจง [1 เม.ย. 48 18:33> ( IP A:203.113.77.68 X: )


สวัสดีค่ะคุณจินจง....
คงจะแซบอย่างคุณเต่าว่า ไปเมืองไทยคราวนี้คงต้องซื้อมามั่ง ขอถามคุณจินจงหน่อยว่ามันกุ้งนี่ ทำอะไรได้บ้างแล้วเป็นอาหารทางใต้บ้อ...
ขอบคุณค่ะ...สวัสดีเพื่อนทุกคน
โดย: สิตา [2 เม.ย. 48 14:33> ( IP A:62.195.169.151 X: )

...ขอตอบคุณสิตาเรื่องมันกุ้งครับ ปรกติแล้วมันกุ้งเขานำไปประกอบอาหารได้หลากหลายครับแต่หลักๆแล้วนำมาผัดเป็นข้าวผัดตามที่คุณแก้วบอกแต่แปลกมากที่คนทางใต้ไม่ค่อยนิยมรับประทานสักเท่าไหร่เท่าที่เห็น 80% จะนำมาจิ้มกับมะม่วงเบาดิบครับ คือเอามะม่วงเบามาผ่าเป็นชิ้นพอคำแล้วก็จิ้มมันกุ้ง(อุ้ยน้ำลายไหลแต่สูตรนี้ผมว่าไม่อร่อยนักถ้าจะให้อร่อยจริงๆต้องทำน้ำจิ้มมะม่วงแล้วเติมมันกุ้งลงไปโอยพิมพ์ต่อไม่ไหวน้ำลายไหลไม่ยอมหยุด)
โดย: จินจง [2 เม.ย. 48 18:00> ( IP A:203.113.77.68 X: )

-------
-------------------------------------------------------------------------
ความคิดเห็นที่ 9
เออ บูดูที่สูตรคุณจินจงนี่ไม่ทราบว่าบูดูชนิดไหนคะ เพราะเพื่อนที่ใต้บอกมี2แบบนะคะ
บังเอิญที่บ้านมีสีออกดำๆๆนะคะเพื่อนเอามาฝากจากใต้ เพื่อนบอกวิธีทำคร่าวๆๆ ทำแบบน้ำพริกปลาทูเน้น ซอยหอมใส่มากๆๆนะคะ และไม่มีรูปเหรอคะจะได้พอดูออกนะคะว่าทำแล้วจะเป็นยังไงนะคะ
โดย: กอฟฟารี่ [3 เม.ย. 48 15:58> ( IP A:203.188.24.105 X: )

--------------------------------------------------------------------------------
ความคิดเห็นที่ 10
...ขอตอบคุณ กอฟฟารี เรื่องน้ำบูดูนะครับ น้ำบูดูนั้นมีเพียงแบบเดียวครับไม่มีหลายๆแบบ แต่น้ำบูดูเขาแบ่งเป็นเกรดครับตั้งแต่เกรดชั้นหนึ่งจนถึงเกรดต่ำนะครับ คือเวลาที่เขาเปิดบ่อหมักน้ำบูดูน้ำแรกที่เขาตักขึ้นมาขายนั่นคือเกรดหนึ่งพอเขาตักหมดแล้วเขาจะเติมน้ำเกลือลงในบ่ออีกนั่นจะเป็นเกรดสองครับบางแห่งเขาเติมน้ำเกลือตั้งสามครั้งสี่ครั้งก็มี แล้วบูดูที่เขาขายกันทั่วๆไปถึงจะเป็นเกรดหนึ่งเหมือนกันก็จริงแต่รสชาดความอร่อยของแต่ละเจ้าไม่เท่ากันครับ (ผมจะเลือกซื้อเจ้าที่เคยทานแล้วว่าอร่อย) ส่วนสีของน้ำบูดูที่ดีควรจะเป็นสีอำพัน(พูดง่ายๆน้ำบูดูก็คือน้ำปลาเราดีๆนี่เองสีก็คล้ายๆกัน) ส่วนของคุณกอฟฟารีที่ว่าสีดำๆไม่ทราบว่าเป็นน้ำบูดูที่เขาเคี่ยวสำเร็จรูปเพื่อทำข้าวยำหรือเปล่าทดลองชิมดูนะครับว่ารสออกหวานหรือเปล่าถ้าหวานก็เป็นบูดูราดข้าวยำครับ แต่ถ้าออกรสเค็มแบบเดียวกับน้ำปลาก็เป็นบูดูดิบเกรดต่ำครับ
โดย: จินจง [3 เม.ย. 48 18:29> ( IP A:203.113.77.68 X: )
--------------------------------------------------------------------------------
ความคิดเห็นที่ 11
ป้าพรได้รู้จักน้ำบูดู ได้ดียิ่งขึ้น ต้องขอบคุณ คุณจินจง ที่นำสิ่งดีดี มาแบ่งปันกันจ๊ะ
โดย: ป้าพร Stockholm [3 เม.ย. 48 23:18> ( IP A:213.89.178.148 X: )
โดย: ++ [13 ก.ค. 48 23:07] ( IP A:213.114.231.248 X: )
ความคิดเห็นที่ 3
    ...เมนูนี้ไม่ทราบว่าจะตั้งชื่อว่าอะไรดี เหตุที่ตั
...เมนูนี้ไม่ทราบว่าจะตั้งชื่อว่าอะไรดี เหตุที่ตั้งชื่อว่าผัดฉี่เพราะว่าในขณะที่ประกอบอาหารเมนูนี้อยู่พอเติมน้ำลงไปในกะทะมันเกิดเสียงดังฉี่ๆๆๆๆๆๆ มาเข้าเรื่องครับสิ่งที่ต้องเตรียม
๑.ปลากดทะเลแล่เป็นชิ้นพอคำ(ต้องสดและเลือกตัวใหญ่ๆไว้ก่อนตัวประมาณ 20กก.ขึ้นไปแม่ค้าเขาจะแบ่งขายเป็นชิ้นๆ ตัวเล็กเนื้อจะอร่อยสู้ตัวใหญ่ไม่ได้ตัวใหญ่เนื้อจะเด้งหนังปลาจะกรึบๆ)
๒.พริกขี้หนูสด
๓.หัวกระเทียมสด
๔.พริกชี้ฟ้าสดหั่นแฉลบ
๕.ข่าสดซอยเป็นแว่น
๖.ตะไคร้ซอย(เฉพาะหัว)
๗.ใบมะกรูดฉีก
๘.มะเขือพวงเด็ดเป็นเมล็ด(ไม่ใช่ใส่ทั้งพวงนะครับ)ล้อเล่น
๙.ใบโหระพาเด็ดเป็นใบๆ(ไม่ใช่ใส่เป็นต้นๆนะครับ)ล้อเล่น
๑o.ซี่อิ้วขาว
เริ่มจากการโขกพริกแล้วตามด้วยกระเทียมให้ละเอียดแล้วพักเอาไว้จากนั้นก็นำกะทะตั้งไฟกลางใส่น้ำมันพืช(อย่าใช้น้ำมันพรายนะครับเพราะจะทำให้คนกินหลงเสน่ห์จนไม่ลืมหูลืมตา)พอน้ำมันร้อนก็นำเครื่องที่โขกเอาไว้ลงผัดพอส่งกลิ่นหอมก็ใส่ปลาที่แล่เนื้อเตรียมเอาไว้แล้วลงกะทะเกลี่ยเนื้อปลาให้ทั่วกะทะ(ห้ามผัดเพราะจะทำให้คาว)คะเนว่าปลาสุกก็ใช้ตะหลิวกลับปลาอีกด้านหนึ่ง(เมื่อปลาสุกดีแล้วจึงผัดได้)
พอปลาสุกทั่วแล้วนำเครื่องทุกอย่างที่เตรียมไว้ใส่ลงไปผัดเติมซี่อิ้วแล้วยกขึ้นรับประทานได้ สูตรนี้พรรคพวกที่ทานแล้วต่างด่าเป็นเสียงเดียวกันเลยว่าคนบ้าอะไรทำอาหารอร่อยจริงๆขนาดเด็กยังบอกว่าอร่อยกว่าที่แม่ทำให้กิน
โดย: จินจง [2 เม.ย. 48 18:32> ( IP A:203.113.77.68 X: )


ความคิดเห็นที่ 10
** อ่านแล้ว นึกตาม...ทำให้อยากกินมากๆๆค่ะ... กับข้าวสวยร้อนๆ... ไม่ทราบว่า จะใกล้เคียงกับผัดฉ่า ตามภาพข้างล่าง นี่รึเปล่าคะ ...

...ปลากรายผัดฉ่า (ภาพจาก ห้องจตุจักร)


โดย: กุ้งใหญ่ /โตเกียว [4 เม.ย. 48> ( IP A:219.1.112.93 X: )

...ดูจากรูปที่คุณกุ้งใหญ่/โตเกียวโพสแล้วไม่เหมือนกับสูตรของผมนะครับ สูตรของผมนี่จะอุดมไปด้วยพืชที่เป็นสมุนไพรเวลาจะทานตักเนื้อปลาแล้วมีข่าตะไคร้ใบมะกรูดใบโหระพาและมะเขือพวงเคี้ยวรวมๆกันรสชาดที่ได้อร่อยอย่าบอกใคร (ลืมบอกไปครับ ข่านั้นใช้ข่าอ่อนนะครับ) และสูตรนี้แห้งๆครับไม่ค่อยจะมีน้ำ
โดย: จินจง [4 เม.ย. 48 18:14> ( IP A:203.113.77.68 X: )

โดย: ++ [13 ก.ค. 48 23:11] ( IP A:213.114.231.248 X: )
ความคิดเห็นที่ 4
    ...รับประทานเมนูนี้คุ้มค่ากว่ารับประทานหูฉลามน้ำแดง วิธีทำก็ง่ายๆอีกนั่นแหละ สิ่งที่ต้องเตรียมมีดังนี้
๑.ปลาฉลามมัน(สายพันธ์นี้ต้องถือว่าสุดยอดของความอร่อยในตลาดมีมาขายไม่บ่อยนักนานๆถึงจะมีและมีครั้งละตัวสองตัวไม่มากมาย เฉพาะที่จังหวัดสงขลาเวลามีปลาชนิดนี้วางแผงคนจะแย่งกันซื้อเลยทีเดียวราคาก็สูงใช้ได้ ปลาตัวหนึ่งน้ำหนักประมาณ 2 กก.)ที่สำคัญปลาชนิดนี้สามารถรับประทานได้ทุกๆส่วนไม่ต้องทิ้งอะไรเลยกระดูกของปลาชนิดนี้จะกรอบคล้ายๆกระดูกอ่อนหมูเครื่องในก็ทานได้หมดทั้งตับไตใส้พุง เมื่อได้ปลามาแล้วก็ต้มน้ำให้เดือดสักหม้อแล้วเอาน้ำเดือดๆราดลงบนตัวปลาหรือลวกก็ได้ เสร็จแล้วใช้มือเปล่าๆลูบไล้ลงไปบนตัวปลา(หรือจำใช้สก็อตไบร์ก็ได้) เพื่อรูดเอาทรายและเกร็ดที่อยู่บนตัวปลาออกให้หมด จากนั้นก็ หั่น สับ สไลด์ ปลาออกเป็นชิ้นๆพอดีคำ แยกตับปลาออก
๒.ขิงแก่ๆสับ(ใช้จำนวนมาก)
๓.กระเทียมสดสับ(ใช้จำนวนมาก)
๔.พริกขี้หนูสดสับ(ตามชอบ)
๕.ซี่อิ้วขาว
๖.น้ำมันพืช
เริ่มจากการนำกะทะตั้งไฟกลางเติมน้ำมันคะเนจากปลาและเครื่องที่จะทำ พอน้ำมันเริ่มจะร้อนก็ใส่ขิงลงไปผัดจนหอมค่อยใส่กระเทียมตามลงไปเมื่อเครื่องหอมได้ที่แล้วค่อยใส่ปลาลงในกะทะเกลี่ยปลาให้ทั่ว(ห้ามผัดเพราะจะทำให้คาว)พอสุกค่อยใช้ตะหลิวผลิกกลับอีกด้านพอสุกดีแล้วใส่พริกขี้หนูตามชอบโรยเกลือผัดให้เข้ากันเติมซี่อิ้วขาวเพียงเท่านี้ก็อร่อยจนลืมไม่ลง สูตรนี้ภรรยาของเพื่อนมายืนดูว่าทำอย่างไรเพื่อจะได้ไปทำทานเอง
โดย: จินจง [3 เม.ย. 48 18:59> ( IP A:203.113.77.68 X: )

...ปลาฉลามมีอยู่หลากหลายสายพันธ์ แต่พันธ์ที่มาแนะนำนี้เขาเรียกกันว่า "ฉลามมัน" นะครับอย่าสับสน ส่วนที่คุณแก้วบอกว่าจะใช้ปลาเก๋าแทนผมอยากจะแนะนำให้นำปลาเก๋าไปทำเป็นเมนูอื่นจะอร่อยกว่าครับ เมนูนี้ถ้าหาปลาฉลามมันไม่ได้อยากจะแนะนำให้ใช้ปลากดทะเลแทนนะครับ(ควรซื้อปลากดตัวใหญ่ขนาด 20 กก.ขึ้นไป)
โดย: จินจง [4 เม.ย. 48 18:04> ( IP A:203.113.77.68 X: )
โดย: ++ [13 ก.ค. 48 23:14] ( IP A:213.114.231.248 X: )
ความคิดเห็นที่ 5
   ... เมนูนี้ทำทานกับข้าวก็อร่อยหรือจะเป็นกับแกล้มก็ยอด เด็กๆทานได้ผู้ใหญ่ก็ทานดี มาเข้าเรื่องครับ สิ่งที่ต้องเตรียม ๑.ปีกไก่ทอดสุก
๒.หัวหอมใหญ่สับ
๓.กระเทียมเจียว
๔.พริกไทยป่น
๕.น้ำมันหอย
๖.ซี่อิ้วขาว
๗.ซ๊อตมะเขือเทศ
๘.ซ๊อตปรุงรส
๙.ผักชี(สำหรับโรยหน้า)
๑o.สุราเซี่ยงชุน
มาถึงขั้นตอนในการทำ ทอดปีกไก่ตั้งเตรียมไว้ก่อน จากนั้นก็ตั้ง
กระทะใส่น้ำมันไฟกลางใส่หอมใหญ่สับลงไปผัดเสียก่อนจนหอมหรี่ไฟอ่อน เติมซ๊อตมะเขือเทศ น้ำมันหอย ซี่อิ้วขาว ซ๊อตปรุงรส พริกไทยป่น สุราเซี่ยงชุน กระเทียมเจียว ใส่ปีกไก่ที่ทอดเตรียมเอาไว้ลงไปคลุกเคล้าให้ทั้งหมดเข้ากัน เทใส่จานแล้วโรยหน้าด้วยผักชี
โดย: จินจง [5 เม.ย. 48 18:34> ( IP A:203.113.77.68 X: )


+++++++++++++++++++

... อืมม์ อยากกิน ปีกไก่เหล้าแดง แต่ ไม่ทานเหล้านะซี.. อยากกิน ๆๆ .. น่าจะมีรูป ตัวอย่างแปะให้ดู ด้วยน่ะ.. เวลาเซฟสูตร จะได้มีภาพประกอบ เป็นไอเดีย.. ขอบคุณ สำหรับสูตรค่ะ..

สวัสดีเพื่อนๆ ทุกๆคนด้วยค่ะ... ภาพอาหารไทย จากห้อง จตุจักร ค่ะ..


โดย: กุ้งใหญ่ /โตเกียว [7 เม.ย. 48 16:00> ( IP A:219.1.112.93 X: )

--------------------------------------------------------------------------------
ความคิดเห็นที่ 9
เหล้าข้าวเหนียว กับ สาโท นี่มันตระกูลเดียวกันรึเปล่าคะ
โดย: แมงเม่าฯ [7 เม.ย. 48 17:54> ( IP A:221.128.103.234 X: )

--------------------------------------------------------------------------------
ความคิดเห็นที่ 10
...ตอบคุณกุ้งใหญ่/โตเกียว การที่คุณไม่ทานเหล้าก็ไม่น่าจะมีปัญหานะครับ เพราะเหล้าเวลาที่เรานำมาปรุงอาหารนี่เราต้องการกลิ่นและรสชาดของมันส่วนกอฮอล์นั้นจะระเหยไปจนหมดเมื่อโดนความร้อนคุณจะทานเท่าไหร่ก็ไม่เมาครับ
โดย: จินจง [9 เม.ย. 48 17:41> ( IP A:203.113.77.68 X: )

--------------------------------------------------------------------------------
โดย: ++ [13 ก.ค. 48 23:19] ( IP A:213.114.231.248 X: )
ความคิดเห็นที่ 6
    ...เมนูนี้เป็นเมนูที่เวลาทานแล้วได้เหงื่อดีและอร่อ
...เมนูนี้เป็นเมนูที่เวลาทานแล้วได้เหงื่อดีและอร่อยอีกต่างหากครับ สิ่งที่ต้องเตรียม
๑.พริกขี้หนูสด กระเทียม หอมแดง ตระไคร้ ทั้งสี่อย่างโขกรวมกัน
๒.ผักกาดขาว ผักบุ้งจีน ใบแมงลัก(จำเป็นต้องมีเพื่อเพิ่มกลิ่นรส)
ผักชีฝรั่ง ต้นคึ่นฉ่าย และผักอื่นๆที่ชอบหรือตามแต่จะหาได้
๓.เนื้อสัตว์ สามารถใช้เนื้อได้ทุกชนิดรวมทั้งเครื่องในสัตว์ด้วยและรวมทั้งอาหารทะเล เตรียมตั้งไว้(หั่น สับ สไลด์ เป็นชิ้นพอดีคำ)
น้ำจิ้มของเมนูนี้จะให้รสแซบขนาดไหนอยู่ที่การคะเนส่วนผสมที่จะผสม
๑.พริกป่น(ใช้พริกขี้หนูแห้งมาคั่วจนเกรียมดำแล้วป่นละเอียด)
๒.ข้าวคั่ว(ใช้ข้าวเหนียวคั่วให้เหลืองหอมแล้วป่นละเอียด)
๓.น้ำมะขามเปียก
๔.น้ำปลาอย่างดี
๕.น้ำตาลปี๋บ หรือน้ำตาลปึก
...นำ 1-5 มาผสมกันแล้วชิมรสตามชอบ(ผมเคยใส่ใบโหระพาปั่นละเอียดลงไปผสมด้วยก็ได้กลิ่นรสไปอีกแบบ)
...เวลาจะทานก็หาหม้อสักใบจะใส่น้ำเปล่า หรือน้ำมะพร้าวอ่อนก็ได้ต้มจนเดือดก็ใส่เครื่องที่โขกเตรียมเอาไว้และตามด้วยผัก จากนั้นก็คีบแล้วก็จุ่มตามด้วยจิ้มครับ
โดย: จินจง [8 เม.ย. 48 18:24> ( IP A:203.113.77.68 X: )
โดย: ++ [13 ก.ค. 48 23:22] ( IP A:213.114.231.248 X: )
ความคิดเห็นที่ 7
    ...เมนูนี้ทำง่ายๆแต่อร่อยมาก สิ่งที่ต้องเตรียมก็มีดังนี้
๑.ปลาถั่ว(ต้องสด) ขอดเกล็ด ล้าง หั่นเป็นท่อนๆให้พอดีกับภาชนะที่จะใช้นึ่ง
๒.ผักกาดขาว เอาไว้รองก้นจานก่อนที่จะวางปลาลงไปป้องกันปลาติดก้นจาน
๓.ขิงซอย
๔.ซี่อิ้วขาวอย่าดี
๕.น้ำมันงา
๖.ผักชี เอาไว้ใช้โรยหน้าเวลาเสริฟ
...ขั้นตอนก็ง่ายๆอีกนั่นแหละ นำผักกาดขาวรองก้นจาน จากนั้นก็นำปลาวางเรียงลงไป โรยขิงซอยลงบนตัวปลา ตามด้วยซี่อิ้วขาว และน้ำมันงา พอเสร็จแล้วก็นำไปนึ่งไฟแรงจนสุก ยกขึ้นโรยหน้าด้วยผักชี
เพียงเท่านี้ก็พร้อมที่ทานได้ แต่ถ้าใครชอบเห็ดหอมก็สามารถใส่ลงไปได้ไม่ผิดกติกาหรือจะเพิ่มหัวกระเทียมซอยบางๆก็ได้อีกนั่นแหละ
โดย: จินจง [9 เม.ย. 48 17:58> ( IP A:203.113.77.68 X: )

--------------------------------------------------------------------------------
ความคิดเห็นที่ 1
** ง่า... ปลาถั่ว เนี่ยะ..มันหน้าตาเป็นอย่างไรค๊า...(หรือว่า ปลา มันตาถั่ว กันทั้งตระกูล... ฮ่าๆๆๆๆ) ... แซวเล่นจ้ะ.. แต่ไม่รู้จักปลา ชนิดนี้จริงๆนะ... สปีชี่ส์ ไหน ล่ะเนี๊ยะ....

..แล้วเจ้า กระพงนึ่งซีอิ้ว นี่ล่ะคะ..พอจะคลับคล้ายคลับคลา มั่งไม๊ ? ..ภาพจาก ห้องจตุจักร ค่ะ...


โดย: กุ้งใหญ่ /โตเกียว [10 เม.ย. 48> ( IP A:219.1.112.93 X: )

--------------------------------------------------------------------------------
ความคิดเห็นที่ 2
ดีค่ะคุณจินจง พี่กุ้งใหญ่
ดีนะที่พี่กุ้งใหญ่หาภาพมาประกอบได้น่ากินมากเลยค่ะ
พี่กุ้งใหญ่น่ารักอีกแล้วอ่ะ
โดย: *แก้ว* [10 เม.ย. 48 1:15> ( IP A:81.225.21.206 X: )

--------------------------------------------------------------------------------
ความคิดเห็นที่ 3
คุณจินจงคะ น้ำมันงาอย่างดี นี่ต้องซื้อจากร้านธรรมชาติหรือจากห้างได้ไหมคะ ขอรบกวนค่ะ บอกใบ้ก็ได้ค่ะว่ายี่ห้ออะไร จะได้มั่นใจว่าดีค่ะ
โดย: nocturne [10 เม.ย. 48 14:55> ( IP A:202.28.4.251 X: )

--------------------------------------------------------------------------------
ความคิดเห็นที่ 4
...ภาพที่ลงนะใช่เลยครับคุณกุ้งใหญ่ แต่ปลากระพงที่เห็นนะเป็นปลาเลี้ยงในกระชังนะครับเนื้อมันสู้ปลาในทะเลไม่ได้ครับ และถ้าเปรียบกับปลาถั่วเนื้อปลาถั่วจะหวานกว่าครับ ส่วนคุณ nocturne ที่ถามมานั้นน้ำมันงาซึ่งเขาสกัดมาจากงาผมไม่ทราบนะครับว่ามีดีหรือไม่ดีอย่างไรเวลาซื้อผมไม่เคยเลือกยี่ห้อครับแค่บอกคนขายว่าต้องการน้ำมันงาแค่นั้นครับ
โดย: จินจง [10 เม.ย. 48 18:23> ( IP A:203.113.77.68 X: )

โดย: ++ [13 ก.ค. 48 23:27] ( IP A:213.114.231.248 X: )
ความคิดเห็นที่ 8
   ... ก็ตั้งชื่อให้มันคล้อยตามเครื่องปรุงที่หาได้แบบตามมีตามเกิด เมนูแบบนี้ตามชนบทที่ห่างไกลปืนเที่ยงทำรับประทานกันเป็นประจำ แต่รสชาดประทับใจผู้ที่ได้ทาน วิธีทำก็ง่ายๆไม่มีพิธีรีตองอะไรมากมายมองหาวัตถุดิบเอารอบๆกายเท่าที่จะหาได้
๑.เริ่มจากมองหาลูกขนุนอ่อนบนต้นข้างบ้าน ลิดเปลือกออกให้หมดจากนั้นก็ หั่น สับ สไลด์ ให้เป็นชิ้นเล็กๆ
๒.รื้อก้นครัว เอาพริกขี้หนูแห้ง กระเทียมสด กระปิ เกลือ นำใส่ครกโขกให้ละเอียด
๓.เนื้อสันสะโพกหมู สับหยาบ
๔.ใบรา หรือใบแมงลัก หรือใบโหระพา หรือใบกระเพรา สักหนึ่งอย่างเท่าที่จะหาได้ในสวนครัว
๕.น้ำปลา
...เริ่มต้นนำกระทะใส่น้ำมันพืชไฟอ่อนผัดเครื่องที่โขกเตรียมเอาไว้ให้หอม จากนั้นก็ใส่เนื้อหมูลงไปผัดต่อจนสุกใส่เนื้อขนุนที่สับเตรียมไว้ลงไปผัดจนสุกปรุงรสด้วยน้ำปลา ใส่ใบรา หรือใบแมงลัก หรือใบโหระพา หรือใบกระเพรา อย่างใดอย่างหนึ่งจากนั้นก็ยกขึ้นเสริฟได้
โดย: จินจง [12 เม.ย. 48 17:55> ( IP A:203.113.77.68 X: )

--------------------------------------------------------------------------------
ความคิดเห็นที่ 1
ดีค่ะคุณ จินจง แกงขนุน หรอค่ะ เคยได้ยินเพื่อนทำ แต่ ไม่เคยกินอ่ะ แถวนี้หาขนุนยากด้วย สงสัยจะอดกินแหง เรา ขอดูรูปด้วยจิ อยากเห็นหน้าตาเป็นไง อ่ะคะ ไปแระหิว อิอิ


โดย: อุ้ม [12 เม.ย. 48 20:20> ( IP A:195.93.60.84 X: )

--------------------------------------------------------------------------------
ความคิดเห็นที่ 2
...อ่านแล้วคิดถึงอาหารเหนือ ค่ะ.. แล้วคนอยู่ไกล ๆ อย่างเรามิลงแดงแย่เร๊อะเนี่ยะ... ลงเมนูแต่อาหารแซ่บ หายากๆ ท้างน้าน..ช่างใจร้ายเจง ๆ...


โดย: กุ้งใหญ่/โตเกียว [12 เม.ย. 48 20:45> ( IP A:219.1.112.93 X: )

--------------------------------------------------------------------------------
ความคิดเห็นที่ 3
.. ซาหวัดดีค่ะ..คุณ จินจง(ใจร้าย ) , น้องอุ้ม และ เพื่อนๆทุกท่านที่หลวมตัวเข้ามาเตรียมจดสูตร แล้วต้องหน้าแห้งกลับไป เพราะหาวัสดุไม่ได้ ทุกๆๆท่านค่า..

..น้องอุ้ม.. เป็นไงมั่งจ้ะ..คิดถึงหายหน้าไปหลายวันเลย.. จริงๆแล้วแกงขนุนเหมาะสำหรับคุณแม่ลูกอ่อนมากๆค่ะ... (สงสัย คุณ จินจง แบบ รู้จังหวะ )..
...ตะแรกพี่ก็นึกว่า แกงขนุน เหมือนกัน ..แต่เห็นไม่ใส่น้ำแกง..คงเป็น ผัดเผ็ดขนุน ซะ
มากกว่า...

..คุณจินจงคะ... เอาหน่อไม้ต้ม ผัดแทนขนุนซะเลยดีไม๊คะ..ที่นี่พอหาหน่อไม้ตง แพ็คถุง แทนได้บ้าง..

ภาพแกง ขนุน..


โดย: กุ้งใหญ่ /โตเกียว [12 เม.ย. 48 21:28> ( IP A:219.1.112.93 X: )

--------------------------------------------------------------------------------
ความคิดเห็นที่ 4
...สวัสดีทุกท่านครับ คุณกุ้งใหญ่/โตเกียว ครับเมนูนี้ตั้งชื่อว่าตามมีตามเกิดก็คือทำอาหารแบบที่หาอะไรได้ก็เอาไอ้นั่นแหละมาประกอบเป็นอาหาร เพราะฉนั้นจะใช้หน่อไม้มาผัดแทนก็ได้ครับแต่ถ้าเป็นหน่อไม้ไผ่ตงที่สดๆแบบขุดปุ๋บผัดปั๋บ ผมรับประกันในความอร่อยเลยครับ (แบบว่าให้ห้าดาวเลย *****) และถ้าอยู่ทางภาคเหนือของไทยเอาดอกงิ้วมาผัดแทนก็รำหนักครับ
โดย: จินจง [13 เม.ย. 48 17:26> ( IP A:203.113.77.68 X: )

โดย: ++ [13 ก.ค. 48 23:30] ( IP A:213.114.231.248 X: )
ความคิดเห็นที่ 9
    **ไก่ห่อใบเตย ...
...เมนูนี้เหมาะมากที่จะทำเป็นกับแกล้ม มาเริ่มลงมือทำกันครับ สิ่งที่จะต้องเตรียม
๑.อกไก่ลอกหนังเอาแต่เนื้อล้วนๆ หั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมขนาดที่สามารถใช้ใบเตยห่อได้
๒.ใบเตย(เลือกใบใหญ่ๆหน่อย)
๓.กระเทียมสด รากผักชี พริกไทย (โขกรวมกัน)
๔.นมสด
๕.น้ำมันหอย
๖.ซ๊อตปรุงรส
๗.เกลือ
...ขั้นตอนในการทำไม่ยากครับนำเอา ทุกสิ่งทุกอย่างที่เตรียมเอาไว้ยกเว้นใบเตยใส่ในภาชนะหมักทิ้งเอาไว้ข้ามคืนยิ่งดี(เอาเนื้อไก่หมักกับเครื่องปรุงทั้งหมด) เมื่อหมักเนื้อไก่ได้ที่แล้วก็ถึงขั้นตอนในการห่อไก่ก็นำเนื้อไก่ใส่ในใบเตยแล้วห่อจะห่อแบบผูกก็ได้หรือจะห่อแบบใช้ไม้กลัดก็ได้แล้วแต่ถนัด จากนั้นก็นำกระทะตั้งไฟใส่น้ำมันเตรียมทอดเร่งไฟแรงพอน้ำมันร้อนก็ใส่ไก่ที่ห่อเรียบร้อยแล้วลงไปทอดคะเนว่าไก่สุกดีแล้วก็ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมันจากนั้นก็เสริฟได้
โดย: จินจง [13 เม.ย. 48 17:47> ( IP A:203.113.77.68 X: )

++++++++++++++++
..ไก่ห่อใบเตย... อยากให้คุณสา ช่วยเปลี่ยนรูป เป็นรูปนี้ขึ้นแทนที่ภาพของปัจจุบันใน ห้องอาหารคาว น่ะค่ะ...


**ไก่ห่อใบเตย..


โดย: กุ้งใหญ่ /โตเกียว [16 เม.ย. 48 22:48> ( IP A:219.1.112.93 X: )

โดย: ++ [14 ก.ค. 48] ( IP A:213.114.231.248 X: )
ความคิดเห็นที่ 10
   ...เมนูนี้ถ้าเป็นคนที่อาศัยอยู่ในชนบทที่ห่างไกลควา
...เมนูนี้ถ้าเป็นคนที่อาศัยอยู่ในชนบทที่ห่างไกลความศิวิไลศ์ก็จะเป็นเมนูธรรมด้าธรรมดาไป "กุ้งเต้น" คือชื่อของเมนูนี้บางท่านอาจจะบอกว่าธรรมดาในร้านอาหารทั่วๆไปก็มีเมนูนี้อยู่ แต่ผมรับรองว่าไม่เหมือนกันครับของผมแซบกว่าและพิศดารกว่า ขอย้อนอดีตสมัยที่สะพายแหออกไปหาปลาผมจะเตรียมข้าวเหนียวนึ่งไปด้วยเสมอหรือไม่ก็ข้าวสวย และก็จะตำพริกเกลือไปสำหรับปรุงรส เมื่อไปถึง ห้วย หนอง คลอง บึง ที่จะหาปลาก็ลงมือเอาสวิงไปช้อนกุ้งนาซึ่งมีอยู่ทั่วๆไปกะปริมาณเอาแค่พอทานสำหรับผู้ที่ร่วมกันไปหาปลาจากนั้นก็นำกุ้งไปแกว่งในน้ำสะอาดๆหลายๆครั้ง(เป็นการล้างกุ้งโดยที่กุ้งไม่ตาย) จากนั้นก็นำกุ้งที่ล้างเรียบร้อยแล้วเทใส่กาละมัง (แล้วให้คนที่ไปด้วยกันไปหารังมดแดงตามต้นไม้ไกล้ๆหักเอากิ่งที่มดทำรังมาทั้งรัง) พอได้รังมดแดงมาแล้วก็จัดการฉีกรังมดแล้วเขย่าให้ มด ไข่มด ตัวอ่อนมด ลงไปในกาละมังที่มีกุ้งอยู่ และเติมพริกเกลือที่เตรียมมาตั้งแต่ทีแรกลงไปด้วย จากนั้นก็ยกกาละมังขึ้นมาฝัด เหมือนกับการฝัดข้าวเพื่อให้กุ้งนามดแดงและพริกเกลือคลุกเคล้ากัน (จำลองภาพเอานะครับว่ากุ้งเป็นๆที่ดีดเปาะแป๊ะโดยมีมดแดงที่กัดติดอยู่แล้วตักใส่ปากเคี้ยวจะสามารถรับรู้ถึงรสชาดความหวานของกุ้งสดๆความเปรี้ยวที่ได้จากมดแดงความมันจากไข่และตัวอ่อนของมดแดงความเผ็ดและเค็มจากพริกเกลือ) บอกได้คำเดียวว่าอร่อยสุดบรรยายเสียดายครับไม่มีภาพให้ชม "ถ้ามีผู้ชื่นชอบรายการแบบนี้อาจจะมีมาให้อีกหลายๆเมนูครับ"
โดย: จินจง [15 เม.ย. 48 18:23> ( IP A:203.113.77.68 X: )
+++++++++++
ความคิดเห็นที่ 1
...อื้อหือ..คุณจินจง...

.. สูตรนี้ ทรหดค่ะ..... กุ้งเต้น.. พออ่านแล้ว.. เจ้าของชื่อคนนี้ฯ ...ก็เต้นผาง เป็นเจ้าเข้าเรยยยย...

...เปิบพิศดาร.... "กุ้งเต้น"... เจ้าค่ะ...


โดย: กุ้งใหญ่ /โตเกียว [15 เม.ย. 48 20:13> ( IP A:219.1.112.93 X: )

โดย: ++ [14 ก.ค. 48] ( IP A:213.114.231.248 X: )
ความคิดเห็นที่ 11
    ไข่เน่า...


...วันนี้ขอนำเสนอภูมิปัญญาของอนุชนแต่ครั้งอดีตในการประยุกติ์อาหารไม่ให้สูญเสียไปโดยเปล่าประโยชน์(รีไซเคิลอาหาร) ส่วนชื่อของเมนูฟังดูอาจจะน่ากลัวไปหน่อยและผู้ที่จะทานเมนูนี้ต้องเป็นคนที่ชอบเมนูพิศดาร(ชอบลอง)จึงจะทานลง วัตถุดิบที่ต้องใช้ก็คือไข่(จะเป็นไข่ไก่หรือไข่เป็ดก็ได้หรือจะใช้ไข่ห่านก็ได้เช่นกัน) และต้องเป็นไข่เน่า(เข้าใจเอาเองว่าในอดีตผู้ที่ค้นพบเมนูนี้คงจะเก็บไข่เอาไว้จนลืมจนไข่เริ่มเน่าคือมีกลิ่นตุตุ) หาซื้อจากร้านค้าที่ค้าขายไม่ค่อยดีจนไข่ที่นำมาขายเริ่มเสีย(อันนี้น่าจะขอฟรีๆได้) ถ้าหาซื้อไม่ได้แนะนำให้ซื้อไข่สดมาตั้งทิ้งไว้นอกตู้เย็นประมาณสักหนึ่งอาทิตย์สังเกตุดูที่เปลือกไข่จะเริ่มเปลี่ยนสีและเริ่มมีกลิ่นตุตุ ให้นำไข่ที่เริ่มเน่าได้ที่ไปต้มในน้ำจนสุกดี แกะเปลือกไข่ออกแล้วนำไปทอดในน้ำมันจนไข่เหลืองสวย ผ่าไข่เป็นสองหรือสี่ส่วนก็ได้จากนั้นก็ทำน้ำยำราด น้ำยำก็ทำง่ายๆ ใช้น้ำปลาดี น้ำตาล น้ำมะนาว พริกขี้หนูสดสับละเอียด หัวหอมแดงซอย นำเครื่องทั้งหมดคลุกเคล้าให้เข้ากันชิมรสตามชอบแล้วราดลงบนไข่โรยด้วยใบสาระแหน่หรือผักชีก็ได้ เมนูนี้เวลาทำให้ผู้อื่นทานอย่าเพิ่งไปบอกว่าทำจากไข่เน่า(เพราะคนทานอาจจะไม่กล้าทาน)แต่รับรองว่าใครได้ทานแล้วจะติดใจในภัตตาคารทั่วๆไปไม่มีให้ทานนะครับ อีกอย่างสามารถนำไข่เค็มที่เน่าแล้วมาทำเป็นเมนูนี้ก็ได้เช่นกันแต่น้ำยำต้องลดน้ำปลาลงหรือไม่ใส่เลยเพราะไข่มันเค็มอยู่แล้ว
โดย: จินจง [16 เม.ย. 48 17:57> ( IP A:203.113.77.68 X: )

...สวัสดีทุกๆท่านครับ สำหรับรูปภาพที่ดูแล้วใกล้เคียงก็ต้องรูปที่สองครับคุณกุ้งใหญ่ ส่วนท่านอื่นๆ คุณเต่า คุณชมพู่ คุณแก้ว คุณอุ้ม
ผมอยากจะเรียนให้ทราบดังนี้ครับเมนูนี้ไม่ต้องกลัวว่าจะทานไม่ได้หรือว่าเหม็นครับ เปรียบเทียบกับปลาร้าครับตอนหมักจะมีกลิ่นเหม็นแต่พอปรุงแล้วกลับหอม ไข่เน่านี่ก็เหมือนกันครับพอปรุงเสร็จหอมครับและอร่อยมากด้วยผมขอแนะนำครับเมนูนี้ ถ้าหากว่าไข่ที่บ้านเก็บเอาไว้จนลืมทานแล้วมันเน่าอย่าไปทิ้งนะครับไข่เค็มก็เช่นกันเก็บไว้นานๆก็เน่าเหมือนกันสามารถนำมาปรุงเป็นอาหารจานเด็ดได้ครับ รับรองว่าจะติดใจในรสชาดของไข่เน่า(เหมือนกับติดใจในรสชาดของปลาร้า)
โดย: จินจง [17 เม.ย. 48 17:22> ( IP A:203.113.77.68 X: )

โดย: ++ [14 ก.ค. 48] ( IP A:213.114.231.248 X: )
ความคิดเห็นที่ 12
   ... ผัดสะตอ
...วันนี้ขอนำเสนออาหารหลักยอดนิยมของภาคใต้แต่ทานได้ทุกๆคนและทุกๆภาค สูตรนี้ทำแบบง่ายๆแต่รสชาดอร่อยอย่าบอกใคร ก่อนอื่นขอเกริ่นเรื่องของสะตอก่อนว่าสะตอนี้มีอยู่สองชนิดคือ 1.สะตอข้าวสะตอชนิดนี้กลิ่นไม่รุนแรงมากนักเมล็ดจะเล็กกว่าอีกชนิดหนึ่ง 2.สะตอดาน สะตอชนิดนี้กลิ่นจะรุนแรงมากเมล็ดก็ใหญ่กว่าสะตอข้าว
เอาละครับตอนนี้ก็มาเข้าเรื่องกันต่อ สิ่งที่จะต้องเตรียมก็มีดังนี้
๑.สะตอข้าว แกะเปลือกแบ่งครึ่งเมล็ดแล้วใส่ในถุงผูกปากถุงแช่น้ำแข็ง(แนะนำให้ซื้อทั้งฝักแล้วมาแกะเปลือกเองเพราะของที่เขาแกะเปลือกขายเขาจะแช่น้ำเพื่อให้ได้น้ำหนัก) ห้ามแช่น้ำ
๒.หัวกระเทียมสับ หัวหอมใหญ่สับ
๓.พริกขี้หนูสดสับ
๔.มะนาว
๕.น้ำปลาตราปลาหมึก
๖.เนื้อหมูตรงสันสะโพกหั่นเป็นชิ้นบาง(เนื้อหมูตรงส่วนนี้จะมีความหอมของเนื้อเป็นพิเศษ)
...เริ่มต้นนำกระทะตั้งไฟกลางใส่น้ำมันพืชพอน้ำมันร้อนใส่หอมสับกระเทียมสับลงไปผัดให้หอม จากนั้นใส่เนื้อหมูลงไปผัดจนเนื้อหมูสุก
จากนั้นก็ใส่สะตอที่แช่น้ำแข็งกับพริกขี้หนูที่สับเตรียมเอาไว้ลงไปผัดอีกหนึ่งอึดใจปรุงรสด้วยน้ำปลาและเติมน้ำเปล่าลงไปเล็กน้อยให้พอคลุ๊กคลิ๊กปิดไฟบีบมะนาว ชิมรสให้เปรี้ยวนำน้อยๆเค็มและเผ็ดตาม
โดย: จินจง [18 เม.ย. 48 17:49> ( IP A:203.113.77.68 X: )

--------------------------------------------------------------------------------
ความคิดเห็นที่ 1
** โอ๊ย.. ของโปรดเลย เมนูนี้ แต่กลิ่นงี้ แรงงงงงง อย่าบอกใคร..

*หาหมูไม่เจอ เจอแต่ สะตอผัดกุ้ง เจ้าค่ะ...


โดย: กุ้งใหญ่ /โตเกียว [18 เม.ย. 48 19:34> ( IP A:219.1.112.93 X: )
โดย: ++ [14 ก.ค. 48] ( IP A:213.114.231.248 X: )
ความคิดเห็นที่ 13
   

โดย: ++ [14 ก.ค. 48] ( IP A:213.114.231.248 X: )
ความคิดเห็นที่ 14
   ...
...วันนี้นำเสนอเมนูพื้นๆที่คนหาปลาในเมืองไทยรู้จักดีทำแบบง่ายๆไม่มีพิธีรีตองอะไรมากมาย สิ่งที่ต้องเตรียม
๑.ปลาช่อนขนาดตามจำนวนคนทาน (ที่สำคัญต้องสด)
๒.เกลือป่น
๓.ดินเหนียว
...ขั้นตอนในการทำง่ายมากๆ เอาปลาช่อนคลุกกับเกลือป่นบางๆ จากนั้นก็ใช้ดินเหนียวหุ้มปลาให้มิดแล้วโยนเข้ากองไฟเกลี่ยไฟให้สุมปลา(ให้ปลาอยู่ในกองไฟ)ใช้เวลาไม่นานนักปลาก็สุก(ประมาณ 15 นาที)
เมื่อเอาปลาออกมาจากกองไฟแล้วทิ้งให้เย็นสักหน่อยแล้วค่อยกะเทาะเอาดินเหนียวออกดินเหนียวจะลอกเอาหนังปลาออกมาด้วยจะเห็นเนื้อปลาขาวจั๋วน่าเจี๋ยะจริงๆนะจะบอกให้ทานเปล่าๆก็จะได้ความหวานหอมจากเนื้อปลาอย่างเป็นธรรมชาติ แต่ถ้าจะทานกับน้ำจิ้มก็จะได้รสชาดที่เข้มข้นขึ้น น้ำจิ้มก็ทำแบบง่ายๆอีกนั่นแหละ ใช้ซี่อิ้วขาวบีบมะนาวและบุบพริกขี้หนูใส่ลงไปชิมให้ได้รสเปรี้ยวนำตามด้วยเผ็ด
ทานกับข้าวสวยร้อนๆหรือใช้เป็นกับแกล้มก็ดีครับ
โดย: จินจง [21 เม.ย. 48 17:54> ( IP A:203.113.77.68 X: )


** แปะภาพไป ก็หิวเอง... ไปดีกว่า... ขอบคุณสำหรับสูตร รายวัน ค่ะ คุณจินจง (พ่อครัวประจำเวปฯ)


โดย: กุ้งใหญ่ โตเกียว [22 เม.ย. 48 1:29> ( IP A:219.1.112.93 X: )

ความคิดเห็นที่ 12
...สวัสดีทุกๆท่านครับ ขอขอบคุณคุณกุ้งใหญ่ครับที่กรุณาหาภาพมาให้ ผมดูแล้วที่พอใกล้เคียงน่าจะเป็นภาพที่ 7 นะครับเพียงแต่สีของเนื้อปลาไม่ขาวเหมือนกับที่ห่อด้วยดินเหนียวครับ
โดย: จินจง [22 เม.ย. 48 17:30> ( IP A:203.113.77.68 X: )

--------------------------------------------------------------------------------

โดย: ++ [14 ก.ค. 48] ( IP A:213.114.231.248 X: )
ความคิดเห็นที่ 15
    ปลาซาบะย่างซี่อิ้ว
...วันนี้ขอเสนอเมนู ปลาซาบะย่างซี่อิ้วแบบไทยๆที่ใช้ต้นทุนในการประกอบเป็นอาหารด้วยราคาต่ำๆและใช้วัตถุดิบที่หาได้ง่ายๆในไทยไม่ต้องไปเดินหาซื้อในซุปเปอร์มาเก็ตใหญ่ๆ สิ่งที่ต้องเตรียม
๑.ปลาซาบะ(สดๆ)แล่เอาแต่เนื้อ "กระดูกและหัวปลาเอาไว้ทำน้ำซุปได้
๒.ซี่อิ้วขาว
๓.น้ำตาลทราย
๔.น้ำมันงา
...วิธีทำง่ายมากๆ นำ ๒- ๓ -๔ ผสมกันให้เข้าที่จากนั้นก็นำเนื้อปลาที่แล่เตรียมไว้มาหมักเข้าตู้เย็นสักหนึ่งคืน เวลาจะทานก็นำมาย่างจะย่างกับเตาไฟฟ้าหรือเตาถ่านก็ได้ ถ้าไม่มีเตาทั้งสองอย่างที่ว่าใช้กระทะตั้งบนเตาแก๊สใช้ไฟอ่อนแล้วนำปลาลงไปนาบกับกระทะจนสุกก็ได้ ทานเปล่าๆโดยไม่ต้องใช้น้ำจิ้มก็อร่อยได้รสชาดปลาสดๆ เมนูนี้ไม่ต้องง้อโชหยุของญี่ปุ่นที่ราคาแพงที่สำคัญอร่อยแบบถูกๆเบากระเป๋าตังค์
โดย: จินจง [24 เม.ย. 48 17:30> ( IP A:203.113.77.68 X: )

--------------------------------------------------------------------------------
โดย: ++ [14 ก.ค. 48] ( IP A:213.114.231.248 X: )
ความคิดเห็นที่ 16
    สูตรน้ำพริกปลาโอ
...วันนี้ขอนำเสนอสูตรน้ำพริกปลาโอครับ สิ่งที่ต้องเตรียมก็มีดังนี้
๑.ปลาโอทอดหรือย่างก็ได้แกะเอาแต่เนื้อปลาล้วนๆ
๒.พริกขี้หนูสด
๓.หัวกระเทียมสด
๔.หัวหอมแดงสด
๕.มะขามเปียกแช่น้ำร้อนจนอ่อนตัวเอาเมล็ดออก(เหลือแต่น้ำและเนื้อมะขาม)
๖.น้ำตาลปี๋บเล็กน้อย
...วิธีทำนำส่วนผสมที่กล่าวมาทั้งหมดลงโขกในครกให้เข้ากัน จากนั้นนำกระทะตั้งไฟกลางใส่น้ำมันพืชแล้วนำเอาส่วนผสมที่โขกเรียบร้อยแล้วลงผัดจนทุกอย่างสุกดีก็ตักขึ้นเสริฟได้ เมนูนี้ทานกับผักสดหรือผักลวกจะอร่อยมาก สามารถทำเก็บไว้ได้หลายวันก็ไม่เสีย
โดย: จินจง [30 เม.ย. 48 17:24> ( IP A:203.113.77.68 X:
โดย: ++ [14 ก.ค. 48] ( IP A:213.114.231.248 X: )
ความคิดเห็นที่ 17
    ข้าวผัดหมูสับหนำเลียบ
...วันนี้ขอเสนอเมนูแบบจีนๆ เป็นข้าวผัดหมูสับหนำเลียบ เด็กๆทานได้ผู้ใหญ่ทานก็ยิ่งอร่อย สิ่งที่ต้องเตรียมก็มีดังนี้
๑.ข้าวสุก(ไม่ควรใช้ข้าวหอมมะลิ)
๒.ลูกหนำเลียบ(ต้องคะเนปริมาณเอาเอง)
๓.หมูแดงตรงสันสะโพกสับหยาบ(เนื้อตรงส่วนนี้ไม่ค่อยจะนุ่มแต่จะหอมกว่าเนื้อตรงส่วนอื่น)
๔.หัวกระเทียมสับ
...เริ่มต้นวิธีทำนำเอา หนำเลียบ เนื้อหมู หัวกระเทียม มาสับรวมกันคลุกเคล้าให้เข้ากัน เสร็จแล้วนำกระทะตั้งไฟกลางเติมน้ำมัน(หมูหรือพืชก็ได้แต่น้ำมันหมูหอมกว่า) นำเนื้อหมูที่สับเรียบร้อยแล้วลงไปผัดให้สุกเสร็จแล้วใส่ข้าวสุกลงไปผัดต่อคลุกเคล้าให้เข้ากันปรุงรสด้วยซี่อิ้วขาวและน้ำตาลทรายเล็กน้อย เพียงเท่านี้ก็อร่อยแบบสุดๆไปเลย
โดย: จินจง [4 พ.ค. 48 18:00> ( IP A:203.113.77.68 X: )

ความคิดเห็นที่ 6
**หวัดดีค่ะเพื่อนๆทุกท่าน..

จะเชยไม๊เนี่ยะ.. ยังไม่เคยกินข้าวผัดหนำเลี๊ยบเลย...มันรสชาติเป็นยังไงน้อ.. เหมือนอะไรมั่งหน่ะ ..
โดย: กุ้งใหญ่ /โตเกียว [6 พ.ค. 48 10:41> ( IP A:219.1.112.93 X: )

--------------------------------------------------------------------------------
ความคิดเห็นที่ 7
**Chinese Olive Fried Rice


ภาพจาก .. https://www. thaitable.com


โดย: กุ้งใหญ่ /โตเกียว [6 พ.ค. 48 21:29> ( IP A:219.1.112.93 X: )

--------------------------------------------------------------------------------
ความคิดเห็นที่ 8
...ใช่เลยครับคุณกุ้งใหญ่ แต่ที่ในภาพหนำเลียบยังเป็นชิ้นใหญ่ไปครับของจริงควรสับให้ละเอียด เพราะหนำเลียบมันเค็มครับถ้าชิ้นมันใหญ่เวลาทานถ้าทานเอาหนำเลียบชิ้นโตๆเข้าไปมันทำให้เสียความรู้สึกเพราะมันเค็มมากไปครับ
โดย: จินจง [8 พ.ค. 48 17:09> ( IP A:203.113.77.68 X: )

--------------------------------------------------------------------------------

โดย: ++ [14 ก.ค. 48] ( IP A:213.114.231.248 X: )
ความคิดเห็นที่ 18
   

โดย: ++ [14 ก.ค. 48] ( IP A:213.114.231.248 X: )
ความคิดเห็นที่ 19
    เมนูน้ำพริกปลาร้า


...วันนี้เข้ามาได้กำลังใจจากคุณชมพู่เลยตัดสินใจโพสสูตรเมนูน้ำพริกปลาร้า ที่แสนจะโอชาไม่ว่าจะเปิบที่ใดในโลกก็อร่อยเหมือนกันหมด
พล่ามมาก็พอสมควรแก่เวลาเอวังก็มีด้วยประการฉะนี้ เอ้ยไม่ใช่พล่ามมาก็พอสมควรแก่เวลามาเริ่มต้นกันดีกว่าครับ สิ่งที่ต้องเตรียม
...ชุดที่หนึ่งตัวน้ำปลาร้า
๑.ปลาร้า
๒.ตะไคร้บุบ ข่าบุบ หัวหอมบุบ ใบมะกรูดฉีก
...วิธีทำน้ำปลาร้า นำเอาปล้าร้าใส่หม้อและเอาเครื่องในข้อที่ 2 ทั้งหมดใส่ลงไปเติมน้ำเปล่าให้ท่วมตั้งไฟกลางเคี่ยวไปเรื่อยๆจนรสชาดของปลาร้าออกจากตัวปลาร้าก็เป็นอันใช้ได้
...ชุดที่สองตัวของน้ำพริก
๑.พริกขี้หนูสดเผา หัวกระเทียมสดเผา หัวหอมแดงเผา พริกชี้ฟ้าเผา (ถ้าไม่มีเตาถ่านใช้กระทะตั้งไฟแล้วคั่วแทนก็ได้)
๒.ปลาช่อนเผาแกะเอาแต่เนื้อปลา (ถ้าไม่มีปลาช่อนสามารถประยุกต์ใช้ปลาชนิดอื่นแทนก็ได้)
...วิธีทำนำเอาเนื้อปลาใส่ครกโขกให้ละเอียดจากนั้นก็นำเครื่องในข้อที่ 1 ที่เผาเรียบร้อยแล้วใส่ลงไปโขกรวมกับเนื้อปลา(โขกหยาบให้ดูสวยงามหรือจะโขกละเอียดก็ไม่ผิดกติกา) ถ้าทำเมนูนี้จำนวนมากสามารถนำใส่ในภาชนะที่ปิดสนิทแล้วเข้าตู้เย็นเก็บได้หลายวัน
...เวลาจะทานก็ตักเอาน้ำพริกที่โขกเสร็จแล้วใส่ในถ้วยจากนั้นก็ตักเอาน้ำปลาร้าที่ต้มเสร็จแล้วราดลงไปให้พอขลุกขลิกแล้วบีบมะนาวลงไปมีผักลวกหรือผักสดเป็นเครื่องเคียงพร้อมด้วยข้าวสวยร้อนๆควันกรุ่นๆรับรองว่าเอาสะเต็กมาแลกก็ไม่ยอม
โดย: จินจง [15 พ.ค. 48 17:41> ( IP A:203.113.77.68 X: )

--------------------------------------------------------------------------------


--------------------------------------------------------------------------------
ความคิดเห็นที่ 3
หวัดดีคะคุณจินจง คุณแบม น้องเจี๊ยบ
รีบเข้ามาแวะเก็บสูตรเลยคะ คงมีการบ้านมาส่งเร็วๆนี้นะคะ
ขอบคุณสำหรับสูตรค้า


โดย: ชมพู่ สีชมพู [16 พ.ค. 48 2:24> ( IP A:213.114.231.248 X: )

--------------------------------------------------------------------------------
ความคิดเห็นที่ 4
** แวะมาสอดแนมค่ะ.. วันนี้ เมนูอะไรน๊า..

แฮ่ม.. ของอร่อยซะด้วยสิ... ธรรมดาไม่ชอบทานปลาร้า... แต่ ถ้าเป็นสูตรนี้ กับ ปลาร้าทรงเครื่อง ล่ะก็... เอาสเต๊ก เอ๊ย เอา ซูชิ-ซาชิมิ-โออิชิ -ฟูจิ (ซุปเปอร์ฯ) ฯลฯ มาแลก ก็ไม่ ย๊อม ค่า... อิ อิ ...


โดย: กุ้งใหญ่ /โตเกียว [16 พ.ค. 48 14:30> ( IP A:219.1.112.93 X: )

โดย: ++ [14 ก.ค. 48] ( IP A:213.114.231.248 X: )
ความคิดเห็นที่ 20
   ...
...สืบเนื่องจากเมื่อวานนี้ที่โพสสูตรน้ำพริกปลาร้า

วันนี้เลยมานำเสนอสูตรใหม่ที่ประยุกติ์เอาน้ำพริกปล้าร้าของทางภาคเหนือและทางภาคอีสานมาให้เป็นสูตรใหม่และไฉไลกว่าเก่าถ้าหากท่านใดสนใจสูตรนี้กรุณาตามไปเก็บเอาสูตรที่โพสไปเมื่อวานนี้(สูตรน้ำพริกปลาร้า) เพราะเมนูนี้ใช้สูตรเดียวกับเมนูน้ำพริกปลาร้าทั้งหมดเพียงแต่เปลี่ยนจากปลาร้ามาเป็นน้ำบูดูเท่านั้นก็ใช้ได้แล้วครับ
โดย: จินจง [16 พ.ค. 48 17:43> ( IP A:203.113.77.68 X: )

--------------------------------------------------------------------------------
โดย: ++ [14 ก.ค. 48] ( IP A:213.114.231.248 X: )
ความคิดเห็นที่ 21
   สมาชิกใหม่ค่ะ ขอฝากเนื้อฝากตัว ฝากท้องอีกคนค่ะ
โดย: แม่น้องหมา [16 ก.ค. 48 23:03] ( IP A:61.90.78.220 X: )
ความคิดเห็นที่ 22
   THANKS A MILLION KA. I MISS THAILAND. Y-Y BY THE WAY,
I'LL DO IT NA KA.
โดย: THIP [21 ก.ค. 48] ( IP A:205.188.116.197 X: )
ความคิดเห็นที่ 23
   สวัสดีครับคุณทิพย์แล้วก็คุณแม่น้องหมา อุ๋ยชื่อฟังดูแล้วรู้สึกแปลกๆนะครับ"แม่น้องหมา"
โดย: จินจง [25 ก.ค. 48 18:52] ( IP A:203.188.34.12 X: )
ความคิดเห็นที่ 24
   ครัวชมพู่ (ทางเข้าหน้าบ้าน)
https://chompoo-kitchen.pantown.com/

ครัวชมพู่+1(ครัวจีน)
https://chompoo-kitchens.pantown.com/

รวมเมนูของเพื่อนๆ
https://kompisarna.pantown.com/

ครัวชมพู่+2(คลังกระทู้เก่า+ส่งการบ้าน)
https://chompoo-kitchenss.pantown.com/

Wabmaster chompoo_kitchen@hotmail.com
โดย: ครัวชมพู่ [16 ส.ค. 48 18:36] ( IP A:213.114.231.248 X: )
ความคิดเห็นที่ 25
   ´จระเข้ผัดพริกขมิ้นใบรา

https://www.pantown.com/board.php?id=5495&name=board7&topic=313&action=view
โดย: ครัวชมพู่ [23 ธ.ค. 48 1:10] ( IP A:213.114.231.248 X: )

คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน